Group Blog
 
All blogs
 

REVIEW: Biore Makeup Remover for Eye & Lip

REVIEW: Biore Makeup Remover for Eye & Lip

ทางบีโอเรส่งผลิตภัณฑ์มาให้ลองนะคะ Biore Makeup Remover for Eye & Lip เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ เลยเอามารีวิวกันให้ดูนะคะ

Biore Makeup Remover for Eye & Lip



เป็นโลชั่นเช็ดเครื่องสำอางบริเวณตาและปากค่ะ

คุณสมบัติคือมี Micro Cleansing Formula กระจายตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ สลายคราบเครื่องสำอางได้อย่างรวดเร็วและอ่อนโยน ล้างเครื่องสำอางกันน้ำได้ มี Hyaluronic Acid เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว



คำโปรยด้านหลังกล่องและส่วนผสม



ปริมาณ 130 มล. ราคา 350 บาท

เนื้อผลิตภัณฑ์แยกเป็นสองชั้น ไม่มีกลิ่น เนื้อจะออกเหมือนเจลๆ ไม่เหลวซะทีเดียว เนื้อค่อนข้างแปลกกว่า make-up remover อื่นๆ



เวลาใช้งานก็เขย่าให้ส่วนที่แยกเป็นสองชั้นเข้ากัน เทใส่สำลี แล้วแปะที่ดวงตาตามวิธีการใช้งานในรูปคำโปรยด้านบน



ผลการใช้งาน



สรุปการใช้งาน...

จากรูปข้างบน เราประโคม eye make-up เต็มที่ และบีโอเรรุ่นนี้ก็ล้างได้สะอาดหมดจดจริงๆ ค่ะ แถมยังล้างได้ง่ายและค่อนข้างเร็วมากเมื่อเทียบกับ Maybelline และน้ำมันมะกอกที่เราใช้อยู่ตอนนี้

ไม่เคืองตาเวลาล้าง แล้วก็ไม่ต้องใส่ให้ชุ่มสำลีก็ล้างออกได้หมดเลยล่ะค่ะ

ขวดน่ารักดี มีฝาแบบเปิดปิด ใช้งานง่าย

ราคา 350 บาทกับปริมาณเท่านี้ เราว่าไม่แพงมากเลย เป็นเมกอัพรีมูฟเวอร์ที่น่าลองมากๆ ค่ะ




 

Create Date : 06 มกราคม 2556    
Last Update : 6 มกราคม 2556 11:30:26 น.
Counter : 2806 Pageviews.  

DIY: Velvet Nails มาทำเล็บกำมะหยี่กันเถอะ

เห็นเทรนด์เล็บแบบกำมะหยี่มาพักใหญ่ๆ แล้วค่ะ เห็นมาจากแบรนด์ Ciate แบรนด์เมืองนอกที่เคยทำ kit เล็บ caviar ซึ่งมันก็คือเอาเม็ดๆ ที่ใช้ตกแต่งเล็บมาโรยบนนิ้วแล้วเคลือบเล็บธรรมดานั่นแหละ แต่ชุดนึงของ Ciate แพงมาก เราเลยคิดว่าเล็บกำมะหยี่แบบนี้ก็น่าจะมีวิธีทำเองง่ายๆ เหมือนกัน ลองหาข้อมูลนิดหน่อยเลยได้มาเป็น DIY ง่ายๆ แชร์ให้ดูกันค่ะ



อุปกรณ์
- กระดาษกำมะหยี่ (อยากได้เล็บสีอะไรก็ซื้อสีนั้นได้เลยค่ะ)
- คัตเตอร์ หรือมีดโกนคมๆ (แบบที่เป็นใบมีดอย่างเดียวนะคะ)
- ยาทาเล็บสีที่เข้ากับสีกระดาษกำมะหยี่

เริ่มต้นกัน :-D

1. เอาคัตเตอร์/มีดโกนขูดผิวหน้าของกระดาษกำมะหยี่ หรือก็คือขูดเอาส่วนกำมะหยี่ออกมานั่นแหละ
หมายเหตุ...จริงๆ เค้าใช้พวก Flocking ที่เป็นผงๆ คล้ายกำมะหยี่ที่ขายในร้านอุปกรณ์งานประดิษฐ์ก็ได้ค่ะ แต่เราไม่เห็นมีขายที่เมืองไทย เลยเลือกกระดาษกำมะหยี่ที่มีขายในแผนกเครื่องเขียนในเมืองไทยชัวร์ๆ ดีกว่า

