วันที่ 2 Chinatown/Gardens by the Bay/Marina Bay Sands



ก่อนจะเริ่มไปเที่ยวกันทั้งวัน อันดับแรก หามื้อเช้าแบบชาวสิงคโปร์ทานกันก่อน  
มาทานคายาโทส หรือขนมปังปิ้งไส้สังขยาที่ร้าน Yakun Kaya Toast 



สั่งมาโทสต์มาทานสองแบบ มีคายาโทสต์แบบดั้งเดิม เป็นขนมปังแผ่นบางปิ้งจนด้านนอกกรอบ 
มีไส้ตรงกลางเป็นสังขยาหวานๆกับเนยเย็นๆ พอกัดลงไปก็จะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างกัน
สัมผัสทั้งนุ่มและกรอบ ทั้งอุ่นทั้งเย็น รสชาติทั้งมันๆหวานๆเค็มๆ อร่อยดีค่ะ
เฟรนช์โทสต์ เมนูนี้เราไม่ชอบเท่าไหร่ ขนมปังชุบไข่นิ่มๆจืดๆทานกับสังขยา 

ถ้าสั่งเป็นเซต ก็จะมีไข่ลวก 2 ฟอง และเครื่องดื่มเป็นชาหรือกาแฟ มาพร้อมกันด้วย ตกเซตละ 4-5 เหรียญ

หากเป็นคนไม่ทานชาหรือกาแฟ เวลาไปทานตามร้าน ถ้าสั่งน้ำผลไม้หรือน้ำหวานประเภทอื่นมา
ราคาจะกระฉูดจากน้ำชาหรือน้ำเปล่าประมาณนึง 
อย่างที่ร้านนี้ สั่งไมโลเย็นแก้วละ 3.8 เหรียญ.. ที่แพงสุดเจอน้ำมะนาวแก้วละ 6 เหรียญ 
น้ำดื่มธรรมดาตามเซเว่นก็ราคาแพงนะ เรางี้พกขวดน้ำจากโรงแรมออกไปด้วยทุกวันเลย 

ทานเสร็จระหว่างรอคนอื่นขึ้นไปเก็บข้าวเก็บของที่ห้อง เลยออกมาเก็บภาพย่านคลากคีย์ตอนเช้าๆสายๆ


จากนั้นก็เดินไปไชน่าทาวน์ค่ะ 
จริงๆมีรถไฟฟ้าไปได้นะ แต่่เราเห็นว่าเดินไปก็ไม่ไกลมาก แค่ 400 เมตร เลยเดินชมเมืองไปดีกว่า


ก่อนจะถึงไชน่าทาวน์ แวะตึก People's Park Centre เพื่อซื้อตั๋วเข้าชมทั้ง 2 โดมที่การ์เด้นส์บายเดอะเบย์
ได้ราคาตั๋วเข้าชมคนละ 19 เหรียญ ถูกกว่าซื้อตรงทางเข้าโดมร้อยกว่าบาทค่ะ
เราไปที่นั้นกันบ่ายนี้แหละ ถือโอกาสหลบอากาศร้อนอบอ้าวด้านนอกซะเลย

แถวไชน่าทาวน์เจอคนไทยเยอะเลย ตอนแรกเราอยากพักแถวนี้แหละ ท่าทางของกินเยอะดี ฮ่าๆ




เดินมาจนถึงวัดพระเขี้ยวแก้ว เข้าไปด้านในนิดหน่อย แต่ไม่ได้เดินขึ้นชั้นบน


แล้วก็มาทานข้าวมันไก่ร้านเทียนเทียน ที่แม็กซ์เวลฟู้ดเซนเตอร์


คราวก่อนก็จะมาลองกินร้านนี้แหละ แต่คิวยาวเกิ๊นไม่อยากรอ ก็เลยอดตามระเบียบ
ครั้งนี้ ตั้งใจว่าจะมาต่อคิวตั้งแต่ยังไม่หิวมาก คิวยาวแค่ไหน พี่ก็จะสู้!! ฮึ้ย!

ปรากฎว่า.. คิวสั้นนิดเดียว มีแค่สี่ห้าคนเองง่ะ 

สั่งไก่ครึ่งตัว ผักราดน้ำมันหอย ข้าวมัน 3 จาน 20.2 เหรียญ


ไก่เนื้อนุ่มดี น้ำซอสราดไก่ที่เค้าว่าอร่อยๆกัน แต่เราว่ามันก็ไม่ได้ขนาดนั้นนะ (แล้วแต่คนชอบอ่ะเนอะ)
ส่วนน้ำจิ้ม ไม่ได้ชิมอ่ะ เพราะปกติกินข้าวมันไก่ เราก็ไม่ได้ใส่น้ำจิ้มไรงี้อยู่แล้ว เอาว่าวัดกันที่ไก่และข้าวกันเลย
โดยรวมก็ถือเป็นข้าวมันไก่ที่อร่อยนะ แต่ก็ไม่ได้อร่อยแบบว้าวววสุดยอด

