ตัวตนของเราคุณให้เค้าไปรึป่าว
ตัวตนของเราคุณให้เค้าไปรึป่าว
คุณเป็นตัวของตัวเอง หรือเปล่า?... คุณได้ให้ตัวตนของคุณ กับเขาคนนั้น ไปหรือเปล่า?... สาวคนไหน ที่ยังไม่แน่ใจ ลองมาพิจารณาดูได้ ว่าคุณเข้าข่าย กรณีไหนบ้าง...
คนเราส่วนใหญ่มักเอาประสบการณ์ของตัวเองมาใช้ เวลาเป็นผู้ใหญ่ไม่รู้ตัว หรือเรียกว่า เคยตัว นั่นแหละ เช่น ผู้หญิงที่โตมากับการเสียสละตลอด เข้าอกเข้าใจคนอื่น มาตลอด จะเคยตัวเป็นผู้ให้แก่ทุกคน เลยอาจจะดึงความสนใจ จากผู้ชายที่หวังจะได้รับสิ่งนั้น
หรือคนที่ต้องการให้สาว ทะนุถนอมเหลือเกิน ส่วนที่ผู้หญิงลักษณะนี้ต้องการคือ ใครสักคนที่มาตอกย้ำคุณสมบัตินั้น แล้วเธอจะรู้สึกว่า ตัวเอง มีคุณค่ามากขึ้น ปัญหามันอยู่ตรงที่ ผู้ชายที่เธอรู้จักเป็นแต่ ผู้รับ นะสิ ทีนี้เราก็จะเห็นความสัมพันธ์ที่เอียงกะเท่เร่ คนหนึ่งก็ ย้อม ยอม อีกคนก็รับไม่รู้จักพอ การสูญเสียตัวเองมีหลายรูปแบบ จิตแพทย์ศึกษา ความสมดุล ระหว่างชายหญิง และพงความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปสู่การชำเราทางจิตใจ แบบนี้ว่า "มักเกิดขึ้นกับผู้ชายที่ต้องการให้ผู้หญิง ประคับประคองตัวตนของเขา ถ้าผู้หญิงยินยอมพร้อมใจ เธอก็จะเสียความเป็นตัวของตัวเองเกือบหมด เพราะหากว่าอยากจะแสดงจุดยืน ก็อาจต้องเสียคนรัก เธอก็เลยไม่ทำ"
แน่นอนว่า การสูญเสียตัวตน ไม่จำเป็นต้องเกิดกับผู้หญิงหัวอ่อน ที่รักกับผู้ชาย ที่ครอบงำเท่านั้น ยังมีปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อีก ที่อาจทำให้สาวคนไหนก็ได้ รวมถึงคุณด้วย อาจเจอกับดักเดียวกัน จะโทษผู้ชายก็อาจถูก แต่ว่าเขาก็ไม่ใช่ต้นเหตุทั้งหมด เช่น ผู้หญิงที่โตขึ้นมา ในยุค Sixty หรือรุ่นคุณแม่เรา และจะถูกสั่งสอนให้แคร์สายตาคนอื่น เพราะเราอยู่ในสังคม ส่วนพวกผู้ชายมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ ตามต้องการ จิตแพทย์เชื่อว่า ปัจจุบัน ผู้หญิงหลายคน ยังสลัดความเชื่อนี้ไม่ได้เลย "เวลารักกัน คู่รักต้องประนีประนอนและปรับตัว แต่ความจริงที่พบบ่อย ก็คือ ผู้หญิงจะปรับ มากกว่าผู้ชาย เพราะต่างถูกสังคมบ่มเพาะ ให้เป็นมาแบบนั้นแม้แต่ผู้หญิงเก่ง ฉลาด มีความทะเยอทะยาน ก็เถอะ"