2. ขูดมาเยอะๆ หน่อย สัก 3 - 4 เท่าของในรูป

3. ทาเล็บ 1 เล็บ (แนะนำให้ทำทีละเล็บ)

4. เอาเศษกำมะหยี่ที่ขูดได้โปะไปบนหน้าเล็บ (ทั้งที่ยาทาเล็บยังไม่แห้ง)โปะเยอะๆ ให้เต็มพื้นที่เลยนะคะ

5. เอานิ้วกดๆ เศษกำมะหยี่ จะได้ไม่หลุดเวลาล้างน้ำหรือใช้มือทำโน่นนี่

6. จากนั้นเอาแปรงมาปัดเศษกำมะหยี่ที่ไม่ติดน้ำยาทาเล็บออก

จะได้แบบในรูปสุดท้าย...ง่ายมาก ไม่ต้องทาน้ำยาเคลือบเล็บเลยค่ะ เวลาลูบหน้าเล็บมันก็จะแบบมี feel แบบกำมะหยี่ แปลกๆ ดีค่ะ

เล็บกำมะหยี่เวลาโดนน้ำก็จะไม่หลุด เวลาจะล้างกำมะหยี่ออก ก็ใช้น้ำยาล้างเล็บล้างธรรมดา แต่แอบล้างยากกว่าปรกติ (แนะนำให้เอายาล้างเล็บหยดใส่สำลีชุ่มๆ แล้วก็เอาแปะไว้บนเล็บสักพักแล้วค่อยเช็ดออก จะทำให้ออกง่ายกว่า)




 

Create Date : 05 มกราคม 2556    
Last Update : 5 มกราคม 2556 17:20:36 น.
Counter : 3365 Pageviews.  

REVIEW: ทดลอง Cybele Scagel เจลลดเลือนรอยสิว ในเวลา 1 เดือน

REVIEW: ทดลอง Cybele Scagel เจลลดเลือนรอยสิว ในเวลา 1 เดือน


เป็นคนชอบแกะสิว เลยทำให้หน้ามีรอยดำประจำ วันก่อนโ้น้นไปเดิน Boots ก็เลยได้ตัวนี้มา

Cybele Scagel 


ราคาจำไม่ได้นะคะ ราวๆ 200 กว่า - 300 กว่าบาท

ปริมาณ 9 กรัม หลอดเล็กค่ะ 

ส่วนประกอบ


ส่วนผสมหลักๆ ตามด้านหลังคือ Allium Cepa Extract, Centella Asistica Extract, Aloe Vera Extract, Tamarindus Indicus Extract


เนื้อครีมเป็นเจลใส ทาแล้วซึมไว

มีรูปเทียบ Before-After ให้นะคะ 

รูปจะไม่ชัดมาก พอดีรูปแรกใช้กล้องมือถือถ่ายรูปก็เลยต้องถ่ายรูปที่สองด้วยกล้องมือถือ จะได้เท่าเทียมกัน


ในรูปใช้เวลาทั้งหมด 1 เดือน จนหมดทั้งหลอด 

ลดเลือนรอยดำของสิวได้จริงค่ะ (ดูรูป ตรงที่ชัดหน่อยเห็นจะเป็นที่เหนือริมฝีปากและใต้ริมฝีปาก) อาจจะใช้เวลาสักหน่อย ถ้าเราไม่ไปแกะเพิ่มก็จะลดรอยสิวได้แน่ๆ อาจจะลดแบบช้าๆ นะคะ 

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเจลใส เวลาใช้ ใช้นิดเดียวเองค่ะ ก็ทาได้ทั่วแล้ว ทาแล้วซึมไว เราทาก่อนแล้วค่อยลงครีมบำรุง ทาเช้าเย็นเลยค่ะ 

ราคาก็โอเคนะคะ ไม่แพงไม่ถูก ใช้ได้ 1 เดือน




 

Create Date : 27 ธันวาคม 2555    
Last Update : 27 ธันวาคม 2555 21:07:36 น.
Counter : 15969 Pageviews.  

