โฟล์คเหน่อ เล่นดนตรี เขียนกวี วิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณฯ

Group Blog
 
All blogs
 

::::วันที่รอบตัวมีแต่ข่าวของความตาย::::

....วันที่รอบตัวมีแต่ข่าวของความตาย....

1.

ขณะเร่งเครื่องรถเก๋งเพื่อแซงรถพ่วงบรรทุก มอเตอร์ไซด์ที่อยู่ในระยะประชิดท้ายรถพ่วงก็ดันเร่งเครื่องทำท่าจะแซงด้วยเช่นกัน ผมจึงต้องรีบถอนคันเร่งเพื่อปล่อยให้มอเตอร์ไซด์เร่งแซงไปก่อน ขณะรถปิ๊กอัพอีกคันข้างหลังก็ตบไฟเลี้ยวขวาเตรียมแซง อีกคัน .....

สุดท้ายผมจึงตบไฟเลี้ยวออกซ้ายเพื่อชะลอตามความเฉื่อยช้าแบบระยะประชิดไปท้ายกับรถพ่วง.....

ซองใบเตือนถึงกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยปีนี้ ของบริษัท เอไอเอ เหน็บอยู่ที่กระเป๋าขาขวากางเกงทหาร ผมเพิ่งได้รับแจ้ง และส่งมาตามทีอยู่ที่บ้านเกิด ซึ่งผมแจ้งไปไว้กับตัวแทนบริษัทตอนที่เริ่มทำ หากผมมีอันเป็นไปผู้รับผลประโยชน์ผมแจ้งความจำนงไว้ชัดเจนแล้วในสัญญากรมธรรม์ สองชื่อ คือ พ่อกับแม่ของผม...

“รอบตัวเราล้วนแล้วแต่ความตาย” ผมรำพึงกับตัวเอง

2.

หกโมงเช้า ของวันที่ 2 มีนาคม....

ผมตื่นเช้ากว่าปกติต่างไปจากทุกวัน ทั้ง ๆที่กว่าจะล้มตัวลงนอนเมื่อค่ำคืนหลังกลับจากงานดนตรี เกือบตีสาม....

สลัดไล่ความง่วงมึนงง รีบอาบน้ำ เพราะวันนี้ผมมีโปรแกรมงานตั้งแต่ช่วงเช้า......

ช่วงเช้าผมต้องไปร่วมขบวนแห่นาคเข้าโบสถ์ที่วัดใกล้บ้าน และต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลองพระบวชใหม่ต่อที่บ้านเจ้าภาพ ซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน

เพื่อน ๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกันนั้น เขามีลูกและได้บวชลูกกันไปหลายคนแล้ว ขณะที่ผมยังหาคนมาเป็นครอบครัวไม่ได้ (น่าสงสารแท้)....บรื๊ออออ

หลังเที่ยงผมตีรถกลับเข้าบ้าน เพื่อจะไปรับพ่อกับแม่ไปเลือกตั้ง ส.ว. แต่พ่อกับแม่ของผมมีข้อต่อรอง ขอเป็นหลังบ่ายสองแล้วกัน เพราะจะได้ไปร่วมพิธีเผาศพที่วัดใกล้หน่วยเลือกตั้ง ต่อเลย ไม่ต้องตีรถไปกลับให้เสียค่าน้ำมัน......

อยู่แล้ว....ใครจะไปกล้าขัดคำสั่ง พ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าที่น่ารักของผมได้....

แม่บอกว่า ศพยายน้ำค้าง ตายมาเจ็ดวันแล้วด้วยโรคชรา ....

ยายน้ำค้างเมียตาหงวนที่แม่พยายามอธิบายท้าวความให้ผมรู้ แต่ผมจำไม่ได้จริง ๆ ว่า ยายน้ำค้างหน้าตาเป็นอย่างไร ทั้ง ๆที่แกเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันนี่แหละ

เกือบ ยี่สิบปีที่ผมออกมาผจญชีวิตเพื่อเอาตัวรอดในวิถีอันเป็นแบบฉบับของตัวเอง โดยภาระและวิถีผมจึงค่อนข้างตกข่าวความเป็นไปในหมู่บ้านหลาย ๆ เรื่อง.....

โดยเฉพาะเรื่องราวข่าวคราวความตายของใครบางคนในหมู่บ้าน

แต่ขณะ ณ. วันที่ผมได้กลับมาบ้านเพื่อร่วมงานบวชพระลูกของเพื่อน และเลื่อกตั้ง ส.ว. ในวันนี้ข่าวคราวของคนตายกลับกระจายฟุ้งรอบตัวให้ผมได้ร่วมรับรู้ ถึง 3 ราย

“สายัณห์ ก็ตายแล้ว” ขณะขับรถออกจากปากทางเข้าบ้านสู่ถนนยางมะตอย พ่อหันมาบอกกับผม

“สายัณห์ ไหนพ่อ” ผมคิดในใจว่า สายัณห์ สัญญา หรือเปล่า ผมอาจตกข่าวเช้าจากทีวี

“ครูสายัณห์ ที่สอนโรงเรียน”

“อ๋อ” ผมนึกภาพไปถึงครูสายัณห์ ที่เคยได้พบและพูดคุยกัน เมื่องานพบปะสังสรรค์ศิษย์เก่าที่โรงเรียนประถมปีที่แล้ว

ครูสายัณห์เป็นคนดื่มจัด ถึงจัดมาก จนเป็นที่เลื่องลือไปทั้งหมู่บ้าน

ถ้าเอ่ย ชื่อ ครูสายัณห์ ขี้เมา นั้น ต้อง อ๋อกันทุกคน

พ่อบอกว่าครูสายัณห์นอนหลับแล้วไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกเลย เมื่อคืนนี้ สันนิษฐานเบื้องต้นแบบตรงกันอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าเหตุต้องมาจากการดื่มจัดแน่นอน......