ถ้าใครยังไม่เคย ลองมาทานกันก็ไม่เสียหาย จัดว่าเป็นร้านดังระดับกอร์ดอนแรมซีย์การันตีความแซ่บ 
ติดทุกชาร์ตถ้าพูดถึงข้าวมันไก่สิงคโปร์ แถมราคาประหยัด บางทีคุณอาจจะถูกปากกับรสชาติแบบนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ ^__^

ช่วงบ่าย เดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินไปโผล่ที่สถานีมารีน่าเบย์ 
เพื่อไปเที่ยวโดมต้นไม้ดอกไม้ทั้งสองที่การ์เด้นส์บายเดอะเบย์

เราใช้ตั๋วแบบ Standard ticket ลองคำนวณก่อนไปเที่ยวละ ว่าใช้เงินน้อยกว่าซื้อ EZ-link เพราะนั่งรถไฟแค่ไม่กี่รอบเอง
ราคาต่อเที่ยวแพงกว่าใช้บัตรเติมเงิน แต่ว่าไม่ต้องเสียค่ามัดจำบัตรนู้นนี้ 
เวลาจะใช้ก็ค่อยเติมเงินเป็นรอบๆเอา ใบนี้เก็บไว้เดินทางได้ 6 เที่ยว เราใช้ 6 ครั้งพอดีเป๊ะ เก็บบัตรกลับบ้านมาดูเป็นที่ระลึกซะเลย


ช่วงเวลาแห่งความทรมานได้เริ่มขึ้นแล้ว ฮ่าๆๆ


มันร้อน แสบผิว และเหนอะหนะจริงๆ ณ จุดนี้ ระยะทางระหว่างออกจากสถานีรถไฟฟ้าแล้วเดินไปยังโดมด้านใน 
ต้องเดินกลางแจ้งประมาณ 10-15 นาที (แต่รู้สึกยาวนานกว่านั้น)


เค้าบริการรถรับส่งถึงหน้าโดมเลยค่ะ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ก็เลยไม่ขึ้น..สม..

ใครยังไม่มีตั๋วเข้าชมก็มาซื้อที่นี่เลยก็ได้ ราคาตามนี้


มาถึงโดมแล้วค่ะ เราเลือกเข้า Cloud Forest กันก่อน
เหตุผล: อ่านมาว่าโดมนี้เย็นกว่าอีกโดม


สัมผัสแรกที่เข้าโดมคือ เย็น สบาย อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เจอน้ำตกตรงหน้าเลย


มีต้นไม้เยอะแยะไปหมด ไม่ค่อยมีความรู้ทางนี้เท่าไหร่ แต่น่าจะเป็นพวกพืชในเขตป่าดงดิบ ต้องการความชื้นสูง


อันนี้ทำมาจากเลโก้นะเนี่ย เคยเห็นในข่าวว่าตัวจริงของดอกแดงๆเนี่ย ตอนบานจะเหม็นเหมือนซากศพ ภาษาไทยเรียกว่าบัวผุด ภาคใต้บ้านเราก็มี


ขึ้นลิฟท์ไปชั้นบนก่อนแล้วค่อยๆเดินกลับลงมา
ด้านบนสุด มีพื้นที่ไม่มาก แต่มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะ เค้าตั้งชื่อว่า Lost World


เห็นต้นไม้แปลกๆ แล้วความทรงจำสมัยเรียนสปช. เรียนชิวะ ย้อนขึ้นมาเป็นฉากๆ 


ชอบเดินบนทางเดินนี่มากเลย ได้ภาพสวยๆมาเพียบ




มีจำลองถ้ำ การเกิดหินงอกหินย้อย ประเทศไทยมีของจริงให้ดูเยอะหลายที่ 


อยู่ๆมีพ่นละอองหมอกออกมาด้วย ชักเริ่มหนาวซะแร้ว


มีการจัดแสดงเรื่องถ้าโลกอุณหภูมิร้อนขึ้นมาอีก 5 องศาเซลเซียส ดูสนุกมากเลย ถ้าใครไปลองหยุดดูกันนะ แต่ที่นั่งชมน้อยไปนิด


แผนที่ของ Gardens by the Bay พร้อมกับบรรยายเรื่องการจัดการทรัพยากรของที่นี้ ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง
แต่รู้ว่าเค้าสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาเพราะตั้งใจหมุนเวียนทรัพยากรต่างๆมาใช้อย่างคุ้มค่าให้มากที่สุด 
(แหม่... จุดนี้อยากมีลูก แล้วพาลูกมาเที่ยวที่นี่ซะเลย)


ช่วงสุดท้ายก่อนออกจากโดม เป็นป่าดึกดำบรรพ์ เราจินตนาการไปยุคไดโนเสาร์นู้นเลย
มีต้นไม้ที่ดูโบราณๆ เฟิร์นก้านม้วนๆแบบในการ์ตูนโดเรมอนช่วงหลงไปยุคไดโนเสาร์ด้วยไง กร๊ากกก


ก่อนจะเดินออกโดม จะมีเจ้าหน้าที่ถามว่าต้องการกลับเข้ามาที่นี่อีกมั้ย(ภายในวันเดียวกันนะ)
ถ้าจะกลับมาอีก เค้าจะสแตมป์ตรายางให้ที่แขน จะได้กลับเข้ามาได้โดยไม่ต้องแสดงตั๋วค่ะ

มาต่อที่ Flower Dome เข้ามาแล้วรู้สึกโปร่งโล่ง สว่างกว่าโดมก่อน


เหมือนจะรู้ว่าคนมาเที่ยวเริ่มเมื่อย โดมนี้มีที่ให้นั่งพักขาเยอะเลยค่ะ 


ตรงกลางโดม เหมือนเป็นไฮไลท์ มีดอกไม้สีสวยจัดแสดงอยู่ 




มีจัดแสดงพวกกระบองเพชร และพืชทนแล้ง อยู่ด้วยนะ
เห็นแล้วนึกถึงแม่ขึ้นมาทันที ถ้าแม่เรามาเที่ยวที่นี่คงอยู่ได้เป็นวันแน่นอน 


ภาพสุดท้าย ก่อนจะต้องอำลาจากโดมที่เย็นสบายทั้งสองนี้ไป 


ขากลับแวะไปดู Supertree ตั้งอยู่ใกล้ๆกับโดมแหละ แต่เราเดินหลงอ้อมไปซะไกลเลย


หลังจากใช้พลังงานข้าวมันไก่จนหมด เลยเดินเข้ามาหาอะไรลงท้องกันซักหน่อย ที่ The Shoppes at Marina Bay Sands
ห้างสวยมากเลยค่ะ ความรู้สึกเหมือนเดินเมกะบางนา ผสมเวเนเชี่ยนมาเก๊า


มีเรือกอนโดล่าคนพายหน้าตี๋ให้บริการด้วยค่ะ 


อาหารเย็นของเราวันนี้ คือ... เสี่ยวหลงเปาจากร้าน Din Tai Fung
คือดีงาม ประทับใจมื้อนี้ที่สุดในทริปนี้


เสี่ยวหลงเปาเนื้อหมู+ปู อร่อยมากกกกก เราทานแบบกัดก้นถุงออกก่อนนิดนึงแล้วดูดน้ำซุปข้างในก่อน แล้วกัดทานตัวเสี่ยวหลงเปาทีหลัง
ซุปที่อยู่ด้านใน หวานหอม ทานแล้วเคลิ้มเลยยย ส่วนเนื้อกับแป้งก็กลมกล่อมเข้ากัน รักเมนูนี้อ่ะ


อีกอย่างที่ชอบมากเช่นกันคือ ข้าวผัดไข่โปะหน้าด้วยหมูทอดพอร์กชอป
ดูเป็นอาหารธรรมดา แต่มันอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ 
อีกสองอย่างก็อร่อยค่ะ เกี๊ยวทอดกรอบ และเสี่ยวหลงเปาหมู+กุ้ง ห่อแบบเกี๊ยวซ่าเลย น้ำซุปด้านในมีน้อยกว่า

ได้เข้าคาสิโนมาด้วยนะ ข้างในสวยแบบแปลกๆ แต่งแบบล้ำอนาคต รู้สึกเหมือนอยู่ในโพรงมดลูกยังไงไม่รู้ ฮ่าๆ เสียดายเค้าไม่ให้ถ่ายรูป

ออกมานั่งชิวยามเย็น แสงทไวไลท์สวยจัง


ถ่ายรูปเล่นเรื่อยๆ รอดูโชว์  Wonder Full ทางฝั่งมารีน่าเบย์แซนส์บ้าง




ไม่ได้ถ่ายรูปตอนโชว์เลยค่ะ เพราะมัวแต่ดูเพลิน อยากที่บอกตั้งแต่บลอกก่อนว่าฝั่งนี้จัดเต็มกว่าฝั่งเมอร์ไลอ้อนเยอะ
มีทั้งน้ำ ทั้งไฟ ทั้งฟองสบู่ แสง สี เสียง มาเต็มค่ะ ดูจบมีแต่คนปรบมือให้กันเกรียว

แม้จะเดินมาเยอะมากในวันนี้ แต่เรายังไม่กลับโรงแรมง่ายๆ
ต้องแวะไปเจิม Helix Bridge ก่อน สะพานนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสายเกลียว DNA


ตอนแรกก็งง ว่าไอ้ตัวอักษรตามพื้นนี้คืออะไร นึกไปนึกมา อ่อคู่เบสแพร์โครงสร้างของ DNA นั่นเอง  ลึกซึ้งๆ


บลอกของวันนี้ยาวเชียว มีแต่เรื่องอยากเล่าทั้งนั้นนิ..




Create Date : 07 มิถุนายน 2558
Last Update : 7 มิถุนายน 2558 15:37:00 น. 1 comments
Counter : 2109 Pageviews.

 
ไม่ชอบหย่าคุณเลยครับ ขนมปังแผ่นบางมากกกกกกกก อิอิอิ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 10 มิถุนายน 2558 เวลา:17:44:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

khimyo
Location :
ลำพูน Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add khimyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.