ชวนเที่ยวญี่ปุ่น...Disney Sea (พากินขนมอร่อยๆ แนะนำขนมของฝาก และปิดท้ายด้วยรีวิวเครื่องสำอางที่ซื้อตลอดทั้งทริป)

มาต่อเนื่องจากบล็อกก่อน

ชวนเที่ยวญี่ปุ่น...อาซากุสะ + ฮาโกเน (พากินขนมอร่อยๆ แนะนำขนมของฝาก และปิดท้ายด้วยรีวิวเครื่องสำอางที่ซื้อตลอดทั้งทริป)

พามากินกันต่อที่ดิสนีย์ซี

เราออกจากที่พักแต่เช้า แต่งตัวพร้อมลุย ระหว่างทางเดินเข้าดิสนีย์คนอย่างเยอะจนสงสัยว่าเด็กๆ ไม่ไปเรียนหนังสือกันหรือทั้งที่เป็นวันธรรมดา (น้องชายกลับไปถามอาจารย์ชาวญี่ปุ่นซึ่งตอบว่าเด็กๆ โดดเรียนกันมาค่ะ)



ค่าตั๋ว




กินขนมระหว่างต่อคิวซื้อตั๋ว

ซื้อเยลลีรสโซดานี่มาพร้อมกับรสโคล่า

หาได้ตามร้านสะดวกซื้อ ราคาราว 100 กว่าเยน



เป็นเยลลีก้อนสีเหลี่ยมเคลือบเกร็ดน้ำตาล หนึบๆ แต่เปรี้ยวสดชื่นมาก

แนะนำสุดๆ สำหรับคนชอบอะไรเปรี้ยวๆ



เข้ามาด้านในจะเจอสัญลักษณ์ของ disney sea 



ป้ายประดับทำจากดอกไม้แท้



เข้ามาด้านในคนก็เยอะมาก ทั้งที่มาตอนสวนฯ เปิด



วันนั้นที่ไปอากาศดีเลยล่ะค่ะ เราไปหน้าร้ิอน แต่มีฝนตกเป็นบางวัน อากาศเลยเย็นๆ เที่ยวสบาย

ร้านขายของมีบริการตัดกระดาษเป็นรูปคน



ค่าใช้จ่าย



american waterfront



ระหว่างต่อคิว Journey to the center of the earth เอาอันนี้มากิน

เป็นขนมปังกรอบรสคอนซอมเม หรือรสน้ำซุปนั่นเอง ขนมปังกรอบ และเข้มข้นมากๆ อร่อยดีค่ะ รสนี้ออกหวานและเค็ม ห่อละ 100 นิดหน่อยเยน ซื้อที่ร้าน drugstore แห่งหนึ่ง แต่เห็นมีขายตามพวกซูเปอร์มาร์เกตด้วย



สวนสนุกอลังการมากมาย


Tower of Terror เป็นเครื่องเล่นยอดนิยม


คิวยาวมาก แต่อันนี้ขอ fast pass ไว้ เลยไม่ได้รอนานมากเท่าปรกติ (fast pass จะเป็นตั๋วที่ทำให้เราไม่ต้องไปเข้าคิวต่อด้านหน้า รอเป็นชั่วโมงค่ะ ถ้าอยากได้ fast pass ต้องดูในแผนที่ก่อนว่าเครื่องเล่นไหนมีโลโก้ที่เขียนว่า FP แล้วก็ไปหาตู้กดที่จะตั้งใกล้ๆ เครื่องเล่นนั้น พอหยอดบัตรเข้าไป ก็จะได้ fastpass ออกมา เราจะกด fastpass ได้คราวละสองเครื่องเล่นค่ะ ส่วนใหญ่เครื่องเล่นที่เราเล่นเป็นการกด fast pass ทั้งนั้นเลย ไม่งั้นรอเป็นชั่วโมง)


เจ้าของ Tower of Terror ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว



กลางวันฝากท้องที่ร้านอาหาร sakura อยู่ทางด้านขวามือ ติดสะพานตามรูป



ร้านตกแต่งแนวท่าเรือ สวยดีค่ะ



สั่งชุดเซ็ตไก่เทริยากิ



กับชุดหมูทงคัตซึ



ชุดละ 1000 กว่าเยน รสชาติอร่อยตามมาตรฐาน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ

กินอิ่มก็ไปเที่ยวเล่นต่อ

เจอครูเอลลาเดอวิล


และ เบียงก้า จากเรื่องอะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ (มันจะมีเบอร์นาร์ดหนูที่คู่กันอีกตัว)



บรรยากาศสวย



ที่นี่เค้าบ้า duffy (หมีที่ mickey ให้ minney ก่อนออกเดินทาง) ขนาดหมี duffy ทำจากดอกไม้สดยังมีึคนเข้าคิวรอถ่ายรูปเพียบ



port discovery




เรากด fastpass ของ storm rider จากที่นี่ ครั้งนึงจะกดได้สองเครื่องเล่น แนะนำว่าพอมาถึงใ้ห้วิ่งไปกด fastpass ไว้ก่อนเลย จะได้เอาไว้ทยอยเล่นอย่างอื่นที่มี fastpass ให้ครบ ไม่งั้นต่อคิวอ่วมค่ะ



