หุ้นผันผวนปิดบวก 0.53 จุด แห่ปรับพอร์ตรับ Shut Down
 หุ้นไทยผันผวนจัดครึ่งวันบวก 14 จุด ปิดตลาดเหลือบวก 0.53 จุด นักลงทุนยังกังวลการ Shut Down กทม.ของกลุ่มผู้ชุมนุมจนสร้างแรงขายเพื่อรอดีท่าที นักวิเคราะห์คาดหาก 13 ม.ค.ไม่มีความรุนแรงตลาดจะตอบรับแรง ชี้ภาพรวมหุ้นไทยปัจจุบันถูกกว่าหลายตลาดในภูมิภาค ทำให้ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาลงทุน
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 ม.ค.) แกว่งตัวผันผวน จากปิดตลาดช่วงเช้าบวก 14.41 จุด แต่เปิดซื้อขายรอบบ่าย ดัชนีทยอยปรับตัวลดลงจนปิดที่ระดับ 1,258.26 จุด เพิ่มขึ้น 0.53 จุด หรือ 0.04% มูลค่าการซื้อขาย 33,404.74 ล้านบาท ภาพรวมการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยเป็นผลมาจาก Short covering หลังตลาดมี valuation ถูกเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในเอเชีย และตลาดหุ้นไทยอยู่ในเขต Oversold มาก แต่อาจเร็วไปหากจะลงทุนจริงจัง เพราะสถานการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน
โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,277.50 จุด และต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,255.11 จุด หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 284 หลักทรัพย์ ลดลง 355 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 234 หลักทรัพย์ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 629.46 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ขายสุทธิ 659.26 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 987.57 ล้านบาท และสถาบัน ซื้อสุทธิ 301.16 ล้านบาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยเข้ามาซื้อหุ้นไทย 2-3 วันมาแล้ว ซึ่งนักลงทุนต่างชาติคงจะประเมินแล้วว่าหุ้นไทยได้ปรับตัวลงมาอยู่ในจุดที่น่าลงทุน และการชุมนุมในวันที่ 13 ม.ค.ก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง แต่นักลงทุนจะต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองต่อไป
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า นักลงทุนยังให้น้ำหนักต่อการชุมนุมปิด กทม. วันที่ 13 ม.ค. เป็นสำคัญ หากประเด็นนี้สามารถชุมนุมอย่างสงบ เชื่อว่าดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) จะดีดตัวขึ้นแรง อย่างไรก็ตาม แนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรหุ้นหลัก เมื่อ SET INDEX ย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง (BLS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาได้มองว่าเป็นผลจากการทำ Short covering เนื่องจากตลาดหุ้นไทยมี valuation ที่ถูกเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในเอเชีย และยังถือว่าอยู่ในเขต Oversold มากเหมาะกับการเข้ามา cover กลับ แต่อาจเร็วไปหากจะเข้ามาลงทุนจริงจัง เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจยังไม่มีความชัดเจน ส่วนกรณีที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทยคงจะมีเหตุผลจากที่เงินบาทอ่อนค่ามาก ประกอบกับมีช่องว่างส่วนต่างราคาหุ้นที่ปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ และตลาดในแถบยุโรปก็อยู่ในแดนลบด้วย ภายหลังจากผิดหวังที่ตัวเลข PMI ของจีนออกมาไม่ดี นักลงทุนบางส่วนจึงฉวยจังหวะในการขาย นอกจากนี้ ปลายเดือนนี้ (ม.ค.) จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งก็ต้องติดตามดูต่อไป แต่ตลาดสหรัฐฯ ขณะนี้เริ่มเทรดในตำแหน่ง P/E ที่อยากจะขายในระยะสั้นด้วย ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (10 ม.ค.) ดัชนีมีโอกาสเจอแรงขายทำกำไร เนื่องจากสัปดาห์หน้าจะมีปฏิบัติการชัดดาวน์กรุงเทพฯ พร้อมให้แนวรับ 1,256 จุด แนวต้าน 1,270-1,280 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,321.46 ล้านบาท ปิดที่ 203.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,985.97 ล้านบาท ปิดที่ 284.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,588.53 ล้านบาท ปิดที่ 68.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,477.23 ล้านบาท ปิดที่ 142.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,370.18 ล้านบาท ปิดที่ 6.35 บาท ลดลง 0.15 บาท
//manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9570000003149
| Create Date : 09 มกราคม 2557 |
| Last Update : 9 มกราคม 2557 20:44:46 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 647 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [
