วันที่ 4 และ 5 เที่ยวคุนหมิง แบบแวะนู้นนิดนี่หน่อย



เป็นบลอกสุดท้ายสำหรับทริปครอบครัวประจำปี 2011 ที่คุนหมิงแล้วนะคะ จะขอรวมที่เที่ยวใน 2 วันสุดท้ายเอาไว้ด้วยกันเลย เพราะไปเที่ยวมาแค่ไม่กี่ที่ จะเป็นแนวประวัติศาสตร์ของเมืองคุนหมิง ขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ใช่แนวเราเท่าไหร่ ดังนั้นรายละเอียดสถานที่จำได้น้อยมากๆค่ะ เอาเป็นว่าดูรูปกันเพลินๆละกันเนาะ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับการนั่งรถ และแวะเข้าร้านขายของรัฐบาลจีน

เช้าวันที่ 4 เราออกเดินทางกันเช้าม๊ากกกกันอีกแล้วค่ะ นั่งรถมาซักพักแล้ว เพิ่งจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น



นั่งรถอีก 5 ชั่วโมง ตีรถกลับคุนหมิง เรามาถึงคุนหมิงตอนเกือบเที่ยง กินข้าวกินปลาเสร็จ ก็ไปเที่ยวที่เขาซีซาน มีวัดอยู่บนเขา ระหว่างทางนั่งรถขึ้นไป เห็นชาวคุนหมิงมาพักผ่อนกันที่นี่เยอะเหมือนกัน

ถึงด้านหน้าทางเข้าแล้วค่ะ



จากนั้นต้องเดินขึ้นบันไดไต่ความสูงขึ้นไปอีกซักพัก เหนื่อยเหมือนกัน แต่ระหว่างทางก็จะมีจุดสนใจให้แวะเรื่อยๆ ใครชอบไหว้เจ้าก็จะมีให้ไหว้กันตลอดทางเลยค่ะ



เมืองคุนหมิงจากมุมสูง ทะเลสาบใหญ่ๆที่เห็น ชื่อว่า ทะเลสาปเตียนฉือ



ช่วงท้ายๆมีการเจาะช่องเขาเป็นรูให้เดินด้วยค่ะ



ทางเดินช่วงนี้จะแคบหน่อย ที่เห็นลิบๆจะมีประตูมังกร ลอดแล้วจะโชคดี มีลูกแก้วมังกรให้อธิษฐาน



ศาลเจ้าที่ปลายทาง



ตรงนี้คือลูกแก้วมังกรเหนือซุ้มประตูที่เราพูดถึงเมื่อกี้ค่ะ จะมีคนเอามือลูบแล้วขอพรตลอด



ขอให้มีบ้านริมทะเลสาปแบบข้างล่างซักหลัง ดีมั้ยน้า....



ไกด์ชาวจีนประจำกรุ๊ปเราบอกว่า ตอนนี้ราคาบ้านตามเมืองใหญ่ในเมืองจีนมีราคาสูงมาก คือ ถ้าคิดจะซื้อบ้านก็จะต้องมีเงินหลายสิบล้านบาทขึ้นไป แถมมีกรรมสิทธิ์ครอบครองได้ 70 ปีก็ต้องคืนให้กับรัฐบาล



วันที่ 5 อรุณสวัสดิ์คุนหมิง วิวจากห้องอาหารที่โรงแรม



วัดหยวนทง เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของนครคุนหมิง





ที่นี่มีพระพุทธชินราชมาประดิษฐานอยู่ด้วย



ถัดจากนั้น เราก็มาที่ตำหนักทอง เป็นที่พักของทหารแม่ทัพสำคัญคนหนึ่ง ด้านหน้าร่มรื่นมาก มีต้นไม้ต้นใหญ่เต็มไปหมด



ซุ้มประตูทางเข้า



รูปนี้ถ่ายตอนเดินกลับมาที่จอดรถ เห็นกำแพงสวย แล้วท่าทางพ่อกับแม่ก็ดูมีความสุข น่ารักดี



ปิดท้ายด้วยคอมโบอาหารข้างทางที่พ่อแม่เราซื้อมาลองทาน enjoy eating กันมากค่ะทริปนี้....



ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2554 21:30:07 น.
Counter : 2094 Pageviews.  

วันที่ 3 ขึ้นเทือกเขามังกรหยก เจอหิมะใกล้ๆเมืองไทย ที่ลี่เจียง



ออกจากโรงแรมกันแต่เช้าเหมือนเคย วันนี้เรามีโปรแกรมเที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก ซึ่งก็เป็นไฮไลต์อีกอย่างของทริปนี้ นอกเหนือจากเมืองโบราณทั้งสองแห่งที่ได้ไปเที่ยวกันมาในบลอกที่แล้ว

เดินทางจากโรงแรมที่พักประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะเข้าเขตอุทยาน เช้านี้ฟ้าใสสุดๆ สามารถเห็นยอดเขาได้ชัดเจน



แต่ก่อนที่เราจะได้ขึ้นไปบนภูเขา ทัวร์ก็พามาดูการแสดง Impression of Lijiang ซึ่งจัดอยู่ในเขตอุทยานใกล้ๆกับสถานีที่ขายตั๋วขึ้นเขานั้นแหละค่ะ มีนักท่องเที่ยวมากันเยอะมากๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นกรุ๊ปทัวร์ของชาวจีนเอง

หน้าทางเข้า



เป็นการแสดงกลางแจ้ง มีฉากหลังเป็นเทือกเขาหิมะมังกรหยก สถานที่อลังการดีค่ะ เนื้อหาที่แสดงจะเป็นเรื่องราวของเผ่าต่างๆที่มีอยู่ในท้องถิ่น เราฟังไม่รู้เรื่องเลย เพราะเค้าบรรยายเป็นภาษาจีนอย่างเดียว ที่จริงเค้ามีแปลภาษาอังกฤษให้ที่จอด้านหน้า แต่แดดมันจ้ามากเลยมองไม่เห็น



พอการแสดงจบ เราก็เดินไปยังจุดขายตั๋วเข้าอุทยานกันค่ะ ป้ายด้านหน้า บอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวนี้อยู่ในระดับ AAAAA เป็นระดับสูงสุดของการจัดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองจีน แสดงว่ามีความน่าสนใจมาก ระบบการจัดการสถานที่ก็จะดีตามไปด้วย ระดับเดียวกันนี้ที่เราเคยไป ก็เช่น กำแพงเมืองจีน



แต่ที่นี่ เราว่าการจัดการเค้าไม่ดีเลย นี้คือ ระบบการต่อคิว คือมายืนออกันเต็มไปหมด มันกลายเป็นไม่มีคิว ไกด์แต่ละกรุ๊ปก็จะพยายามแทรกทัวร์ตัวเองให้ได้ไปก่อน ตรงนี้คือ ส่วนที่รอขึ้นรถบัสไฟฟ้าของอุทยานขึ้นไปยังจุดขึ้นกระเช้าอีกทีนึง รอนานเหมือนกันประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่มีที่นั่งรอด้วย



ในที่สุดก็มาถึง สถานีกระเช้าด้านบนจนได้ พอมาถึงจริงๆคนก็ไม่ได้เยอะเท่าด้านล่าง



หินก้อนใหญ่ๆที่เห็น จะบอกความสูงตรงจุดนี้ ว่าสูงจากระดับน้ำทะเลมา 3,356 เมตร แต่เดี๋ยวเราจะต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปบนภูเขากันต่อ ขึ้นไปอีก 1 กิโลเมตร

แป๊บเดียวก็ได้ขึ้นกระเช้าแล้วค่ะ ใช้เวลาอยู่ในนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง



ว่างๆก็ถ่ายรูปเล่น เราไปเที่ยวเดือนมีนา หิมะก็ยังหนาอยู่นะคะ



ขึ้นไปแบบนิ่มๆ ไม่หวาดเสียวเลยค่ะ



ใกล้จะถึงแล้ว



แล้วเราก็มาถึงลานชมวิวด้านบน ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 4,506 เมตร หินก้อนนี้มีคนมาถ่ายรูปด้วยตลอดๆ