นั่ง Storm Rider เป็นแนวซิมูเลชันขับยานพาหนะฝ่าพายุ สนุกดีค่ะ



เนื่องจากสวนสนุกใหญ่มาก เราเดินวนไปวนมาตลอด เหนื่อยๆ ก็กินขนมที

เห็นรถไอศกรีมก็นั่งพักขากินไอติม



หวานเย็นรสส้ม อร่อยมาตรฐาน แต่มันเหนื่อยเลยรู้สึกว่าอร่อยเป็นพิเศษ



เด็กๆ ของลายเซ็น MC Goof ที่นี่เค้านิยมขอลายเซ็นตัวการ์ตูนเหมือนอเมริกาค่ะ ถึงกับมีสมุดตามล่ากันเลย เรายังไม่เคยเห็นใครทำแบบนี้ที่ฮ่องกง แต่ไว้คราวหน้าเราอาจจะลองดู :-D



ถ้าเป็นคนชอบป๊อปคอร์น ระหว่างทางถ้าเห็นตู้ป๊อปคอร์นอย่าลืมแวะไปดูนะคะ เพราะแต่ละโซนจะขายรสชาติที่ไม่เหมือนกัน เราเดินวนไปหลายที่เหมือนกันว่าจะเลือกรสที่อยากกินได้



เดินวนไปอีก แวะเข้ามาโซน arabian coast


ตกแต่งสวยงามมาก



เหมือนยกฉากในเรื่องอาลาดินมาจริงๆ


อันนี้ไม่ได้เล่น ขี้เกียจรอคิว



เราเจอร้าน open sesame



ขายของโปรดเรา ชูโรส

300 เยน อร่อยมากกกก เป็นแนวแป้งทอด กรอบนอกนุ่มใน โรยน้ำตาลชินนามอน


ชอบร้านของเล่น


เป็นตัวต่อดิสนีย์ น่ารักมาก ถ้าจำไม่ผิด ราคาชุดละพันกว่าเยน 



จะไป mermaid lagoon 



เราแวะเข้ามาเดินเล่นใน mermaid lagoon จะเป็นโซนที่อยู่ในถ้ำ บรรยากาศผิดไปจากด้านนอกลิบลับ



ชมโชว์จาก the little mermaid สนุกดีค่ะ ไม่ควรพลาด

แล้ววกกลับมาที่ Port Discovery เพื่อกินซาลาเปาไส้เกี๊ยวซ่าที่ฮิตติดอันดับ

ด้วยความอยากรู้ว่าอร่อยขนาดไหน แม้แถวจะยาว เราก็ยังต่อ



ราคา 420 เยน เป็นซาลาเปาแป้งนุ่ม ยาวเหมือนหมั่นโถว ไส้เป็นไส้เกี๊ยวซ่า เราว่าถ้าใครชอบเกี๊ยวซ่าน่าจะโปรด แต่เราชอบแบบเกี๊ยวซ่าจริงๆ แป้งกรอบนอกนุ่มในมากกว่า เลยเฉยๆ กับซาลาเปาเกี๊ยวซ่านี้



เดินมาละแวก American Frontier เลยได้่ป๊อปคอร์นรสที่อยากกิน

ราคาแบบกล่องกระดาษ 300 เยน แบบกล่องที่เป็นรูปตัวการ์ตูนน่ารักๆ ราคา 2000 เยน (เวลาเดินในสวนสนุก กว่า 50% ที่จะสะพายกระติกรูปตัวการ์ตูนดิสนีย์แบบต่างๆ ซึ่งเป็นถังป๊อปคอร์น ถ้าเอาติดตัวมาด้วย ถ้าจำไม่ผิด เวลาซื้อป๊อปคอร์นจะได้ลดราคา

รสพริกไทยดำ จืดมากกกกก แห้งๆ ฝืดคอตามประสานข้าวโพดคั่ว เป็นขนมที่แอบเสียดายเงิน แต่แอบอยากลองรสอื่นด้วยค่ะ มันมีืทั้ง แกงกะหรี่ สตรอว์เบอร์รี คาราเมล ชา เกลือ (เค้าเรียก sea salt อะไรสักอย่าง)

ระหว่างทางเราหยอดเหรียญที่ระลึกไปตลอดเลยค่ะ แต่ละโซนตู้จะลายไม่เหมือนกัน ถ้าใครเป็นนักสะสม คนได้หยอดกันเพลิน



ขากลับมีแวะซูเปอร์มาร์เกตกับร้านสะดวกซื้อ เพราะเราไม่ได้กินข้าวเย็น กินแต่ขนม เลยเริ่มจะหิว

