แอ่วแม่ฮ่องสอน: 5 เที่ยวทุ่งดอกบัวตอง



ที่พักมีบริการอาหารเช้าให้ฟรี อยู่บนชั้นดาดฟ้า 


นั่งทานอาหารเช้าท่ามกลางไอหมอก ที่เห็นอากาศมัวๆด้านนอกนั่นแหละค่ะ อากาศเย็นกำลังดี



ส่องเมืองขุนยวมยามเช้า 



หลังจากนั้นก็เช็คเอ้าท์ ออกเดินทางเที่ยวในวันสุดท้ายกันต่อ



ข้างถนนก็มีดอกบัวตองบานอยู่ประปราย



ขับรถมาประมาณเกือบชั่วโมง ก็มาถึงทุ่งดอกบัวตองแห่งดอยแม่อูคอ
ช่วงต้นพฤศจิกายน ยังเพิ่งเริ่มบาน ที่เราไปนี่น่าจะบานอยู่ 40-50%



ก็จะประมาณนี้... ส่วนตัวประทับใจนะ มาวันธรรมดาคนไม่เยอะ เที่ยวสบายๆ อากาศดีมากเลยค่ะ



ถ่ายกับป้ายซะหน่อย ดอกบัวตองที่นี่ตามปกติจะบานเต็มที่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกา-ต้นธันวาค่ะ



เดี๋ยวจะเดินไปที่ยอดดอย ชมวิวมุมสูง(กว่านี้)กัน



ระหว่างทาง



เหมือนจะไม่ค่อยสูง แต่ทำไม เดินไปไม่ถึงซักที 
ลานสีเขียวด้านล่างสุด คือจุดชมวิวที่ถ่ายรูปป้ายชื่อเมื่อตะกี้ค่ะ



เดินต่ออีกนิด



ในที่สุดก็มาถึงด้านบนสุด วิวก็จะประมาณนี้..
ของจริงสวยกว่ารูปนะ



เป็นลานกว้างๆ ลมแรง ไม่รู้ว่ากางเต็นท์นอนบนนี้ได้รึปล่าว



สรุปว่าชอบทุ่งดอกบัวตองนะ ตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่มาแล้วสนุกดีค่ะ ดอกไม้สวย แลนด์สเคปกว้างขวางใหญ่โตดี แนะนำค่ะ



จากนั้นก็ขับรถกลับเข้าลำพูน มาทางแม่สะเรียง ผ่านสวนสนบ่อแก้ว เลยแวะเข้าไปถ่ายรูปซักหน่อย



เจอแม่หมานมโตเดินมาขออาหาร เลยให้มาร์ชเมลโลที่เหลือมาจากแคมปิ้งไป



สวนสนรันเวย์ ฮ่าๆ 
ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเรื่อยเปื่อย แล้วก็เดินทางกลับบ้านค่ะ



เย้..กว่าจะเขียนจบ ก็จะครบปีละเนี่ย




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2560    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2560 14:37:22 น.
Counter : 2616 Pageviews.  

แอ่วแม่ฮ่องสอน: 4 แม่ฮ่องสอน ขุนยวม



เช้านี้ที่ปางอุ๋ง... วิวจากหน้าเต้นท์ มีเพื่อนร่วมแค้มป์มาถ่ายรูป เก็บบรรยากาศที่ท่าน้ำเรื่อยๆ ได้ส่องดูผู้คนแบบนี้ก็เพลินดี 


ไปเก็บภาพช่วงพระอาทิตย์กำลังโผล่เหนือแนวเขามาด้วยเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าถ่ายออกมาไม่สวยเลย ถ่ายย้อนแสงไม่ค่อยเป็นอ่ะ ภาพนี้คือดูใช้ได้ที่สุดในคอลเลกชั่นแล้ว ลองปรับไวท์บาลานซ์ไปๆมาๆเหมือนภาพตอนเย็นซะงั้น



เราเก็บข้าวเก็บของออกจากปางอุ๋งช่วงเก้าโมงกว่า แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเหลือแล้ว สงสัยเหมือนกันว่าทำไมออกกันเช้าจัง เรียกว่าพอพระอาทิตย์โผล่มาเต็มๆแดดเริ่มส่อง เค้าก็เริ่มเก็บเต้นท์ออกเดินทางกันไปหมดละ

เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำ ก็เลยวางแผนมาขัดขี้ไคลกันที่นี้ค่ะ ..ภูโคลน

