ซี ศิวัฒน์ ฉลองสมรส เอมี่ กลิ่นประทุม ชื่นมื่น เผยแหวนเพชร 5.3 กะรัต อุบตอบสินสอดยันสมฐานะ ทำเก๋ไร้ของชำร่วยเพราะนำเงินไปทำบุญโรงพยาบาลเด็กราชวิถีแทนแล้ว เตรียมฮันนีมูนยุโรป ยันไม่พร้อมมีทายาท ฝ่ายเจ้าบ่าวแซวเจ้าสาวมีผัวแล้วอย่าทิ้งกันนะโว้ย! หลังจากที่ ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ ได้ถือฤกษ์ดีจัดพิธีแต่งงานกับ เอมี่ กลิ่นประทุม ตามแบบประเพณีไทยไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยยกขันหมากสู่ขอและได้ทำการสวมแหวนหมั้นพร้อมจดทะเบียนสมรสท่ามกลางครอบครัวและเพื่อนๆ ที่มาร่วมแสดงยินดีมากมาย ล่าสุดในวันนี้ (28 มิถุนายน 2557) เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้จัดพิธีฉลองมงคลสมรส ณ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี โดยทั้งคู่ได้แถลงข่าวเปิดใจว่าเป็น 9 ปีที่รอคอย และฝ่ายชายเริ่มคิดเรื่องแต่งงานจริงจังตามคำสั่งเสียของคุณแม่ เผยแหวนเพชร 5.3 กะรัต แต่อุบสินสอดบอกสมฐานะ ในขณะที่สร้างความฮือฮาเพราะไร้ของชำร่วยให้แขก โดยบอกว่าได้นำเงินจากการซื้อของชำร่วยไปทำบุญโรงพยาบาลเด็กราชวิถีเพื่อให้ได้ร่วมบุญกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าบ่าวเผยไร้คำมั่นสัญญาใดๆ แต่จะขอดูแลเจ้าสาวอย่างดีที่สุด บอกเอมี่หลังแต่งมีผัวแล้วอย่าทิ้งกันนะโว้ย! ซี : หลังได้ใช้ชีวิตคู่เราก็มีความสุขดี เราสองคนก็เหมือนเดิม มีแต่สเตตัสในเฟสบุ๊คที่เปลี่ยนไป ที่เปลี่ยนไปคือเวลาเราพูดกับคนอื่นเมื่อก่อนก็จะบอกว่านี่คือแฟนผม แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นนี่คือภรรยาผม จริงๆ อยากจะพูดว่าเมียมากกว่า มันเป็นการย้ำเตือนว่าต่อไปนี้มันไม่ได้มีแค่ตัวผมคนเดียวแล้ว ก็จะมีเราสองคน เอมี่ : ก็เหมือนเดิมค่ะ แต่จะมีซีเขาจะมีมุมกุ๊กกิ๊กขึ้น จะมาแบบภรรยาทำอะไรอยู่ทำให้เรารู้สึกดี สดชื่นแฮปปี้ดีเขาใส่ใจมากขึ้น อาจจะเป็นช่วงเหอะ ซี : 9 ปีแล้วนะ ไม่เกี่ยวหรอก อย่างที่บอกคือเราสองคนไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิม ตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันจนถึงตอนนี้ เราเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ทั้งน้อง แล้วบางครั้งก็ยังเป็นเพื่อนสาวเขาด้วย ฉะนั้นมันคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิม เราจะทำทุกวันให้ดีที่สุด ผมพูดเสมอว่าสิ่งที่มันยากคือเราจะทำอย่างไรให้รักของเราไม่น้อยไปกว่าเมื่อวานนี้ เราก็จะคุยกันตลอด ไร้คำสัญญาแต่จะดูแลกันให้ดีเหมือนเดิม ซี : เราจะไม่สัญญา แต่เราจะอยู่กับความสุข ณ ปัจจุบัน ผมเชื่อว่าชีวิตคู่เราคบกันมา 9 ปี มันมีทั้งดีไม่ดีทั้งสุขทั้งทุกข์ ผมคงไม่สัญญาว่าจะไม่ทำให้เขาเสียใจเพราะว่ามันต้องมีอยู่แล้ว แต่ผมจะสัญญาว่าผมจะไม่ยอมแพ้ ตอนที่เรารักกันเราก็รักกัน