ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

เทยเที่ยวไทย 14 มกราคม 2555





เทยเที่ยวไทย 14 มกราคม 2555


สำหรับรายการ เทย เที่ยว ไทย เป็นรายการที่สาว ๆ จะอาสาพาเพื่อน ๆ ทัวร์สถานที่ท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ ที่ตลอดเส้นทางที่เดินทางนั้น




เทยเที่ยวไทย 14 มกราคม 2555






 

Create Date : 17 มกราคม 2555    
Last Update : 17 มกราคม 2555 22:28:16 น.
Counter : 1293 Pageviews.  

“Pai” Again จากเวียงใต้ สู่ดอยกิ่วลม

เมื่อปีที่แล้ว "กอดปายกับฝน"
ต้นปีนี้ขอกลับไป "กอดปายหน้าหนาว" กันอีกครั้ง เพราะมีคนบอกว่า
ป่านนี้ทุ่งดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอโรยราหมดแล้ว
แต่มีทุ่งดอกปอเทืองสีเหลืองอร่ามให้ดูแทน แม้จะไม่เยอะเท่าดอยแม่อูคอ
แต่ก็ยิ้มแก้มปริได้เหมือนกัน สนใจหรือเปล่า หากสนใจก็เก็บกระเป๋า
แล้วออกเดินทางกันเลย





ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
ลง
จากรถตู้สายเชียงใหม่-ปาย ด้วยอาการมึนเหมือนไมเกรนขึ้น
มาถึงขนส่งปายก็บ่ายโมง มีสารถีรุ่นพี่แสนดี มารับถึงที่ขนส่ง
พวกเขาบอกกับฉันว่า มาปายครั้งนี้จะแตกต่างออกไป ใครบอกว่า ปายช้ำแล้ว
สำหรับคนที่อยู่ที่ปาย ยอมรับว่า นักท่องเที่ยวเยอะ
การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจึงรวดเร็ว แต่ก็มีอีกย่านหนึ่งที่ยังคงหลงเหลือ
บรรยากาศของห้วงวันเวลาเก่าๆ อยู่บ้าง นั่นก็คือ "ย่านเวียงใต้"
ซึ่งเป็นเขตรอบนอกของ อ.ปาย ที่ที่ทำให้ฉันยิ้มจนแก้มปริ กับบรรยากาศสงบๆ
พร้อมทุ่งโล่งกว้าง และภูเขาสูงที่สลับกันหลายลูก
เพียงแค่เปิดประตูหน้าบ้านออกมาก็เห็นทุกอย่างเต็มตา และเพิ่งรู้ว่า
ย่านนี้ก็มีร้านขายของแฮนด์เมดน่ารัก อย่าง ฮ.นกฮูก ปาย ซ่อนตัวอยู่
ร้านกาแฟโพธิ์ร่มรื่น และมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ
อยู่ในเนอสเซอรี่เด็กที่ติดกับร้าน ฮ.นกฮูก ปาย ได้อย่างอดยิ้มไม่ได้




อากาศคืนนี้เย็นราวๆ 16 องศาฯ เราก่อกองไฟ
กินเมี่ยงปลาทูที่ทำขึ้นมาเองอย่างเพลิดเพลิน
และปฏิเสธการเข้าไปเดินในเมือง แต่ขอนอนดูพระจันทร์
ชมดาวอยู่หน้าบ้านแห่งนี้ และหยิบสัปปะรดสดแช่เกลือเย็นๆ เข้าปาก
สำหรับฉันแบบนี้ดีที่สุด โปรแกรมแบบนี้ต้องลองทำกันดู แล้วจะรู้ว่า
ความสุขที่ขึ้นมาตั้งไกลมันเป็นแบบไหน เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศลดลงไปอยู่ที่
14 องศาฯ เปิดประตูบานเฟี้ยมไม้ออกมาก็พบกับหมอกหนาอยู่รอบตัว
ปลุกคนข้างกายขึ้นมา เพื่อขึ้นไปชมทะเลหมอกบน "วัดพระธาตุแม่เย็น"
พร้อมไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล แล้วกลับลงมากินโจ๊กหมู โจ๊กผัก ใกล้ๆ
ขนส่งปายสักถ้วย เตรียมท้องแล้วเดินทางต่อ
เพิ่มดีกรีความอึดให้กับร่างกายด้วยเอสเพรสโซ่เย็นไม่หวานเหมือนเดิมที่
"ร้านเข้าท่า" ร้านกาแฟแนวเรโทร
ที่แอบเล็งไว้ตั้งแต่มาถึงเมืองปายคราวที่แล้ว


