แม่อ้อย สิรินยา เปิดใจทั้งน้ำตา ฝากชีวิต พิ้งกี้ สาวิกา ไว้ในกำมือ ไฮโซเพชร เผยคืนสินสอดให้ลูกเขยทั้งหมด ไม่สนอีกฝ่ายรวยหรือจนขอแค่รักลูกสาวจริง บอกความรวยเป็นแค่ของแถม ท้านับเดือนพิ้งกี้ท้อง-ไม่ท้อง วอนอย่าเขียนข่าวเวอร์สินสอด 100 ล้าน! เพิ่งได้รับตำแหน่งแม่ยายหมื่นล้านมาหมาดๆ สำหรับ แม่อ้อย สิรินยา ไชยเดช แม่ของนางเอกสาว พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช ที่เพิ่งควงแขนแฟนหนุ่ม เพชร อิทธิ ชวลิตธำรง เข้าประตูวิวาห์ไปอย่างยิ่งใหญ่ อลังการท่ามกลางสักขีพยานเป็นจำนวนมาก ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา ซึ่งต้องบอกว่าสาวๆ หลายรายต่างอิจฉาในความโชคดีของพิ้งกี้ เพราะหากสำรวจประวัติไฮโซเพชร เขาคนนี้เป็นเศรษฐีเมืองพัทยา ซึ่งคนในแวดวงบันเทิงต่างคุ้นเคยกันดี เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ 2 ใน 3 ที่ดินของพัทยา โรงแรมดังๆ หลายโรงแรมต่างเช่าที่ของเพชรในการดำเนินธุรกิจ แม้จะเช่าในราคาแสนแพงก็ตาม โดยเฉพาะโครงการสุดหรูหรา เดอะโคฟ ที่ทุ่มเงินลงทุนกว่าพันล้านบาท งานนี้ในฐานะแม่ยายหมื่นล้านคนล่าสุดของวงการบันเทิง แม่อ้อยเลยขอเปิดใจให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา เผยลูกสาวคือชีวิต ขอบคุณทุกคนที่เมตตาพิ้งกี้ ยันไม่สนใจลูกเขยรวยหรือจน เพราะตนคืนสินสอดให้ไฮโซเพชรทั้งหมด เก็บไว้แค่ 125 บาทเป็นค่าสินสอดตามธรรมเนียม ลั่นอยากอุ้มหลาน ไม่โกรธลูกสาวโดนเมาท์ท้องก่อนแต่งและเป็นของเล่นคนรวย ท้านับเดือนป่องไม่ป่อง ก็ต้องบอกว่าดีใจและปราบปลื้มในทุกๆ อย่าง โดยเฉพาะแขกในวันนี้ต้องมาด้วยใจจริงๆ เพราะต้องมาถึงพัทยานั่งรถนาน 3-4 ชม. แม่ต้องขอขอบคุณจริงๆ ทั้งนักข่าวทั้งแขกที่มา (ฝากฝังลูกไว้กับคุณเพชรยังไง) เรามองอนาคตไม่รู้ แต่รู้ไว้ว่าพิ้งกี้คือชีวิตแม่ (ร้องไห้) เพราะฉะนั้นแม่ฝากชีวิตไว้กับเขา เราหวงนะ(ร้องไห้) หวงตลอด คือเรากับเขาไม่เคยจากกัน แต่ก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เห็น วันนี้เพิ่งจะร้องไห้เป็นครั้งแรก ตอนอวยพรก็พยายามกลั้นเพราะถ้าเราร้องเขาก็ต้องร้องด้วย ตอนนั้นเขาบอกว่าคิดถึงแม่ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก แม่เห็นเขามีความสุขแม่ก็มีความสุข ถ้าเขามีความสุขแม่ลำบากยังไงก็ยังมีความสุขอยู่ดี แต่ถ้าเขาไม่มีความสุขแม่อยู่ดียังไงแม่ก็ไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นขอให้เขามีความสุข บอกพิ้งกี้ต้องเรียนรู้ชีวิตคู่ด้วยตัวเอง ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นต้องไม่เสียใจ ในเมื่อน้องเขามีครอบครัวแล้วเราก็ปลีกตัวออกไม่อยากไปยุ่งในชีวิตส่วนตัวของเขา กี้เขาก็บอกว่าไม่นึกว่าชีวิตจะต้องจากแม่ เขาก็ตั้งตัวไม่ทัน แม่ก็บอกเขาว่าความรักมันออกแบบไม่ได้ มันเป็นของใครของมัน มันรู้ด้วยสัญชาตญาณของตัวเอง ถึงแม่สอนเขาไปก็จริงแต่ก็ไม่รู้ว่าชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรเพราะตรงนั้นก็ต้องไปเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวของเขาเอง แต่สิ่งที่แม่สอนมีอยู่ 2-3 ข้อ จริงๆ ตั้งแต่เขายังไม่มีครอบครัวว่าต้องให้ความเคารพบิดา มารดาของสามีให้เหมือนกับพ่อ-แม่เรา ข้อที่ 2 เมื่อเรารักเขาเราก็ต้องรู้จักอดทนทุกอย่างทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าเขามีฐานะหรือมีเงินแล้วจะแต่งงานด้วย แต่เขาบอกเรานะว่ารักคุณเพชรเพราะเขาเป็นคนกล้าพูดกล้าทำกล้าที่จะเอาชีวิตของเขามาอยู่ร่วมด้วย