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเอกชน มีบ่อโคลน ซึ่งเค้าจะนำโคลนจากบ่อมาทำเครื่องสำอางค์บำรุงผิว สามารถซื้อกลับไปใช้หรือเป็นของฝากก็ได้ เราซื้อสบู่โคลนมาให้แม่ แม่เราก็ชอบนะ บอกว่าใช้แล้วหน้านุ่มขึ้น นอกจากนี้ก็มีบริการแบบสปา อาบน้ำแร่ พอกหน้า แช่เท้าหลายอย่างให้เลือกอีกด้วย 



ราคาก็ไม่แรงจนกันไป เราเลือกพอกหน้ากับแช่น้ำแร่สลายขี้ไคล ตกคนละ 160 บาท



มาพอกหน้ากันที่ห้องนี้ 



*WARNING*
ภาพด้านล่างอาจจะทำให้ตกใจได้ ผู้มีปัญหาด้านโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงโปรดระวัง ^^"

พอกมาแล้วก็จะประมาณนี้ค่ะ มันก็จะตึงๆหน้าหน่อย ครบเวลาแล้วเค้าจะเรียกให้เค้าไปเช็ดโคลนออก ล้างหน้าด้วยสบู่โคลน พร้อมทาครีมบำรุงให้ด้วย



ถัดไปก็อาบน้ำแร่ มีห้องให้เปลี่ยนชุดด้วยค่ะ มีกระโจมอกให้ แต่เค้าให้เราเปลี่ยนชุดในห้องที่แช่เลยอ่ะ



ห้องนึงมี 2 อ่าง มีน้องพนักงานมาเปิดก๊อกให้ ตอนไปไม่มีแขกคนอื่นเลย แช่เกินเวลาก็ไม่เห็นมีใครมาเรียกนะ สุดท้ายก็แช่จนเบื่อแล้วก็ออกมาเอง 555



ไม่ไกลจากภูโคลน ก็มีอีกที่นึงที่เราอยากมามากๆ สะพานไม้ไผ่ซูตองเป้



เป็นสะพานที่สร้างเชื่อมระหว่างวัดที่อยู่บนเนินเขา กับหมู่บ้านด้านล่าง โดยสร้างตัดทุ่งนา 
เรามาเริ่มต้นที่วัดค่ะ เนื่องจากหาทางเข้าจากหมู่บ้านไม่เจอ



ตอนไปถึงก็เป็นเวลาเกือบๆเที่ยง แดดแรงเบอร์สิบ ไอ้ที่เพิ่งอาบน้ำแร่พอกโคลนบำรุงผิวมาตะกี้ เรียกได้ว่าสลายหายไปกับยูวี และเหงื่อไปหมดแล้ว ไม่รู้จะเลือกเสื้อไหมพรมมาใส่วันนี้ทำไมนะเรา

แต่ทางวัดก็เหมือนรู้ใจ มีร่มให้เช่าราคา 10 บาท คุ้มมาก เช่าเถอะ กันแดดก็ได้ เป็นพร็อพถ่ายรูปก็เก๋ มีหลายสีให้เลือกสรร



ระยะทางไปกลับ เราว่าน่าจะเกือบๆกิโลอยู่นะ 
ถ่ายย้อนขึ้นไปที่วัด ที่อยู่บนเนินเขา



แทบไม่มีคนเดินเลย แนะนำให้มาช่วงเช้าๆ หรือเย็นๆจะดีกว่า



ในที่สุดก็เดินมาจนถึงปลายสะพานฝั่งหมู่บ้านจนได้ สะพานฝั่งนี้มีร้านขายน้ำหวานอยู่ด้วย เรานี่รีบพุ่งเข้าหาเลยค่ะ สวรรค์โปรดมาก



มาทานมื้อเที่ยงในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนที่ร้านใบเฟิร์น หาเอาจากในเนตนี่แหละ 



บรรยากาศในร้าน ดูมีสกุลรุนชาติ แต่ราคาไม่แพงนะ อาหารอร่อยด้วยค่ะ แนะนำเมนูหมูทอดน้ำปลา อร่อยมาก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา



อันที่จริงในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมีที่เที่ยวเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้แวะไปซักที่ เพราะเพลียแดดสุดๆ มุ่งตรงไปยังที่นอนของคืนนี้ที่ขุนยวมเลยค่ะ

ขอพักแบบสบายๆบ้าง โรงแรมยุ้น



บรรยากาศแถวลอบบี้



เป็นห้องแถว เหมือนเอาโรงแรมเก่ามารีโนเวทใหม่ ห้องก็พอใช้ได้ ห้องน้ำอับๆหน่อย มีอาหารเช้าให้ 





บลอกหน้าตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับรีวิวแอ่วแม่ฮ่องสอน จะพาไปชมทุ่งดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอค่ะ




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2560    
Last Update : 3 มิถุนายน 2560 11:57:02 น.
Counter : 1465 Pageviews.  

