วันที่ 3-4 เที่ยวปราสาทบันทายสรี ทัวร์ปราสาทรอบใหญ่ และเดินเล่นเบาๆในเมืองเสียมราฐ

บลอกนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ ขอรวมเรื่องเที่ยวในวันที่ 3 และ 4 เอาไว้ด้วยกันเลย

วันนี้ช่วงเช้าไปเที่ยวปราสาทบันทายสรี ใช้เวลาเดินทางจากเสียมราฐไปประมาณ 45 นาทีโดยรถยนต์
ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทที่สร้างได้ละเอียดงดงามที่สุดในกลุ่มปราสาทของกัมพูชา

ทางเข้าร่วมสมัย กว้างขวาง



จะมีบอร์ดให้ความรู้รายละเอียดของปราสาทเอาไว้ด้วยค่ะ ถ้าใครมาเที่ยวนครวัด นครธม หรือปราสาทแถวๆนี้ไม่่ต้องห่วงว่าจะต้องมาลำบากกันเลย เพราะเค้าจัดการสถานที่ได้ดีเลยล่ะ มีห้องน้ำสะอาด ถ้าใครมีบัตรประจำตัวนักท่องเที่ยวก็ไม่ต้องจ่ายค่าเข้า ไม่มีคนเข้ามาขอเงินนั่นนี่ เรียกว่า นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้อย่างสบายใจ อาจจะมีเด็กเดินตามขายของแต่ก็ไม่ได้รุกเร้าเรามาก เค้าก็เดินตามแบบเรียบร้อยกันดีนะ

ใครไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อนหรือไม่มีไกด์มาด้วยจะแวะอ่านก่อนเข้าชมก็ได้นะ
แผนที่คร่าวๆ มีอะไรน่าสนใจตรงไหนในปราสาทบันทายสรี



มาถึงประตูทางเข้าปราสาทกันแล้ว ที่นี่สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพูนะ สีแรงได้ใจจริงๆ



เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระอิศวร ใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา



ชั้นในของปราสาท ขนาดเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับพี่บิ๊กทั้งหลายที่เราไปเมื่อมาเมื่อวาน



จากทางเข้า เริ่มเห็นรายละเอียดยิบๆแล้วค่า..



พอเข้ามาถึงด้านใน ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้าถึงว่าที่นี่เป็นรัตนชาติของศิลปะขอม
ลายสลักอ่อนช้อยมากๆ ไม้เว่นแม่แต่ตามชอบประตูก็ยังจะแกะกันอีกนะ



ตรงหน้าบันประตูทางเข้า มีแกะสลักรูปพระนารายณ์ 8 กร



ตอนนี้ปราสาทชั้นในเค้ามีเชือกกั้นไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปแล้วนะคะ

ภาพนี้ตึกที่เห็นทางซ้ายมือ คือบรรณาลัย ตั้งอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของปราสาท เอาไว้เก็บจารึกต่างๆ นักประวัติศาสตร์เค้าก็แกะเรื่องราวจากบันทึกพวกนี้แหละ ประตูที่เราเห็นแกะลวดลายสวยงาม จริงๆแล้วเปิดไม่ได้นะ เป็นประตูหลอก ส่วนประตูจริงๆอยู่ทางด้านขวาหันไปทางปราสาท



แกะสลักเรื่องต่างๆกันไปในแต่ละหน้าบัน แต่สวยทุกหน้าบันเลยอ่ะ ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นหิน



เห็นสวยงามขนาดนี้ ที่นี่สร้างขึ้นก่อนนครวัดนครธมอีกนะเนี่ย



เดินออกมาก็เจอก็วงดนตรีบรรเลงอยู่ หน้าตาเครื่องดนตรีคล้ายของไทยมากๆ (ดีไม่ดีอาจจะเหมือนกันเลยก็ได้) แถมชื่อยังคล้องจองกันอีกด้วย ขิม=เคิ่ม ระนาด=ระเนียด จระเข้=จะเข้ ซอด้วง ซออู้ ซอสามสายมาครบวงเลย ใครชอบใจจะบริจาคเงินด้านหน้าก็ได้ หรือจะซื้อซีดีกลับไปก็ได้ เจอวงดนตรีแบบนี้ได้เกือบทุกที่ที่ไป



ระหว่างทางกลับ เราแวะเที่ยวกันที่ปราสาทบันทายสำเหร่ ที่นี่จะเงียบๆ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว



เป็นปราสาทที่สร้างโดยเจ้าเมืองสำเหร่ เลยไม่ได้มีการตกแต่งอะไรมาก เรียบๆ



เจอการสกัดเอาพระพุทธรูปออกจากตัวปราสาท ในหลายๆที่ที่ไป ทั้งปราสาทบายน ตาพรหม พระขรรค์ รวมถึงที่บันทายสำเหร่ เนื่องจากเปลี่ยนการนับถือศาสนาจากพุทธมาเป็นฮินดู พระพุทธรูปบางองค์ก็ยังเหลือมาให้เราเห็นได้ในวันนี้ แต่ส่วนใหญ่ถูกสกัดออกหมดแหละ