หลังเลือกตั้ง ส.ว. ผมพ่อและแม่ก็มารอเผาศพ ยายน้ำค้างที่หน้าเมรุ ระหว่างรอมีเสียงโทรศํพท์จากคนรู้จักโทรมาเซอร์ไพรส์ ว่าเดินทางมาจากกรุงเทพ ฯ และจอดรถรออยู่ที่หน้าห้างโลตัส ผมจึงขอเลื่อนกำหนดการพบกันเป็นช่วงค่ำหลังเสร็จธุระ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถบชานเมือง .....

ทันทีที่ก้าวลงมาจากบันไดเมรุ หลังวางดอกไม้จันทร์ ในโลงศพ ข่าวความตายครั้งใหม่ของเด็กชายวัย สองขวบ ก็กระพือหึ่งไปทั่วทั้งลานงานศพ...

เด็กชายวัย สองขวบ ชื่อ น้องฮ๊อท เป็นลูกของญาติห่าง ๆของผม เสียชีวิตเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ที่ผ่านมาด้วยอุบัติหตุรถชน ข่าวความตายพอทราบสาเหตุเบื้องต้นว่า ระหว่างที่แม่ลงไปทำธุระที่เบื้องล่างริมถนน โดยลืมทิ้งลูกที่ข้างบนบริเวณริมถนน ...

คงเป็นความไร้เดียงสาเกินกว่าจะรับรู้ว่า ที่กลางถนนนั้น ความเร็วของวงล้อรถบนถนนทางตรง มิอาจหยุดเบรกได้แบบกระทันหัน ขณะการวิ่งเล่นไปสู่กลางถนนจึงมิอาจนำไปสู่ความสนุกสนาน แต่กลับกลายเป็นการวิ่งไปสู่ความตาย และเสียงร่ำไห้โฮ ปานจะขาดใจของผู้เป็นแม่......

“รอบตัวเราล้วนแล้วแต่ความตาย” ผมรำพึงกับตัวเอง

3.

ผมดึงซองใบเตือนถึงกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยจากกระเป๋ากางเกง มาวางไว้หน้ารถ แล้วเริ่มเหยียบคันเร่งรถเก๋งอีกครั้ง เพื่อแซง ให้พ้นจากรถพ่วงข้างหน้า .....

นึกถึงข่าวความตายที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวของวันนี้ แล้วอดนึกถึงวิถีชีวิตที่ยังผูกติดอยู่กับการเดินทางของตัวเองไม่ได้

วิถีของนักดนตรีที่ต้องเดินทางไปสู่หมุดหมายงาน ด้วยระยะทางใกล้ไกล เปอร์เซนต์ของการนำพาชีวิตไปทิ้งไว้ริมถนนย่อมมีมากขึ้นและบ่อยครั้งไปตามจำนวนงาน ด้วย

หากแต่ความคิดเสียดายชีวิตนั้นผ่านพ้นไปเนิ่นนานแล้ว ด้วยความรู้สึกว่า นับแต่นี้ไป เหตุอันใดจะเกิดและนำพาจนให้เป็นเหตุให้ต้องสูญเสียชีวิต ในระหว่างทางนั้น ถือเป็นบุญกรรมนำส่งผลให้ต้องมาได้ถึงเพียงเท่านี้

คิดแค่นี้ก็สบายใจ .......

ขอแต่เพียงอย่างเดียว อย่าให้ความตายแห่งเราอย่าได้นำความเดือดร้อนไปสู่ผู้อื่นเป็นใช้ได้....

หลัง 5 ทุ่ม ผมพยายามโทรเช็คเพื่อนผู้มาเยือนแบบเซอร์ไพรส์ ที่เพิ่งร่ำลากันที่หน้าร้านอาหารชานเมืองสุพรรณฯ ด้วยความห่วงว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างทางหรือไม่

เหตุเพราะคนเจ้าของรถดื่มจัดจนขับรถไม่ไหว ขณะอีกคนไม่ดื่ม จึงต้องขับรถกลับเอง แต่ว่ารถคันที่เขาต้องขับในคืนนี้ เป็นรถที่เขายังไม่คุ้นชิน .....

ผมทิ้งตัวลงนอน หลังเปิดข้อความในมือถืออ่าน เป็นการส่งสัณญาณจากเพื่อน ว่าเดินทางถึงปลายทางโดยปลอดภัยแล้ว

“รอบตัวเราล้วนแล้วแต่ความตาย” ผมรำพึงกับตัวเอง

แต่เราจะเลือกทางตายแบบไหนดีล่ะ จะเลือกตายแบบยายน้ำค้าง หรือแบบครูสายัณห์ หรือแบบ น้องฮ๊อท.... ดี

:::ธรณีกรรแสง:::
บรรเลง โดย อ.ธนิส ศรีกลิ่นดี




 

Create Date : 04 มีนาคม 2551    
Last Update : 4 มีนาคม 2551 11:28:02 น.
Counter : 477 Pageviews.  