แอ่วแม่ฮ่องสอน: 3 บ้านรักไทย ปางอุ๋ง



ออกสำรวจปายช่วงเช้า ถนนยังเงียบสงบ 
ความตั้งใจจริงๆ คือจะหาซื้อยาแก้เมา เตรียมตัวสำหรับการนั่งรถไปปางอุ๋ง 
แวะซื้อปาท่องโก๋ จากร้านเดียวกันกับโรตีของเมื่อคืน ขยันมาก ตอนเย็นถึงดึกขายโรตี ตอนเช้าขายน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ 


ที่พักมีอาหารเช้าให้บริการฟรีบริเวณลอบบี้ จะนั่งทานที่นี้ หรือจะหยิบไปทานหน้าห้องก็ได้



ออกจากปายช่วงสาย วันนี้เดินทางไม่ไกลมาก แต่ถนนหนทางก็คดเคี้ยวใช้ได้ เราเลยวางแผนว่าจะแวะพักบ่อยๆ จะได้ไม่เวียนหัวไปซะก่อน

จุดแรกที่แวะ คือ จุดชมวิวดอยกิ่วลม ปาย-ปางมะผ้า เรื่องวิวเราว่างั้นๆนะ มีร้านค้าให้แวะชอปปิ้งนิดหน่อย มีห้องน้ำให้บริการ ราคา 5 บาท 



เจอเพิงเล็กๆที่ชาวบ้านเอาของมาขายข้างทาง ก็แวะซะหน่อย ได้ไม้เกี๊ยะกับมันม่วงเอาไปปิ้งกินคืนนี้



ว่าด้วยการจองที่พักในปางอุ๋ง ที่ตอนจองเราค่อนข้างจะสับสน เราตั้งใจว่าจะนอนกางเค้นท์ในพื้นที่โครงการพระราชดำริปางตอง 2 ซึ่งต้องโทรไปจองวันกางเต้นท์ก่อน โทรไปหลายเบอร์มาก กว่าจะเจอที่ถูกต้อง ตอนแรกก็กะเอามาเขียนในรีวิวนะ แต่เนื่องจากดองไว้นานเกิ๊น ตอนนี้เลยทำเบอร์ที่โทรติดต่อได้หายไปแล้วอ่ะค่ะ 

แต่ขั้นตอนก็คือ โทรไปจองวันที่จะมาพักที่เบอร์ของโครงการพระราชดำรินี่แหละ พอวันที่จะมาพัก ก็มารับบัตรผ่านที่สำนักงานตามรูปด้านล่างนี่แหละ อยู่ในอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ 



ไหนๆก็เข้ามาแล้ว ก็เข้าไปเที่ยวด้านในซักหน่อย 



เห็นมีจุดกางเต้นท์อยู่หลายจุด แถมห้องน้ำทั้งใหม่และสะอาด ทางเดินดีกว่าปางอุ๋งเยอะเลย ใครมาเที่ยวช่วงเทศกาลแล้วปางอุ๋งเต็ม จะย้ายมากางเต้นท์ที่นี่ก็ไม่เลวนะ

เข้ามาได้แป๊บเดียว ก็เริ่มเห็นฝูงปลา



เป็นวันที่แดดแรงมากๆ (อีกหนึ่งวัน55) ดีที่ทางเดินมีต้นไม้ร่มรื่น เย็นสบาย



เดินจากทางเข้ามาถึงถ้ำปลา น่าจะเกือบๆกิโลแต่ทางเรียบตลอด



แถวหน้าถ้ำปลามีแต่ปลาตัวบิ๊กๆ



เฮินไต หรือ เรือนคนไค เห็นน่ารักดี เลยถ่ายมาค่ะ อยู่ตรงข้ามกับป้ายถ้ำปลา



หมู่บ้านรักไทย ถ้าดูจากแผนที่เรียกได้ว่าอยู่ตะเข็บชายแดนมากๆ แทบจะติดกับชายแดนพม่า
เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนาน คล้ายๆที่สันติชล บ้านเรือนตั้งอยู่รอบอ่างเก็บน้ำ บรรยากาศดีเชียวค่ะ



ร้านกาแฟลีไวน์รักไทย แบรนด์นี้ทำทั้งรีสอร์ท (ซึ่งคิวจองยาวมากกก) ร้านอาหาร และร้านกาแฟ