เนื่องจากว่าเราอยู่ที่สูงกันมากๆ ระดับสี่กิโลกว่าๆจากระดับน้ำทะเล ความเข้มข้นของออกซิเจนแถวนี้ก็จะน้อยกว่าเมืองปากอ่าวอย่างกรุงเทพมาก ซึ่งอาจทำให้บางคนเกิดการป่วยที่เรียกว่าโรคแพ้ความสูงได้ มีคนในกรุ๊ปเราปวดหัวมาก จนต้องนั่งกระเช้าลงไปก่อนเหมือนกัน แต่ยังดีที่บ้านเราไม่มีใครเป็นอะไรมาก แค่มึนๆนิดหน่อย แต่ก่อนขึ้นมาบนภูเขาก็เตรียมตัวมาก่อนด้วยการกินยาสมุนไพรที่ไกด์เอามาขายกันไว้แล้ว แถมพกช็อคโกแลตมากินให้พลังงานด้วยอีก 2 แท่ง

มุมมหาชน



วิวด้านล่างค่ะ ถึงฟ้าจะใส แต่ก็มีเมฆบางๆมาบังตลอดเลย



ขอถ่ายกับพ่อมั้ง ด้านบนนี้ทั้งลมแรง แดดแรง พกแว่นกันแดดเพื่อถนอมสายตาไปด้วยก็ดีนะคะ



แถวนี้มีลานให้เล่นสไลเดอร์หิมะด้วยค่ะ เสียงกรี๊ดดังลั่นสนั่นเขา



นั่งกระเช้ากลับลงมาก็เริ่มหิว เลยซื้อขนมที่ผลิตออกมาจากเจ้าเครื่องนี่ทาน เป็นแป้งกลมๆด้านในเป็นไส้ถั่ว กินร้อนๆอร่อยดี แต่แป๊บเดียวกินยังไม่ทันจะครึ่งถุงก็เย็นหมดแล้ว เพราะอากาศหนาว



แวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านนี้ แต่วิวด้านนอกร้านสวยดีค่ะ



ช่วงบ่ายไปเที่ยวอุทยานน้ำหยก อยู่ใกล้ๆกับเทือกเขาหิมะเช่นกัน



แวะเที่ยว สระมังกรดำ เป็นสวนสาธารณะ ซึ่งสามารถเห็นเทือกเขามังกรหยกได้แบบลิบๆ



จากนั้น เราก็ตีรถกลับไปยังเมืองต้าหลี่ ใช้เวลาเดินทางกลับอีก 5 ชั่วโมง ระหว่างทางมีทำถนนตลอด อีกซัก2-3 ปีข้างหน้าการเดินทางจากต้าหลี่มาลี่เจียง รวมไปถึงจงเตี้ยนน่าจะสะดวกสบายขึ้นอีกเยอะ เพราะคงได้ใช้ถนน 6-8 เลนแล้ว การเดินทางก็ไม่น่าจะต้องใช้เวลานานเท่ากับตอนนี้แล้วล่ะค่ะ



แถวนี้บรรยากาศเหมือนบ้านเราที่ลำพูนเลย




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2554 20:56:48 น.
Counter : 1422 Pageviews.  

วันที่ 2 พาคนแก่ (แต่ยังฟิต ^^) ดูเมืองเก่า ที่ต้าหลี่และลี่เจียง



โถงโรงแรมที่พักเมื่อคืนนี้ มีภาพวาดเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่
ถ่ายมาก่อนล้อรถหมุนเริ่มเดินทาง ตอน 8โมงเช้าตามสูตร 6-7-8 มาตรฐานทัวร์ไทย



สถานที่แรกที่ไปกัน คือ เมืองโบราณต้าหลี่ ช่วงนี้มีดอกไม้สีสวยออกแข่งกันเยอะเชียวค่ะ
บริเวณนี้เป็นประตูเมือง เมืองโบราณจะมีกำแพงล้อมไว้ทุกด้าน