แต่ตอนที่เราทะเลาะกันเราก็จะรักกันด้วย นี่คือสิ่งที่เราคุยกัน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด" เอมี่ : เขาก็เหมือนเดิมแหละ หลังจากงานหมั้น วันรุ่งขึ้นเขาก็ไปทำงานใช้ชีวิตเหมือนปกติ อย่างวันนี้คนมาถามว่าตื่นเต้นไหม ตอนแรกก็ไม่ตื่นเต้นนะ เพราะผ่านช่วงตื่นเต้นมาแล้ว แต่ตอนนี้เอาจริงๆ ก็เริ่มตื่นเต้นอีกรอบหนึ่งแล้ว ซี : ผมว่าผมคงไม่กลัวภรรยาหรอกครับ ผมว่าน่าจะเป็นหน้าที่ของคำว่าสามีมากกว่าที่ต้องดูแลเขา เขาชอบอะไรก็ทำแบบนั้น ก็อยู่ในส่วนที่ผมรับได้ ไม่ใช่ว่าเราจะยอมไปเสียทุกอย่าง ก็อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งของการใช้ชีวิตคู่ อุบตอบสินสอด ยืนยันสมฐานะเจ้าสาว ซี : สมฐานะครับ ไม่ได้คิดเลยจริงๆ ว่าจะต้องประมาณเท่าไหร่ ครอบครัวเขาน่ารักมากไม่ได้เรียกร้องอะไรเลยไม่ได้คิดอะไรเลย สิ่งที่พ่อของเขาขออย่างเดียวคือดูแลลูกสาวเขาให้ดีเท่านั้นพอ เอมี่ : แหวนหมั้นเป็นของแม่ค่ะท่านเก็บเอาไว้ให้ ก็ประมาณ 5.3 กะรัต" ซี : ส่วนเรือนหออยู่ที่ลำลูกกาครับ หลังจากแต่งก็ตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จจริงจังเสียที ด้วยตอนนี้เราเองไม่มีเวลาไปดูเลย ก็กลัวว่าให้คนอื่นเข้าไปดูจะเป็นปัญหา เราเองไม่อยากจะเข้าไปอยู่แล้วทำครึ่งๆ กลางๆ อยากทำให้เสร็จทำบุญบ้านแล้วค่อยเข้าไปอยู่ ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่บ้านหลังเก่า แถวรามคำแหง 92 วางแผนฮันนีมูนยุโรป ไร้แพลนมีทายาท ซี : ยังไม่มีน้องครับ คิดว่าคงจะสนุกกับการใช้ชีวิตคู่ ยังสนุกกับการทำงานไปก่อน เราสองคนเองก็มีโปรเจกต์เยอะ เดี๋ยวทำงานสัก 1-2 ปีค่อยคุยกันอีกทีค่อยว่ากัน" เอมี่ : ก็คิดเหมือนกันค่ะ ยังอยู่ในช่วงทำงานกันอยู่ แล้วเราก็อยากเที่ยว ยังอยากทำอะไรที่เป็นสองคนอยู่ ก็อยากให้ทุกอย่างพร้อมจริงๆ ก่อนแล้วค่อยสร้างครอบครัว ส่วนฮันนีมูนยังดูๆ อยู่ ก็ตั้งใจว่าจะไปหลายๆ ที่หน่อยคงจะเป็นโซนยุโรป ซีเขาไม่แคร์อะไรเท่าไหร่ก็ตามใจ มี่ก็จะถามว่าอย่างนี้ดีไหม เราก็จะแบบโอเค มาแปลก!! เปลี่ยนของชำร่วยเป็นนำเงินไปทำบุญมูลนิธิโรงพยาบาลเด็กราชวิธี ซี : ความคิดของเราสองคนเรามีความรู้สึกว่าเราไม่อยากสร้างภาระให้แขกที่มาร่วมงาน แทนที่เราจะเอาเงินเป็นแสนๆ ไปลงทุนกับของชำร่วยซึ่งน้อยมากที่จะเป็นประโยชน์ บางคนก็ลืมบ้างบางคนก็ไม่อยากเอากลับไปบ้าง ก็เลยคิดว่าเราเอาเงินไปทำบุญดีกว่า เลยเอาเงินไปมอบให้น้องๆ ที่มูลนิธิโรงพยาบาลเด็กราชวิถี ซึ่งทุกปีผมก็จะไปทำบุญวันเกิดที่นั่นอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าแทนที่จะเอาเงินก้อนที่ไปซื้อของชำร่วยที่บางคนอาจจะอยากได้หรือไม่อยากได้ เอาไปทำประโยชน์ดีกว่าที่เขาต้องการ ก็เลยบอกทุกท่านว่าขออภัยนะครับที่อาจจะไม่มีของชำร่วย เราตั้งใจว่าบุญที่เราทำถือเป็นของชำร่วยที่มอบให้ ให้แขกผู้มีเกียรติทุกคนเหมือนได้บุญกับเรา ยกเซ็นทรัลปาร์กนิวยอร์กมาไว้ในงาน เพื่อความสบายใจแขก เอมี่ : เราจำลองบรรยากาศงานให้เป็นเหมือนที่ที่เราไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่นิวยอร์ก เลยเหมือนให้ทุกคนที่มางานอยู่ในเซ็นทรัลปาร์กด้วยกัน เป็นสถานที่ร่มรื่น ซีเขาก็ชอบต้นไม้ ก็เลยอยากได้อะไรที่ดูร่มรื่น ให้แขกที่มาแล้วรู้สึกสบายใจ อยากร่วมชีวิตเอมี่เพราะคำสั่งเสียของแม่ที่อยากให้แต่งงาน ซี : ที่บอกกับความรู้สึกตัวเองเลยคือตอนที่คุณแม่เสีย ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเราไม่มีอะไรแน่นอน ตอนเด็กๆ เราคิดว่าเราคงจะมีชีวิตอยู่สักประมาณ 70-80 ปี ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่เลย เราไม่สามารถกำหนดอะไรได้เลย แม่ผมเองร่างกายแข็งแรง จนวันหนึ่งอยู่ดีๆ ก็จากไป เขามีคำทิ้งท้ายที่บอกผมไว้ว่าเขาอยากให้ผมแต่งงาน ฉะนั้นแล้วหลังจากที่คุณแม่ผมเสียผมรู้สึกว่าไม่อยากจะคาดหวัง หรือรอคอยอะไรอีกต่อไปแล้วเพราะเราไม่สามารถที่จะกำหนดได้ แล้วถ้าเขาคนที่ผมรักไม่อยู่ไปอีกสักคน หรือแม้แต่ตัวผมเอง เราคงรู้สึกทุกข์ทรมาน ผมเลยรู้สึกว่าผมเบื่อความรู้สึกนี้ ผมรู้สึกว่าผมพร้อมแล้วที่จะใช้ชีวิตคู่ ผมคงไม่สามารถการันตีได้ว่าชีวิตคู่ของผมสองคนจะราบเรียบ แต่อย่างน้อยมันคงเป็นความท้าทาย เป็นเรื่องที่ดีที่เราสองคนจะได้ไม่มีคำว่าอยากตลอดเวลา จะได้ไม่มีคำว่าผมอยากแต่งงาน ผมอยากมีชีวิตคู่ผมอยากมีครอบครัว ผมเลยคิดว่าก็ลองจินตนาการดูว่าไม่มีเขาในโลกนี้แล้วชีวิตผมจะเป็นยังไง คำตอบก็คือชื่อเสียงเงินทองอะไรมันไม่สำคัญอีกต่อไป ผมเลยคิดว่ามันน่าจะพร้อมแล้วแหละที่เราจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน" บอกเอมี่มีผัวแล้ว อย่าทิ้งกันนะโว้ย !! ซี : หลังแต่งงานเราก็บอกเขาว่ามีผัวแล้วนะเรา(หัวเราะ) ก็บอกว่ามีแล้วก็อย่าทิ้งกันนะโว้ย ก่อนหน้านี้เราเฉยๆ ไง เรารู้สึกว่าความโสดเป็นเรื่องธรรมดา พอคนมันจะสูญเสียเอกราช ความโสดก็เหมือนเนื้อสดราคาไม่ลดแต่มีคนอยากได้ แต่ตอนนี้หมดสิทธิ์แล้วนะ ก็เลยบอกว่าตัวเองมีผัวแล้วนะ อย่าทิ้งเขานะไม่มีใครเอาแล้วนะ เอมี่ : เราก็ตอบกลับไปว่ามีเมียแล้วนะ ห้ามเจ้าชู้ ซี : บ้า...ถ้าไม่เจ้าชู้จะรู้ได้ไงว่าตัวเองหึง ยันดูใจ 9 ปีถือว่าไม่นาน หากเทียบกับชีวิตที่ต้องใช้ร่วมกันในวันข้างหน้า เอมี่ : พอมาพูดว่า 9 ปี มันไม่ได้รู้สึกว่า 9 ปี เรากลับเฮ้ย 9 ปีแล้วเหรอ สำหรับบางคนบอก 9 ปีนานมาก จริงๆ พอมาคิดดูก็ไม่นาน มันทำให้เราผ่านเรื่องราวต่างๆ กันมาเยอะ พอเรานึกย้อนกลับไปทำให้เราได้นึกถึงอะไรได้มาก มันไม่มากเลยนะ วันข้างหน้ายังมีอีกเยอะมากถ้าเทียบกัน 9 ปีถือว่านิดเดียว ตอนนี้ก็ไม่ได้ขออะไรเขา เพราะเขาน่ารักอยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่แต่งงานด้วย(ยิ้ม) |