กาแฟงั้นๆนะ แต่ที่เด็ดคือวิวของร้านค่ะ



ท้าด่าา... ขึ้นไปชั้น 2 จะพบกับวิวนี้ค่ะ เป็นโชคของเราไม่มีแขกท่านอื่นเลย ถ่ายรูปสบายใจ
เห็นวิวอ่างเก็บน้ำแบบพาโนราม่า



ของฝากขึ้นชื่อของที่นี้ ก็คือพวกชาชนิดต่างๆ มีหลายร้านขายค่ะ น้องคนขายร้านนี้แนะนำดี๊ดี ให้ชิมชาหลายตัวมาก ฟังน้องเค้าเล่าเพลินเลย ไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ซื้อแต่อย่างใด



นอกจากชา ก็มีพวกอุปกรณ์ชงชา และของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆขาย



มานั่งจิบชาด้านหลังร้าน ก็มีมุมนั่งดูวิวริมน้ำเหมือนกัน เหยือกที่เห็นเค้าชงให้ชิมฟรีแหละ 



เสียดายไม่ได้มาพักที่นี้ ไว้รอบหน้าจะหาโอกาสมานอนชมหมอกยามเช้าที่หมู่บ้านรักไทยให้ได้



มาถึงปางอุ๋งในช่วงเย็น คนคึกคักกว่าที่คิดไว้มาก ส่วนใหญ่มาเป็นแก๊งใหญ่ๆ ทั้งแก๊งเพื่อนฝูงและแก๊งครอบครัว 



จุดจอดรถและห้องน้ำ ไม่มีจุดไหนใกล้ที่นอนเลย 55 ห่างออกไป 300-400 เมตร ห้องน้ำเก่าและมีกลิ่น แต่อาคารที่เห็นเป็นสำนักงานอะไรซักอย่าง ซึ่งด้านหน้าเป็นจุดจอดรถค่ะ กว้างขวางดี



แนวสนริมน้ำ สัญลักษณ์ของปางอุ๋ง



ตอนมาถึงก็ใจเสียนิดๆนะ เพราะว่ามีคนกางเต้นท์เยอะแล้ว คิดอยู่ว่าคงไม่มีที่วิวดีๆเหลือแน่ๆ แต่กลายเป็นว่าตรงท่าน้ำ ที่คนนิยมมาถ่ายรูปกัน กลับไม่มีคนมากางแฮะ
นี่มัน ทำเลทองชัดๆ 



ลงหลักปักฐานเสร็จ ก็เดินไปหาทานข้าวเย็น ที่หมู่บ้านรวมไทย
ระหว่างทาง เจอคู่หงส์ดำมารออาหารจากนักท่องเที่ยวอย่างเราอยู่ ส่วนน้องทางด้านขวาก็รอขายอาหารให้พี่สาวใจดีคนนี้อยู่เช่นกัน จัดไปค่ะ ถุงละ 20 บาท ได้มานี้ดดเดียว ถือว่าช่วยทุนการศึกษาน้องละกัน



แต่หงส์ดุมากนะ ยื่นปากมาฉกมาแย่งอาหารจากมือ เรานี่ทะเลาะกะหงส์ไปหลายยก --" 
ระวังจุดนี้กันด้วยนะ หากใครอยากให้อาหารหงส์ 



หงส์ตัวจริง ไม่ได้สวยสงบแบบในรูปนี้นะจ้ะ ขอบอก...



สันอ่างเก็บน้ำ เห็นคนแวะถ่ายรูปกัน





ใครไม่ชอบนอนเต้นท์ ก็มีบ้านเป็นหลังๆแบบนี้อยู่หลายเจ้าในหมู่บ้านรวมไทย 



เดินมาจนถึงหมู่บ้านรวมไทย ชุมชนเล็กๆก่อนเข้าเขตโครงการพระราชดำริ มีที่พัก อาหาร บริการนักท่องเที่ยว



ทานมื้อเย็นที่ร้านนี้ค่ะ อาหารอร่อย ราคาไม่แพงมาก เรตน่าจะพอๆกันทุกร้านแหละ



เขียนมาได้ครึ่งทางแล้ว บลอกหน้าเที่ยวระหว่างทางจากปางอุ๋งไปขุนยวมค่าาา




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2560    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2560 12:09:55 น.
Counter : 2607 Pageviews.  

