"ชีวิตมีไว้ให้เราใช้ ไม่ใช่ให้มันมาใช้เรา"
Group Blog
 
All Blogs
 
งานศิลปะในหน้าร้อน


หน้าร้อนของญี่ปุ่น คือประมาณเดือนสิงหาคม


มักจะเป็นช่วงที่เรากลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย เพราะเป็นช่วงที่โรงเรียนมอปลายปิดเทอมยาวที่สุด และเป็นช่วงเดียวของปีที่อากาศเมืองไทยเย็นกว่า อากาศของเมืองหลวงแห่งประเทศหมู่เกาะนี้

อยู่เมืองไทย สบายกว่าญี่ปุ่นในหลายๆ เรื่อง

อาหารก็ถูกราคา ถูกปากกว่า ญี่ปุ่นโดยเฉพาะโตเกียวเป็นเมืองที่หลากหลายไปด้วยอาหารเลิศรสนานาชาติก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะอร่อยไปทุกร้าน และหลายครั้งร้านอร่อยกับร้านไม่อร่อยก็ราคาไม่แตกต่างกัน แม้แต่เรื่องอาหารต้องอาศัยทั้งความชำนาญทั้งดวงไม่น้อย

แต่เมืองไทยบ้านเรา อาหารที่ขายร้านริมถนน หรือกินข้าวแกงจานละยี่สิบ ก็ยังอร่อยได้แบบไม่ต้องพยายามมาก ไม่แปลกเลย ที่เวลาเรากลับไทย แล้วจะอ้วนเอาอ้วนเอาได้โดยไม่ต้องพยายามมากเช่นกัน

เรื่องการเดินทาง อยู่โตเกียวมีรถไฟเยอะก็จริง แต่ก็ต้องเบียดคนแถมแข่งกับเวลาอยู่ตลอด ส่วนเมืองไทย...ไม่พูดถึงกรุงเทพ แต่จะพูดถึงสุพรรณบ้านข้าพเจ้าแล้ว ถนนโล่งนั่งรถสบายกว่าแบบรถไฟที่โตเกียวเทียบไม่ติดจริงๆ (ขับก็ไม่ต้องขับเองนี่เนอะ)

ก็ไม่แปลกเลยที่ช่วงเวลาที่ได้กลับมาอยู่ที่บ้าน จะเป็นเวลาแสนสบายที่เราได้สับสวิทช์ให้กับชีวิตอันวุ่นวายของตัวเอง



แต่มีสิ่งหนึ่งที่เมืองไทยมีน้อยเหลือเกิน


"งานศิลปะ"
งานนี้เราไม่นับรวมงานศิลปะไทยโบราณตามวัดวาอาราม หรือโบราณสถานใดๆ พูดถึงงานศิลปะที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นในยุคปัจจุบันหรือในอดีตอันใกล้

เมืองไทยอาจจะมีงานศิลปะและศิลปินมากมาย แต่เรามี "พื้นที่" ที่จะได้โชว์และได้ชมผลงานเหล่านั้นน้อยมากๆ คนที่สามารถสัมผัสกับงานศิลปะในเมืองไทยได้เลยกลายเป็นคน "ติสท์ๆ " ไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่งานศิลปะควรจะเป็นสื่อ เป็นความสุนทรีย์ที่คนหมู่มากของสังคมสามารถเข้าถึงได้แท้ๆ



แต่วันนี้ เราไม่ได้จะมาพูดถึงงานศิลปะในไทยแต่อย่างใด


ที่เกริ่นมานี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมหน้าร้อนปีที่แล้ว หลังจากไปอยู่เมืองไทยได้สามสัปดาห์ และกลับมาโตเกียว สิ่งแรกที่เราทำก็คือกระโดดไปดูงานศิลปะแบบไม่หายใจหายคอนั่นเอง... ^^


งานแรกเป็นงานของนักถ่ายภาพชาวญี่ปุ่นชื่อ Shiragawa
เป็นรวมภาพถ่ายน้ำตกที่งดงามระดับโลก มีทั้งถ่ายจากบนภูเขา จากบนฟ้า แต่ละภาพแสดงความยิ่งใหญ่ของสายน้ำและพลังธรรมชาติได้เต็มที่จริงๆ
สายรุ้งอันเกิดจากแสงจันทร์พาดผ่านน้ำตกกว้างใหญ่ตอนใกล้รุ่ง
สายน้ำตกที่ไหลสู่แผ่นดินสีแดงอันกว้างใหญ่
ละอองไอน้ำที่พุ่งผวยขึ้นมาจากน้ำตกที่สูงที่สุดในโลก
และแม้แต่น้ำตกกระแสเล็กๆ ที่ถูกค้นพบโดยนักบินมือสมัครเล่น


อีกงานหนึ่งที่ไปตอนวันอาทิตย์ คืองานภาพถ่ายของ Henri Cartier Bresson ที่ Modern Art Museum งานของช่างภาพชาวฝรั่งเศสผู้โด่งดังนี้สุดยอดสมกับที่รุ่นพี่เราคุยเอาไว้เลย เป็นการรวบรวมงานพอร์ตเทรตในยุคต่างๆ และจากหลายมุมโลก


ดวงตาระยิบระยับของเด็กๆ ตัวมอมในแอฟริกา
ความเฉิดฉายของผู้คนอเมริกันยุคเอทตี้ส
ริ้วรอยความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของอาแปะในจีน
หมู่ชนที่ถูกปลุกพลังและความยิ่งใหญ่สหภาพโซเวียต
ความศรัทธาบนใบหน้าชายหนุ่มในอินเดีย