มุมกว้าง ขนาดไหนก็ไม่มีคน เหมือนมีกลุ่มเรากลุ่มเดียวเลยอ่ะ



มื้อเที่ยงมาทานอาหารที่ริมสระสรงอีกแล้ว แต่คนละร้านกับเมื่อวาน
ร้านนี้ชื่อ ลำดวนอังกอร์ (ดอกลำดวนเป็นดอกไม้ประจำชาติของกัมพูชาค่ะ)
ขึ้นมานั่งชั้นสอง ตอนเรามาถึงยังไม่มีคน แต่ซักพักก็มีนักท่องเที่ยวฝรั่งมาเต็มร้านเลย



ราคาอาหารบางส่วน ตกร้อยกว่าบาท



เครื่องดื่ม เราสั่งชามะนาวมา อร่อยชื่นใจเหมาะกับวันอากาศร้อนอย่างนี้มากๆ
ส่วนอีกแก้วเป็นน้ำมะพร้าวปั่น แก้วนี้ไม่เหมือนที่เมืองไทยนะ เหมือนเค้าใส่นมหรือกะทิไปปั่นด้วยไม่ถูกปากเราเท่าไหร่



ร้านนี้ก็อาหารอร่อยทุกอย่างอีกแล้ว ไกด์แนะนำให้ลองสั่งแกงส้มสไตล์แขมร์มาทาน รสชาติไม่เหมือนแกงส้มเมืองไทยนะ เราขอเรียกว่าต้มส้มผักบุ้งละกัน มุมขวาล่างชื่อ Lok-Lak เหมือนหมูผัดซอส จานนี้ก็อร่อยเว่อร์ อีกสองจานที่เหลือเป็นปลาผัดซอสต่างๆกัน รสชาติเหมือนกินข้าวที่บ้าน อาหารถูกปากคนไทยแน่นอน อ่อ.. ร้านอาหารที่นี่ถ้าสั่งกับข้าวมา เค้าจะมีข้าวติดมาเป็นเซตให้กินด้วยกันอยู่แล้ว ไม่ต้องสั่งข้าวเพิ่ม



ปราสาทแปรรูป ใช้เป็นที่เผากระดูกของคนตาย



ไกด์เล่าให้ฟังถึงพิธีศพของคนกัมพูชาว่า เมื่อมีคนตายจะนำศพไปฝังก่อน 3-5 ปี จากนั้นจึงค่อยนำศพขึ้นมา แล้วนำกระดูกมาเผาค่ะ

สิ่งก่อสร้างสมัยโบราณนี่ชอบสร้างบันไดชันๆเนาะ ทั้งกำแพงเมืองจีน ปราสาทแถวนี้ แสดงว่าคนสมัยก่อนคงแข็งแรงมากๆ



ทางเดินเข้าไปชมปราสาทนาคพัน



ดูไม่ค่อยจะเป็นปราสาทแบบทุกที่ที่เราไปมาซักเท่าไหร่ เป็นสระน้ำใหญ่อยู่ตรงกลาง แล้วมีบ่อน้ำเล็กๆอยู่รอบๆอีก 4 บ่อ เมื่อก่อนใช้ประโยชน์เป็นสถานพยาบาลรักษาโรค

ที่นี่ก็มีเชือกกั้นไม่ให้เข้าไปด้านในเช่นกัน



ให้ดูห้องน้ำตามที่เที่ยว จะมีรูปแบบการสร้างคล้ายกันหมด ด้านในก็สะอาดดี ไม่เก็บค่าเข้าเพิ่มด้วย



มาถึงปราสาทแห่งสุดท้าย ปราสาทพระขรรค์ ทางเข้าปราสาทคล้ายกับทางเข้านครธมเลย เพราะคนสั่งให้สร้างคนเดียวกันค่ะ คือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7



สร้างถวายให้พระบิดาของพระองค์ค่ะ



ปราสาทขนาดใหญ่โตทีเดียว ด้านในก็สวยดี แม้ไม่ค่อยมีภาพแกะสลักมากเท่าไหร่ แต่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่เลยอ่ะ อยากเชียร์ให้มากันนะ ส่วนตัวเราชอบที่นี่ค่ะ



ภาพแกะสลักยังสมบูรณ์อยู่เลย



มีอาคารที่เสาแปลกไปจากปราสาททุกที่ คือเป็นเสากลมแบบเสาโรมันด้วย



ภาพสลัก 2 ภาพนี้ไม่ใช่นางอัปสรค่ะ เป็นพระมเหสีของกษัตริย์ ไกด์เล่าว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน โดยภาพซ้ายมือเป็นองค์น้อง ถ้าเข้าไปดูใกล้ๆจะเห็นว่าตายังเปิดอยู่หมายถึงว่าตอนสร้างปราสาทยังมีชีวิตอยู่ ส่วนภาพขวามือเป็นองค์พี่ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วตอนสร้างปราสาทแห่งนี้เลยสลักให้หลับตาค่ะ