แอ่วแม่ฮ่องสอน: 2 พักผ่อนนอนปาย





ออกเดินทางจากห้วยน้ำดังช่วงสายๆ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง เราก็เข้าสู่ เขต อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

สถานที่แรก ที่ไปแวะชม คือ สะพานประวัติศาสตร์ ท่าปาย
ใช้ลำเลียงสินค้าข้าวของ ข้ามแม่น้ำปายตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
มาถึงช่วงใกล้เที่ยง และเป็นวันธรรมดา แทบไม่เจอคนเดินสวนกัน



ตัวโครงสร้างสะพานเหล็กในปัจจุบันนี้ เอามาจากสะพานนวรัฐเดิมของเชียงใหม่



ไปทานมื้อเที่ยง ที่หมู่บ้านสันติชล



ทานอาหารแบบชาวจีนยูนนาน ซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่
นี่คือ สั่งมาทาน 2 คน มีขาหมูหมั่นโถวอาหารขึ้นชื่อ และผัดฟักแม้ว
เรานึกว่าหมั่นโถวจะลูกๆเล็กกว่านี้สั่งมาตั้ง 8 ลูกสุดท้ายทานกันไม่หมดค่า 



นอกจากร้านอาหารแล้ว ก็มีร้านค้าขายของที่ระลึก ของฝากให้กับนักท่องเทียว มีมุมถ่ายรูปเยอะเลยค่ะ





มีกิจกรรมสนุกๆ แบบชาวยูนนาน ให้ลองเล่นกันด้วยค่ะ ทั้งขี่ม้า ทั้งเล่นชิงช้าไม้ไผ่



ที่จริง แวะไปวัดน้ำฮูมาด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย อากาศร้อนมาก จนไม่มีอารมณ์แบกกล้องเลยอ่ะค่ะ 55 
ช่วงต้นพฤศจิกา อากาศกลางคืนเริ่มเย็นสบายนะ แต่กลางวันอากาศยังร้อนอยู่แดดแรงมากๆ และฟ้าก็ใสสุดๆเช่นกัน

หลบร้อน เข้าเชคอินที่พัก นอนงีบตอนบ่ายกันดีกว่า
พักที่ Pai Country Hut ห้องพักแบบบังกะโลไม้ไผ่



คุณภาพดีสมราคาค่ะ ห้องนอนสะอาด นอนสบาย เป็นห้องพัดลม มุ้งไม่ได้ใช้ ตอนที่ไปไม่เจอยุง



ห้องน้ำในตัว มาเที่ยวเหนือช่วงปลายปี-ต้นปี สิ่งที่ต้องมีในห้องพักไม่ใช่แอร์ แต่เป็นเครื่องทำน้ำอุ่น ห้องน้ำก็ดีงาม น้ำแรง และสะอาดเช่นกัน ไม่เจอจิ้งจกตุ๊กแกค่ะ 55



วิวจากหน้าห้อง ชิวมาก อยากพักที่ปายให้นานกว่านี้



ที่นี่ไม่ไกลจากถนนคนเดิน แค่ 200-300 เมตรก็ถึงแล้ว แต่ต้องเดินข้ามสะพานไม้ไผ่ไปอีกฝั่ง



ออกจากที่พักอีกทีตอนเย็น เดินไปหามื้อเย็นแถวถนนคนเดิน พอเลือกร้านกะลังนั่งโต๊ะจะสั่ง ปรากฎว่าไฟดับพรึ่บทั้งเมืองปาย แต่เหมือนพ่อค้าแม่ค้าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้จนชิน แต่ละร้านต่างงัดอุปกรณ์เสริมในการให้แสงสว่างออกมาตั้ง ทั้งตะเกียงน้ำมัน แบตเตอรี่เสียบกับหลอดไฟสำรอง สรุปว่ามื้อนี้ ได้ทานอาหารใต้แสงตะเกียงกันไป 

ลองถามเจ้าของร้าน เค้าบอกว่าที่นี้ไฟดับบ่อย เพราะมีไฟส่งมาจากเชียงใหม่ผ่านเสาไฟทางแม่แตงอยู่ทางเดียว เวลาเกิดอุบัติเหตุกับเสาไฟขึ้นมาก็ต้องรอเจ้าหน้าที่ซ่อมเสาให้เสร็จอย่างเดียว

ความตลกคือ หลังจากทานเสร็จปุ๊บ กะลังจะจ่ายเงิน ให้ก็มาปั๊บเลยค่ะ นักท่องเที่ยวเฮกันดังลั่น

จากนั้น เราก็ไปซื้อโปสการ์ดเขียนส่งถึงที่บ้าน ตอนนั้นไฟมาแล้วค่ะ พอเลือกการ์ดเสร็จกะลังจะลงมือเขียนเท่านั้นแหละ ไฟก็ดับลงพรึ่บอีกรอบ เราก็แก้สถานการณ์ด้วยการเปิดไฟฉายมือถือส่องตอนเขียนไปด้วย จนเขียนเสร็จ พอหย่อนการ์ดลงตู้จดหมายที่ร้าน ไฟก็กลับมาสว่างอีกครั้งทันทีอีกเช่นกัน

