"ชีวิตมีไว้ให้เราใช้ ไม่ใช่ให้มันมาใช้เรา"
Group Blog
 
All Blogs
 
Tokyo Urban Life

ข้าพเจ้ารักเมืองโตเกียว

อาจจะด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เพราะว่าเมืองนี้มีคาเฟ่ มีร้านอาหารดีๆ เยอะแยะ เพราะมีแหล่งช้อปปิ้งหลากสไตล์ เพราะมีสถาปัตยกรรมโมเดิร์นที่แสนเจริญตาเจริญใจ

แต่เหตุผลหลักๆ เลยก็เพราะว่า เมืองนี้มี Museum และงานนิทรรศการศิลปะดีๆ ให้เราเลือกเสพได้หลากหลายประเภทตลอดปี เป็นสวรรค์น้อยๆ ของคนรักงานศิลปะเลยจริงๆ แม้กระทั่งย่าช้อปปิ้งอย่าง Shibuya ก็มีมิวเซียมและแกลลอรี่ฝังตัวอยู่ตามซอกมุมถนนเต็มไปหมด

ที่สำคัญ พวกมิวเซียมเหล่านี้มักจะอยู่กระจุกกันเป็นกลุ่มๆ ทำให้เราสะดวกในการไปชม แถมได้ชมในบรรยากาศที่เหมาะกับงานศิลปะเป็นอย่างมาก

แหล่งรวมมิวเซียมที่เยอะที่สุดของโตเกียวก็คือ บริเวณใกล้ๆ สวนสาธารณะ Ueno Park ที่มีอาคารพิพิธภัณฑ์เรียงรายอยู่ท่ามกลางต้นไม้รวมทั้งต้นซากุระที่เวลาฤดูใบไม้ผลิ การชมงานศิลปะท่ามกลางบรรยากาศสีชมพูอ่อนของดอกซากุระก็เป็นความรื่นรมย์มากขึ้นไปอีก

อีกย่านหนึ่งคือ Roppongi แหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์รวมความบันเทิงของคนรุ่นใหม่ในโตเกียว แต่ว่ามีพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ใหญ่ๆ อยู่ไม่น้อยเลย มิวเซียมในย่านนี้จะแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์ของรัฐแถวๆ Ueno ตรงที่มีบรรยากาศเฉพาะตัว โดดเด่นในด้านงานดีไซน์ และสร้างสรรค์มาเพื่อคนเมืองโดยเฉพาะ

ตัวอย่างเช่น Tokyo Midtown ที่เพิ่งเปิดใหม่ ก็อยู่ในย่าน Roppongi นี้เช่นกัน นิยามของที่นี่คือ...



"Tokyo Midtown is a composite urban district with a new style."


เป็นแหล่งรวมศูนย์การค้า โรงแรม พิพิธภัณฑ์ ออฟฟิศ ร้านอาหาร ที่ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะ เรียกว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่เท่ทันสมัยอยู่ใจกลางเมืองโตเกียวเลยก็ว่าได้

มิดทาวน์นี่อยู่ใกล้ๆ ห่างแค่เดินสักสิบนาทีจาก Roppongi Hills ซึ่งก็เป็นสถานที่ยอดฮิตเช่นเดียวกัน ด้านฮิลส์นี่เปิดมาตั้งแต่ปี 2003 ปีที่เรามาญี่ปุ่น บนตึกโมริทาวเวอร์อันเป็นศูนย์กลางนั้น อาจจะเป็นมุมที่เห็นโตเกียวทาวเวอร์สวยสุดแล้วก็ได้แต่ว่าที่ Tokyo Midtown จะะเน้นด้านดีไซน์ แล้วก็การมีพื้นที่สีเขียวรอบล้อมไปพร้อมๆ กับความทันสมัยมากกว่าที่ Roppongi Hills

ในปีที่แล้ว แถมบริเวณใกล้ๆ นี่แหละ มีพิพิธภัณฑ์ใหญ่ยักษ์เปิดใหม่อีกแห่ง ชื่อ The National Art Center พอรวมกับ Mori Arts Center ของ Roppongi Hills กับ Suntory Museam of Art ของโตเกียวมิดทาวน์
รวมกันก็กลายเป็นสามเหลี่ยมวัฒนธรรม หรือเรียกว่า Roppongi Art Triangle ไปเลย

พิพิธภัณฑ์แต่ละที่ที่ว่ามา เดินวันเดียวยังไม่ครบ แถมยังมีแหล่งช้อปปิ้ง มีอาร์ตแกลลอรี่ มีร้านดีไซน์อีกล้านแปดในบริเวณนี้ ... แล้วจะไม่ให้ถูกใจเราได้ไง


กลับไปที่เรื่องของ Tokyo Midtown ต่อ บรรยากาศตรงทางเข้าตึก ทำให้นึกถึง Golden Palace หน้า National Photo Museam (พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายแห่งชาติดีๆ ที่ต้องปิดตัวไปเพราะไม่มีคนดู) ที่ Ebisu คือเป็นทางเข้าไปสู่ลานกว้างๆ ที่ข้างบนมีหลังคาโปร่งๆ ให้แสงลอดเข้ามาแล้วก็มีลานกว้างๆ ให้นั่งกินกาแฟได้ตรงนั้นเลย

น่าชื่นชมในความพยายามของการสอดใส่ความสบายในเชิงพื้นที่ลงไปในความทันสมัยของสถานที่ได้ดีจริงๆ