ได้ของมาเยอะมาก



พวกนี้ซื้อที่ซูเปอร์มาร์เกต

ข้าวปั้นไส้แซลมอน อร่อยแบบมาตรฐาน



โคโรเกะ เป็นหมูสับบดผสมมันฝรั่งปั้นเป็นก้อนแล้วทอด

อร่อยแบบเย็นๆ ถ้ามีไมโครเวฟอุ่นอาจจะดีกว่านี้



จากร้านสะดวกซื้อ โอเด้ง อร่อยมากกกกกก ห้ามพลาดเด็ดขาด ยิ่งกินหน้าหนาวยิ่งเริด อันนี้ซื้อจากแฟมิลีมาร์ท

โอเด้งซุปหวานกลมกล่อม พวกลูกชิ้นก็ใหญ่สะใจ เราชอบหัวไชเท้ามากที่สุด เวลาซื้อก็ไปเอาถ้วยมาตัก ราคาจะตามชิ้นเนื้อสัตว์ ผัก ที่เราเลือก จากนั้นพอไปคิดเงินพนักงานก็จะใส่ฝาปิดให้หิ้วกลับไป



ปิดท้ายด้วยนม yakult ตอนแรกคิดว่าเป็นนมเปรี้ยว แต่ที่ไหนได้ เป็นโยเกิร์ตพร้อมดื่ม รสชาติแบบโยเกิร์ตมากๆ คนที่ชอบโยเกิร์ตน่าจะชอบ มันจะมันๆ นมๆ หอมกลิ่นแบบโยเกิร์ต



ปิดท้ายด้วยของหวานเยลลีสตรอว์เบอร์รีในนมเข้มข้น รสชาติแอบเลี่ยนเพราะนมกับสตรอว์เบอร์รี เราชอบกาแฟมากกว่า อันนี่เยลลีจะเปรี้ยวๆ หวานๆ กินกับนมที่มันๆ จะช่วยตัดความเลี่ยนไปได้บ้าง แต่เทียบกับกาแฟแ้ล้ว เราว่ากาแฟเหนือกว่าค่ะ 



แล้วเจอกันบล็อกหน้่า พาไปโยโกฮามาค่ะ




 

Create Date : 26 ธันวาคม 2555    
Last Update : 6 มกราคม 2556 22:50:11 น.
Counter : 5579 Pageviews.  

SAMPLE REVIEW: Innisfree Wine Sleeping Pack

Innisfree Wine Sleeping Pack

เป็นแซมเปิลอีกตัวที่ได้มา อยากลองเจ้านี่มานานแล้ว เพราะอ่านรีวิวแล้วน่าสนมาก เป็นครั้งแรกที่เคยใช้ Sleeping Pack ซึ่งเป็นมาส์กที่ไว้ทาก่อนนอน คือ ทาแล้วนอนไปทั้งมาส์กเลยค่ะ

Innisfree Wine Sleeping Pack เป็นมาส์กที่มีส่วนผสมของไวน์แดง ช่วยในเรื่องลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่



เนื้อครีมจะเป็นเจลๆ สีม่วงอ่อน เนื้อค่อนข้างเหลว เวลาใช้ต้องรีบๆ ทาแล้วเกลี่ยดีๆ ไม่งั้นมันจะเลอะง่าย



สรุปหลังการใช้...

กลิ่นหอมดีคะ่ เหมือนองุ่นนิดๆ บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่กลิ่นจะออกหวานๆ

เนื้อครีมเป็นเจล เหลวทีเดียว ทาแล้วต้องระวังเลอะ ควรจะอย่าทาแบบโลภมาก เพราะอาจจะทำให้ไหลเลอะหน้าได้

ทาแล้วเราก็นอนแล้ว ตื่นเช้ามาเหมือนมันซึมไปบนหน้า หน้านุ่มมาก ดูเหมือนเด้งๆ หยุ่นๆ ชุ่มชื้น ชอบมากๆ

เราไปดูราคามาแล้ว ไม่แพงมาก ราวๆ 400 กว่าบาท น่าสนใจมากๆ

แต่้ข้อเสียสำหรับมาส์กนี้คือ มันจะดูเลอะๆ เทอะๆ ตอนนอนเหมือนจะต้องเกร็งๆ นอนไม่สะดวก ไม่กล้าตะแคงอะไรงี้น่ะค่ะ (เพราะกลัวมันจะเลอะหมอน)




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2555    
Last Update : 24 ธันวาคม 2555 0:24:01 น.
Counter : 2550 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.