ไม่จำเป็นที่ผู้ชาย ต้องเป็นพวกโหยหา ความรักเสียหมด แต่เป็นเพราะว่า สังคมรอบข้าง เรียกร้องจากเขามากเหลือเกิน ว่าต้องประสบความสำเร็จนะ ต้องเก่งกล้าสามารถ ฉลาด คล่องสังคมนะ เมื่อผู้ชายพบว่า ทนอยู่กับความหวัง ที่เกินความสามารถไม่ไหว ก็อาจหันมาแสดงอำนาจเวอร์ ๆ เอากับคนรัก แก้เครียด แทนได้ แนวโน้มแบบนี้ มีมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายปีที่ผ่านมา ความเป็นแมน ถูกตั้งคำถามมาตลอด และทางหนึ่งที่ผู้ชายกลับได้ก็คือ การเอาเปรียบ หรือทารุณคนรักทางจิตใจ จะออกมาในรูปแบบที่ ผู้หญิงเราดูยาก แต่ผู้ชายทุกคนทำเป็นกันทั้งนั้น
โชคร้าย ที่ผู้หญิงหลายคน เลือกปิดกั้นความจริง เกี่ยวกับคนรัก ผู้หญิงจะถูกกดดันมาว่า ต้องมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ ถ้าเธอไม่ Happy เป็นความผิดของเธอ ถ้าแฟนไม่ Happy เธอก็ยังผิดอยู่ดี ช้ำจริง ๆ แต่ความจริงแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย แต่ผู้หญิงบางคน ก็ยังคิดแบบนั้นอยู่ พวกเธอจะรู้สึกไหล่หนักอึ้ง และโดนบั่นทอนกำลังใจ จากสภาพแบบนี้ จนไม่มีเวลาหรือพลังเหลือ ไว้นึกดูว่า ทำไมถึงรู้สึกแย่อย่างนั้น
อย่าลืมว่า สภาพที่ว่ามา ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลาเป็นเดือน หรืออาจจะเป็นปี คุณค่าตัวเองจะถูกทำลายลงเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ แล้วผู้หญิงส่วนมาก มักจะสรุป เหมาเอาว่า เธอทำถูกแล้วที่ทน ไม่เห็นจะแปลก "ขนาดไม่มีความสุขกับชีวิตคู่ ก็ไม่ค่อยมีใครสงสัยว่า ทำไมรู้สึกแบบนั้น เพราะเราจะค่อย ๆ คุ้นเคยกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น อาจแสดงออกด้วยการบ่นบ้าง ว่าแฟนขี้เกียจ หรือดูแลตังเองไม่เป็น แต่ไม่ได้คืออะไรไปไกลกว่านั้น"
ลองตั้งหลักคิด เกี่ยวกับชีวิตและความสัมพันธ์ของคุณจริง ๆ จัง ๆ ระบายความรู้สึกใส่ Diary ชักสองสามอาทิตย์ หรือเป็นเดือนก็ได้ เพื่อดูว่า มีอะไรซ้ำ ๆ เกิดขึ้นบ้าง
อย่าละเลยสิ่งที่เพื่อน ๆ พูดถึงคุณ โดยไม่ถามตัวเองก่อนว่า เพื่อนพูดถูกหรือเปล่า
ซื่อสัตย์กับตัวเอง และยอมรับว่า ความสัมพันธ์หวานอมขมกลืน ไม่ดีต่อตัวคุณเลย ง่ายอยู่หรอกที่จะอยู่เฉย ๆ แต่ถามจริง ๆ ว่า คุณอยากเป็นอย่างนี้ ไปอีกนานแค่ไหน
ถ้าคนรักของคุณเป็นฝ่ายผิดจริง ๆ จำไว้ว่า คุณทำได้แค่ช่วยเค้าปรับปรุงตัว แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเขา ถ้าเขาไม่เต็มใจ ถ้าคุณรับผิดชอบพฤติกรรมของเขา เขาจะยิ่งรับผิดชอบตัวเองน้อยลงไปอีก
การคิดเอาเองว่า เค้าไม่มีวันเปลี่ยนได้แน่ จะทำให้เค้ารู้สึกโดนข่มขู่ หากจู่ ๆ คุณแสดงจุดยืนของตัวเองออกมา
fw mail
ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [
