พลัดถิ่น กิน เที่ยว ช้อปฯ ไปกับรักครั้งสุดท้าย
Group Blog
 
All blogs
 
:: ^^ วัดสวยๆ ในชิงต่าว และร้านอาหารดังในตัวเมือง ^^ ::

เนื่องมาจากมีบางท่านที่อ่านบล็อกโดยเน็ท 56K การยัดเยียดรูปในบล็อกเดียวดังที่อิชั้นได้เคยกระทำมา จึงทำให้เกิดอาการแฮงก์ของเครื่องคอมฯ ขึ้น มีคำแนะนำมาว่าไม่ควรใส่รูปเกิน 10-15 รูปค่ะ ก็รับมาปฏิบัติตามแล้วนะค้า...

บล็อกนี้ก็เป็นช่วงต่อจากที่ไปเหลาชานบล็อกที่แล้วนะคะ
เราไปต่อที่วัดบนยอดเขา (อีกที่หนึ่งนะคะ ไม่ใช่ที่มีเคเบิ้ล เหลาชานมีหลายยอดค่ะ) วัดนี้มีเจ้าแม่กวนอิมงามมากค่ะ



ส่วนชื่อวัด ก็เหมือนเดิมค่ะ ความจำเสื่อมซะงั้น (ไม่ได้เที่ยวเองก็แบบนี้ล่ะค่ะ สมองหยุดทำงานแบบเฉียบพลัน) แต่ถ่ายรูปมานะคะ ใครอ่านออกก็บอกด้วยละกัน



รูปปั้นนี้อยู่ระหว่างทางขึ้นเขาค่ะ



รูปนี้ถ่ายระหว่างทางเดินขึ้นเขาเหมือนกันค่ะ



วัดนี้ใส่ใจรายละเอียดมากค่ะ แม้แต่ทางเดินยังอุตส่าห์จะมีหินแกะสลักแบบนี้ค่ะ



คืนนั้นเจ้าของและผู้บริหารบริษัท Supplier เค้าพาไปเลี้ยงมื้อเย็นรอบสองค่ะ วันแรกนั้นเราไปทานอาหารเสฉวน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเค้าพาภรรยามาด้วย เลยต้องคุยกับเค้าเยอะหน่อยตามมารยาท (แต่เค้าพูดอังกฤษกันไม่ค่อยได้ค่ะ เลยต้องว่ากันทั้งจีนและอังกฤษ คุยกันคราวนี้เลยเมื่อยมือนิดหน่อย ) ครั้นจะมัวถ่ายรูปอาหารก็ดูกระไรอยู่ค่ะ เลยต้องมาถ่ายเอาวันที่เค้าไม่ได้พาภรรยามาแทน ร้านนี้อยู่ใกล้ๆ บริษัทเค้า จำชื่อก็ไม่ได้อีกแล้วค่ะ (เอ...เค้าว่าทานปลาแล้วจะฉลาดขึ้น แต่ทริปนี้ไหงสมองฝ่อๆ น้า...)

เค้าสั่งอาหารมาสารพัดทะเล แต่ที่เด็ดสุด เห็นจะเป็นเห็ดค่ะ

เห็ดตัวนี้ (จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว ) มีกลิ่นและรสชาติเหมือนตับห่านเลยค่ะ สุดยอดดดด



พอกลับมาก็จะเจอเจ้าสองตัวนี้นั่งรออยู่บนเตียงค่ะ



โรงแรมนี้เค้าจะมีตุ๊กตามาวางไว้ที่เตียงตอน Turndown bed วันละ 2 ตัวค่ะ ที่ได้มาก็มี โลมา ลิง หมี นก และหมูค่ะ

แม่บ้านเค้าก็ช่างใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อีกต่างหากนะคะ พอเห็นอิชั้นใส่เสื้อลายทางสีชมพู กางเกงชมพูแปร๋น พร้อมบู๊ทชมพูอีก เธอก็เดินเอา Slipper สีชมพูหวานจ๋อยมาวางให้ถึงเท้าเลยค่ะ ขณะที่ของคุณฝาละมีสีขาวปกติค่ะ น่ารักจริงๆ (ไม่มีวันเจอแบบนี้ในเซี่ยงไฮ้แน่นอนค่ะ)

รุ่งขึ้นอีกวัน ก่อนที่เราจะไป Polar world กัน น้องลีน่าเค้าก็พาเราไปที่หาด แม้ว่าจะไม่สวย สะอาดขาว แบบหาดบ้านเรา แต่คาดว่าคนชิงต่าวคงจะภูมิใจมากค่ะ มีบ้านสวยๆ ที่ชาวต่างชาติหรือเศรษฐีชาวจีนมาซื้อไว้เป็นบ้านตากอากาศอยู่เยอะพอสมควร

เดินไปเดินมาก็เจอนี่ค่ะ น้องเค้าก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร แต่คาดว่าเป็นสัญลักษณ์ของหาดนี้ค่ะ



ไป Polar world เสร็จ ก็ถึงมื้อเที่ยงค่ะ เค้าพาไปร้านดังในตัวเมือง ชื่อร้าน ....แหะๆ อ่านเองหน่อยละกันนะค้า...



อ้อ...หาสมุดเล่มที่บังคับให้น้องลีน่าเขียนชื่อร้านแล้วค่ะ ชื่อว่า Zhou quan zhou dao โจวฉวนโจวเต้า ซึ่งมาจากสำนวนจีนเกี่ยวกับการดูแลเอาใจใส่กัน (จำที่แน่นอนไม่ได้ค่ะ ) ร้านนี้ดังเรื่องโจ๊ก แต่อาหารอื่นๆ ก็อร่อยค่ะ

คนชิงต่าวนี่เค้าจะมีวัฒนธรรมการกินอาหารที่ต่างจากเมืองอื่นนิดหน่อย ตรงที่เค้าจะเริ่มมื้ออาหารกันด้วยโจ๊กค่ะ เป็นโจ๊กเบาๆ ออกใสๆ ไม่มีเนื้อสัตว์ใดๆ แต่ละร้านก็จะใส่ส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน เป็นความเชื่อกันว่าจะช่วยให้การย่อยและสุขภาพดีค่ะ จากนั้นจะทานอะไรต่อก็ว่ากันไปตามปกติค่ะ

มื้อนี้ก็เหมือนเคยค่ะ เน้นอาหารทะเล มีผักบ้างเพราะคุณฝาละมีอยากทานเจ้าถั่วผัดพริกแบบจีนนี่มาก ข้าวโพดที่เห็นนั่นหวานมากนะคะ น้องลีน่าบอกว่าดีกับสุขภาพผู้หญิงที่สุดค่ะ แหะๆ แต่คุณพี่ขอผ่านนะคะ เพราะหอยผัด กับ กุ้งทอดมันอร่อยกว่าค่า...



จริงๆ แล้วความรู้เรื่องอาหารเหล่านี้ คนขับรถของบริษัทเป็นคนบอกเราผ่านน้องลีน่าค่ะ เค้าเคยเป็นพ่อครัวมาก่อน จะคอยบอกว่าอะไรดีต่อสุขภาพบ้าง ถ้าเค้าพูดอังกฤษได้ คงได้เรื่องได้ราวมากกว่านี้เยอะเลยค่ะ เพราะน้องลีน่าภาษาเค้าก็สื่อสารได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น (เสียดายจริงๆ)

อิ่มกันแล้วเราก็นั่งรถไปชมสวนสาธารณะของเมืองค่ะ ตรงสวนนี้เราจะเห็นเมืองชิงต่าวได้หลายมุมเลยทีเดียว

มุมแรกที่สะดุดตาหลังลงจากรถ คือ ตึกนี้ค่ะ Tsingtao ตึกของเบียร์ที่ดังสุดในประเทศจีน



ต่อด้วยสัญลักษณ์ใหม่ของเมืองค่ะ



คุณสามีบอกว่าคนนี้ลูกสาวอิชั้นค่ะ ชมพูทั้งตัวเลย น่าร้ากกกกก (เอ..มันเหมือนจะกินเด็กรึเปล่านะเนี่ยเรา)



ที่เห็นลิบๆ นั่น เค้าเตรียมรับโอลิมปิคปี 2008 กันค่ะ



แม้แต่ทางเดินก็จะมีแผ่นโฆษณาโอลิมปิคที่เคยใช้ในประวัติศาสตร์ค่ะ



อันนี้ที่ฝรั่งเศสค่ะ



จะมีติดแบบนี้ไปตลอดทางเดินเลยค่ะ



จริงๆ แล้วโปรแกรมที่น้องเค้าบอกเราไว้ จะต้องไป TV tower แล้วก็บ้านขุนนางอะไรซักแห่ง แต่ความที่เราอยากจะมีเวลาส่วนตัวกันบ้าง เลยอ้อนวอนขอร้องให้ตัดออกไปเพราะเราเหนื่อยกันมากแล้ว (น้องเค้าคงกลัวนายว่าเอา เลยต้องให้เราคุยเพื่อยืนยันว่าเราอยากพักจริงๆ เพราะคุณฝาละมีต้องทำงานเช้าวันรุ่งขึ้นน่อ)

เราเลยไปที่สุดท้ายซึ่งเป็นสัญลักษณ์เก่าของชิงต่าวกันค่ะ



พอเห็นจำนวนคนที่เดินบนสะพานมุ่งหน้าไปที่ศาลานั่น
เราคนแก่สองคนก็ตัดสินใจกันว่า ถ่ายรูปจากตรงนี้ก็ล่ายยยย

เค้ามีขายของกันด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ลงไปดู กลัวน้ำขึ้นแล้วตะกายขึ้นมาไม่ทันแบบคนอื่นเค้าสิคะ


บรรยากาศดีๆ ริมทะเล มีนักร้องหมู่มาร้องเพลงให้ฟังด้วยค่ะ



เริ่มเย็นแล้ว ทั้งๆ ที่เราขอกลับโรงแรมภายในบ่ายสาม
กว่าจะได้กลับจริงเกือบห้าโมงเย็นค่ะ

ตอนเย็นก็ต้องไปทานข้าวกับฝ่ายขายของบริษัทเค้าอีกแล้วค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเพราะ
...ลืมกล้องค่ะ


วันต่อมาคุณฝาละมีไปทำงาน อิชั้นก็เดินเล่นแถวๆ หาดหน้าโรงแรม จนเจอเข้ากับร้านอาหารเกาหลีที่ถูกแนะนำในเว็บของ Expat ในชิงต่าว หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องชิมให้ได้ เทียบกับที่บ้านเราและที่เสิ่นหยางดูซิว่าจะอร่อยแค่ไหน

ร้านนี้ค่ะ



หายากนิดหน่อย เพราะต้องเดินออกกำลังขึ้นไปบนเนินเขา
แต่เป็นร้านดังของชิงต่าวร้านหนึ่งทีเดียว (ในเว็บเค้าว่างั้นนะคะ) ร้านชื่อ Rock house ค่ะ



ตอนเข้าไปทีแรก ก็เห็นดาหน้ากันเข้ามาต้อนรับขับสู้ดีค่ะ แต่พอเค้าเห็นเราไม่พูดจีนปั๊บ ก็เริ่มเกี่ยงกันทันที ประมาณว่า เธอสิ เธอแหละไป เธอนั่นแหละย่ะ ทำนองนี้ค่ะ อิชั้นก็เลยต้องงัดเอาวิชาภาษาจีนที่สู้อุตส่าห์เรียนมาจาก Tongji U. มาใช้ซะหน่อย จากนั้นคุณน้องคนสวยก็พาเข้ามานั่งในห้องส่วนตัวค่ะ

อย่างที่บอกไว้ว่า คนที่นี่เค้าเริ่มมื้ออาหาร โดยเรียกน้ำย่อยกันด้วยโจ๊กค่ะ

ในรูปเป็นโจ๊กใส่ฟักทอง มาพร้อมกับเครื่องเคียงเพียบบบบ



จริงๆ แค่ทานโจ๊กกับเหล่าเครื่องเคียงก็จะอิ่มแล้วล่ะค่ะ

เราสั่งพวกของย่างไปค่ะ แต่เราไม่ทานเนื้อวัว น้องเค้าก็บอกว่ามีหมู 2 แบบนะ แบบมีมันกับไม่ค่อยมีมัน เลยถามเค้าว่าแบบไหนอร่อยกว่าล่ะ (แอบสืบรสนิยมคนจีนซะหน่อย) เค้าก็บอกว่า แบบมีมันอร่อยกว่า อืม..โอเค ชอบเหมือนกัน เอ่อ...แต่น้องขา ที่เอามาให้เนี่ย มันหมูสามชั้นนะค้า... ไม่ใช่แค่ติดมันน่อ



น้องเค้าบริการดีสุดยอดค่ะ ใครเจอการบริการในร้านอาหารบางแห่งที่เซี่ยงไฮ้มาแล้ว เจอที่นี่จะนึกว่าอยู่บนสวรรค์เชียวค่ะ



ย่างหมูเสร็จ คุณน้องเธอก็เอาซุปกิมจิมาเสิร์ฟให้ค่ะ ตัดผักให้เป็นชิ้นพอคำ เผ็ดเอาเรื่อง เพราะอิชั้นขอเองล่ะค่ะ ทานอาหารจีนมาหลายวันแล้ว อยากทานอะไรเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ เจ้าซุปกิมจินี่จะใกล้กับแกงส้มบ้านเราสุดแล้วในละแวกนี้