เลยได้ภาพด้านล่างนี้มา จดหมายเพิ่งหย่อนลงตู้หมาดๆเลยนะ



อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ทำให้ไม่มีรูปแต่ละร้านที่แวะเข้าไปเลยค่ะ เข้าร้านไหน นั่งปุ๊บไฟดับตลอด

มาถึงร้านถัดไป คุยกะแฟนว่าถ้าเข้าร้านนี้แล้วไฟดับอีกรอบ ปายคงไม่ต้อนรับเราแล้วจริงๆ 55 
เดินจนเมื่อย เลยขอพักขาที่คาเฟ่ ประถม ๑ 
เดิมร้านนี้เคยเป็นร้านกาแฟชื่อดังของเมืองปาย All About Coffee แต่ตอนนี้ทั้งร้านและเจ้าของร้านย้ายไปเปิดร้านที่เชียงใหม่เรียบร้อยไปแล้วค่ะ



ตกแต่งสบายๆ เหมือนอยู่บ้านตัวเอง มีวางโชว์พวกของเล่น ของกิน สมัย 30-40 ปีก่อน



ถนนคนเดินปาย เดินสนุกมาก คนไม่เยอะจนอึดอัดแบบที่เชียงใหม่ ของที่มาขายราคาก็ไม่แพงเกินไป ยิ่งอาหารนี้หายห่วง..  เยอะมากกก 



หลังจากทานข้าวเย็น.. แวะดื่มกาแฟ.. ทานของหวานเป็นโรตีเจ้าดังของที่นี่.. ปิดท้ายค่ำคืนด้วย มันฝรั่งอบชีสก่อนนอนอีกอย่างค่ะ แต่จานนี้ไม่อร่อยอ่ะ)



เดินกลับโรงแรมด้วยพุงพร้อมระเบิด 55 


ขอนอนบนเตียงสบายๆซักคืน ก่อนบลอกหน้าจะต้องนอนเต้นท์อีกรอบที่ปางอุ๋งค่ะ




 

Create Date : 03 เมษายน 2560    
Last Update : 3 เมษายน 2560 13:38:32 น.
Counter : 1922 Pageviews.  

แอ่วแม่ฮ่องสอน: 1 เชียงใหม่-ห้วยน้ำดัง





แม้ว่าจะเป็นชาวเหนือ แต่ขอบอกว่ายังไม่เคยไปแม่ฮ่องสอนซักที ด้วยความที่เป็นคนเมารถเมาเรือง่ายมาก เส้นทางไปแม่ฮ่องสอนก็ขึ้นชื่อเรื่องความคดเคี้ยวชวนอ้วก เลยไม่เคยมีความคิดจะไปเที่ยวที่นี้มาก่อน แต่ด้วยความที่ลาทำงานยาวๆได้ 4-5 วัน ก็เลยคิดว่าเที่ยวเส้นนี้แหละ กำลังดี ไม่ต้องไปไกล ไม่ต้องเหนื่อยมาก และค่าใช้จ่ายไม่สูงด้วย 



วันแรก โปรแกรมหลวมๆ เพราะแค่ตั้งใจไปกางเต้นท์นอนที่ห้วยน้ำดัง ซึ่งห่างจากเชียงใหม่แค่ 100 กม. ขับรถแค่ 2 ชั่วโมงหน่อยๆ ก็ถึงแล้ว ระหว่างทางก็แวะตลาดข้างทาง ซื้อเสบียงไว้ทานคืนนี้ ขอบอกว่าจิ้นส้มหมกเป็นอาหารแคมปิ้งที่เริ่ดมาก 555 

แล้วเรื่องที่หวาดกลัวก็เกิดขึ้น... ตามคาด



ใช้เส้นทาง 1095 ถนนช่วงสุดท้ายใกล้จะถึงห้วยน้ำดังนี่คือพีคสุดๆ เรียกว่าโค้งไม่มีเว้นวรรคกันเลยทีเดียว ก่อนหน้านั้นก็พอจะกล้ำกลืนกันมาได้อยู่ สุดท้ายก็อ้วกแตกอ้วกแตนกันไปตามระเบียบฮ่ะ TT แต่ถนนดีมากนะ เพิิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ถนนกว้าง มีจุดพักเยอะ บางช่วงก็มีเลนเพิ่มให้รถแซงกันได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น คือ ถ้าไม่เมารถนี่จะเป็นเส้นทางที่จัดว่าโรแมนติกมากนะ ช่วงที่ไปมีดอกบัวตองบานข้างทางด้วย วิวก็สวยมากๆแต่ตอนนั้น วงวิวนี่คือไม่สนแล้วแหละ

ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน อากาศในตัวเมืองเชียงใหม่ยังร้อนตับแล่บอยู่เลย แต่พอมาถึงอุทยานเปิดประตูรถออกมาเรียกว่าเย็นสั่นสะท้าน มาถึงตอนเย็นอุณหภูมิอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส แถมลมแรงซะด้วย รีบเอาเสื้อกันหนาวมาใส่เลยจ้า

หลังจากเสียเงินค่าเข้าอุทยาน ค่ารถเข้า ค่ากางเต้นท์ เราก็มาเลือกทำเลที่กางเต้นท์ เอาตามที่เค้าแนะนำกันในเนตนี่แหละ ลานกางเต้นท์ D เป็นคำคอบสุดท้าย



ถ้าใครไม่ได้เอาเต้นท์มาเอง ที่นี่ก็มีเต้นท์ และอุปกรณ์ให้เช่า เราก็ยืมเตาอังโล่และซื้อถ่านจากที่นี่ค่ะ ราคาไม่แพง เทียบกับปางอุ๋งนี่ถูกกว่ากัน 2-3 เท่าเลยนะ

จริงๆแผนหลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว นอกจากการกางเต้นท์ กินมื้อเย็น (ลืมการอาบน้ำไปได้เลย) และนอนรอเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น แต่ขอเล่าประสบการณ์ที่เจอมา เผื่อใครคิดจะไปเที่ยวที่นี้จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไปให้พร้อม 



- ช่วงที่เราไปไม่ตรงกับเทศกาล แถมยังเป็นวันธรรมดา ลาน D ซึ่งปกติเป็นลานฮิตก็มีคนมากางเต้นท์อยู่ทั้งหมดแค่ 5 เต้นท์ พอตกกลางคืนคือ เงียบมาก และมืดมากก เตรียมไฟฉายแบบสว่างๆดวงโตๆไปเลยค่ะ ไม่งั้นชีวิตลำบากเวลาเดินไปห้องน้้ำแน่นอน  
- เพราะนอกจากมืดสนิทแล้ว ยังมีก้อนเมฆลอยผ่านเป็นม่านลดการมองเห็นอีกทางด้วย
- ลาน D เป็นลานรับลมอยู่ด้านตะวันออก ลมแรงมากขนาดว่าเราไม่กล้านอนอ่ะ กลัวเต้นท์ล่ม ผ้าเต้นท์ตีพรึ่บพรั่บๆทั้งคืน ข้อดี คือเห็นวิวพระอาทิิตย์ขึ้นยามเช้าจากหน้าเต้นท์ได้เลย ส่วนลานที่เหลือคือ A B C อยู่อีกฝั่งลมจะไม่แรงมาก แต่ถ้าอยากเห็นพระอาทิคย์ขึ้นตอนเช้า อาจจะต้องลุกเดินมาซัก 50-100 เมตร แต่ละลานอยู่ใกล้ๆกัน
- คิดว่าเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปแน่นแล้ว แต่ยังดีไม่พอค่ะ เราเตรียมผ้าห่มฟลีซ ผ้านวมธรรมดาไป 2 ผืน ปูพื้นนอนด้วยเสื่อโยคะกับถุงนอนแบบบาง เอาไม่อยู่ค่าาา จุดดนั้นควรเป็นผ้านวมแบบหนาๆซัก 2-3 ผืนน่าจะเอาอยู่นะ ตอนเช้าเหลือ 11 องศาเอง
- ต้นพฤศจิกา ยังมีทาก!!!!!! เน้นเลย เป็นคนเกลียดทากมากๆ เหตุการณ์ตอนที่เจอ คือ เราเพิ่งเดินกลับจากห้องน้ำมา พอมุดเข้าเต้นท์ก็นั่งคุยๆกับแฟน แล้วแฟนเราก็ทักว่าอะไรติดผมอ่ะ เลยเอามือปัดๆให้ พอตกบนพื้น มันตั้งตัวเด่ๆเตรียมดีดเลยค่าาา รีบห่อทิชชู่ทิ้งนอกเต้นท์อย่างไว หลังจากนั้นเราก็ไม่ออกนอกเต้นท์อีกเลยจนสว่าง 555
- มีแผนจะไปถ่ายดาว ถ่ายทางช้างเผือก แต่ก็ล่มเพราะเมฆหมอกเยอะจริงไรจริง (แต่ถึงไม่มีเมฆก็อาจจะล่มเหมือนเดิม หนาวขนาดนั้น ทากดีดซะขนาดนี้)