ช่วงเย็นๆ มาเดินเล่นในเมืองเสียมราฐกันค่ะ ตรงนี้แถวตลาดเก่าซาจ๊ะ



แผงนี้ขายปลาแห้ง กุนเชียง



ทานอาหารมื้อเย็นที่ร้าน Le Grand Cafe อยู่แถวๆ Pub street ย่านนักท่องเที่ยวของเมือง



ราคาก็พอๆกับมื้อเที่ยง เห็นร้านสวยๆราคาอาหารก็ไม่แพงมากนะ
มาดูอาหารที่ทานกันค่ะ มื้อนี้ก็อร่อยทุกอย่างเหมือนเดิม ^^



เนื่องจากวันนี้ทานข้าวกันเร็วเลยมาซื้อขนมตุนเผื่อหิวตอนดึกที่ร้าน Blue Pumpkin
ร้านสวยดี แต่ไม่ได้นั่ง ส่วนรสชาติขนมก็งั้นๆ ไม่ได้ทานก็ไม่น่าเสียดายละกัน



มาถึงวันสุดท้ายของทริปนี้ ที่จริงๆแล้วไม่ได้มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนเลย กะจะนั่งรถกลับไปที่ปอยเปตแล้วเดินทางเข้ากทม. แต่ลุงแบงคนขับรถชวนพวกเราไปเที่ยวกันระหว่างทางกลับ ที่บารายฝั่งตะวันตก เป็นระบบชลประทานสมัยก่อน สร้างขึ้นมาเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในเมือง



ถ่ายรูปกับลุงแบงคนขับรถ แฟนเราจะสนิทกับลุงแบงเป็นพิเศษ เพราะบางทีจะอู้ไม่ยอมลงไปเที่ยว ขอนอนรอที่รถกับลุงแบง



สำหรับทริปนี้แม้ตอนเริ่มดูจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ แต่พอได้มาเที่ยวจริงๆกลับสนุกสนานมาก สถานที่ท่องเที่ยวก็น่าสนใจมีเอกลักษณ์ อาหารอร่อย ที่พักก็ดี ผู้คนก็ดูเป็นมิตร ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก แถมใกล้ๆเมืองไทยแค่นี้เอง

สำหรับใครที่อยากได้ประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ๆแบบเดินทางใกล้ๆค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก เชียร์ให้มาเที่ยวที่นี่กันนะ



สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมบลอกต่ะ





 

Create Date : 26 สิงหาคม 2555    
Last Update : 27 สิงหาคม 2555 0:46:40 น.
Counter : 5297 Pageviews.  

วันที่ 2 เที่ยวนครธม ชมนครวัด สัมผัสปราสาทตาพรหม (แถม)อาทิตย์อัสดงที่พนมบาแค็ง แฮ่กๆๆ

วันนี้จะเริ่มเที่ยวในพื้นที่มรดกโลกกันแล้วค่า..

ก่อนจะเข้าไปเที่ยวด้านในได้ ก็ต้องมาทำบัตรประจำตัวนักท่องเที่ยวตรงจุดขายบัตรกันก่อน มีหลายสิบช่องเปิดให้บริการเลยค่ะ เราซื้อบัตรแบบเข้าชมได้ 3 วัน ราคา 40USD แต่ใช้จริงแค่ 2 วัน ก็ใช้เข้าชมปราสาทโบราณสถานในเขตนครวัดนครธมได้ทุกที่ รวมถึงปราสาทที่อยู่ไกลออกไปอย่างปราสาทบันทายสรีที่เราจะไปเที่ยวกันในวันถัดไปด้วย

ส่วนการทำบัตรนี่ฝากกันทำไม่ได้นะ เจ้าตัวต้องลงไปทำเอง เพราะเค้าจะถ่ายรูปเราติดไปในบัตรด้วยเลย เก๋ที่สุด..



ไกด์ประจำตระกูลของเราในทริปนี้ ชื่อ คุณปิน กำลังติวประวัติศาสตร์กัมพูชา กพช101 ก่อนจะเริ่มทัวร์



เสื้อเชิ้ตสีครีมๆ และกางเกงสแลคสีดำเป็นเครื่องแบบของไกด์ที่นี่ค่ะ
คุณปินเล่าว่าเมื่อก่อนเค้าให้ใส่เนคไทด้วย แต่เพราะความไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศที่ร้อนชื้นฝนตกชุก ก็เลยถูกยกเลิกไป

ประตูทางเข้านครธมด้านทิศใต้ ดูขลังมากค่ะ ได้อารมณ์เป็นลาร่าครอฟท์เล็กๆนะ



บนยอดประตูมีการแกะสลักเป็นรูปพระพักตร์ของพระอวโลกิเตศวรไว้ทั้ง 4 ด้าน
ทางเข้าแคบๆ ก็แบ่งๆกันผ่านทั้งคนทั้งรถ



ก่อนจะมาเที่ยวที่นี่ เราขอสารภาพว่า ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างนครวัดนครธม
นึกว่าเป็นชื่อสถานที่ชื่อคล้องจองกันเฉยๆ เหมือนวัดพระแก้ววัดโพธิ์ทำนองนี้ (เชื่อว่ามีหลายคนก็ยังไม่รู้ สารภาพมาซะดีๆ..^^)

พอมาเที่ยวก็เลยได้กระจ่างแล้วว่า นครธมเนี่ย..เป็นตัวเมือง มีวัง มีวัด มีสถานที่ทำกิจกรรมของคนในยุคสมัยนั้น เทียบไปก็เหมือนเมืองชั้นในของเกาะรัตนโกสินทร์ที่มีวัดพระแก้ว สนามหลวง เสาชิงช้า แต่ว่าบ้านคนธรรมดาสร้างอยู่นอกเขตกำแพงนครธมนะ ส่วนนครวัดจะอยู่นอกกำแพงนครธมใช้เป็นเทวสถาน เป็นวัดขนาดใหญ่(มากกก)

ดังนั้นจากชื่อบลอก "เที่ยวนครธม ชมนครวัด สัมผัสปราสาทตาพรหม (แถม)อาทิตย์อัสดงที่พนมบาแค็ง แฮ่กๆ" จะมีอีก 4-5 สถานที่แตกออกมาจากคำว่า "นครธม" โปรแกรมวันนี้แน่นจริงๆค่ะ แถมอากาศยังร้อนได้โล่ห์ แต่ก็สนุกมากๆค่ะ สิ่งก่อสร้างแต่ละที่ยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ เกริ่นมาซะยาว เข้าเรื่องเลยดีกว่าเนาะ...

ปราสาทบายน เป็นสถานที่แรกที่เราไปเที่ยวในนครธมค่ะ



เป็นปราสาทที่มีเอกลักษณ์มากๆ ยอดปรางค์ทุกยอดจะมีพระพักตร์ของพระอวโลกิเตศวรอยู่ทั้ง 4 ด้าน แบบเดียวกับประตูทางเข้านครธม



กำแพงที่ล้อมรอบปราสาทมีการแกะสลักรูปนูนต่ำยาวตลอดแนว ดูเพลินมากจุดนี้



The Gang



เค้าเรียกการยิ้มแบบนี้ว่ายิ้มแบบบายน (Bayon Smile) หลับตาพริ้ม ยิ้มไม่เห็นฟัน



พาหนะยอดนิยม ตุ๊กตุ๊ก หรือละเมาะโมโต
ราคาไม่แพง มีให้เห็นทั่วเมืองเลยค่ะ ถ้าใครไม่ได้จองรถมาก่อนก็สามารถเข้าไปต่อรองราคาจ้างเที่ยวได้ในวันนั้นเลย



ปราสาทบาปวน@นครธม
ทางเข้ามีสะพานทอดยาวไปยังตัวปราสาท สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้นะ



แต่บ้านเราขอบายกันทุกคน เก็บแรง(อันน้อยนิด)ไปเที่ยวต่อดีกว่า



พักเหนื่อย.. ปราสาทสูงใหญ่มาก สังเกตด้านหลังดีๆจะเห็นคนตัวเล็กๆกำลังไต่ขึ้นไปบนปราสาทอยู่



ปราสาทพิมานอากาศ@นครธม สร้างขึ้นเป็นรูปทรงพีระมิด



ภาพนี้เป็นทางเดินตรงฐานของลานพระเจ้าขี้เรื่อน ขนาดตรงฐานยังมีภาพแกะสลักสวยๆเลย



ซูม



บนลานพระเจ้าขี้เรื้อน สามารถมองเห็นได้เป็นบริเวณกว้าง
ลานโล่งๆที่เห็นสมัยก่อนใช้จัดการแสดง หรือพิธีกรรมต่างๆ เหมือนสนามหลวงบ้านเราอ่ะ



รูปปั้นที่มาของชื่อ ลานพระเจ้าขี้เรื้อน นิ้วมือหักหายไปหมด



เรายังไปเที่ยวในนครธมไปหมดทุกที่หรอกนะ แต่ก็ถือว่าได้ไปเที่ยวในจุดที่อยากไปหมดแล้ว
ที่ไฮไลท์เลย ก็คงเป็นปราสาทบายน นี่แหละ จากนี้ออกนอกเขตกำแพงนครธมไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ

ปราสาทตาพรหม ห่างจากนครธมมาทางทิศตะวันออก 2 กม. พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงให้สร้างเพื่อถวายแด่พระมารดา
ปราสาทนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากการเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์ Lara Croft: Tomb Raider



โดดเด่นที่มีต้นไม้หยั่งรากขึ้นคลุมปราสาทเต็มไปหมด สร้างความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา



อายุหลายร้อยปี คงขึ้นมาช่วงที่ปราสาทถูกทิ้งร้าง
ดูขนาดต้นไม้เมื่อเทียบกับคน



ภาพแปลกๆในปราสาทนครธม มีภาพแกะสลักไดโนเสาร์ด้วยนะ นอกจากนี้ยังมีรอยยิ้มของนางอัปสรโผล่มาจากรากไม้ด้วย



