คนเกิดวันพุธ ความทุกข์โถมทับทวี

[~Moral Dilemma~]ทางแยกแห่งศีลธรรมของนักวิทยาศาสตร์

เพื่อนๆรู้จักคำว่า Moral dilemma ไหมครับ หากใครมีโอกาสได้เรียนวิชาจริยศาสตร์คงรู้จักคำๆนี้ ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ที่ทำให้ข้อขัดแย้งภายในใจ ระหว่างจริยธรรมในใจกับผลประโยชน์ของตน

วิทยาศาสตร์กับจริยศาสตร์เป็นคนละเรื่องกัน แต่เรามองมนุษย์แบบเป็นองค์รวม มนุษย์มีจริยธรรมในใจของตน ซึ่งไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่ได้เป็นข้อบังคับครับ

ในการทำงานสายวิทยาศาสตร์อย่างพวกเราก็มีโอกาสพบ Moral dilemma ได้เหมือนกัน วันนี้ลองทดสอบจริยธรรมในใจคุณดูนะครับ ไม่มีถูกผิด ไม่มีคนตัดสินครับขึ้นกับจิตใจของคุณเองล้วนๆ

หากเกิดสถานการณ์ดังต่อไปนี้ คุณจะทำอย่างไร

๑.อาจารย์ที่ปรึกษาของคุณเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางความรู้ มีชื่อเสียงทางวิชาการ คุณเคารพนับถืออาจารย์ท่านนี้มาก และท่านก็มีบุญคุณต่อคุณในหลายๆด้าน ความก้าวหน้าทางวิชาการของคุณเกิดจากการสนับสนุนของอาจารย์ท่านนี้มาโดยตลอด

ท่านเพิ่งตีพิมพ์บทความวิทยาศาสตร์ลงในวารสารฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นบทความที่เขียนดีและได้รับการยกย่องอย่างสูง วันหนึ่งคุณได้ค้นคว้าข้อมูลในวารสารเก่าๆย้อนหลังเกือบ 5 ปี ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงฉบับหนึ่ง แล้วพบว่า...มีบทความหนึ่งซึ่งเขียนโดยบุคคลที่ไม่มีชื่อเสียง มีเนื้อหาตรงกับบทความของอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณแทบจะทุกประการ

คุณรู้สึกตกใจมาก และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร หากคุณนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ อาจารย์คงจะเสียชื่อเสียงอย่างมาก แต่หากไม่บอกใคร ศีลธรรมในใจของคุณก็โต้แย้งว่าสิ่งที่อาจารย์ทำนั้นไม่ถูก

คุณจะทำอย่างไร?



๒.คุณเป็นหัวหน้าโครงการวิจัยโครงการหนึ่ง การวิจัยดำเนินไปด้วยดี ด้วยความมุ่งมั่นพยายามของผู้ร่วมวิจัยทุกคน ในที่สุดงานวิจัยที่ทำมาด้วยความยากลำบากหลายปีก็กำลังจะสำเร็จเสร็จสิ้น...

ในการทดลองสุดท้าย คุณทำการทดลองในห้องปฏิบัติการอยู่คนเดียว ผลจากความขัดข้องบางอย่างในห้องปฏิบัติการทำให้ผลการทดลองครั้งนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง หากจะทำการทดลองซ้ำอีกครั้งอาจต้องเสียเวลาเป็นเดือน

คุณเริ่มรู้สึกเครียด เนื่องจากงานนำเสนอผลงานวิจัยใกล้เข้ามาแล้ว หากพลาดการนำเสนอครั้งนี้ เท่ากับพลาดโอกาสความก้าวหน้าครั้งสำคัญในชีวิตทีเดียว คุณอยู่ในห้องปฏิบัติการคนเดียวและมีสองทางเลือก...หนึ่ง ทำไม่รู้ไม่ชี้และรายงานผลการทดลองตามที่คุณคาดว่ามันจะเป็น...สอง ทิ้งการทดลองนั้น แล้วเริ่มการทดลองใหม่ทั้งหมด

คุณจะเลือกอะไร?



๓.คุณทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง คุณมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี และได้รับการสนับสนุนจากเจ้านายอยู่เรื่อยๆ

วันหนึ่งคุณค้นพบความลับของบริษัทว่า แท้จริงแล้ว บริษัทผลิตสินค้าโดยใช้วัตถุดิบด้อยคุณภาพ ผิดมาตรฐาน ไม่ตรงตามที่ขึ้นทะเบียนสินค้ามาโดยตลอด การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและส่งผลเสียต่อผู้บริโภค

การที่คุณได้รับรู้เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงความบังเอิญ เนื่องจากคุณไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับวัตถุดิบดังกล่าว คุณควรจะทำอย่างไร? หากเจ้าหน้าที่ของรัฐทราบความจริง โรงงานคงถูกสั่งปิด คุณก็จะตกงาน ความหวังที่จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายก็คงไม่มีอีก

หรือคุณคิดจะไปบอกให้เจ้านายทราบ คุณก็คาดเดาไว้อยู่แล้วว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เจ้านายคุณเองนั่นแหละก็มีส่วนรู้เห็นอยู่แล้วและจงใจผลิตสินค้าโดยใช้วัตถุดิบไม่ได้มาตรฐาน ราคาถูก

คุณมีสองทางเลือกคือ ทำเป็นเงียบต่อไป หรือพูดออกมา คุณจะทำอย่างไร?



๔.คุณทำงานเกี่ยวกับสาธารณสุข (หมอ/เภสัช/พยาบาล) อยู่ในโรงพยาบาล คุณได้มีโอกาสบริการทางสาธารณสุขให้คนไข้ชายคนหนึ่งซึ่งคุณรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างมากแต่นึกไม่ออกว่าเคยพบที่ไหนมาก่อน คนไข้ดังกล่าวเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV

เมื่อกลับมาบ้าน คุณนึกขึ้นได้ว่าคนไข้คนนั้นเป็นชายหนุ่มที่มาติดพันเพื่อนบ้านของคุณ เพื่อนบ้านที่คุณสนิทมากและเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ คุณเพิ่งนึกได้ว่าเพื่อนบ้านของคุณมีใจรักใคร่ให้ชายหนุ่มคนดังกล่าวอยู่ไม่มากก็น้อย บางครั้งก็ออกไปเที่ยวด้วยกันดึกๆดื่นๆบ่อยๆ

คุณรู้สึกกลุ้มใจ เนื่องจากด้วยจรรยาบรรณวิชาชีพ คุณไม่สามารถเปิดเผยความลับของผู้ป่วยได้ แต่คุณก็เป็นห่วงเพื่อนของคุณมากกลัวจะพลาดท่าเสียทีให้กับชายหนุ่ม

คุณจะทำอย่างไร?



๕.นักการเมืองผู้ฉ้อฉล โกงกินชาวบ้าน คนหนึ่ง มีอิทธิพลต่อการบริหารประเทศสูงมาก ตลอดวาระที่เขาปฏิบัติงานก่อให้เกิดปัญหาการเมืองในประเทศอย่างยิ่ง เขามีทั้งฝ่ายสนับสนุนซึ่งเทิดทูนบูชาเขา กับฝ่ายต่อต้านซึ่งไม่อยากให้เขาเหยียบบนผืนดินเดียวกัน (ขออภัย ผมไม่พาดพิงถึงบุคคลจริงนะครับ แต่ถ้าท่านๆจะจินตนาการถึงใครในชีวิตจริงก็สุดแล้วแต่ท่านนะ---ขอออกตัวไว้ก่อน) จากภาวะดังกล่าว กล่าวได้ว่าการดำรงอยู่ของนักการเมืองผู้นี้ส่งผลให้เกิดความแตกแยกภายในสังคมอย่างรุนแรง

คุณเป็นศัลยแพทย์โรคหัวใจที่มีฝีมืออันดับต้นๆของประเทศ และเป็นหนึ่งในผู้ที่ต่อต้านนักการเมืองผู้นั้นอย่างเงียบๆ วันหนึ่ง นักการเมืองผู้นั้น admit เข้าห้อง ICU ด้วยหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงถึงชีวิตจากโรคลิ้นหัวใจผิดปกติ ซึ่งต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน

คุณเป็นผู้นำการผ่าตัดครั้งนี้ ทุกคนในห้องผ่าตัดเชื่อใจในฝีมือของคุณ หากคุณผ่าตัดไม่สำเร็จ...ทุกคนก็ยอมรับในความล้มเหลว และเข้าใจถึงความหมดหวังที่จะรักษาชีวิตในผู้ป่วยรายนี้ ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตาย การลงมีดผิดตำแหน่งไม่กี่ซม.ชี้ชะตาชีวิตนักการเมืองรายนี้ได้...

คุณมองหน้าผู้ช่วยผ่าตัด พยาบาลทุกคนในห้อง คนที่ตัดสินชะตาชีวิตของนักการเมืองคนนี้คือคุณ หากเขาตายไป...ประเทศนี้อาจตกอยู่ในภาวะระส่ำระส่ายระยะหนึ่งแต่สุดท้ายความสามัคคี และความยุติธรรมในสังคมจะกลับคืนมา...แต่นั่นคือ ชีวิตคนหนึ่งคน

ทุกอย่างกำหนดด้วยปลายมีดในมือคุณ...คุณจะเลือกอะไร?



๖.คุณเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจริยธรรมการทดลองยาใหม่ในมนุษย์ หน้าที่ของคุณนั้นมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้กำหนดว่า ยานั้นจะสามารถทดลองในมนุษย์ต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งมีผลต่อการขึ้นทะเบียนยาใหม่ และนำมาใช้กับผู้ป่วยทั้งประเทศ หากคณะกรรมการไม่อนุมัติการทดลองดังกล่าว ยาก็ไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้...

บริษัทผู้วิจัยและพัฒนายาต้านเชื้อราตัวใหม่ตัวหนึ่งยื่นขอพิจารณาทดลองยาใหม่ในมนุษย์ เมื่อคุณตรวจสอบข้อมูลการทดลองยานี้ในสัตว์ทดลองแล้วพบว่า ยามีประสิทธิภาพในยาฆ่าเชื้อราในสมองสูงมาก คุณนึกถึงลูกชายของคุณซึ่งป่วย ติดเชื้อราในสมองขั้นรุนแรง ปัจจุบันแพทย์ยังไม่สามารถหาทางรักษาได้ หากยาดังกล่าวอาจจะช่วยต่อชีวิตลูกของคุณไปได้...

ทว่า ข้อมูลด้านปลอดภัยในสัตว์ทดลองยังเป็นที่น่ากังขา ยังต้องศึกษาให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้

เมื่อนำยานี้เข้าวาระการประชุม คุณพบว่า คำพูดของคุณมีความน่าเชื่อถือ สามารถโน้มน้าวผู้อื่นให้คล้อยตามได้ในเหตุผล หากคุณจะหว่านล้อมให้ยาใหม่นี้ผ่านการอนุมัติเพื่อทดลองในมนุษย์ หมายความว่าอาสาสมัครจำนวนหนึ่งต้องเสี่ยงชีวิตกับยาใหม่ที่ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ...แต่หากไม่อนุมัติ ผู้ผลิตต้องกลับไปทำการศึกษาในสัตว์ทดลองเพิ่มเติม...ซึ่งไม่รู้ว่าชีวิตของลูกชายคุณนั้น รอได้หรือไม่

ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นและจบในห้องประชุมนั้น คุณจะตัดสินใจอย่างไร?




 

Create Date : 30 เมษายน 2551    
Last Update : 30 เมษายน 2551 15:45:11 น.
Counter : 9926 Pageviews.  

อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา? (2)

3.เอ็กซิสเท็นเชียลลิสม์ (Existentialism)ถือว่า จุดมุ่งหมายของชีวิตมนุษย์คือการรู้จักตนเอง แสวงหาความต้องการแท้จริงของตน และซื่อสัตย์กับตนเอง ลัทธินี้มองว่า มนุษย์ในปัจจุบันถูกกดดันไม่ให้แสดงออกซึ่งตัวตนของตนเอง เราถูกสังคมกำหนดว่าต้องเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ เป็นแพทย์ต้องรักษาภาพลักษณ์ เป็นผู้พิพากษาต้องมีความเที่ยงธรรม



ลัทธินี้บูชาความมีเสรีภาพของชีวิตมนุษย์ การที่มนุษย์ตัดสินใจทำสิ่งใด ไม่ควรมีข้ออ้างว่า ฉันจำเป็นต้องทำอย่างนี้...ฉันไม่มีทางเลือก มนุษย์ไม่ควรปัดความรับผิดชอบไปให้สิ่งแวดล้อมว่าเป็นตัวกำหนดการกระทำของเรา ถ้าอย่างนั้นเราอาจไม่ต่างจากวัตถุ เพราะคุณค่าของมนุษย์อยู่ที่การสามารถ "เลือก" ทางชีวิตได้ด้วยตนเอง
หากพ่อแม่ส่งให้ท่านเรียนหนังสือ แต่ท่านอยากไปท่องเที่ยวพเนจร ในสังคมปกติ ทุกคนต้องมีการศึกษา และการเชื่อฟังพ่อแม่คือความกตัญญูกตเวที แต่ลัทธินี้ไม่ได้สนใจเหตุผลใดนอกจากอิสระในการตัดสินใจของมนุษย์ หากท่านเลือกที่จะเรียนหนังสือ ต้องเกิดจากความต้องการของท่านเอง ไม่ใช่ตามใจพ่อแม่ ตามใจสังคม
เราไม่สามารถอ้างถึงศีลธรรมกับคนกลุ่มนี้ได้เนื่องจาก ลัทธินี้มองว่า ศีลธรรม คือข้อบัญญัติที่มนุษย์ตั้งขึ้นมาเป็นกรอบกำหนดตัวเอง ศีลธรรมจึงแทบจะไม่มีค่าอะไรในทัศนะของลัทธินี้ อิสรเสรีภาพของมนุษย์นั้นสำคัญที่สุด

4.มนุษย์นิยม (Humanism) ชาวมนุษย์นิยม ดำรงอยู่กึ่งกลางของทัศนะทั้งสาม และมองชีวิตมนุษย์ว่าเป็นสิ่งที่ซับซ้อน หาจะมีกฏเกณฑ์ใดที่จะใช้ได้กับทุกกรณี
ชาวมนุษย์นิยมมองว่า ชาวสุขนิยมดูจะสุดโต่งเกินไปในการรักสะดวกสบาย หากมนุษย์ทุกคนเอาแต่ความสะดวกสบาย อารยธรรมมนุษย์ก็อาจไม่เจริญก้าวหน้า เนื่องจากไม่มีผู้เสียสละ ไม่มีวีรบุรุษ และมนุษย์ก็มัวเมากับความสุขจนลืมลืมมองด้านอื่นๆของชีวิต
ชาวศานตินิยมเหมือนคนใช้ชีวิตในโลกแคบ พอใจอยู่กับสิ่งเรียบง่ายที่ตนเองวางกรอบไว้ ชีวิตปราศจากความท้าทายและละเลยความสุขทางกายที่เป็นกำไรชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย
ชาวเอ็กซิสเทนเชียลลิสม์นั้นก็เกินไปหน่อยด้านเอาแต่ใจตนเป็นสำคัญ ไม่สนใจกฏเกณฑ์ใดๆ หากมนุษย์ทุกคนทำตามใจตนเอง สังคมก็คงดำรงอยู่ไม่ได้ หากเรานึกอยากฆ่าใคร ก็ทำได้และอ้างว่าเรามีอิสรเสรีภาพที่จะทำ
สำหรับชาวมนุษยนิยม ทั้งสามทัศนะล้วนมีส่วนถูกและมีส่วนผิด ในช่วงชีวิตหนึ่งเราอาจแสวงหาสิ่งหนึ่ง และอีกช่วงหนึ่งเราแสวงหาอีกสิ่งหนึ่ง ทางที่ดีที่สุดคือทางสายกลางระหว่างความสุข ความสงบ และความรู้สึก นี่คือความสลับซับซ้อนของชีวิต มนุษย์เรามีคุณค่าเพราะสิ่งนี้เอง

**สำหรับคุณแล้ว สิ่งที่คุณแสวงหาในชีวิตนี้คืออะไร**


ที่มา //www.human.cmu.ac.th




 

Create Date : 17 มกราคม 2551    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 13:26:56 น.
Counter : 2286 Pageviews.  

อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา? (1)

ในชีวิตของคนเรา คงมีคำถามในใจว่า เราแสวงหาอะไรในชีวิต? อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา? มองไปยังหมู่คนมากมาย แต่ละคนดิ้นรนมีชีวิตอยู่รอดกันไปในแต่ละวัน อะไรคือจุดมุ่งหมายของคนเหล่านั้น?

ในเชิงปรัชญามีคำตอบให้กับคำถามข้อนี้ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ มนุษย์และคุณค่าของตนเอง ซึ่งจะแบ่งมนุษย์ออกเป็นกลุ่มต่างๆ

1.สุขนิยม (Hedonism) ลัทธิที่ถือว่าความสุขเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิต จะมีสิ่งใดที่มนุษย์ต้องการนอกจากความสุขความสบาย หากถามตัวว่า ในวันหนึ่ง ๆ ที่เราต้องทำอะไรต่อมิอะไรนั้น เราต้องการอะไร และที่ต้องการสิ่งนั้นก็เพื่ออีกสิ่งหนึ่งนั้น ถ้าถามไปเรื่อย ๆ อะไรคือคำตอบอันสุดท้ายที่เราจะไม่ถามต่อไปอีก อะไรคือจุดหมายสุดท้ายถ้ามิใช่ความสุข



ชาวสุขนิยมกล่าวว่า มนุษย์ทำทุกอย่างเพื่อความสุขของตนเอง ที่เราทำงานหนักตอนยังหนุ่มสาว ก็เพื่อแก่ตัวไปเราจะได้สุขสบาย ที่เราทำดีต่อผู้อื่นก็เพื่อหวังให้ผู้อื่นทำดีกับเราเช่นกัน
เอพิคคิวรัส (341 – 270 ก่อนค.ศ.) เป็นนักปรัชญาชาวกรีกที่รู้จักกันดีว่าเป็นผู้สอนให้คนเรามองการณ์ไกล เรื่องหนึ่งที่เขาพูดก็คือถ้าเราแสวงหาความสุขกับสิ่งที่หายากและราคาแพง เรามักจะลงเอยด้วยความทุกข์ หรือถ้าเราไปผูกพันกับบุคคลหรือสิ่งของมากเกิดไปเราก็จะกลายเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้น เราจะไม่มีเสรีภาพและความมีเสรีภาพนั้นเป็นปัจจัยหนึ่งของความสุข เอพิคคิวรัสไม่คิดว่ามีสิ่งอื่นใดที่มีค่าสำหรับมนุษย์นอกจากความสุขสบาย ชีวิตที่สมบูรณ์ก็คือชีวิตที่ปราศจากความเจ็บปวดและความเดือดร้อน
ชาวสุขนิยมบูชาวิทยาศาสตร์โดยถือว่า วิทยาศาสตร์ถูกคิดค้นมาเพื่อให้มนุษย์มีความสุขสบาย หลุดพ้นจากความยากลำบาก ไม่มีเหตุผลใดอื่นนอกจากนั้น หากการศึกษาใดที่จุดมุ่งหมายสุดท้ายของการศึกษานั้นไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์กับมนุษย์ได้ การศึกษานั้นก็เปล่าประโยชน์

2.ศานตินิยม (Non-Hedonism) ลัทธินี้ถือว่า ความสุขสบายเป็นภาพลวงตา และไม่ใช่จุดมุ่งหมายของชีวิต ชีวิตมนุษย์มีคุณค่าในตนเอง และคุณค่านั้นเกิดจากการแสวงหาบางสิ่งบางอย่าง เข้าใจ และหลุดพ้นจากความสุขลวงตาที่อยู่รอบตัวเรา เราสามารถแบ่งชาวสุขนิยมได้เป็น 2 กลุ่มย่อย



2.1 ปัญญานิยม (cognitivism) นักปรัชญาที่เผยแพร่ลัทธินี้ได้แก่ โสกราตีส เพลโต และอริสโตเติล ซึ่งถือว่าธาตุแท้ของมนุษย์คือ จิตวิญญาณ ไม่ใช่ร่างกาย ความสุขที่เกิดขึ้นกับร่างกายจึงเป็นสิ่งลวงตา และไม่ให้ประโยชน์อะไรกับชีวิตมนุษย์ สำหรับวิญญาณ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ปัญญา ปัญญาทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์โลกอื่นๆ ดังนั้นในชีวิตมนุษย์ สิ่งที่เราควรแสวงหาก็คือ ความรู้และความจริง ความรู้ในทัศนะของปัญญานิยมมี 2 แบบ อย่างแรกคือความรู้ที่ช่วยให้มนุษย์ได้อยู่สุขสบายขึ้น การแสวงหาความรู้แบบนี้ก็คือหาวิธีการที่จะสนองความต้องการของร่างกายไม่หลุดพ้นความสะดวกสบายของร่างกาย อีกอย่างหนึ่ง คือความรู้บริสุทธิ์ เป็นสัจธรรมที่เป็นนิรันดร์ ไม่เกี่ยวเนื่องกับการสนองความต้องการของร่างกาย การแสวงหาความจริงแบบหลังทำให้จิตใจสงบ

2.2 วิมุตินิยม ชาววิมุตินิยมคล้ายกับชาวปัญญานิยมคือถือว่า ความสุขสบายทางร่างกายนั้นไม่ใช่สาระของชีวิตชาวปัญญานิยมนั้นเน้นการแสวงหาสัจธรรม ชาววิมุตินิยมเน้นการเอาชนะตนเอง ในชีวิตของเรามีความต้องการสิ่งต่างๆมากมาย ความพอใจจะเกิดขึ้นเมื่อสิ่งที่เรามีสมดุลกับสิ่งที่เราต้องการ หากเราต้องการมาก ย่อมแสวงหาให้มีมากๆยิ่งขึ้น เป้าหมายของมนุษย์จึงไม่ใช่ความสุขสบาย เพราะความต้องการของมนุษย์ไม่มีจุดสิ้นสุด หากมนุษย์แสวงหาแต่ความสุขสบาย ชีวิตนี้คงไม่บรรลุเป้าหมาย สิ่งที่เราควรทำคือ ลดความต้องการของตนเองเพื่อให้สมดุลกับสิ่งที่เรามี การกระทำดังกล่าวคือการเอาชนะใจตนเอง หากเราเอาชนะตนเองได้ก็เท่ากับเราชนะทั้งโลก หากทุกสิ่งไม่ใช่ของเรา เราก็ไม่มีอะไรจะเสีย ไม่มีความเสียใจ ไม่ผิดหวัง มีแต่ความสงบ

มีต่อ....




 

Create Date : 17 มกราคม 2551    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 13:26:39 น.
Counter : 5693 Pageviews.  

1  2  

มีชีวิตบนดาวอังคารหรือเปล่านะ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]






....โลกมนุษย์นี้ไม่มีที่แน่นอน
ประเดี๋ยวเย็นประเดี๋ยวร้อนช่างแปรผัน
โชคหมุนเวียนเปลี่ยนไปได้ทุกวัน
สารพันหาอะไรไม่แน่นอน
ชีวิตเหมือนเรือน้อยล่องลอยอยู่
ต้องต่อสู้แรงลมประสมคลื่น
ต้องทนทานหวานสู้อมขมสู้กลืน
ต้องจำฝืนสู้ภัยไปทุกวัน
เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์
แต่คนที่ควรชมนิยมกัน
ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา


พันตรีหลวงวิจิตรวาทการ





เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา
จงเลือกเอาสิ่งที่ดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู
เรื่องที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนที่มีดีเพียงส่วนเดียว
อย่าเที่ยวเสาะหาสหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเล่าเอย
ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง

หลวงพุทธทาส





ชีวิตใกล้ปัจฉิมวัย ไม่เป็นไปตามแผนการเมื่อปฐมวัย อะไรที่ยิ่งใหญ่เมื่อเช้า เป็นของเล็กน้อยเมื่อเย็น อะไรที่เป็นสัจจะเมื่อแดดจ้า กลายเป็นมายาเมื่อยามพลบ

We cannot live the afternoon if life
according to the program on life’s morning; for what was great in the morning will be little at evening, and what in the morning was true will at evening have become a lie.



C.G. Jung.




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มีชีวิตบนดาวอังคารหรือเปล่านะ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.