"กำลังใช้ชีวิต" ... I Just Living...
Group Blog
 
All blogs
 

Seventh Son : ศึกปราบแม่มดของบุตรชายคนที่ 7 ของบุตรชายคนที่ 7!




หนังแอ็คชั่นแฟนตาซีส่งท้ายปีที่หยิบเอาหนังสือเล่มแรกจากนวนิยายชุด The Spook's Apprentice ของโจเซฟ เดลานีย์ มาสร้างสรรค์ จากการกำกับของผู้กำกับชาวรัสเซีย เซอร์กีย์ โบดรอฟ นำแสดงโดย เบน บาร์นส, เจฟฟ์ บริดเจส, ดีจิมอน ฮูนซู, อลิเซีย วิคันเดอร์, โอลิเวีย วิลเลียมส์, คิท แฮริงตัน และ จูลี่แอนน์ มัวร์









ณ อดีตอันไกลโพ้น ปีศาจชั่วร้ายกำลังจะได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการ ซึ่งจะจุดชนวนสงครามระหว่างพลังเหนือธรรมชาติและมนุษยชาติขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์เกรกอรี่ (เจฟฟ์ บริดเจส) คืออัศวินผู้จองจำแม่มดมัลคิน (จูลี่แอนน์ มัวร์) ผู้ทรงอำนาจและโหดร้าย เมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว แต่นางสามารถหลบหนีออกมาได้และกำลังหาทางแก้แค้น นางเรียกรวมพลสาวกจากทุกชาติภพเพื่อเตรียมระบายความแค้นมาสู่โลกอย่างคาดไม่ถึง สิ่งเดียวที่เป็นอุปสรรคขวางทางของนางคือ ท่านอาจารย์เกรกอรี่

ในครั้งนี้ ท่านอาจารย์เกรกอรี่ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายที่เขาหวาดหวั่นเสมอมาว่าจะหวนกลับมาสักวันหนึ่ง เขามีเวลาเพียงแค่ถึงคืนจันทร์เต็มดวงครั้งหน้า ที่ต้องทำภารกิจซึ่งปกติต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะลุล่วง นั่นคือฝึก ทอม วอร์ด (เบน บาร์นส) ลูกศิษย์คนใหม่ขึ้นมา เพื่อต่อสู้กับมนตร์ดำพิสดาร ความหวังของหมู่มวลมนุษย์นั้นฝากไว้ที่บุตรชายคนที่ 7 ของบุตรชายคนที่ 7 เท่านั้น!!

(ขอบคุณเรื่องย่อจาก kapook.com)









ตัวหนังมาแบบจัดเต็มความแฟนตาซีที่มีทั้งแม่มด หมอผี มังกร และปีศาจ โดยส่วนตัวแล้วถือว่าสนุกถูกใจ อาจมีติดขัดกั๊กๆหน่อยตรงการเล่าเรื่องที่ยังไม่สุดมีสะดุดอยู่บ้าง แบบว่าถ้าใครไม่เคยอ่านเรื่องย่อหรือนิยายมาก่อนก็อาจจะมีหลายข้อให้สงสัย (เช่น ทำไมต้องบุตรชายคนที่ 7 ของบุตรชายคนที่ 7 ?!) แต่ถ้าหากมองข้ามส่วนนี้ไปก็ถือว่าพอดูได้เพลินๆ









กับฉากแอ็คชั่นนั้นก็มาแบบแฟนซีอลังการ มีหลายฉากที่ทำออกมาได้ถึง (โดยเฉพาะเวลาเหล่าตัวร้ายแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดทั้งหลาย) แม้อาจจะมีหงุดหงิดอยู่นิดที่พวกตัวร้ายดันตายง่ายไปหน่อย ยังดีที่มีตัวละครเยอะก็เลยไม่ค่อยรู้สึกผูกพันอะไร..









ส่วนกับการแสดงนั้นหนุ่มบาร์นสกับป๋าบริดเจส 2 พระเอกของเรื่องนั้นก็ทำได้ดีไม่มีอะไรให้ติ แต่คนที่โดดเด่นโดดเด้งที่สุดคงหนีไม่พ้นตัวร้ายอย่างป้ามัวร์ที่แสนชั่วร้ายได้อย่างโดนใจ..

สรุป Seventh Son เป็นหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีดูเพลินๆที่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์สนุกแบบอย่าไปคิดอะไรมาก




























ความน่าดู 6.5/10 หากวัดจากความชอบส่วนตัวแล้วถือว่าสนุกครับผม!!