มุมนี้ฮิตมาก นักท่องเที่ยวที่เจอส่วนใหญ่ช่วงที่เราไป เป็นคนเกาหลี ญี่ปุ่นเยอะสุด รองลงมาก็เป็นประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ ได้ยินฝรั่งเศสบ่อยๆด้วย แต่ไม่เจอนักท่องเที่ยวไทยเลยล่ะ แปลกใจหน่อยๆนะ อาจะเป็นเพราะไม่ใช่ช่วงหยุดยาว และตอนที่เราไปมีสถานการณ์โรคมือเท้าปากระบาดพอดี



เป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวมากๆเลย เห็นด้วยไหมคะ



เที่ยวที่นี่เสร็จ ก็เที่ยงพอดี คุณปินพาไปทานร้านอาหารริมสระสรง ซึ่งน่าจะเป็นร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว มีอยู่หลายร้านตั้งติดๆกัน วันนี้เราไปกินร้าน Angkor Flower มีห้องแอร์ (ขอหลบอากาศร้อนๆซักครู่) รสชาติอาหารอร่อยใช้ได้เลย หน้าตาคล้ายอาหารไทยมาก ราคาเหมือนไปกินข้าวในห้าง มื้อละ 150-200 บาทต่อคน ถ้าใครไม่ได้ประหยัดงบมากนักมากินร้านพวกนี้ก็โอนะ ส่วนไกด์กับคนขับรถร้านจะจัดห้องทานแยกไว้ให้ ค่าอาหารก็คงชาร์จไปกับราคาที่เราจ่ายไปนั่นแหละ



ตอนบ่ายไปเที่ยวนครวัด ไกด์พาเราเดินเข้าทางด้านหลังคือทางทิศเหนือ ไม่มีคนเลย เพราะไม่ใช่ทางเข้าหลัก



ตัวปราสาทมี 3 ชั้น สร้างขึ้นตามความเชื่อทางศาสนาฮินดู จำลองให้ชั้นในสุดคือเขาพระสุเมรุเป็นสถานที่ที่ใช้ทำพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์
ระเบียงรอบนอกสุดจะมีการแกะสลักเรื่องราวต่างๆกันไป 8 เรื่อง กำแพงนี้เป็นภาพการยกทัพของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2



ถ้าเดินดูกันจริงจัง ทั้งวันก็ไม่พออ่ะ



ขึ้นไปชมนางอัปสรที่ปราสาทชั้นในกันค่ะ ต้องแต่งกายสุภาพนะคะไม่งั้นขึ้นไม่ได้ ปีนบันไดสูงจนใจหวิวขาสั่นเลยอ่ะเรา



แล้วก็ได้มาเจอตัวจริงซักที มีภาพสลักนางอัปสรเยอะมากทุกมุมทุกเสาเลย เราว่านางอัปสรตัวจริงสวยกว่าในรูปที่เคยเห็นมาก (ไม่ขึ้นกล้องว่างั้น...) ดูอ่อนหวานกว่าน่ะ



ดูมีชีวิตชีวาดีนะ แต่ละนางก็โพสต์ท่าต่างๆกัน เสื้อผ้าหน้าผมคนละแบบ



เมื่อก่อนมีสระน้ำด้านบนนี้ด้วยเอาไว้ชำระล้างก่อนการทำพิธีกรรม มีระบบท่อน้ำเรียบร้อยเลย เจ๋งจริง



วิวจากด้านบน



กลับลงมาด้านล่างแล้วค่ะ อันนี้เป็นบริเวณโถงกลาง นครวัดดูสมบูรณ์สุดแล้วในกลุ่มปราสาทที่เราไปเที่ยวในทริปนี้
ไกด์บอกว่านครวัดไม่เคยถูกทิ้งร้างยังมีคนมาใช้ที่นี่ตลอดมากบ้างน้อยบ้างก็ตามสถานการณ์ จึงไม่ทรุดโทรมมากนัก



เดินย้อนกลับมาทางด้านหน้านครวัดแล้ว ตรงนี้จะเป็นบริเวณขายอาหารเครื่องดื่ม และของที่ระลึก



นครวัดทางด้านหน้า แนะนำว่าให้มาเที่ยวนครวัดช่วงบ่ายนะคะ จะได้ถ่ายภาพไม่ย้อนแสง
สำหรับเรา.. ฟินแล้วล่ะกับทริปนี้



ถ่ายกับแม่หน้าทางเข้านครวัด



ตอนเย็น ตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ยอดเขาพนมบาแค็ง แต่ตอนนี้เพิ่งบ่ายสามกว่าๆ เลยมานั่งหลบร้อนที่ร้านกาแฟ
Angkor Cafe ตั้งอยู่หน้านครวัด มีขายของที่ระลึกด้วย (แต่ราคาสูงงงง)