ในส่วนของมิวเซียม นอกจาก Suntory Museum of Art ที่เน้นหนักไปทางศิลปะญี่ปุ่นแล้ว ก็ยังมี Design Hub ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและจัดแสดงเกี่ยวกับงานทางด้านดีไซน์ และ Fuji Film Salon แกลลอรี่ภาพถ่ายของบริษัทฟูจิที่เปิดให้ชมฟรี

และที่โดนใจเรามากที่สุด เป็นตึกสีเทารูปร่างยาวประหลาดๆ ที่ชื่อ 21_21 DESIGN SIGHT
เป็นพื้นที่แสดงงานดีไซน์โดยเฉพาะที่อยู่ในสวนสีเขียวห่างจากหมู่ตึกส่วนใหญ่ของ Tokyo Midtown



ตึกนี้ออกแบบโดย คุณ Tadao Ando สถาปนิกที่เราชื่นชอบมากๆ จาก Chichu Art Museam (มิวเซียมที่ครึ่งตัวอยู่ใต้ดิน มีลูกเล่นในงานจัดแสดงที่น่าทึ่งมากๆ อยู่ที่ Naoshima ใกล้ๆ เกาะชิโกกูนู้น)

งานนิทรรศการแรกของที่นี่ที่เราได้ไปชมชื่อ Chocolate

เป็นงานดีไซน์ทั้งหลายที่ได้ไอเดียมาจากชอกโกแลต ตั้งแต่รูป รส กลิ่น สี รวมทั้งงานแกะสลักชอกโกแลตให้เป็นอะไรที่เราคาดไม่ถึงกัน



สิ่งที่ประทับใจเราจากงานนี้มากที่สุดคือ รูปถ่ายของคนงานในฟาร์มโกโก้ที่เอกวาดอร์ ที่เห็นแล้วทำเอาเราสะอึก เค้าบอกว่า...

"พวกเราชอบกินชอกโกแลตมาก แต่ว่ามันแพงเกินไปสำหรับคนงานฟาร์มโกโก้อย่างเราๆ "


สิ่งที่ที่ให้ย่านนี้โดดเด่นขึ้นมาอีกก็คือการปรับตัวไปตามเทศกาล ฤดูกาลและกระแสของเมือง ที่คึกคักที่สุดก็คงไม่พ้นช่วงสิ้นปีที่ทั้ง Tokyo Midtown และ Roppongi Hills ต่างพากันประดับไฟฉลองคริสมาสต์เรียกให้คนเมืองออกไปชมไฟราวกับเป็นแมงเม่าได้ตลอดหลายสัปดาห์

เพราะว่าอยู่ใกล้ๆ กัน แถมคอนเซปท์ของสถานที่ก็ใกล้เคียงกัน ดังนั้นคอนเซปท์ของ Illumination ของทั้งสองที่จึงเป็นสีน้ำเงิน และ สีแดง สร้างคอนทราสต์กันไปเหมือนคนละโลกเลยทีเดียว


ของ Tokyo Midtown เป็นสีน้ำเงิน ใช้พื้นที่มากมายในการฉลองคริสต์มาสแรก



ส่วนของ Roppongi Hills เป็นคอนเซปท์สีแดง ด้านหน้าแปลงเป็นตู้ไปรษณีย์ส่งความสุขกล่องยักษ์

ชีวิตคนเมืองกรุงโตเกียวก็เต็มไปด้วยแสงสี อาจจะจัดจ้านจนน่าหมั่นไส้ แต่เราก็ยังสัมผัสกับกระแสเหงาๆ ของเมืองนี้ได้อยู่ดี


เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เมืองที่ไม่เคยเงียบเหงา ... หากก็เป็นเมืองที่ไม่เคยอบอุ่นเลยสักคราว


Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2551 18:19:36 น. 2 comments
Counter : 777 Pageviews.

 
รักเมืองโตเกียวเหมือนกัน แต่พอดีเราอยู่ออกมาชานเมืองนิดหน่อย



โดย: gift IP: 210.145.28.208 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:30:05 น.  

 
ผมรักประเทศไทย
แม้ประเทศไทยจะมีรัฐบาลห่วยแตกแค่ไหนก็ต้องทน

คุณเล่าเรื่องพิพิธภัณฑ์ในประเทศที่คุณอยู่
ทำให้ผมรู้สึกอิจฉา
ประเทศไทยเราก็มีนะ
แต่ว่า คนเดินน้อยถึงน้อยมาก

ผมเคยไปชมนิทรรศกาลภาพวาดจากฝีมือคนไทย
แถวๆ เชิงสะพานปิ่นเกล้า
เข้าไปในนั้น ผมได้ยินเสียงเท้าตัวเองย่ำลงพื้น
สะท้อนฝาผนังกลับไปกลับมา
เปล่า...คนที่นั่นไม่ไดศิลปะด้วยความสงบ
แต่ที่นั่นสงบเพราะไม่มีคนดูศิลปะ

แล้วถ่ายภาพชิ้นงานที่นั่นมาแปะให้ดูบ้างนะครับ
ผมก็เหมือนกับคนงานในฟาร์มโกโก้ที่เอกวาดอร์นั่นแหละ
ค่าครองชีพที่นั่นแพง
ชาตินี้ ผมคงไม่มีปัญญาไปแน่ๆ...

น่าเศร้าเนอะ


โดย: แสง สีรุ้ง วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:17:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The SoVo
Location :
Tokyo ---> now : Kyoto Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพียงคนหนึ่งที่มีความฝัน มีความคิด มีเรื่องราวมากมายที่อยากบอกเล่า กำลังก้าวเดินไปในโลกกว้างเพื่อเรียนรู้ เพื่อเข้าใจ และเพื่อทำความรู้จักกับ "ชีวิต"
Friends' blogs
[Add The SoVo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.