::::เพลงกวี ของเพื่อนกวี พจนาถ พจนาพิทักษ์::::

เพลงกวี ของ เพื่อนกวี พจนาถ พจนาพิทักษ์

ผมได้รับซีดี 2 แผ่น ของ เอก พจนาถ พจนาพิทักษ์ ที่ส่งมาเป็นพัสดุไปรษณีย์

แผ่นหนึ่งเป็นบันทึกการแสดงสด ที่ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแสงอรุณ ชื่ออัลบั้ม เพลงกวี

ส่วนอีกแผ่น เป็น 25 บทเพลงคัดสรร จากรายการ ทุ่งแสงตะวัน......

จำได้ว่ารู้จักกับพจนาถ ครั้งแรกจากการแนะนำ ของศิริวร แก้วกาญจน์ เมื่อ ประมาณปลายปี 35

ช่วงนั้นผมยังทำงานอยู่ที่บริษัทส่งออกเสื้อผ้าย่านพระโขนง และเพิ่งเริ่มหัดเขียนบทกวี ขณะที่พจนาถ มีบทกวีรวมเล่ม ชื่อ “อ่อนไหวใช่อ่อนแอ” กับสำนักพิมพ์ใยใหม แล้ว

พจนาถเป็นคนที่มีบุคลิกร่าเริง หัวเราะเก่ง แต่มีวิธีคิดที่เป็นแบบของตัวเอง อย่างชัดเจน และมีฝีมือทางด้านเขียนเพลง เล่นกีตาร์ ร้องเพลงได้อย่างมีพลัง

ณ. ช่วงขณะนั้นพจนาถ ยังไม่มีอัลบั้มเพลงของตัวเอง แต่บทเพลง ฝากหวัง และ เพลงแมงปอ ที่เขาแต่ง ก็เป็นที่รู้จัก กันแล้วในหมู่นักศึกษารั้วรามคำแหง

ในช่วงวิถีการไล่ล่าหาค่าบทกวี ตามนิตยสารรายปักษ์ รายสัปดาห์ ผมและพจนาถพร้อมเพื่อนพ้องกวีหน้าราม ได้พบปะกันบ่อยครั้ง หรืออาจจะเรียกได้ว่า เกือบจะทุกวัน โดยมีจุดนัดพบพูดคุยที่ ร้านกาแฟ เบเกอร์คิง ใต้ถุนห้างดังย่านหน้าราม

หลายครั้งที่ผมได้ร่วมอ่านบทกวีกับพจนาถ บนเวทีกิจกรรมของนักศึกษา รามคำแหง

และบ่อยครั้งที่ได้ร่วมออกเดินทาง ไปสู่ค่ายนักเขียน ตามโรงเรียนและวิทยาลัย

ปลายปี 36 ผมหันหลังให้เมืองหลวง กลับสู่สุพรรณบ้านเกิด เหตุผลที่เครื่องมือติดต่อสื่อสารช่วงนั้น ที่มิได้สะดวก เช่นทุกวันนี้ ผมกับพจนาถจึงขาดการติดต่อในเชิงพูดคุย สนทนา หากแต่ได้รับทราบข่าวคราวความเคลื่อนไหวผ่านทางหน้าหนังสือ...

ผมติดตามข่าวคราวและผลงานของพจนาถ ซึ่งในเวลาต่อมาเขามีรวมเล่มบทกวี อีก 2 เล่ม คือ “ธารแสนสาย” และ “พุแสงหวัง”

และในช่วงที่พจนาถเข้าไปทำงานให้กับหนังสือ บันเทิงคดี ของมาโนช พุฒตาล เขาได้ออกอัลบั้มงานเพลงกับค่ายไมล์สโตน 2 อัลบั้ม คือ “พจนาถ” และ “อยู่พรุ่งนี้”

ขณะที่เขาผันย้ายตัวเองขึ้นไปอยู่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ พจนาถ ทำอัลบั้มในแบบฉบับเพลงใต้ดิน ชื่อ “ในร้านหนังสือแห่งความหลัง”และมีรวมเล่มบทกวี ชื่อ “ชุมชนชาวดิน”

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ พจนาถได้มีอัลบั้มที่ทำกับสังกัดค่ายเพลง ชื่อ อัลบั้ม “ฝากเพลงไปบ้าน”

แต่นอกเหนือจากเพลงในอัลบั้มของตัวเอง ผลงานเพลงที่สร้างชื่อให้กับพจนาถและคนทั่วประเทศได้รู้จัก คือผลงานอัลบั้มเพลงที่เขาแต่งและร้องให้ กับรายการ คนค้นคน ของพี่เช็ค สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ โดยเฉพาะเพลงนำรายการนั่นแหละ เสียงของเขา...

ยังไม่นับรวม เพลง “ฝากใจไปบ้าน” ซึ่งเป็นเพลงประกอบละคร “เหนือทรายใต้ฟ้า” ของ เป่า จิน จง ที่โด่งดังไปทั่วประเทศไม่แพ้ เพลง “คนค้นคน”

ณ. วันนี้การติดต่อ สื่อสารผ่านถึงกันแค่เพียงกดนิ้ว ผมได้สนทนากับพจนาถบ่อยครั้งขึ้น .....

พจนาถยังคงมุ่งมั่นอยู่บนถนนสายดนตรี โดยไม่จำกัดตัวเอง ในมุมแคบ ๆ แบบใต้ดิน เขายังสร้างผลงานเพลงที่ตอบสนองคนในวงกว้าง โดยยังคงสร้างผลงานเพลงเพื่อนำเสนอผ่านค่ายเพลง ขณะเดียวกันเขาก็ยังสร้างงานเพลงที่เป็นงานเพลงภาษากวีสวย ๆ ที่ไม่ต้องเอาใจตลาด เพื่อสื่อสารกับกลุ่มคนฟังเพลงที่เขาบอกว่าเป็นกลุ่มคนฟังเล็ก ๆ แคบ ๆ แต่รู้สึกเปี่ยมสุขทุกครั้ง ที่เขาได้มีโอกาสนำเสนองานเพลงบนเวทีเล็ก ๆ เพื่อสื่อสารภาษาในเพลงกับคนฟังกลุ่มนี้.......

วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พจนาถ จะได้มีโอกาสที่จะนำเสนอบทเพลงในลักษณะนี้ของเขาอีกครั้ง ที่ ห้องสมุด ซอยพระนาง ตรงข้ามสวนสันติภาพ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในงาน เทศกาลนักเขียน กวี ดนตรี ศิลปะ กับห้องสมุด

พจนาถได้ฝากข่าวและชักชวนให้ผมไปร่วมด้วย แต่ช่วงเย็นวันที่ 1 มีนาฯ ของผมถูกผูกติดด้วยงานแสดง ที่ถูกกำหนดงานไว้ก่อนล่วงหน้าด้วย เจ้าของงานที่เป็น เจ้าภาพจัดงานทอดผ้าป่า ที่วัด วัดม่วง อำเภออู่ทอง แล้ว ผมจึงไปร่วมไม่ได้ (เสียดาย)

จึงขออนุญาตเชิญชวนผุ้ที่สนใจไปร่วมฟังเพลงอะคุสติค กีตาร์ใส ๆ ในไสตล์เพลงภาษากวีของพจนาถได้ในช่วงแดดร่ม ลมตก ที่ห้องสมุดซอยพระนาง โดยสอบถามรายละเอียดได้ที่ พจนาถ 081-647-5567

ในงานนี้นอกจากพจนาถแล้วยังมี กวี นักเขียนอีกมากมาย ที่จะขึ้นเวที โดยงานจะเริ่มตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 20.00 น. และในงานนี้พจนาถ ยังนำผลงานที่เป็นทั้งหนังสือ และ ซีดีเพลง ไปวางจำหน่ายให้เลือกซื้อด้วย ใครสนใจ ไปฟังและอุดหนุน ผลงานของเขาได้ครับ หรือหากไม่สะดวงในงาน ก็สามารถไปซื้อผลงานของเขาได้ที่ร้านหนังสือเดินทาง ถนนราชดำเนิน หรือที่....//www.oknation.net/blog/pojjanat/2008/01/21/entry-5span>

เพลงปีนภู
พจนาถ พจนาพิทักษ์
อัลบั้ม ชุด เพลงกวี (แสดงสด)




 

Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2551 14:35:58 น.
Counter : 734 Pageviews.  

:::น้ำตาลูกผู้ชาย:::

น้ำตาลูกผู้ชาย....

มีเหตุผลมากมาย ที่มนุษย์ผู้อ่อนไหวจะหลั่งน้ำตา

ไม่ใช่เรื่องแปลก หากจำนวนนับที่ได้เห็นผู้หญิงร้องไห้อย่างเปิดเผย มีปริมาณมากกว่าผู้ชาย ...

แต่นับจำนวนน้อยครั้ง ที่ได้แอบเห็นหน่วยน้ำใส เอ่อคลอร่วงล้นเผยผ่านสองขอบตาผู้ชาย ที่นั่งอยู่ตรงหน้า....

มีเหตุผลอันใดที่เขาต้องร้องไห้ ....

ขณะที่เรามิอาจล่วงรู้ที่มา ที่ไป ของหยาดน้ำตา และเสียงสะอื้น และขณะภาพชัดเจน จากการแต่งกาย และวิถีที่เขากำลังดุ่มเดิน ไปข้างหน้า อาจมองดูเหมือนว่าเป็นเหตุผลแห่งหยาดน้ำตา

แต่อาจไม่ใช่ ยังคงมีคำถามและข้อสงสัยอีกมากมายภายในใจให้เราสงสัย ถึงเหตุผลที่เขาต้องร้องไห้

แต่เกินกว่าจะขุดค้น ด้วยคำถาม....

แค่ขณะปริ่มน้ำตาของเขาที่เห็น พร้อมมือที่ยกปาดป้าย ข้าพเจ้า ก็รีบหลบเบือนหน้าหนี ปานประหนึ่งจะร้องไห้ตามเขาไปด้วย

ก้าวเท้าเหยียบย่างเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวเพิงหมาแหงนของ ป้ายา เป็นปรกติเช่นทุกวันช่วงหลังเที่ยง สังเกตเห็นมีชายสองคนนั่งอยุ่ก่อนแล้ว ผมเดินเลี่ยงไปนั่งอีกโต๊ะที่อยุ่เยื้องกัน แล้วหยิบหนังสือพิมพ์ มาก้มหน้าอ่าน โดยมิได้สนใจผู้ชายสองคน

หลังเติมเครื่องเส้นหมี่น้ำตกเนื้อสดลูกชิ้น เสร็จ เตรียมคีบเข้าปาก ผมได้ยินเสียงจากผู้ชาย หนึ่งในสองคน พูดออกมาดัง ๆ ว่า “ไป ไปกันต่อ”

ผมแอบชำเลือง เห็นชายคนชักชวน คว้าถุงกระสอบปุ่ยมีหูขึ้นคล้องไหล่ แล้วลุกยืน ขณะอีกมือคว้าถุงผ้าลายรูปทรงยาว 2 ศอก เข้าใจว่าเป็นถุงผ้าบรรจุแคน

ผมแอบคาดเดาว่าชายสองคนคงเป็นวณิพก ที่ตระเวนเดินทางเป่าแคนขอสตางค์ เหมือนดั่งที่ผมเคยพบเห็นอยู่ทั่วไป