ต่อด้วยข้าวยำค่ะ ที่นี่กับเสิ่นหยางเค้าไม่ใส่ไข่แบบบ้านเราแฮะ



วันรุ่งขึ้นก็ทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ท์ที่โรงแรมตามปกติค่ะ ส่วนมื้อเที่ยงก็ไปทานที่โรงงานของ Supplier ซึ่งเค้าให้ความสำคัญกับการรับรองแขกที่ไปโรงงานเค้ามาก ขนาดแบ่งส่วนแคนทีนเป็นห้องรับรองส่วนตัวหน้าตาแบบภัตตาคารเลยค่ะ แม่ครัวก็ทำอาหารได้อร่อยมากและหลากหลายด้วย พอทานเสร็จคนขับรถและน้องลีน่าก็มาส่งที่สนามบิน

ทริปชิงต่าวก็จบลงดังนี้แล.... ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาเที่ยวชิงต่าวด้วยกันนะคะ



Create Date : 04 พฤษภาคม 2550
Last Update : 12 กันยายน 2550 12:55:25 น. 5 comments
Counter : 633 Pageviews.

 
โอ้..ตามมาเที่ยวค่ะ อยากไปซิงเต่าขึ้นมาทันควัน

เพื่อนเราเคยไปทำงานอยู่ที่เมืองนี้แหละ แต่ตอนนี้เค้าย้ายมากวางเจาแล้วน่ะค่ะ

นึกแล้วก็เสียดาย น่าจะไปเที่ยวตั้งแต่ตอนนั้นเนาะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:15:40 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วย


โดย: ปลาทูน่าในบ่อปลาพยูน วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:40:22 น.  

 

How I missed this blog ka?


maybe, I follow good smell from your food ka..

Take care na ka


โดย: Htervo วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:03:01 น.  

 
Zhou quan zhou dao โจวฉวนโจวเต้า สำนวนจีนหมายถึง ละเอียด รอบคอบ แต่ไม่ได้เขียนเหมือนชื่อร้าน ร้านเขาใช้คำ "โจว" ที่แปลว่า โจ๊ก มาแทน "โจว" ที่ใช้กับฉวน/เต้า เป็นการเล่นคำที่เก๋ไก๋ไม่เลวเลยครับ


โดย: เหนียว-อวี่ IP: 202.90.6.36 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:17:43:53 น.  

 
คุณเหนียว-อวี่คงรู้ภาษาจีนลึกทีเดียวนะคะเนี่ย

ถ้ากลับเข้ามาอ่านที่บล็อกอีก รบกวนช่วยแก้คำผิดให้ด้วยนะค้า...

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ


โดย: L@st love วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:1:13:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

L@st love
Location :
Shenyang China

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




ที่ว่า พลัดถิ่น กิน เที่ยว ช้อปฯ ไปกับรักครั้งสุดท้าย เพราะรักครั้งนี้พาระหกระเหินไปโน่นมานี่ อยู่ตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อยไปเรื่อยเปื่อยค่ะ

จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องพลัดจากบ้านไปอยู่ถิ่นที่ไม่คุ้นเคย อาหารที่ชอบก็หาไม่ค่อยได้ ของที่เคยใช้ก็ไม่ค่อยอยากจะมีให้ซื้อ ฯลฯ

บล็อกนี้เลยถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2549 เพราะคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทางจีนๆ ก็แหม...ทางตะวันตกน่ะ หาอะไรก็ง่ายอยู่แล้วนี่คะ รู้ภาษาอังกฤษซะอย่างไปไหนก็เอาตัวรอดได้

หลังจากแว่บไปเก็บความรู้ตามบล็อกตกแต่งต่างๆ แล้ว ปริมาณเทคโนโลยีในสายเลือดก็ค่อยเพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่ง ตอนนี้จึงมีบล็อกที่ทำสำเร็จหลายบล็อกเลยค่ะ (ขอบคุณป้ามดและอีกหลายท่านค่ะ)

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามา เชิญไปเที่ยว ชม ช้อปฯ และชิมด้วยกันเลยค่ะ มีคำแนะนำ ติ ชมอย่างไร ฝากข้อความมาได้เลยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักและรับทุกความเห็นค่ะ





สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ภาพและบทความบนเวบไซต์แห่งนี้ จัดทำเพื่อเผยแพร่บนเวบ bloggang.com และ pantip.com เท่านั้น

"ห้ามนำภาพ ข้อความ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพ และ/หรือ ข้อความในเวบไซต์แห่งนี้ไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"
Friends' blogs
[Add L@st love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.