พอเดินเข้าไปในตัวเมืองโบราณ ก็จะมีร้านขายของที่ระลึก ของฝาก ตั้งอยู่สองข้างทาง



ตั้งใจจะมาซื้อของจริงจังอย่างเดียวในทริปนี้ คือ แม่เหล็กติดตู้เย็น เพราะสะสมอยู่ เวลาไปเที่ยวที่ไหนก็จะไปซื้อมาแปะตู้เย็นไว้เป็นอนุสรณ์ แต่หาซื้อไม่ได้เลย พยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ รึว่าที่นี้เค้าไม่ผลิตแม่เหล็กขาย เจอแต่สร้อยแม่เหล็กพลังงาน ที่ฮา คือ จนวันสุดท้ายตอนรอเครื่องกลับไทย เราก็ไม่ละความพยายาม ไปเดินหาที่ร้านในสนามบิน ปรากฎว่าในที่สุดก็เจอแม่เหล็กติดตู้เย็นจนได้ แต่เป็นของปักกิ่งซะงั้น แล้วจะซื้อกลับไป เพื่อ....

กลับมาเข้าเรื่องในทริปกันดีกว่าเนอะ.. คุณป้าคนนี้กำลังย่างแผ่นนมแพะอยู่ เราซื้อมาแทะแล้วอร่อยดี เหมือนชีส เค้าเหมือนจะทานน้ำเชื่อมไปเคลือบเล็กน้อย รสชาติเลยมีหวานนิดๆ ไกด์บอกว่า ที่จริงเค้าเอาไว้กินแกล้มเบียร์



กับอีกแบบ อันนี้น่าจะเอานมแพะไปทอด แบบนี้ทดลองกินแล้วไม่ผ่าน กลิ่นหืนรุนแรง



บรรยากาศในเมืองตอนเช้า คนยังไม่เยอะ ร้านก็ยังเปิดไม่เยอะเท่าไหร่ ท้องฟ้าเริ่มแจ่มใสขึ้นเล็กน้อย



วิวจากหน้าห้องน้ำ



มาเมืองจีนก็ต้องขอพูดเรื่องส้วมกันซักหน่อย แถวที่เรามาเที่ยวกันคราวนี้ก็จัดว่าค่อนข้างจะบ้านนอกกันพอสมควร แต่ก็ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ดังนั้นห้องน้ำตามสถานที่ท่องเที่ยวก็จะตกแต่งสวยงาม สะอาด และทันสมัย คือ มีระบบเซนเซอร์ (ให้จินตนาการว่าเป็นส้วมแบบนั่งยองๆ แล้วเวลาเราลุกปุ๊บ-จับการเคลื่อนไหว-น้ำล้างเองออโต้ ประมาณนั้น..) แต่ก็อย่าได้วางใจไป เพราะบางที่ตกแต่งข้างนอกซะสวยเชียว แต่พอเข้าในห้องก็เละเหมือนเดิม แถมถ้าเซนเซอร์ไม่ทำงานก็ไม่รู้จะเอาน้ำที่ไหนมาราดเหมือนกันนะ เพราะไม่มีถังน้ำส่วนตัวในห้องเหมือนบ้านเรา ถ้าไปเข้าห้องน้ำระหว่างทางก็จะมีให้ลุ้นหลายอย่างหน่อย ถ้ามากับทัวร์อย่างน้อยเค้าก็สแกนกันมาก่อนแล้วล่ะ แต่เราว่านี่ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของการมาเที่ยวเมืองจีน แบบว่าพอกลับมาเมืองไทย เจอเพื่อนแทนที่จะถามว่าไปเที่ยวมาสนุกมั้ย กลับเป็นถามว่าห้องน้ำเป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย...

กระหนุงกระหนิง



เจดีย์สามองค์ จากระยะไกล อันนี้ทัวร์จอดรถให้เดินดูแค่ข้างนอก เอาแค่ว่า เอออ....เคยมาเห็นแล้วนะ ทำนองนั้น



จากนั้น นำท่านเดินทางสู่เมืองลี่เจียง (ลอกโปรแกรทัวร์มาเลย) รถติดยาวบนภูเขา ด้วยสาเหตุงี่เง่ามาก คือ ด้านนึงเค้าทำถนนอยู่ ปิดถนนแค่ช่วงสั้นๆ 20 เมตร ดังนั้นจะเหลือเลนเดียวที่ไปได้ เผอิ๊ญจังหวะพอเหมาะรถขึ้นเขากับรถลงเขาหัวแข็ง 2 คันมาเจอกัน ไม่มีใครหลีกให้ใครไปก่อน แล้วรถที่ตามหลังก็ต่อท้ายแถวกันไปเรื่อยๆ สุดท้ายเรื่องจบลงเพราะมีฮีโร่มาโบกรถให้รถด้านนึงหลบไปก่อน หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง!!