ขณะที่ผมกำลังนึกคำนวณถึงเม็ดเงิน ที่ซ่อนอยู่ในกระเป่ากางเกงของผม

ทุก ๆ ครั้ง หากมีเงินอยู่ในจำนวนที่มากพอในกระเป๋า ไม่ว่าจะพบเห็น วณิพกขอทาน ในรูปแบบใด หรือในสถานที่ใด ผมไม่เคยลังเลที่จะหยิบยื่น เงินบางส่วนในกระเป๋า ลงสู่ขัน หรือกระป๋องของพวกเขา

แต่วันนี้ผมมีเงินอยุ่ในกระเป๋า 30 บาท พอดีกับค่าก๊วยเตี๋ยว 2 ชาม

เป็นก๊วยเตี๋ยว 2 ชาม ที่ไม่ต้องสั่ง เพราะเป็นที่รุ้กันระหว่างแม่ค้าก๊วยเตี๋ยวกับผม ที่ใช้บริการทุกวัน

ชายอีกคนยังไม่ลุกขึ้น ยังคงใช้ช้อนกวาดน้ำก๊วยเตี๋ยวขึ้นซด

มีเสียงพูดนำขึ้นอีกจากชายคนลุกยืน เป็นคำพูดที่ผมจับใจความไม่ได้ แต่ประโยคสุดท้ายผมได้ยินชัดเจน ว่า “อดเหมือนหมา”

สุดท้ายเป้าสายตาของผมจึงหันกลับไปมองชายที่ยังคงนั่งกวาดน้ำก๊วยเตี๋ยวอยู่

เพิ่งสังเกตุเห็นชายคนที่ยังนั่งอยู่นั้น บริเวณจมูกของเขาแหว่งหาย เห็นแต่รูโหว่อยู่ 2 รู แต่ให้ตายเถอะ ผมเห็นเหมือนเขากำลังแสดงอาการร้องไห้ และหันมองมาที่ผม

ผมรีบหลบหน้าก้มมองหนังสือพิมพ์

ขณะที่ชายคนลุกยืน กำลังขนสัมภาระสองชิ้นออกไป ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าขาทั้งสองของเขาลีบเล็ก และเดินไม่ปกติ

ขณะหันกลับมาเหลือบมอง ชายอีกคนยังคงนั่ง

ทันทีที่เห็นเขายกมือป้ายน้ำตาที่ไหล ผมก็รีบเบือนหน้าหลบทันที

ก๊วยเตี๋ยวชามที่ 2 ของผมถูกยกมาวาง ขณะชามแรกผมยังกินไม่ถึงครึ่ง

ผมรู้สึกสงสารพวกเขาจับใจ....

แต่มีเหตุผลติดขัดบางอย่าง ขณะที่ภายในใจอยากหยิบยื่นความช่วยเหลือให้พวกเขา

ไม่ทันจะคิดหาทางออก เรื่องเงินจำนวนจำกัดในกระเป๋า พวกเขาก็เดินพ้นออกจากชายคาร้านก๊วยเตี๋ยวไปเสียแล้ว.....

ผมคิด หากวันนี้ผมมีเงินติดตัวมากกว่านี้ หรือหากป้ายาไม่รีบทำก๊วยเตี๋ยวชามที่สองให้ผมเสียก่อน ผมคงไม่เสียเวลาลังเล ที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือเป็นเงินให้พวกเขา

แต่วันนี้จำนวนเงินผมมีจำกัดเกินไป....

มีเหตุผลมากมายที่คนเราจะร้องไห้ หลั่งน้ำตา....

แต่เกินกว่าจะขุดค้นหาคำตอบ ด้วยคำถาม....

แค่ขณะปริ่มน้ำตาของเขาที่เห็น พร้อมมือที่ยกปาดป้าย ข้าพเจ้า ก็รีบหลบเบือนหน้าหนี ปานประหนึ่งจะร้องไห้ตามเขาไปด้วย

ขณะลุกขึ้น เตรียมควักเงินให้ป้ายา ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีชามก๊วยเตี๋ยวเพียงชามเดียววางอยู่บนโต๊ะของชายวณิพกสองคนที่ลุกจากไป....

“สองคนนั่น เขาสั่งก๊วยเตี๋ยวชามเดียวหรือป้ายา” ผมถาม ด้วยอดเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้

“อีมน์ แบ่งกันกิน” เสียงป้ายาตอบ ขณะรับเงิน 30 บาท จากมือผม

ผมก้าวออกจากร้าน มองผ่านไปบนถนนใหญ่ ทั้งแยกซ้าย แยกขวา ไม่มีเงาของชายสองคนแล้ว นึกถึงตู้ ATM ที่อยู่ในเมือง ที่ต้องขับรถเข้าไปกดเงินอีก 3 กิโลเมตร คำนวณการเดินทางของชายสองคนคร่าว ๆ ว่าไปถึงช่วงไหนแล้ว วางแผนการเดินทางให้ตัวเอง ก่อนสตาร์ทรถมุ่งเข้าเมือง ระหว่างทางสอดส่ายสายตาหาชายสองคน ขณะที่ในกระเป๋าผมเอง ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือติดอยู่สักบาทเดียว........

เพลงร้าวราน

ศิลปินโฟล์คเหน่อ ขับร้อง




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2551 15:55:55 น.
Counter : 697 Pageviews.  

:::: รถดูดขี้ ::::

:::: รถดูดขี้ ::::

ครึ่งหลับครึ่งตื่นในช่วงสาย ๆ

มีเสียงแว่ว ๆ กึ่งยิงกึ่งผ่าน มาทางหน้าประตูบ้าน

“ดูแลห้องน้ำ มั๊ยครับ รถกำลังมาแล้ว”

“อะไรของมันวะ ดูแลห้องน้ำ” ผมคิดในใจ ไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นอยู่ในความฝันหรือความจริง ก่อนจะพยายามที่จะข่มอาการเพื่อหลับต่อ

เนิ่นนานเท่าไรไม่อาจรู้ได้ แต่ในภวังค์แห่งกึ่งฝันกึ่งตื่นนั้น แว่วเสียงรถยนต์ติดเครื่องครางอยู่นานมาก

ในห้วงที่น่าจะเป็นห้วงแห่งการฝัน เหมือนได้เห็นภาพตัวเองพยายามจะออกแรงดันรถคันที่ครางเสียงนี้ไปเสียให้พ้น แต่ขณะสะดุ้งตื่นสู่ความจริง กลับพบว่าเสียงรถนั้นยังคงครางเสียงดังสม่ำเสมออยู่ที่หัวนอน

“อะไรกันนักหนา โว้ย สตาร์ทเครื่องนานตั้งทำไมไม่ออกตัวไปเสียทีเล่า” สุดเกินทนกับเสียง จนต้องสลัดผ้าห่มทิ้ง แล้วมองลอดหน้าต่างออกไปที่ถนนหน้าบ้าน

“รถคันนี้บรรทุกทองเหลว” โผล่หน้าไปเห็นข้อความ ติดอยู่ที่ท้ายรถ แต่พอเห็นรูปพรรณสัณฐานของรถ ก็รู้แน่ชัดว่า “รถดูดขี้”

“โถ...เขียนซะไพเราะ เชียว ทองเหลว” ผมพึมพำกับตัวเอง หลังจากนำตัวเองเข้าสู่สภาวะของความเป็นจริงแห่งวัน เดินเข้าห้องน้ำ ขณะกำลังจะปัสสวะลงชักโครก ฉับพลันก็ให้เกิดอาการสงสัยพุ่งปรี๊ด ออกมาพร้อมกับปัสสาวะ

“ดูแลห้องน้ำ” ผมทวนคำ เออแฮะ ดูแลห้องน้ำหรือดูดส้วมตามภาษาชาวบ้าน ใช่ผมไม่เคยเอะใจเลยสักนิด ว่าในหมู่บ้านจัดสรร เข้าต้องดูดส้วมกันด้วยหรือเปล่า แต่จำได้ว่าเคยแวบตั้งข้อสงสัยมาครั้งหนึ่งแล้วก็ลืมไป เพราะเข้าใจว่าถังรองอุจจาระคงจะต่อท่อสัมพันธ์ถึงกันหมด แล้วก็ให้ไหลรวมไปอยู่ที่ที่เป็นที่เดียวกัน แล้วทางหมู่บ้านก็จะช่วยจัดการที่ถังรวมนั้นโดยเจ้าของบ้านแต่ละหลังไม่ต้องมากังวลกับเรื่องส้วมเต็ม ผมคิดเช่นนั้นจริง ๆ เพราะตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาอยู่บ้านเช่าในหมู่บ้านจัดสรร ไม่เคยพบปัญหาส้วมเต็มสักที ผมไม่เคยมีความรู้เรื่องแปลนผังหมู่บ้าน และก็แทบจะไม่เคยเห็นบ้านไหนมีรถดูดขี้มาจอดหน้าบ้านเลยตั้งแต่เข้ามาอยู่

แต่ตื่นมาวันนี้ดันได้เห็นรถดูดขี้ ตั้งป้อมอยู่ที่หน้าบ้านหลังตรงข้าม

ตายห่า นี่ถ้าเกิดส้วมบ้านเช่าของผมเต็ม เกิดอาการราดน้ำเท่าไรก็ไม่ยอมลง แถมยังมีอาการทะลึ่งพรวดโผล่หน้ามาทำท่าอาลัยอาวรณ์ แบบว่าไม่อยากจรจาก จะทำยังไงกันวะเนี่ย ของอยู่ใต้ดินเสียด้วย ประมาณการกันไม่ได้ ว่ามีปริมาณดัชนีการขึ้นลง หรือค่าความผันผวน ของเขาอยู่ที่ตรงส่วนไหน และเท่าไรของถังรองแล้ว

เอาละซี เรื่องสุขา พาให้ทุกข์แต่เช้าเชียว

สมัยเด็ก ๆ ผมจำได้ว่า ที่บ้านผมซึ่งบ้านนอก เคยมีรถดูดส้วมเข้าไปให้บริการ ตรงกับช่วงที่ส้วมหลังบ้านเต็มพอดี

ทันทีที่เห็นทองเหลววิ่งไล่เป็นลูกคลื่นพะเยิบพะยาบอยู่ในท่อสายยางใหญ่เท่านั้นแหละ พวกเราพี่น้องในบ้านก็หัวเราะกันลั่น

แต่หลังจากดูดเสร็จสรรพ พวกเราก็หัวเราะไม่ออก ครับ เพราะเจ้าของรถดูดส้วมได้เรียกเงินค่าบริการแบบแพงหูฉี่เกินคาด หนักสุดก็คือพ่อผมครับ แกเข้าใจว่ารถที่เข้ามาดูดขี้นั้นคือรถที่ตะเวณมาเพื่อซื้อขี้ ดังนั้นจึงเกิดความเข้าใจไม่ตรงกันแบบสุดขั้ว

ตั้งแต่วันนั้นมา รถดูดขี้ก็ไม่มีโอกาสย่างกรายเข้ามาใกล้ส้วมบ้านเราอีกเลย พอส้วมเริ่มเปี่ยมเต็ม พ่อผมก็หาบปี๊บไปจ้วงตัก แล้วตระเวณตักเทใส่ผัก ใส่ต้นไม้ใบ ไม้ดอก หน้าตาเฉย

แต่รถดูดขี้ก็กลับมารังควาญฝังแค้นให้พ่ออารมณ์เสียอีกจนได้ เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาวันหนึ่ง ขณะพ่อเดินผ่านลงไปในทุ่งหน้าแล้งริมถนน ก็พบกับรอยขี้วิ่งวนเป็นวงรีอยู่กลางทุ่งนา เป็นไปไม่ได้ที่ขี้จะมาวิ่งวนทิ้งตัวเป็นวงเหมือนลู่วิ่งนักกีฬาเองอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะพวกรถดูดขี้มันมักง่ายเอามาราดทิ้ง

นั่นคือความทรงจำเรื่องรถดูดขี้เมื่อสมัยผมยังเด็ก

มาวันนี้ผมกำลังมีปัญหากับขี้อีกแล้วครับ

เสียงรถบรรจุทองเหลวจากบ้านฝั่งตรงข้ามเงียบเสียงไปนานแล้ว ขณะที่ผมยังนั่งจมจ่อมแบบกึ่งทุกข์ใจ อยู่กลางบ้าน

นึกเจ็บใจตัวเองที่ขาดความรอบคอบ

ก่อนหน้านี้ สัก 10 นาที ผมควรจะออกไปขอนามบัตร หรือ เบอร์โทร ของทีมงาน พิชิตทองเหลว เผื่อวันมีเหตุฉุกเฉินเกินความสามารถ จะได้โทรเรียกมาใช้บริการได้ทัน....เฮ้อ เป็นซะยังงี้ทุกทีเลยเรา




 

Create Date : 26 มกราคม 2551    
Last Update : 26 มกราคม 2551 13:27:57 น.
Counter : 882 Pageviews.  

::::ค่ำคืนเดือนมืด และความตายของแม่ค้า::::

::::ค่ำคืนเดือนมืด และความตายของแม่ค้า::::

1.

ความแตกต่าง ของความรู้สึกต่อความตายของเพื่อนมนุษย์ ที่มีอยู่รายรอบข้าง และมีอยู่ทุกวัน การได้รับรู้ด้วยการเห็นกับตา หรือรับรู้ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน หรือผ่านคำบอกเล่าของคนรู้จัก สารนำข่าวเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบให้เกิดความรู้สึกต่อความตายให้แตกต่างกันได้ในระดับหนึ่ง

แต่ข่าวความตายไม่ว่าจะผ่านการนำสารด้วยทางใด หากคนในข่าวคือคนที่เรารู้จักมักคุ้น และผ่านการพูดคุยกันมาบ้าง ในอดีต หลังทราบข่าวคราวความตายของเขาก็ทำให้เราอึ้งนิ่งไปได้เป็นวัน ๆ เช่นกัน

ดังเช่นเรื่องราวข่าวความตายของแม่ค้าขายหนังสือมือสองที่ริมทางไหล่เขา.ในคืนเดือนมืด......

คำบอกเล่าถูกถ่ายทอดโดยพ่อค้าขายเสื้อผ้าในตลาดนัดด้วยกัน ที่บังเอิญผมได้พบกับเขาหลังการเสียชิวิตของแม่ค้าผ่านไป 2 วัน

ความตายที่เป็นผลมาจากอุบัติเหตุที่มิได้มีสาเหตุจากความประมาท หากแต่เป็นความตายของคนที่น่าจะเรียกได้ว่า อาจถึงคราวตายของเธอจริง ๆ

2.

ตลอดช่วง 4 ปี ก่อนหน้านี้ วิถีชีวิตของผมถูกผูกติดอยู่กับตลาดนัดเปิดท้ายทั่วจังหวัดภาคกลาง แต่ละวันของช่วงบ่าย การบึ่งรถกระบะบ่ายหน้าสู่ตลาดนัดคือกิจวัตร และหลังตะวันไต่เลี่ยเหนือยอดไม้ ผมจะเริ่มบรรเลงเพลงของผมเองอยู่กลางตลาดนัดด้วยกีตาร์โปร่ง เคล้าคลอระบายด้วยเสียงแอคคอร์เดี้ยน และเพอร์คัสชั่นจากเพื่อนร่วมชะตากรรม โดยมีเทป ซีดี วางแผ่อยู่ข้างหน้าเพื่อคนผ่านไปผ่านมาได้หยิบจับ พลิกดู หากถูกใจในเสียงเพลง ก็จะซื้อติดมือกลับไปฟังที่บ้าน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลอดช่วงนั้น พ่อค้า แม่ค้าในตลาดนัด ส่วนใหญ่จะรุ้จักมักคุ้นกับพวกเราในฐานะศิลปินประจำตลาดนัดเปิดท้าย

การจองพื้นที่เพื่อการแสดงแต่ละวัน เราก็จะได้พบกับเพื่อนร้านขายสินค้าข้างเคียงแตกต่างกันไป แล้วแต่เจ้าของตลาดนัดจะจัดพื้นที่ให้ บางวันเราได้อยุ่ใกล้ร้านขายเสื้อผ้า บางวันเราได้อยู่ติดกับร้ายขายน้ำหอม บางวันเราได้อยู่เคียงข้างกับร้านขายกล้วยไม้ บางวันโชคร้ายหน่อยก็ได้อยู่ติดกับร้านขายเครื่องเสียง