แล้วก็เลยไปดูงานศิลปะร่วมสมัยของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีนิทรรศการ Emerging Figures ของ Henri Michaux ที่ส่วนใหญ่เป็นงานลายเส้นรูปคนในหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งได้ไปเดินดูตึกรวบรวมงาน industrial arts ที่อยู่ไม่ไกลกันด้วย



งานศิลปะแต่ละงานที่ไปดู ล้วนมีมิติที่แตกต่างกัน


งานภาพถ่ายน้ำตกที่ไปดูเป็นงานแรกนั้นภาพถ่ายสวยมาก และคงจะต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว ถ้าไม่รักจริงๆ ก็คงจะทำไม่ได้

(ในงานนี้ไม่ค่อยชอบอยู่อย่างเดียวตรงที่ผู้จัดพยายามจะเชื่อมโยงคีย์เวิร์ดของคำว่าน้ำกับการรักษาสิ่งแวดล้อม การตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติอย่างอิหลักอิเหลื่อเกินไป และมากเกินไป จนรู้สึกว่ามันออกจะมีความจริง
ใจในแง่ของศิลปะน้อยไป)


ส่วนงานของ Henri Cartier Bresson นั้นทุกภาพของชายผู้อุทิศตนเพื่อการถ่ายภาพคนนี้ ล้วนมีพลังและจิตวิญญาณของคนอยู่ในนั้นเต็มเปี่ยม

เขามิใช่แค่ช่างถ่ายภาพที่เดินทางผ่านไปและเก็บสิ่งที่ตาเนื้อเห็นไว้ในฟิล์มกล้อง ...แต่เป็นนักเดินทางที่บันทึกสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ สัมผัสด้วยหัวใจเพื่อถ่ายทอดให้คนอื่นๆ ได้รับรู้ และเขาก็ทำมันได้ดีมากเสียด้วย


นิทรรศการ Emerging Figures ของ Henri Michaux ภาพรูปร่างคนแต่ละภาพนั้นน่าสนใจและมีชีวิตชีวามากๆ ทั้งที่เป็นแค่สายเส้นตวัดไปมา แต่กลับเป็นตัวแทนของสันชาตญาณ ตัวตนของมนุษย์ ...ที่เรียกได้ว่า แค่มองก็รู้สึกได้


ส่วนตึกรวมงาน industrial arts แม้ชิ้นงานจะมีไม่มาก แต่หลากหลายรูปแบบ ให้อารมณ์ทั้งญี่ปุ่นแท้ๆ และมีความโมเดิร์นด้วย แถมยังเป็นมิวเซียมที่จัดมุมต่างๆ ให้เด็กๆ ค้นหา เรียนรู้ สนุกไปกับงานปั้น งานหล่อทั้งหลายได้อย่างมีชั้นเชิงจนเราอยากจะเข้าไปร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ ด้วยเลยทีเดียว



อยากให้เมืองไทยมีงานศิลปะดีๆ บ้าง


เราว่างานศิลปะเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรม และเป็นพลังงานอย่างหนึ่งให้กับคนในสังคม อาจจะต้องเป็นไปทีละเล็กละน้อย แต่ถ้าศิลปะเติบโตขึ้นได้ ก็ยังมีหลักฐานเล็กๆ ให้เรามั่นใจว่าสังคมนั้นกำลังก้าวไปข้างหน้าได้เช่นกัน



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2551 19:38:31 น. 2 comments
Counter : 319 Pageviews.

 
มาเยี่ยมแล้ว
บล็อคของคุณมีเนื้อหาดีมากเลยค่ะ
เกี่ยวกับญี่ปุ่น
อ่านแล้วเหมือนได้อ่านหนังสือสารคดีสนุกๆเล่มหนึ่ง


โดย: I am LuckySeven วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:12:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ขอบคุณนะคะ ที่เข้าไปเยี่ยมบ้าน และคำแนะนำในการเขียนนะคะ

จริงๆแล้วบทกลอนท้ายเรื่อง เคยอ่านเจอนานแล้วค่ะ
แต่ไม่มีชื่อผู้แต่งกำกับค่ะ อ่านเจอแล้วเขียนเก็บไว้
เลยเอามาประกอบค่ะ

ตอนโพสต์เรื่องนี้ ที่ถนนนักเขียน ได้เขียนบอกไว้แล้วว่า บทกลอน อ่านเจอแล้วขออนุญาตนำมาลงค่ะ

แต่ตอนโพสต์ในบล็อค ลืม ค่ะ เลยต้องตามมาแก้ตัว อิอิ

ส่วนตัวแล้ว เขียนกลอนไม่ค่อยเก่งค่ะ เคยลองแต่ง แต่มันไม่เพราะ แต่ชอบอ่านนะคะ กลอนบางบท มีความหมายดีๆ ก็จะจดเก็บไว้น่ะคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ สำหรับคำแนะนะ แล้วจะแวะมาทักทายนะคะ


โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:17:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The SoVo
Location :
Tokyo ---> now : Kyoto Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพียงคนหนึ่งที่มีความฝัน มีความคิด มีเรื่องราวมากมายที่อยากบอกเล่า กำลังก้าวเดินไปในโลกกว้างเพื่อเรียนรู้ เพื่อเข้าใจ และเพื่อทำความรู้จักกับ "ชีวิต"
Friends' blogs
[Add The SoVo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.