คนเกิดวันพุธ ความทุกข์โถมทับทวี
คนแปลกหน้าที่รู้จักกันดี

วันนี้ฉันตื่นนอนแต่เช้า อากาศค่อนข้างดี ฉันอาบน้ำ แต่งกายด้วยชุดสวยหวังให้ถูกใจเขา ฉันคาดหวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีวันหนึ่ง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่ต้องส่องตาแมวฉันก็รู้ว่าเป็นเขา ฉันเปิดประตู

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

เดชนั่นเอง ใบหน้าดูเรียบเฉยแต่สายตาเขากำลังยิ้มแย้ม รูปร่างสูงใหญ่ที่ฉันคุ้นเคยอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนที่ฉันให้เป็นของขวัญวันเกิดเข้ารูปกับกางเกงสีดำที่แนบสนิทกับเรียวขายาวของเขา ในมือมีดอกกุหลาบสีชมพูช่อเล็กๆช่อหนึ่ง

“ดอกไม้นี่อะไรกัน ให้รินใช่ไหมเอ่ย”

ฉันไม่รอคำตอบ ฉวยดอกไม้จากมือเขามาสูดกลิ่นหอม เอาใส่แจกันบนโต๊ะแล้วฉันก็เลิกสนใจมัน ฉันหันกลับมาคล้องแขนเขาด้วยทีท่าออดอ้อนแล้วเอ่ยถามขึ้น

“วันนี้เราจะไปไหนกันดีคะ”

“เราจะไปสวนสนุกครับ”

“สวนสนุก...”

ฉันหลุดขำไม่ได้ ตลอดเวลาที่คบกัน เขามีอะไรให้ประหลาดใจเสมอ แต่นั่นก็ทำให้ชีวิตที่เงียบหงอยของฉันมีรสชาติไปอีกแบบ

“สวนสนุก...ไปก็ไปค่ะ รินตามใจเดช”

ฉันเงยหน้ายิ้มให้เขา แล้วเราก็ก้าวเดินออกจากห้องของฉัน เดินทางไปยังสวนสนุกด้วยกัน

บนรถไฟฟ้าเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างมีกิจธุระส่วนตัวกันในวันหยุด ฉันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับคนจำนวนมากที่พากันแทรกตัวเบียดเสียดกัน แต่ก็ทำให้ฉันได้ใกล้ชิดกับเขายิ่งขึ้น เดชโอบตัวของฉันเข้ากระชับกับตัวเขาแน่น ไม่ให้ซวนเซไปตามฝูงคนที่แออัด ฉันสูดกลิ่นกายจากตัวเขา รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดภายใต้อ้อมกอดนั้น

กว่าเราจะไปถึงสวนสนุกก็สายมากแล้ว อากาศร้อนมาก ฉันหน้าแดงก่ำไปหมด เดชรีบพาฉันไปในที่ร่มแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้อย่างเอาอกเอาใจ

“พอแล้วค่ะ เดชเอาใจรินขนาดนี้ เสียคนกันพอดี”

ฉันหัวเราะ แต่เขากลับมองฉันด้วยสายตาหวานซึ้ง

“ก็ผมรักรินนี่”

ฉันทำสีหน้าเรียบเฉยแต่เขามองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฉัน ฉันทุบไหล่เขาทีหนึ่งด้วยความอาย

ตลอดช่วงวัน เราสนุกกันมาก เขาพาฉันเล่นเครื่องเล่นหลากหลายชนิด สนุกสนานตื่นเต้นไปกับบรรยากาศรอบข้างเหมือนเด็กถูกพามาเที่ยวสวนสนุกเป็นครั้งแรก

เรานั่งพักเหนื่อยกันที่ม้าหิน เขาเดินไปซื้อไอศกรีม รสกาแฟของเขาและรสวานิลลาของฉัน
ฉันละเลียดไอศกรีมในมืออย่างอ้อยอิ่ง เอียงคอเล็กน้อย เหลือบมองหน้าเขาจากด้านข้าง ใบหน้าเขาดูสงบนิ่งแต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนคุณพ่อที่คอยดูแลลูกน้อย

“เราจะไปไหนกันต่อคะ”

“รินคงเหนื่อยแล้ว เราไปดูหนังกันไหมครับ”

“ก็ดีค่ะ รินมีหนังเรื่องที่กำลังอยากดูพอดี”

เขาหันมายิ้มน้อยๆให้ฉัน ฉันมองเข้าไปในตาของเขา...รู้สึกถึงความรักที่ท่วมท้นอยู่ภายในนั้น

เขาเคยถามฉันว่า ฉันชอบอะไรในตัวเขามากที่สุด ฉันตอบว่า ฉันชอบดวงตาของเขา ดวงตาของเขาดูลึกล้ำไม่มีที่สิ้นสุด แต่กระนั้นก็ให้ความรู้สึกอันแสนอบอุ่น เมื่อฉันสบตากับเขา ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอย อ่อนแอ สิ้นไร้เรี่ยวแรง ดวงตาของเขาโอบกอดฉันลึกซึ้งถึงวิญญาณ ปกป้องดูแลและคอยให้กำลังใจ
ครั้นฉันถามกลับไป แล้วเขาเล่าชอบส่วนไหนของฉันมากที่สุด เขากลับบอกว่าเขาชอบทุกๆอย่างในตัวฉัน เขารักทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวฉันคนนี้ มีรูปร่างหน้าตา อุปนิสัยใจคออย่างนี้...แม้ว่าฉันจะมีส่วนด้อย หรือจะมีข้อตำหนิใดเขาก็ยินดียอมรับ ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง หากฉันไม่ยินยอม...

นั่นเป็นเรื่องที่เราคุยกันในอดีตนานมาแล้ว...

“ถ้างั้นเราไปกันเถอะครับ”

เขาลุกขึ้นยืน ส่งมือให้ฉันพยุงตัว ฉันแกล้งทำมารยา ทรงตัวไม่ถนัด หวังให้เขาช่วยประคอง ด้วยอยากอยู่ในอ้อมแขนเขาไปนานๆ

ภายในโรงหนังไม่ค่อยมีคนเท่าไรนัก จิตใจของฉันจดจ่อไปกับเนื้อหาภาพยนตร์อันแสนเศร้าสลด ฉันได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นดังแว่วๆ ผู้หญิงเจ้าน้ำตาบางคนคงกำลังอินกับบทบาทในหนังกระมัง

“รินไม่สงสารนางเอกเหรอ”

ฉันสะดุ้ง หันไปมองเขาที่อยู่ข้างๆ แปลกใจกับคำถามนั้น

“สงสารสิ เดช”

“รินไม่เห็นร้องไห้”

ฉันหัวเราะ

“รินใจแข็งอยู่แล้ว ไม่อินไปกับหนังหรอก เดช”

“รินก็พูดอย่างนี้ทุกที ชอบทำเป็นใจแข็ง แต่ความจริงแล้วอ่อนไหว ตอนอยู่ในบ้านผีสิง รินบอกว่าไม่เห็นน่ากลัว ไม่กลัวๆ แต่ก็กอดผมเสียแน่น ตอนนี้บอกไม่อินไปกับหนัง ดูสิ เสียงสั่นเครือเชียว”

เขามองฉันด้วยสายตายิ้มละลายใจนั่นอีกแล้ว ฉันทุบไหล่เขาเบาๆทีหนึ่ง

“เกลียดนักเชียว คนรู้ทัน”

เขาโอบฉันซบลงบนไหล่กว้าง ฉันสะอื้นเล็กน้อย ซาบซึ้งไปกับภาพบนจอหนังและสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

กว่าเราจะออกจากโรงหนัง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เขาหัวเราะเบาๆ

“คราวนี้เราจะไปไหนกันต่อดี”

“รินหิวแล้ว”

“นั่นสินะ รินอยากกินร้านไหนล่ะ ตามใจริน”

ฉันอยากได้ร้านอาหารที่มีบรรยากาศดีๆ จึงจูงมือเขาออกมานอกห้างสรรพสินค้า เราเจอร้านอาหารภายใต้แสงไฟสลัวคลอเคล้าเสียงเพลงร้านหนึ่งในถนนที่ไม่มีคนพลุกพล่านนัก

ฤทธิ์สุราทำให้ฉันรู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่ก็มีความสุขอย่างประหลาด เขามองฉันผ่านแสงไฟสลัวๆด้วยสายตาเป็นห่วง กลัวว่าฉันจะดื่มมากจนเกินไป ฉันหัวเราะ บอกเขาว่าจะเป็นอะไรไป...วันนี้เป็นวันดีวันหนึ่ง

ทำนองเพลงคุ้นหูดังจากเวที ทำนองอ้อยอิ่งเศร้าสร้อยกระทบโสตประสาทของฉัน ฉันลุกพรวดขึ้นทันที โบกมือเรียกบริกร

“รินจะทำอะไรน่ะ”

เขาลุกขึ้นบ้าง ดูตกใจเล็กน้อย ฉันหัวเราะอีกครั้ง

“เพลงนี้เพลงโปรดรินเลยนะ เดช รินขอร้องเพลงนี้นะ”

ฉันไม่รอเขาห้ามปราม บริกรยินดีตามที่ฉันร้องขอ แล้วฉันก็ขึ้นไปอยู่บนเวที ฤทธิ์สุราทำให้ฉันกล้าอย่างน่าแปลกใจ
นักดนตรีเริ่มต้นเล่นเพลงอีกครั้ง ฉันร้องเพลงไปตามทำนองที่คุ้นเคย


รู้ดีว่าเธอมาลา แค่สบตาก็รู้สึก..ก็รู้ตัว
ฉันยอมบอกเลยว่ากลัว
ใจมันมัวและหมองหม่น..ไม่พร้อมจะฟัง



ผู้คนในร้านต่างนั่งฟังฉันร้องเพลงราวกับอยู่ในมนต์สะกด เดชยืนอยู่ข้างเวที มองฉันด้วยสายตาแสดงความเป็นห่วง


ก็คนมันเคยมีใจ ไม่ใช่คนไม่รู้จัก .. ไม่รู้ใจ
ให้เป็นคนอื่นคนไกล
โดยที่ใจฉันรักอยู่..ช่างยากเย็น



...ฉันมองไปรอบๆกาย สายตาเริ่มรู้สึกพร่าเลือน...


สิ่งที่ฉันต้องเจอ..ยังเจอไม่ไหว
อย่าให้ฉันต้องเจอมันเลยได้ไหม
กับฉันวันนี้ ไม่มีทางไหน
ที่จะลืมว่ารักเธอ

สิ่งที่ฉันต้องเจอ..มันเจ็บรู้ไหม
อย่ากลายเป็นคนแปลกหน้าที่เคยรู้จักดี
กับคนที่เคยรักกัน
อย่าเป็นแบบนั้...



ฉันร้องได้ไม่จบเพลง หยุดชะงักอยู่แค่นั้น รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างจุกแน่นอยู่ในคอหอย ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างต่างพากันมองฉันอย่างงุนงง และไม่เข้าใจ
เดชขึ้นมาช่วยฉัน เดชที่ฉันรัก...และปกป้องฉันเสมอมา เขาประคองฉันและกระซิบข้างหูเบาๆ

“รินเมามากแล้วล่ะ เดชว่าเราควรกลับได้แล้วนะ”

ขากลับเรานั่งรถแท็กซี่ ฉันรู้สึกมึนงงราวกับไม่มีสติ เดชคอยกุมมือฉันด้วยความห่วงใย

เมื่อถึงประตูหน้าห้องฉัน ฉันจึงรู้สึกตัวดีขึ้น หากแต่ยังเซอยู่บ้างและต้องคอยพิงตัวเขาตลอดเวลา

“วันนี้รินมีความสุขมากๆเลย ขอบคุณนะ เดช”

เขายิ้มให้ฉัน

“ผมก็มีความสุขมากเหมือนกัน”

“เดชจะกลับยังไง ดึกป่านนี้แล้ว”

“รินไม่ต้องห่วงหรอก เขามารับผมแล้ว เขาโทรหาผมก่อนเราออกจากร้านน่ะ”

ฉันมองลงไปยังชั้นล่างของคอนโดมิเนียม ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งยืนอยู่ข้างรถมินิสีแดงคันสวยโบกไม้โบกมือให้เรา เธอยิ้มให้ฉันอย่างมีไมตรีจิต ฉันรู้จักเธอดี...เธอคือคนรักใหม่ของเดช ฉันรู้สึกหมดเรี่ยวแรงยิ่งขึ้น ยืนทรงตัวไว้ไม่อยู่ เอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา

“หลังจากวันนี้เราจะกลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันใช่ไหม เราจะเลิกติดต่อกันโดยเด็ดขาด เราจะไม่มาพบกัน ไม่พูดคุยกัน...”

“รินเป็นคนบอกเลิกผมเองนะ”

เขาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้แต่ดวงตา...คราวนี้มันช่างดูเรียบเฉยและเยือกเย็น…

“รินควรจะพักผ่อนมากๆ ดูแลตัวเองดีๆ เป็นผู้หญิงอยู่คนเดียวแบบนี้…”

เราสบตากันนิ่ง...เขาโอบกอดฉันเป็นครั้งสุดท้าย โน้มตัวจุมพิตฉันอย่างแผ่วเบา...จูบสุดท้ายที่แสนเนิ่นนาน...

“ลาก่อนค่ะ คนแปลกหน้า...”

ฉันกล่าวลาด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ ก้าวเข้าไปในห้องของตนเองแล้วปิดประตู




ฟังเพลงประกอบ



Create Date : 19 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2551 13:48:39 น. 2 comments
Counter : 2227 Pageviews.

 
ไม่ทราบว่าเรื่องสั้นทั้งหมดนี้เขียนเองหรือเปล่าคะ..
หากเขียนเองก็ถือว่า เขียนได้ดีทีเดียวค่ะ
จะรออ่านเรื่องต่อไปนะคะ


โดย: นิยายฝันหวาน วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:12:03:37 น.  

 
เข้ามาอ่านค่ะ...เป็นธรรมดาที่นางเอกต้องสวย และพระเอกก็ต้องหล่อค่ะ เรื่องสั้นแง่คิด...เรื่องหน้าเอาแบบนางเอกขี้เหล่และพระเอกก็ยิ่งขี้เหล่ดูซิคะ...5555


โดย: usbankusa วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:48:23 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มีชีวิตบนดาวอังคารหรือเปล่านะ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]






....โลกมนุษย์นี้ไม่มีที่แน่นอน
ประเดี๋ยวเย็นประเดี๋ยวร้อนช่างแปรผัน
โชคหมุนเวียนเปลี่ยนไปได้ทุกวัน
สารพันหาอะไรไม่แน่นอน
ชีวิตเหมือนเรือน้อยล่องลอยอยู่
ต้องต่อสู้แรงลมประสมคลื่น
ต้องทนทานหวานสู้อมขมสู้กลืน
ต้องจำฝืนสู้ภัยไปทุกวัน
เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์
แต่คนที่ควรชมนิยมกัน
ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา


พันตรีหลวงวิจิตรวาทการ





เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา
จงเลือกเอาสิ่งที่ดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู
เรื่องที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนที่มีดีเพียงส่วนเดียว
อย่าเที่ยวเสาะหาสหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเล่าเอย
ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง

หลวงพุทธทาส





ชีวิตใกล้ปัจฉิมวัย ไม่เป็นไปตามแผนการเมื่อปฐมวัย อะไรที่ยิ่งใหญ่เมื่อเช้า เป็นของเล็กน้อยเมื่อเย็น อะไรที่เป็นสัจจะเมื่อแดดจ้า กลายเป็นมายาเมื่อยามพลบ

We cannot live the afternoon if life
according to the program on life’s morning; for what was great in the morning will be little at evening, and what in the morning was true will at evening have become a lie.



C.G. Jung.




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มีชีวิตบนดาวอังคารหรือเปล่านะ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.