กาแฟจืดอ่ะ



มามะ.. มาขึ้นพนมบาแค็งกัน ภาพนี้เป็นทางขึ้นเก่าซึ่งตอนนี้ปิดไม่ให้ขึ้นแล้ว



แผนภาพ ทางขึ้นเก่าคือเส้นสีแดงที่อยู่ตรงกลาง
เราต้องเดินไปทางเส้นสีเขียว ชันน้อยกว่า แต่ระยะทางเพิ่มขึ้นอีกพอสมควร ส่วนเส้นสีส้มสำหรับนั่งช้างขึ้นไปค่ะ



คนไปนั่งรอชมพระอาทิตย์ตกกันเพียบเลย นี่ขนาดช่วงโลว์ซีซั่นนะ



ส่วนเรารอไม่ไหวค่ะ ตอนที่ไปพระอาทิตย์จะตกประมาณ 18.30 น. เรารอจนเกือบหกโมงเย็น ก็ตัดสินใจเดินลง กลับไปกินข้าวอาบน้ำนอนดีกว่า ภาพที่ถ่ายก่อนลง..



แล้วก็เช่นเคย ความตั้งใจที่จะไปเที่ยวตัวเมืองเสียมราฐตอนเย็นก็ต้องเลื่อนออกไปอีกครั้ง เพราะเหนื่อยมาก แฉะเหงื่อไปทั้งตัวแถมเคลือบชั้นนอกด้วยฝุ่นทรายอีกเบาๆ คราวนี้เลยขอลดระยะทางจากร้านอาหารแถวๆโรงแรมมาเป็นทานข้าวเย็นในห้องอาหารโรงแรมซะเลย ราคาพอๆกับร้านตอนเที่ยง แต่ละคนก็สั่งอาหารจานเดียวกันมาทาน พ่อกับแม่สั่งอาหารไทยมาทาน ผัดไทยกับข้าวผัดน้ำพริกเผา แฟนเราสั่งเทมปุระราเมน ส่วนเราให้โอกาส Amok ได้แก้ตัวอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานทานแล้วรสชาติมันปะแหล่มๆ ทานแล้ว... คิดว่าอาหารจานนี้คงไปกับเราไม่ได้จริงๆอ่ะ จบกันทีกับห่อหมกแขมร์ "Amok"



ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวปราสาทที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุด เป็นรัตนชาติแห่งศิลปะขอมกันค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ทักทายกันได้นะจ้ะ





 

Create Date : 26 สิงหาคม 2555    
Last Update : 26 สิงหาคม 2555 10:24:13 น.
Counter : 4884 Pageviews.  

วันที่ 1 เดินทางไปกัมพูชา จะว่ายากก็ไม่ใช่ จะว่าง่ายก็ไม่เชิง

ไปเที่ยวประเทศกัมพูชามาเมื่อวันที่ 21-24 กรกฎาคม 2555
ทริปนี้จัดเป็นทริปประจำปีของครอบครัว ตามความตั้งใจว่าจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
แต่ครั้งนี้มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคน ก็คือ สามีเราหรือเรียกสั้นๆน่ารักๆว่าแฟนนั่นเอง
ปีนี้งบน้อยเลยจัดไปเที่ยวกันใกล้ๆ แต่สถานที่ที่ไปยังคงอลังการเช่นเคย ^^

นครวัดนครธม เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา



ไปเที่ยวทริปนี้ จองโรงแรมเอง จัดโปรแกรมเที่ยวเอง แต่ติดต่อหารถเช่าและจองไกด์พูดไทยจากบริษัททัวร์ในเมืองเสียมราฐ เพื่อความสะดวกสบาย
เข้าทำนองว่า "เที่ยวสบาย ได้ความรู้"... ขนาดนั้นเลย

ออกเดินทางจากบ้านในเช้าวันเสาร์ที่ 21 ไปยังตลาดโรงเกลือโดยรถส่วนตัว ถึงที่ตลาดประมาณ 11 โมงกว่า นัดคนฝั่งนู้นให้มารอที่ ตม.ปอยเปต ตอน 11 โมง
ดังนั้นเมื่อหาที่จอดรถได้ เราเลยรีบวิ่งไปที่ด่าน ตม.คลองลึก (อรัญประเทศ) ทันที

แล้วก็ได้อึ้ง...



คิวเข้าตม.ยาวมาก



ก็ยืนรอกันไป 2 ชั่วโมง ความฝันที่ว่าจะพาพ่อแม่มาเที่ยวสบายๆเลยสลายไปตั้งแต่ยังไม่ได้ออกนอกประเทศ พอโผล่ออกมาทางฝั่งปอยเปตได้ก็ได้งงอีกรอบ เนื่องจากไม่มีป้ายบอกทางใดๆ ผู้คนที่ยืนต่อคิวด้วยกันที่ตม.เมื่อกี้ ก็หายเข้าคาสิโนไปหมดแล้ว แถมมีคนเข้ามาถามนู้นถามนี่เยอะแยะไปหมด

เราเดินงงๆข้ามสะพานมาที่เต้นท์ที่ดูจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ เค้าก็เรียกเข้าไปให้เขียนใบเข้าเมือง ก็เลยรับมาเขียนเอง ส่วนของพ่อแม่เค้าบอกจะเขียนให้ พอเขียนเสร็จจนท.ก็พูดยิ้มๆว่า ขอค่าน้ำหน่อยได้มั้ย เราเดาว่าน่าจะหมายถึง ขอเงินค่าบริการ หรือว่าจะขอเงินไปซื้อน้ำอะไรทำนองนี้ เราก็เลยยิ้มแล้วตอบไปว่า ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ... ประโยคไม่เกี่ยวข้องกันเล้ยยย อาศัยตีมึนแล้วเดินจากมา

ถัดจากจุดนี้ ก็จะเป็นย่านคาสิโน หลายที่ติดกันเป็นแนวยาว แต่ละแห่งก็ตกแต่งสวยงาม เกือบเหมือนถนนหนทางในกรุงเทพละ เสียแต่ว่าฝุ่นเยอะมาก แม้จะสร้างเป็นคอนกรีตแล้วก็ตาม ระยะห่างระหว่างตม.ไทยกับตม.กัมพูชาห่างกันประมาณ 400-500 เมตรนะ ตม.ปอยเปต(กัมพูชา)จะอยู่ฝั่งขวาของถนนถ้าเดินมาจากไทย เป็นตึกสี่เหลืองเก่าๆ เล็กมาก จนไม่คิดว่าที่นี่เป็นด่านตรวจคนเข้าเมืองเลย เหนือประตูเข้าจะมีป้ายเขียนว่า Arrival อยู่



สรุปว่าได้มาเจอกับคนของบริษัท ชื่อ คุณสุวรรณ ตอนบ่ายสองโมง จากที่นัดไว้ 11 โมง!!

ยังไม่จบค่ะ จากจุดนี้คุณสุวรรณบอกว่า รถตู้ที่เราจองไม่สามารถมารับที่ ตม.ได้ ต้องนั่งรถบัสรวมไปกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ไปยังสถานีขนส่งนอกเมืองอีก โดยต้องจ่ายเงินเพิ่มให้เค้าอีกคนละ 100 บาทเป็นค่านายหน้าที่ขนส่ง ตอนนั้นเราไม่ไว้ใจเอามากๆ นึกว่าต้องถูกหลอกอีกแน่ๆเลย คือ รู้สึกเซ็งมาตั้งแต่ต่อคิวตม.ไทยแล้วไง ก็เลยบอกคุณสุวรรณไปว่าเราไม่จ่าย ตอนตกลงราคาค่าจ้างไกด์กับรถตู้เราย้ำกับเค้าแล้วนะว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มมาอีกในการเดินทางนอกจากค่าทิป เค้าก็ทำหน้าเศร้าๆ แล้วก็บอกไม่เป็นไรงั้นเค้าจะรับผิดชอบจ่ายส่วนนี้เอง มีการเอาใบเสร็จที่ได้จากการจ่ายมาให้ดูด้วยนะ ทำเอาเรารู้สึกผิดไปเลย แต่สุดท้ายก็จ่ายตังเพิ่มไปกับทิปในวันสุดท้าย เพราะถือว่าอุตส่าห์มารอเราที่ตม.ตั้ง 3 ชั่วโมงแน่ะ

ทริปนี้เราจองรถตู้รวมค่าน้ำมันแล้ว(11ที่นั่ง) 4วัน 7,500 บาท ค่าไกด์ 2วัน 2,000 บาท มีสมาชิกไป 4 คน รวมไกด์และคนขับรถ ก็เป็น 6 คน ทำให้นั่งแคมรี่ไม่ได้ เลยต้องขยายมาเป็นรถตู้ไปเลย ราคาแพงกว่าราคามาตรฐานที่ดูในเวบต่างๆ แต่ก็คิดว่าเค้าเป็นบริษัททัวร์ก็คงจะต้องมีค่าดำเนินการมากกว่าฟรีแลนซ์อยู่แล้ว ส่วนค่าทิปเราจ่ายใส่ซองแยกให้ไกด์ คนขับ และคุณสุวรรณในวันสุดท้าย

รถตู้กว้างมาก นั่งกันคนละเบาะเลย



บ่ายสามแล้ว ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงกันเลย คุณสุวรรณเลยพาไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านประกายพรึก จังหวัดศรีโสภณ ห่างจากปอยเปตมาประมาณ 40 กม.