เพราะฉะนั้นแม่จึงบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าก็อย่าไปเสียใจ แม่สอนเขาอย่างนี้ มั่นใจเพชรเป็นลูกผู้ชาย จะรวยจะจนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ทุกอย่างมันอยู่กับกาลเวลามันไม่ได้อยู่กับว่าคนรวยหรือคนจน คนรวยคือของแถม แต่คนจนก็ไม่ใช่เป็นคนไม่ดี คนรวยก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรือคนดี มันต้องใช้เวลา แม่ก็บอกเขาไปว่าชีวิตแม่ก็คือชีวิตพิ้งกี้ คุณเพชรเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่อาจจะดูเจ้าระเบียบ อย่างกี้เป็นดาราอาจจะสบายๆ แต่ต่อไปนี้ก็ต้องปรับปรุงตัวใหม่ช้าไม่ได้ ซึ่งกี้เขาก็เครียดเหมือนกันช่วงแรก แต่แม่ก็บอกเขาว่าต้องอดทน มันไม่มีอะไรลำบากหรอกเพราะมีคนที่ลำบากกว่าเราอีกเยอะแยะทนได้เราก็ต้องทน ถ้าทนไม่ได้ก็ไม่ต้องด่าหรือเกลียดกันค่อยๆ พูดกัน ความในอย่าให้ออกความนอกอย่าให้เข้า จะทุกข์จะสุขรู้กันสองคน บอกลูกสาวมีค่ามากกว่าสินสอด ส่วนจะร้อยล้านไหมไม่ขอตอบ เพราะยกสินสอดให้อีกฝ่ายเก็บไปสร้างครอบครัว สินสอดไม่ใช่ปัจจัยแม่พูดกับคุณเพชรตั้งแต่แรกว่าลูกฉันมีค่ามากกว่าสินสอดที่คุณให้มา ลูกฉันเป็นดาราเงินทองก็หาได้ ถึงแม้จะไม่มากเท่าคนรวยหา แต่เขาก็หาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง ส่วนที่บอกว่าสินสอดร้อยล้านอย่าไปเขียนอะไรเวอร์เลยค่ะเพราะแม่บอกว่าให้อะไรมาแม่ให้กลับไปหมด แม่ขอแค่ 125 บาทที่เป็นค่าสินสอดตามธรรมเนียมของเรา ส่วนอื่นก็ให้เก็บเอาไว้ไปสร้างครอบครัวของคุณ ถ้าแม่ลำบากหรืออะไรแม่จะบอกเอง แต่ถ้าแม่ยังช่วยตัวเองได้ก็ไม่ต้อง รับอยากอุ้มหลาน เพศไหนไม่เกี่ยง เพราะลูกเขยถึงเวลาควรมีลูก อยากอุ้มหลานจะตายอยู่แล้ว เพศแล้วแต่พ่อแม่แต่อะไรก็เลี้ยงไปเถอะ (จะให้มีเลยไหม) ก็คงอย่างนั้นเพราะคุณเพชรวัยก็สมควรแล้ว ส่วนเรื่องที่เขาจะอำลาวงการ ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน ดังนั้นนักข่าวอย่าไปยึดถือคำพูดอะไรที่ว่าพิ้งกี้จะไม่เล่นละครหรือไม่ทำอะไรแล้ว เพราะแม่ก็บอกว่าอย่าหนีไปเลย เพราะพิ้งกี้ยังมีประโยชน์ยังมีสมองที่จะทำอะไรให้เรามีความสุข ดังนั้นต่อไปอาจจะเล่นบ้างหรืออะไรก็แล้วแต่ให้เป็นอนาคต ณ ตอนนี้ก็ไปทำหน้าที่ของภรรยาก่อน ถ้าบอกไม่เล่นเลยเดี๋ยวนักข่าวจะมาพูดว่าเราอีกว่ากลับคำ ชมลูกเขยไม่เวอร์ ไม่โอ้อวด ไม่บอกสินสอดหวั่นโดนหมั่นไส้ คุณเพรชมีนิสัยอย่างหนึ่งคือเขาไม่ชอบเวอร์ คุณจะไปถามราคาอะไรเขาไม่มีทางบอกคุณหรอก เพราะเขากลัวถูกเขียนว่าคุยโวโอ้อวดเพราะฉะนั้นแม่เลยสอนว่าจะมีหรือไม่มีไม่ต้องให้ตัวเลขนักข่าวเพราะถ้าเราบอกสิบนักข่าวจะไปเติมให้เป็นสามสิบ เอาเป็นว่าตัวเลขอย่าไปเขียนเลยเดี๋ยวคนหมั่นไส้ ไม่โกรธโดนเมาท์ลูกสาวท้องก่อนแต่ง ท้านับเดือน คลอดเมื่อไหร่เดี๋ยวรู้เอง ส่วนเรื่องลูกจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ (คนมองว่าท้องก่อนแต่ง) ไม่เป็นไรหรอกมันเป็นวงการบันเทิง ก็นับเดือนกันไป ไม่ยากเลยค่ะนับไปเลยตั้งแต่วันนี้ คลอดเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้เอง ด้วยความสัตย์จริงต้องขอบคุณแทนพิ้งกี้ เพราะแม่ไม่ได้เป็นคนเอาใจนักข่าว นักข่าวก็เหมือนลูกหลานเห็นหน้าจำได้หมด 20ปี ผ่านไปไม่รู้กี่รุ่นทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า สิ่งที่คิดมาตลอดคือดารานักข่าวเป็นเพื่อนกัน แม่สอนเสมออย่ามีมารยาทที่ไม่ดีกับนักข่าว นักข่าวช่วยเชียร์เราก็เกิด ดาราเกิดได้ด้วยนักข่าว มันพลิกชีวิตคนได้ |