แล้วตอนเช้าก็มาถึง.. เริ่มได้ยินความเคลื่อนไหวจากเต้นท์ข้างๆ เลยมุดออกเต้นท์มาสำรวจโลกบ้าง
ภาพที่เห็น คือ สวยมาก เรียกว่าเป็นวิวเช้าที่สวยที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้นะ

ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่โผล่จากแนวขอบฟ้า แต่แสงเริ่มมาแล้ว



ยิ่งพอพระอาทิตย์เริ่มโผล่มา ก็ยิ่งสวยเข้าไปอีก



รู้สึกเหมือนรอดตายจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บ สีท้องฟ้าชวนฝันมาก มองแบบไม่อยากจะละสายตาเลยค่ะ



วิวจากเต้นท์



แดดแรงมาก แต่เช้าเลย ตอนมืดก็หนาวเหน็บ พอพระอาทิตย์โผล่ แดดก็เจ็บเกิ๊นน



หลังจากจัดการมื้อเช้าเรียบร้อย ก็ไปสำรวจจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอีกที่ของอุทยาน คือ จุดชมวิวกิ่วลม วิวที่ได้จะพาโนราม่ากว่าลาน D อีกค่ะ
แต่ที่เราไม่ไปที่นี้ตอนเช้าก็เพราะ... ความขี้เกียจย้ายที่นั่นเอ๊งงงง ไม่มีไรมาก 55

มาเอาตอนแปดโมง ก็มาถ่ายเก็บบรรยากาศทั่วๆไปละกัน หมอกฟูกว่าตอนเช้านะเนี่ย



เป็นจุดที่มีบริการบ้านพักแบบเป็นหลังๆค่ะ 



หลังนี้ใหญ่สุด และวิวดีที่สุดด้วย





เตรียมแปลงลงดอกไม้ ถ้าใครมาช่วงธันวา-มกรา ก็จะได้ถ่ายรูปดอกไม้สวยๆ



ข้อมูลจุดกางเต้นท์ เผื่อเอาไว้ประกอบการตัดสินใจค่ะ
ลาน A ลานสนดอย อยู่ติดกับหลังอาคารจุดบริการนักท่องเที่ยว เจอเป็นลานกางเต้นท์แรก บรรยากาศ่ร่มรื่น นอนใต้เงาสน ห้องน้ำแบบเก่า



ลาน B ลานลมหนาว ได้วิวฝั่งตะวันตก อยู่ด้านหน้าอาคารจุดบริการนักท่องเที่ยว มีห้องน้ำแบบใหม่ ปูนเปลือย มีห้องสำหรับผู้พิการหรือใช้รถเข็น





ลาน C ลานหมอกเมืองปาย วิวฝั่งตะวันตก มีที่ลานจอดรถกว้างขวาง ลานมี 3 สโล๊ปแหนะ ใช้ห้องน้ำร่วมกับลาน B





ลาน D ลานหมอกเมืองคอง ซึ่งเป็นลานที่เราเลือกนอน ได้วิวพาโนฝั่งตะวันออก ลานจอดรถไม่ค่อยไฮโซ จอดหน้าห้องน้ำ เราไปจอดรถลาน C แล้วเดินมาไม่ไกลแลดูปลอดภัยกว่า ห้องน้ำแบบเก่า
อันที่จริงมีห้องน้ำแบบฝาสังกะสีหลบๆอยู่อีกที่ (เหมือนจะสร้างแบบชั่วคราวนะ โครงสร้างแบบแค้มป์คนงานไรงี้) แต่ถ้าคนไม่มาก แนะนำว่าใช้ห้องน้ำด้านบนจะดีกว่า 

จากรูปฝั่งขวามือจะลงไปเป็นจุดกางเต้นท์ค่ะ มี 2 สโล๊ป ส่วนซ้ายมือคือห้องน้ำ กั้นกลางด้วยถนน



ยีงมีลานกางเต้นท์ที่อยู่ลึกเข้าไปอีก แต่ไม่ได้ไปสำรวจ เห็นป้ายเขียนว่า จุดกางเต้นท์ที่ 6 (ไม่รู้ว่าจุดกางเต้นท์ที่ 5 อยู่ตรงไหนนะคะ 55)

ขอตัดจบแบบดื้อๆ เดี๋ยวบลอกหน้าพาไปเที่ยวเมืองปายกันต่อค่ะ 




 

Create Date : 26 มีนาคม 2560    
Last Update : 27 มีนาคม 2560 16:40:43 น.
Counter : 1280 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

khimyo
Location :
ลำพูน Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add khimyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.