 

Create Date : 26 มกราคม 2558    
Last Update : 26 มกราคม 2558 21:53:05 น.
Counter : 10536 Pageviews.  

Night at the Museum: Secret of the Tomb : ปริศนาพิพิธภัณฑ์อลเวง!!




ภาคที่สามของหนังตลกแฟนตาซีพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่ยังคงได้ผู้กำกับฌอน เลวีย์ ต้นตำรับ (Night at the Museum 1-2, Real Steel) มากำกับความสนุกเหมือนเคย พร้อมนำทัพความฮาโดยหน้าเก่าอย่าง เบน สติลเลอร์, โรบิน วิลเลียมส์, โอเว่น วิลสัน, สตีฟ คูแกน, ริคกี้ เจอร์เวส, รามี มาเล็ค, แพทริค กิลลาจ์เฮอร์, มิซูโอะ เป็ค ร่วมด้วยหน้าใหม่อย่าง สกายเลอร์ จีซอนโด, แดน สตีเวนส์, เรเบล วิลสัน และ เบน คิงส์ลีย์









เมื่อพิพิธภัณฑ์จัดแสดง Natural History Museum ในนิวยอร์กที่จะลุกขึ้นมามีชีวิตในช่วงค่ำคืนเริ่มมีความแปลกประหลาด แลร์รี่ (เบน สติลเลอร์) ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการยามค่ำคืนของพิพิธภัณฑ์ที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งต้องหาเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้น?! แผ่นจารึกที่ทำให้สิ่งมีชีวิตลุกขึ้นมาได้เริ่มเสื่อมสภาพ มีทางเดียวที่อาจจะซ่อมแซมได้คือต้องไปที่พิพิธภัณฑ์อังกฤษ แลร์รี่พร้อมยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้อง “ครอบครัว” ในพิพิธภัณฑ์เอาไว้ เขากับนิค (สกายเลอร์ จีซอนโด) ลูกชายของเขาและของจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ต้องเดินทางจากนิวยอร์กสู่ลอนดอน พวกเขาจะได้พบปริศนาของแผ่นจารึกที่นั่น..

(ขอบคุณเรื่องย่อจาก nangdee.com)









มาภาคนี้จะให้อยู่แต่ที่เก่าๆก็เกรงว่าจะซ้ำซากจำเจเกินไป ผู้กำกับก็เลยขอเปลี่ยนที่วายป่วงใหม่จากพิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์กไปเป็นพิพิธภัณฑ์ในลอนดอน ประเทศอังกฤษแทน..

โดยตัวหนังก็มาในรูปแบบเดิมๆ นั่นแหละคือ ปล่อยให้เราเฮฮาไปกับหลากหลายตัวละครและสิ่งของแสนแฟนตาซีตรงหน้าที่มีชีวิตขึ้นมาที่ถึงแม้จะแปลกใหม่ตื่นตา แต่ก็มาพร้อมกับมุกตลกซ้ำๆ พ่วงด้วยนักแสดงนำหน้าเดิมๆ
เปรียบเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าในสถานที่ใหม่ก็แค่นั้น..









แม้จะมีเพิ่มมุกกับตัวละครใหม่เข้ามาบ้างเป็นสีสัน (อย่างมุกมนุษย์หินพี่เบนกับท่านเซอร์แลนสล็อต) แต่ด้วยความที่มันไม่สดใหม่สักเท่าไร แถมยังชอบเล่นมุกซ้ำๆมันก็เลยทำให้ให้ขำบ้างแค่นิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งถ้าใครเบื่อมุกเก่าๆเหล่านี้ล่ะก็จะรู้สึกว่าตัวหนังนั้นจะทำได้เพียงแค่ย้ำรอยเดิม!!









กับการแสดงนั้นพวกหน้าเดิมก็ทำได้ดีอย่างเคยเป็น พี่เบนยังคงคอนเซ็ปต์ตลกหน้าตายได้อย่างไม่มีที่ติ ส่วนพวกหน้าใหม่นั้นดูเหมือนบทจะน้อยไปนิดจนไม่มีอะไรให้จดจำ..

สรุป Night at the Museum: Secret of the Tomb เป็นหนังตลกภาคต่อที่พอดูได้ขำๆ แม้อาจจะซ้ำๆ แต่ก็ยังช่วยทำให้ขำได้อยู่!!
























ความน่าดู 6.5/10 เหมาะสำหรับดูเอาฮาแบบอย่าไปคิดอะไรมาก!!




 

Create Date : 21 มกราคม 2558    
Last Update : 21 มกราคม 2558 22:14:46 น.
Counter : 3444 Pageviews.  

The Hobbit: The Battle of the Five Armies : บทสรุปการผจญภัยของบิลโบ แบ๊กกินส์!




ภาคปิดท้ายของหนังแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ที่สร้างมาจากหนังสือ The Hobbit วรรณกรรมเรื่องดังของ เจ.อาร์.อาร์ โทลคีน จากการกำกับของผู้กำกับปีเตอร์ แจ๊คสัน แห่งหนังชุด The Lord of the Rings, The Hobbit 1-2 และ King Kong









นำแสดงโดยหน้าเก่าจาก 2 ภาคที่แล้วคือ มาร์ติน ฟรีแมน, เอียน แม็คเคลเลน, ริชาร์ด อาร์มิเทจ, ออร์แลนโด บลูม, เอวานเจลีน ลิลลี, ลุค อีวานส์, เคน สต็อตต์, แกรแฮม แม็คทาวิช, วิลเลียม เคอเชอร์, เจมส์ เนสบิตต์, สตีเฟ่น ฮันเตอร์, ดีน โอ’กอร์แมน, ไอเดน เทอเนอร์, จอห์น แคนเลน, ปีเตอร์ แฮมเบิลตัน, เจด โบรฟี, มาร์ค แฮดโลว์, อดัม บราวน์

ร่วมด้วย ลี เพซ, ฮิวโก วีฟวิง, คริสโตเฟอร์ ลี, เคต บลังเช็ตต์ และ เบเนดิคต์ คัมเบอร์แบ็ตช์ (ให้เสียงพากย์)









ภาคนี้เป็นการนำเสนอบทสรุปการผจญภัยของบิลโบ แบ๊กกินส์ (มาร์ติน ฟรีแมน), ธอริน โอเคนชีลด์ (ริชาร์ด อาร์มิเทจ) และคณะคนแคระที่ทวงคืนบ้านเกิดของตนจากมังกรสมอว์ก (ให้เสียงพากย์โดย เบเนดิคต์ คัมเบอร์แบ็ตช์) ซึ่งเหล่าคณะได้ปลุกพลังอันชั่วร้ายขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ สมอว์กโกรธแค้นและได้พ่นไฟทำร้ายมนุษย์ทั้งหญิงชายและเด็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ในเมืองทะเลสาบด้วยความเดือดแค้น

ด้วยความต้องการที่อยากจะไปทวงคืนทรัพย์สมบัติ ธอรินยอมเสียสละมิตรภาพและเกียรติยศเพื่อใส่ร้ายว่าเป็นแผนชั่วของบิลโบ เพื่อทำให้เขาเห็นเหตุผลที่ควรให้ฮอบบิทเดินหน้าต่อไปท่ามกลางความรุนแรงและภัยอันตราย แต่กลับมีอันตรายที่โหดร้ายกว่ารออยู่เบื้องหน้า ซึ่งไม่มีใครมองเห็นได้นอกจากพ่อมดแกนดัล์ฟ (เอียน แม็คเคลเลน) ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่าซอรอนได้เคลื่อนทัพไปพร้อมกับกองทัพออร์คเพื่อแอบซุ่ม โจมตีที่หุบเขาเดียวดาย

การต่อสู้ของพวกเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คณะคนแคระ พวกเอล์ฟและมนุษย์ต้องเลือกว่าจะร่วมมือกันหรือยอมถูกทำร้าย ชีวิตการต่อสู้ของบิลโบและเพื่อนๆ ของเขาต้องอยู่ใน “สงคราม 5 ทัพ” อันยิ่งใหญ่ เมื่ออนาคตของมิดเดิ้ลเอิร์ธต้องอยู่บนความสมดุล!!

(ขอบคุณเรื่องย่อจาก Warner Bros. Thailand)









ตัวหนังเลือกเล่าเรื่องราวต่อจากภาค 2 ทันทีแบบไม่ให้หายใจหายคอกันเลย ซึ่งถ้าใครไม่ได้ดูมาก่อนหรือจำไม่ได้ก็อาจเกิดอาการมึนงงกันบ้าง แต่พอดูไปสักพักก็จะเริ่มจูนติดและสนุกไปกับเรื่องราวตรงหน้าที่ทั้งสวยงาม อลังการ และแฟนตาซี โดยเฉพาะความสนุกนั้นถือว่าทำได้ดีกว่าภาคที่แล้ว แม้จะมีอืดๆเนือยๆไปบ้างในบางฉาก (ด้วยความที่หนังสร้างมาจากหนังสือเพียงเล่มเดียว) แต่พอถึงฉากไคลแมกซ์อย่าง “สงคราม 5 ทัพ” แล้วนั้นต้องยอมรับเลยว่าทำออกมาได้อลังการงานสร้างและน่าติดตามดีทีเดียว..









ส่วนด้านการแสดงนั้นเหล่าตัวเอกทั้งหลายต่างก็มีฉากเด่นเป็นของตัวเอง แต่หากใครไม่ใช่แฟนนิยายหรือหนังชุดนี้มาก่อนก็อาจจะสับสนกับหลากตัวละครตรงหน้าที่ดาทัพกันมามากมายเสียเหลือเกิน ทางที่ดีคืออยากแนะนำให้ไปดู 2 ภาคแรกมาก่อน (พ่วง The Lord of the Rings ด้วยก็ยิ่งดี) แล้วจะทำให้เข้าใจและอินกับเรื่องราวมากยิ่งขึ้น!!









สรุป The Hobbit: The Battle of the Five Armies ถือว่าเป็นหนังภาคปิดท้ายที่สนุกและสรุปเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์ในตัว ถึงจะไม่สดใหม่แบบ The Lord of the Rings เคยทำได้ แต่ก็ทำให้เกิดอาการอยากหยิบหนังชุด The Lord of the Rings มาดูต่ออยู่ดี!!

































ความน่าดู 7.5/10 ถ้าดู 2 ภาคก่อนหน้ามาแล้วก็ห้ามพลาดภาคนี้ครับผม!!





 

Create Date : 16 มกราคม 2558    
Last Update : 16 มกราคม 2558 23:23:59 น.
Counter : 2741 Pageviews.  

ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ : ติวเตอร์ติวรัก!!




หนังโรแมนติกคอมเมดี้ส่งท้ายปีของค่ายหนังอารมณ์ดี GTH ที่ได้ผู้กำกับเมษ ธราธร แห่ง ATM เออรัก เออเร่อ มากำกับความสนุก นำแสดงโดย ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ, อาโออิ โซระ และ โจ๊ก โซคูล









ว่าด้วยเรื่องราวของ “เพลง” (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) ติวเตอร์ภาษาอังกฤษสาว ต้องพบกับเรื่องราวอันสุดแสนจะน่าปวดหัว เมื่อลูกศิษย์ชาวต่างชาติของเธอตัดสินใจทิ้ง “ยิม” (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) แฟนหนุ่มคนไทยไปอเมริกา แต่ด้วยความที่ยิมฟังภาษาอังกฤษไม่ออก เธอจึงอัดคลิปเสียงบอกเลิกใส่ธัมป์ไดรว์แล้วขอร้องให้เพลงช่วยไปเปิดแปลให้ยิมฟัง

เมื่อยิมรู้ว่าถูกบอกเลิกก็โมโหมาก เขาพาลโวยวายใส่เพลงว่าเป็นคนสอนภาษาอังกฤษให้แฟนเขาจนเป็นต้นเหตุให้เธอทิ้งเขาไป ต่อมาไม่นาน ยิมตัดสินใจไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษกับเพลงโดยหวังจะตามไปง้อแฟนที่อเมริกา เพลงไม่อยากรับสอนแต่สุดท้ายก็ต้องจำใจยอม

ทั้งคู่ใช้ร้านกาแฟเป็นที่เรียนหนังสือ แต่ด้วยความที่ยิมเป็นเพียงช่างเทคนิกในโรงงาน ระดับความรู้ภาษาอังกฤษของยิมจึงต่ำมาก เพลงจึงต้องพยายามงัดสารพัดวิธีออกมาสอนยิมไม่ว่าจะเป็นการฝึกออกเสียง การใช้เหตุการณ์สมมุติหรือแม้แต่การให้อ่านหนังสือนิทาน การสอนเป็นไปอย่างยากลำบาก กระนั้นยิมก็ยังคงพยายามฝึกตัวเองอย่างไม่ท้อถอยจนเพลงเริ่มเห็นความตั้งใจในตัวเขา

ในขณะเดียวกัน เพลงก็ไปตกหลุมรักกับ “คุณพฤกษ์” (ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ) ลูกศิษย์คอร์สภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ หนุ่มหล่อชาติตระกูลดีผู้ซึ่งเป็นดั่งชายในฝันของผู้หญิงทุกคน ด้วยความเป็นคนโรแมนติกคุณพฤกษ์มักจะขยันหาอะไรมาทำเซอร์ไพรส์เพลงอยู่บ่อยๆ จนบางทีเพลงก็แอบขำในความพยายามของคุณพฤกษ์ จนในที่สุดทั้งสองก็ตกลงเป็นแฟนกัน

ทว่าระหว่างที่การเรียนการสอนของเพลงและยิมค่อยๆผ่านไปในแต่ละวัน ทั้งคู่ต่างก็ค่อยๆได้เรียนรู้นิสัยและตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน จนทำให้คนซึ่งเคยดูเหมือนเกลียดกันในตอนแรก กลับค่อยๆพอกพูนความรู้สึกดีๆต่อกันขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ทันรู้ตัว แล้วความสัมพันธ์ระหว่างติวเตอร์และลูกศิษย์คู่นี้จะลงเอยเช่นไร?

(ขอบคุณเรื่องย่อจาก ifinethankyouloveyou.com)









ไม่แปลกใจที่หนังทำเงินถล่มทลายในบ้านเรา ก็หนังเข้ามาถูกจังหวะในช่วงที่บ้านเมืองกำลังต้องการเสียงหัวเราะ แม้หลายมุกในหนังจะตลกน้อย หยาบคาย ทะลึ่งและเชี่ยมาก (เช่น มุกจุดประทัดกับร่องตูด) แต่เราคนดูก็ยังอดขำไปกับมันไม่ได้ ฮาให้กับมุกบ้านๆเกรียนๆเหล่านี้ที่หากหัวสมัยใหม่หรือเปิดใจยอมรับเราก็จะเผลอขำตามได้อย่างไม่เขินอาย

แถมการเล่าเรื่องก็ยังไหลลื่นถูกจังหวะ รู้ว่าตรงไหนควรตลก ฉากไหนควรโรแมนติกแบบนี้ หนังก็เลยประสบความสำเร็จอย่างที่เห็น..









แต่ที่เด็ดสุดคงต้องยกให้กับ 2 นักแสดงนำ ไอซ์กับซันนี่ที่ทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์มากมาย กับสาวไอซ์นั้นก็ช่างโปกฮาแต่น่ารักมั๊กมาก ส่วนกับหนุ่มซันนี่นี่ก็ช่างหล่อกวนบาทาได้อย่างชวนฟิน แถมเคมีของทั้งคู่ก็เข้ากั๊นเข้ากันจนพาให้หนังน่าดูตั้งแต่ต้นจนจบ..

แต่แอบเสียดายอยู่หน่อยก็ตรงเหล่าบทสมทบทั้งหลาย (อย่างโจ๊กกับอาตุ้ยตุ่ย) ที่ใช้งานได้น้อยเกินไปนิดทั้งที่จริงๆแล้วมีดีกว่านี้เยอะ!!









สรุป ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ เป็นหนังรักกวนตีนที่ทั้งตลกและโรแมนติกแบบดูแล้วอย่าไปคิดอะไรมาก!!



ป.ล. อัพเดตรายรับล่าสุดตอนนี้กลายเป็นหนังไทยทำเงินสูงสุดอันดับที่ 2 ในบ้านเราแล้วในขณะนี้..



























ความน่าดู 7/10 เหมาะสำหรับดูเอาฮาในวันที่ต้องการเสียงหัวเราะครับผม!!





 

Create Date : 13 มกราคม 2558    
Last Update : 13 มกราคม 2558 22:36:42 น.
Counter : 2778 Pageviews.  

Horns : “เขา”สารภาพผิด!!




สร้างมาจากนิยายขายดีชื่อเดียวกันของโจ ฮิลล์ (ลูกชายของสตีเฟ่น คิง) จากการกำกับของอเล็กซานเดร อาจา (Haute tension, Mirrors, The Hills Have Eyes และ Piranha 3D) โดยได้หนุ่มแดเนียล แรดคลิฟฟ์ มานำแสดง ร่วมด้วย จูโน เทมเพิล, แมกซ์ มิงเฮลลา, เคลลิ การ์เนอร์, โจ แอนเดอร์สัน, เดวิด มอร์ส และ ฮีเธอร์ แกรแฮม









ว่าด้วยเรื่องราวของชายหนุ่มที่ชื่อ อิ๊ก เพอริช (แดเนียล แรดคลิฟฟ์) ที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าแฟนสาวของตัวเอง และไม่เพียงแค่นั้นเขายังมีเขาซาตานงอกอยู่บนหัวอีกด้วย

แต่สิ่งที่เป็นเหมือนกับคำสาปก็ก่อให้เกิดพรสวรรค์ใหม่ เมื่อ อิ๊ก พบว่าตัวเองมีพลังพิเศษในการโน้มน้าวให้ทุกคนทำสิ่งที่เขาต้องการ และทำให้คนๆนั้นสารภาพบาปที่เคยทำออกมาได้... เขาจึงใช้พลังที่ได้มาใหม่นี้ในการตามล่าหาตัวคนที่ฆ่าแฟนของเขา!!

(ขอบคุณเรื่องย่อจาก M Pictures)









เป็นหนังสยองขวัญแฟนตาซีที่มีดีตรงพล็อตเรื่อง ชอบมากตรงที่ใช้เรื่องที่พระเอกมีเขางอกแบบซาตานมาเป็นความสามารถพิเศษที่ทำให้คนตรงหน้ากล้าทำและสารภาพสิ่งที่อยู่ในใจออกมา (ตรงนี้คงต้องหมายถึงตัวนิยายเองด้วย) ซึ่งแต่ละอย่างก็มาแบบจัดหนักจัดเต็มทั้งนั้น ทั้งคำหยาบ ฉากเซ็กส์ ความรุนแรง ฯลฯ ด้านฉากสยองก็ไม่น้อยหน้ามาตามแนวถนัดของผู้กำกับคนนี้

แต่เห็นหน้าหนังสยองขวัญแบบนี้เอาเข้าจริงๆ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนังรักเรื่องหนึ่ง?! กับความรักแท้ของพระเอก-นางเอกในเรื่องที่คนดูอย่างเราคงอาจจะได้แค่นึกอิจฉา..









กับงานด้านภาพก็ถ่ายออกมาได้สวยในหลายฉาก นอกจากนั้นตัวหนังเองยังมีลูกล่อลูกชน มีบทหักมุมให้พอได้เซอร์ไพร์สอยู่บ้าง ส่วนกับด้านการแสดงนั้นพ่อหนุ่มแรดคลิฟฟ์สามารถสลัดคราบพ่อมดน้อยออกไปได้จนหมด เปลี่ยนมาเป็นหนุ่มซาตานเขางอกได้อย่างไม่มีที่ติ ชั่วร้ายแต่รักจริงได้อย่างที่เราไม่นึกเกลียด!!

สรุป Horns คือหนังสยองขวัญแฟนตาซีพล็อตเรื่องเจ๋งที่ตรงกับสุภาษิตไทยคำนี้ที่สุดแล้วว่า..
รู้หน้าไม่รู้ใจ!!




























ความน่าดู 7/10 ถูกอกถูกใจคอหนังสยองขวัญแบบผมครับ!!





 

Create Date : 10 มกราคม 2558    
Last Update : 10 มกราคม 2558 20:08:49 น.
Counter : 3792 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

ปีศาจความฝัน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




คนเรามีโชคไม่เท่ากัน
แม้กระทั่งในความฝัน


-------------------------


การให้คะแนนในบล็อกนี้ ไม่ได้มีกฏเกณฑ์หรือหลักการใดๆทั้งสิ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของเจ้าของบล็อกเป็นสำคัญ




สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง
ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ
ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด






Blog Updates


Inside Out : ก็แค่ปล่อยใจไปตามอารมณ์..


Fantastic Four : สี่พลังกายสิทธิ์ฉบับรีบูท!!


Mission: Impossible - Rogue Nation : ยอดทีมสายลับกับภารกิจเป็นไปไม่ได้!!


พี่ชาย My Hero : โลกความจริงมันโหดร้าย Sad but true!!


PORTRAIT ระหว่างเรา


Ant-Man : ยอดมนุษย์ตัวจิ๋ว!!


Terminator Genisys : คนเหล็กรุ่นเก่าแต่เก๋า!!


It Follows : มันตามมาหลอน!!


Survivor : เกมไล่ล่านักฆ่ามือระเบิด!!


Insidious: Chapter 3 : ย้อนตำนานวิญญาณตามติด!!




New Comments
Friends' blogs
[Add ปีศาจความฝัน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.