ช่วงรถติด ไกด์เอายาชนิดนี้มาขายให้ กินเพื่อป้องกันอาการแพ้ความสูง เพราะพรุ่งนี้จะขึ้นภูเขาสูง 4500 เมตร ออกซิเจนจะเบาบาง รสชาติคล้ายเก๊กฮวย ดูดหลังอาหารครึ่งชั่วโมง ต้องติดกัน 5 มื้อ ไม่รู้ว่าได้ผลจริงรึปล่าว แต่สามคนพ่อแม่ลูกก็เที่ยวแบบเพลิดเพลิน ไม่มีใครวิงเวียนโอ้กอ้ากแต่อย่างใด



ผ่านมาสี่ชั่วโมง มาถึงซักที เมืองมรดกโลกลี่เจียง ถ่ายกับสัญลักษณ์ไว้ก่อนเลย
ตอนนี้อากาศดีมากๆค่ะ ฟ้าใส อากาศไม่หนาวมาก ฟ้าฝนช่างเป็นใจ



จุดห้อยแท็กขอพร



เริ่มเดินสำรวจ ทางเดินหลัก ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านขายของที่ระลึก (แต่ไม่มีแม่เหล็กติดตู้เย็น T_T) ซื้อของสบายใจว่าที่ปักกิ่งเยอะเลย ไม่ต้องต่อหรือใช้มารยามากมาย



บรรยากาศดีมากเลยค่ะ น้ำในคลองก็มาจากธารน้ำแข็ง จากภูเขาหิมะมังกรหยกที่เราจะไปเที่ยวกันในวันพรุ่งนี้



เข้าซอยเล็กซอยน้อย



ห้องน้ำตามสถานที่ท่องเที่ยวหน้าตาเป็นแบบนี้ เสียค่าเข้าครึ่งหยวนจ้ะ



ไกด์เล่าให้ฟังว่าที่เมืองลี่เจียงมีชื่อเสียง เริ่มเป็นที่รู้จักก็เพราะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง บ้านเรือนเสียหายรุนแรง แล้วได้ออกข่าว พอคนเห็นภาพเมืองจากข่าวก็เลยพากันมาเที่ยวมากขึ้น แต่เมืองเก่าตอนนี้ส่วนใหญ่ก็คือ สร้างเลียนแบบขึ้นมาใหม่ ได้โอกาสขึ้นมาเพราะวิกฤติแท้ๆเลยนะเนี่ย



ร้านอีกประเภทที่เปิดกันเยอะๆ ก็เป็นผับอ่ะค่ะ คือถ้าไปยืนอยู่ตรงนั้น จะได้ยินเสียงเพลงและบีทหนักๆ ที่แต่ละร้านจะเปิดสาดใส่กัน เสียงดังมาก มีอาหมวยแต่งตัวสวยๆมายืนรอแขก



นี่ก็ผับ อารมณ์ว่ามาข้าวสาร เพราะที่นี้มีนักท่องเที่ยวฝรั่งแบกแพคมากันเยอะเลยทีเดียว



ขอเก็บภาพตอนกลางคืนของลี่เจียงซักหน่อย



ก่อนกลับไปพักผ่อน...



บลอกหน้าได้เวลาขึ้นภูเขากันแล้วค่า....




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2554 1:15:15 น.
Counter : 2528 Pageviews.  

วันแรก จากคุนหมิงสู่ต้าหลี่ จุดเริ่มต้นแห่งทริปนั่งรถมาราธอน



ตั้งเป้ากับตัวเองเอาไว้ว่าจะมีทริปเที่ยวกับพ่อแม่อย่างน้อยปีละ 1 ทริป เพราะชอบเที่ยวกันทั้งบ้าน ปีนี้เราเลือกไปเที่ยวคุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง เหตุผลหลักๆคือเหมาะสมกับงบประมาณ แล้วก็ทริปนี้มีไฮไลต์ตรงที่พ่อกับแม่จะได้เจอหิมะตัวจริงเสียงจริงเป็นครั้งแรกในชีวิต ^^