สั่งมาเมนูเดียวกันหมด เพื่อความรวดเร็ว กะเพราไก่ไข่เจียว รสเหมือนร้านหน้าปากซอย มีพริกน้ำปลาให้ด้วย



เที่ยววันแรก เราไม่ได้จ้างไกด์นำเที่ยว ดังนั้นพอมาถึงเสียมราฐคุณสุวรรณเลยขอลงไปก่อน แล้วให้ลุงคนขับรถ ชื่อ ลุงแบงพาไปเที่ยวต่อ ที่โตนเลสาป ทะเลสาปน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เสียค่าเข้าคนละ 15 USD (แพงนะ) นั่งเรือประมาณ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง



นักท่องเที่ยวที่มาแต่ละกรุ๊ปจะมีเรือส่วนตัว ใครมากรุ๊ปเล็กได้ลำเล็ก ใครมากันเยอะก็นั่งเรือลำใหญ่



บนเรือจะมีไกด์กับคนขับประจำเรือ ไกด์พูดภาษาอังกฤษได้ ลำอื่นไม่รู้เป็นยังไงนะ แต่เรือลำที่เรานั่ง ไกด์พูดขอเงินตลอดเลย บอกว่าเค้าไม่ได้เงินจากที่เราจ่ายไปเลยนะ แล้วก็จนมาก ไม่ได้ให้ความรู้อะไรเท่าไหร่



เรือจะแล่นไปตามลำคลองขุดที่เชื่อมระหว่างท่าเรือกับทะเลสาป มีชุมชนตั้งอยู่สองฝั่งคลอง



มาถึงทะเลสาปแล้ว จุดนี้คลื่นแรงมาก ดูไม่เหมือนทะเลสาปเลยอ่ะ เหมือนทะเลมากกว่า



มาถึงจุดแวะพักให้นักท่องเที่ยวลง ที่นี่มีกรงใส่จระเข้โชว์ ร้านขายของ จุดชมวิว



วิวจากจุดชมวิว



เป็นที่ที่วิถีชีวิตมีเอกลักษณ์มาก เมืองไทยอาจจะเคยเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่น่าจะมีแล้วมั้ง พายเรืออย่างเดียว ไม่มีถนน ไม่มีไฟฟ้า



*ความเห็นส่วนตัว*
เราไม่ค่อยประทับใจกับโตนเลสาปเท่าไหร่ ค่าเข้าแพงแต่การจัดการไม่ค่อยดีเลย
เสียอารมณ์ที่ถูกขอเงินตลอดทาง ทั้งจากไกด์บนเรือ แม่ที่พายเรือพาลูกมาขอ บรรยากาศดูน่าเศร้า น่าสงสารมากกว่าจะมานั่งเรือเล่นชิวๆอ่ะ

เคยอ่านมาว่ามาดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่สวยนะ แต่กว่าพระอาทิตย์จะตกก็นั่งเรือกลับมาที่ฝั่งซะแล้ว



เข้าเชคอินที่พักที่ โรงแรมธาราอังกอร์ (Tara Angkor Hotel) ห้องพักสวย ราคาไม่แพง เป็นโรงแรมของคนไทยด้วยค่ะ



ขนาดวันนี้เที่ยวไปแค่ที่เดียว เราก็รู้สึกเหนื่อย และเหนียวเนื้อตัวจากอากาศร้อนมาก จากตอนแรกคิดว่าจะไปเที่ยวไปทานอาหารเย็นในตัวเมืองเสียมราฐ ก็ขอตัดไปเที่ยววันอื่น ส่วนอาหารก็ไปทานแถวๆโรงแรมก็พอ เราถามพนักงานโรงแรมว่ามีร้านอาหารใกล้ๆแนะนำมั้ย เค้าเลยแนะนำร้านนี้มา จำชื่อไม่ได้แล้ว เป็นร้านอาหารกัมพูชา แต่อาหารก็คล้ายกับอาหารไทยแหละ สั่งอาหารมา 3 อย่าง

ปลาชุบแป้งทอด : อร่อยดี
ผัดผักบุ้ง : รสชาติกลางๆ เหมือนทำกินที่บ้าน
อะม็อก (ห่อหมกสไตล์แขมร์) : อันนี้ปะแหล่มๆ ไม่ถูกปาก ได้กลิ่นแล้วเวียนหัว แหะๆ



โดยรวมสำหรับการเดินทางในวันแรก ถ้าทนอ่านที่เราเขียนมา จะเห็นได้ว่าเดินทางมาเที่ยวกัมพูชาโดยเฉพาะเมืองเสียมราฐเนี่ย ไม่ยากเลย เสียแต่ว่าระหว่างทางนั้น อาจจะต้องลับสมองประลองปัญญากันหน่อยนึง เราว่าที่ไม่น่าไว้วางใจที่สุดก็แถวๆชายแดนปอยเปตนั่นแหละ ยิ่งถ้าใครไม่ได้จองรถมาล่วงหน้าเนี่ย ต้องมาติดต่อกับแถวนี้อยู่แล้ว แต่ผ่านจุดนั้นมาได้ก็น่าจะสบายแล้วล่ะ

เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะเริ่มเที่ยวโบราณสถานในเขตนครวัดนครธมกันแล้วค่ะ






 

Create Date : 20 สิงหาคม 2555    
Last Update : 26 สิงหาคม 2555 10:24:35 น.
Counter : 6375 Pageviews.  


khimyo
Location :
ลำพูน Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add khimyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.