จำได้ว่าวันหนึ่ง ผมได้มีโอกาสตั้งแผงการแสดงติดกับร้านขายหนังสือมือสอง ของสองผัวเมียน่ารักคู่หนึ่ง อายุอานามของทั้งสองน่าจะเลยวัยกลางคน ทั้งสองรุ้สึกจะชอบฟังเพลงเพื่อชีวิต วันที่เราตั้งแผงติดกัน เขาขอให้ผมร้องเพลงที่เขาชอบหลายเพลง และปรบมือให้กำลังใจพวกเราตลอดการแสดง ทั้งสองผัวเมียเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส

จบการแสดงวันนั้น ผมซื้อหนังสือจากแกสองเล่ม ส่วนทั้งสองก็อุดหนุนซีดีเพลงของผมไปหนึ่งแผ่น

“ขายดีมั๊ยวันนี้” ผมถาม ขณะทั้งสองกำลังขนหนังสือขึ้นรถกระบะคันเก่า ๆ

“ไม่รู้จะพอค่าน้ำมันกลับถึงบ้านหรือเปล่า” พี่ผู้ชายบอก พลางหัวเราะ เป็นที่รู้กันระหว่างคนตลาดนัด หากยอดขายไม่ได้ตามเป้า ก็จะมีภาษาบ่นกันไปตามประสา ขณะเรื่องค่าน้ำมันมักถูกอ้างถึงเป็นอันดับต้น ๆ

หลังจากวันนั้น จนกระทั่งถึงวันที่ผมเลิกเดินทางสัญจรเล่นดนตรีตามตลาดนัด จำไม่ได้ว่าได้เคยตั้งแผงติดกัน กับแผงขายหนังสือของสองผัวเมียคู่นี้ อีก 3 หรือ 4 ครั้ง แต่ที่จำได้คือรอยยิ้มอย่างมีความสุขของพวกเขาทั้งสองยามที่พวกเราร้องเพลงที่เขาขอไว้ให้ฟัง.....

3.

พอพ่อค้าขายเสื้อผ้า เอ่ยถึงสองผัวเมียขายหนังสือมือสอง ภาพของพวกเขาก็ผุดพรายขึ้นมาทันที

ขณะเรื่อง อันนำไปสู่การสูญเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าสลด ก็ถูกเล่าออกมาเป็นฉาก ๆ

หลังการเก็บหนังสือใส่ท้ายรถกะบะ ที่ตลาดนัดอำเภอบ้านไร่ ในค่ำคืนเดือนมืด สองผัวเมียก็บึ่งรถกลับบ้านมาทางอำเภอด่านช้าง ระหว่างขับขึ้นเนินเขาสูง รถกะบะสองผัวเมียเกิดดับอย่างกะทันหัน ฝ่ายสามีพยายามสตาร์ทเครื่องเท่าไรก็ไม่ยอมติด ขณะที่อยู่ระหว่างทางขึ้นเนินสูง ด้วยความกลัวว่ารถข้างหลังที่กำลังไต่ขึ้นเนินตามมาจะไม่ทันมองเห็น แล้วจะเกิดชนกันเข้า เขาก็เลยตัดสินใจที่จะคลายเบรกที่เหยียบคาไว้ เพื่อให้รถถอยหลังลงแล้วหักพวงมาลัยให้ชิดริมทาง คงเพื่อที่จะได้เห็นแนวริมทางชัดเจน ภรรยาที่นั่งอยู่อีกฝั่ง จึงไขกระจกรถลง แต่ยังมิทันจะได้บอกแนวริมทางให้สามี รถที่คลายเบรกให้ไหลถอยลงเนินอย่างรวดเร็ว ก็ไถลเลยไหล่ถนนพลิกเอียงข้าง ลงไปที่ดงตอต้นกระถิน ที่เพิ่งถูกตัดเหลือปลายเป็นปากฉลามแหลม ก็ทิ่มแทงทะลุหูของภรรยาที่นั่งอยุ่ฝั่งซ้ายเสียชีวิตคาที่ ส่วนสามีบาดเจ็บสาหัส

ไม่ต้องนึกไปถึงเสียงหวีดร้อง และอาการดิ้นทุรนทุราย ในเฮือกหายใจแห่งความเจ็บปวดครั้งสุดท้าย ก่อนสงบนิ่ง

แค่เพียงเท่านี้ผมก็นิ่งอึ้งน้ำตาเอ่อคลอ.....

“ไม่รู้จะพอค่าน้ำมันกลับบ้านหรือเปล่า” ถ้อยคำคำนี้ของเขาดังก้อง พุ่งกลับออกมาจากความทรงจำของผมจนได้ยินชัดเจนอีกครั้ง ในห้วงขณะนี้ ห้วงขณะที่พ่อค้าขายเสื้อผ้า บอกต่อมาว่า สาเหตุที่รถกระบะคันเก่าของพวกเขาเครื่องดับกระทันหัน ขณะกำลังไต่ขึ้นเนินเขา ในคืนนั้นคือ รถของพวกเขาน้ำมันหมด.......




 

Create Date : 18 มกราคม 2551    
Last Update : 18 มกราคม 2551 1:31:57 น.
Counter : 560 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

โฟล์คเหน่อ
Location :
สุพรรณบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผลงานโฟล์คเหน่อ

สี่สิบสอง นักเขียน คนบ้า กวีหน้าราม กีตาร์โปร่ง
Friends' blogs
[Add โฟล์คเหน่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.