ก่อนไปเที่ยวก็มีเรื่องให้ตื่นเต้น คือ ก่อนกำหนดเดินทางไปประมาณ 1 สัปดาห์มีแผ่นดินไหวที่ยูนนาน (ที่ที่จะไปก็อยู่ในยูนนานทั้งหมดแหละ) เสียหายไปพอสมควร แถมถัดมาอีกวันก็มีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นครั้งใหญ่อีก เราก็แอบถอดใจ โทรไปบอกพ่อแม่ว่าถ้ามีแผ่นดินไหวแถวๆยูนนานอีกครั้งเรายอมเสียเงินค่าทัวร์ รักษาชีวิตดีกว่า แต่แล้วก็ไม่มีข่าว สรุปก็ได้ไปเที่ยวตามที่ตั้งใจไว้

ช่วงที่ไปเที่ยว เป็นช่วงกลางเดือนมีนาคม เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปกติแล้วอากาศจะเย็นสบาย ระหว่างสิบองศาเซลเซียสปลายๆ ไปจนถึงยี่สิบต้นๆ แต่วันแรกที่บินไปถึงคุนหมิงอากาศหนาวมาก ระหว่าง 2-6 องศา ไกด์คนจีนบอกว่าเมื่อวานที่คุนหมิงมีหิมะตกด้วย ถือเป็นเรื่องแปลกมากๆ ที่มีหิมะในช่วงกำลังจะเข้าหน้าร้อน อากาศก็ขมุกขมัว โปรแกรมวันนี้หลักๆก็จะเป็นการนั่งรถจากคุนหมิงไปยังเมืองต้าหลี่

นั่งกันสบายๆ แยกกันนั่งคนละมุมพ่อแม่ลูก



ช่วงแรกที่ออกจากคุนหมิง เป็นเขตอุตสาหกรรม มีโรงงานใหญ่ๆตั้งเต็มไปหมด ถนนกว้างเหมือนมอเตอร์เวย์บ้านเราแหละค่ะ มีด่านให้จอดรถเป็นพักๆ



พออกมาไกลซักหน่อย ก็จะเริ่มเห็นบ้านคนมากขึ้น มีการทำไร่นาเป็นขั้นบันได ให้เห็นตลอดการเดินทาง



สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่แวะ คือ เจดีย์แห่งโชคลาภ ตอนลงจากรถมาหนาวมากเลย ตอนนั้นสององศาได้



เป็นเมืองระหว่างทาง จำชื่อไม่ได้ แต่มองลงมาจากวัดแล้วเห็น ดูเป็นอุตสาหกรรมมากๆ แต่สภาพเมืองนี้ค่อนข้างจะทรุดโทรมนะ เห็นตอนนั่งรถขึ้นมา ขยะเต็มไปหมด



หมายูนนาน หัวกลมๆ



เดินกลับเข้ารถอุ่นๆกันดีกว่า



นั่งรถไปอีกหนึ่งเมื่อย เราก็มาถึงเมืองโบราณแบบแอ๊บๆ เงียบมาก ไม่ค่อยมีร้านเปิดรวมถึงไม่มีคนเดินด้วย มาแวะเพื่อทานข้าวเย็นกันค่ะ จำชื่อไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เพราะไม่มีอะไรให้จดจำ



มีซุ้มเกมเหมือนงานวัดบ้านเรา



สรุปวันนี้ ถึงที่พักที่ต้าหลี่ตอนสี่ทุ่มกว่า นั่งรถจนเมื่อย

เฉลี่ยแล้วทริปคุนหมิง-ต้าหลี่-ลี่เจียงนั่งรถทัวร์กันวันนึงนานมากๆ ประมาณ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ใครจะมาเที่ยวโปรแกรมนี้ก็ควรเตรียมใจจุดนี้ไว้ด้วยนะคะ

โปรแกรมวันพรุ่งนี้ ค่อยน่าสนใจขึ้นมาอีกหน่อยไปเที่ยวเมืองโบราณทั้งต้าหลี่ และลี่เจียงเลยค่ะ




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2554 12:25:32 น.
Counter : 2112 Pageviews.  


khimyo
Location :
ลำพูน Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add khimyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.