ไร่สตรอเบอรี่ แม่น้ำปาย ทุ่งดอกปอเทือง และดอยกิ่วลม
มาปายใครว่า ไม่มีไร่สตรอเบอรี่ ต้องแวะไปที่บ้านกุงแกง ทุ่งโป่ง จะเจอ "ไร่สตรอเบอรี่สีเขียว 2010"
เป็นไร่สตรอเบอรี่ขนาดเล็ก ตรงข้าม "แม่น้ำปาย"
ที่ยามนี้ตื้นเขินผิดจากหน้าฝนอย่างสิ้นเชิง
ที่ไร่มีร้านขายน้ำสตรอเบอรี่เป็นขวด วอดก้า กลิ่นสตรอเบอรี่
สตรอเบอรี่สดลูกเล็ก และลูกใหญ่ สตรอเบอรี่กวน
และสตรอเบอรี่พริกเกลือในแก้ว คนที่นี่ใจดี
ให้ชิมสตรอเบอรี่แทบจะเท่ากับซื้อกลับบ้าน จากร้านค้ามองไปฝั่งตรงข้าม
เห็นสะพานไม้ไผ่สานยาวลงไปจนเกือบถึงแม่น้ำปาย
ด้านข้างเป็นนาข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้ว อีกฝั่งของแม่น้ำ
เห็นชาวไร่กำลังง่วนอยู่กับแปลงต้นหอม เบื้องหลังคือภูเขาลูกใหญ่สีเขียว
สวยมาก แต่ไฮไลท์ที่รุ่นพี่จะพาไปอยู่ที่ระหว่างทางไปโป่งน้ำร้อนท่าปาย
นั่นก็คือ "ทุ่งดอกปอเทือง" สีเหลืองอร่าม งามชูช่ออวดโฉมอยู่ท่ามกลางทุ่ง
(นาที่เก็บเกี่ยวแล้ว) เจ้าของทุ่งนี้เล่าให้ฟังว่า ที่ปลูกดอกปอเทือง
เพราะว่าเป็นการปรับหน้าดินก่อนที่จะทำนาอีกครั้งในช่วงประมาณเดือนเมษายน
นั่นเอง ไหนๆ ก็ไม่ทันดูทุ่งดอกบัวตอง
มาชมทุ่งดอกปอเทืองแทนก็ชื่นใจไม่แพ้กัน




ดอกปอเทืองสีเหลือง ตัดกับ แปลงต้นกุยช่ายสีเขียว ที่อยู่ข้างๆ
สดชื่นมาก ช่วงเช้าๆ หมอกลงจับเป็นน้ำค้างบนดอกปอเทือง หากมาช่วงเที่ยงๆ
แดดแรง ดอกปอเทืองจะชูช่อรับตะวัน และแล้วเราก็เดินทางกันต่อ มุ่งหน้า
"ดอยกิ่วลม ปาย-ปางมะผ้า" ผ่านโค้งแล้วโค้งเล่า
สองข้างทางยังมีดอกบัวตองให้เห็นเป็นระยะๆ แต่เป็นขนาดย่อมๆ
และกำลังเหี่ยวเฉา ไม่นาน ดอยกิ่วลม ปาย-ปางมะผ้า ก็อยู่เบื้องหน้า
แบ่งเป็นสองฝั่งซ้าย-ขวา
ฝั่งซ้ายเป็นจุดที่มองลงไปจะเจอกับเส้นทางคดเคี้ยวที่หากจะมุ่งหน้าไปถ้ำลอด
ถ้ำปลา ปางอุ๋ง หรือตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ก็ต้องผ่านทางที่เราเห็นจากด้านบน
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (แอบลุ้น และตื่นเต้นทุกครั้ง
ที่ผ่านโค้งชันและโค้งหักศอก)
ที่นี่ลมหนาวพัดแรงมาก สังเกตดีๆ
เวลาพูดจะมีควันจางๆ ลอยออกจากปาก อุณหภูมิตอนนั้นอยู่ประมาณ 16 องศาฯ
และเมื่อเดินข้ามถนนไปสู่ฝั่งขวาที่มีตลาดขนาดย่อมๆ วิวหุบเขาสวยๆ
ก็ทำให้ชื่นใจ พร้อมเสียงของเด็กชาวม้ง แต่งตัวเต็มยศ แล้วเดินมาบอกว่า
"ถ่ายรูปไหม 20 บาท" ทุกคน




หากมีเวลาสามารถไปที่อื่นต่อได้อีกอย่าง
"จุดชมวิวปางมะผ้า" อีกประมาณไม่เกิน 20 กิโลเมตร เพื่อพักเหนื่อย หรือจะไป
"ถ้ำลอด" นั่งแพไม้ไผ่เข้าถ้ำ ให้อาหารปลาพวงตัวโต ชมหินงอกหินย้อย
และโลงผีแมน (ผีเปรต)
ตลอดสองข้างทางมีแต่หุบเขา แปลงเกษตร
เส้นทางขึ้นและลงเขาที่คดเคี้ยว ทางที่ดีต้องปิดแอร์ในรถ เปิดกระจก
รับอากาศหนาวๆ และกินมันเผาร้อนๆ หรือไข่ปิ้งอุ่นๆ
สุขอุราพาเพลินไปตลอดทางเสียจริง



Quote
"อย่าลืมแวะไปรับประกาศนียบัตรผู้พิชิต 1,864 โค้ง ที่หอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ใบละ 20 บาท เพื่อเป็นที่ระลึกการเดินทางด้วยนะ"






เรื่อง / ภาพ : ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ



//travel.sanook.com/945783/pai-again-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%A1/




 

Create Date : 17 มกราคม 2555    
Last Update : 17 มกราคม 2555 8:07:29 น.
Counter : 2381 Pageviews.  

พระพุทธบาทพลวง นมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ยอดเขาคิชฌกูฏ

บนจุดสูงสุดของ ยอดเขาคิชฌกูฎ ที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร เป็นสถานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่รู้จักกันดีในชื่อ รอยพระพุทธบาทพลวง หรือ พระบาทพลวง สถาน
ที่ซึ่งพุทธศาสนิกชนต่างศรัทธาและเชื่อว่า หากได้เดินขึ้นไปนมัสการ
รอยพระพุทธบาทพลวง บนยอดเขาคิชฌกูฎจะได้บุญอันใหญ่หลวง
แล้วสามารถขอพรได้หนึ่งข้อ
ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้ที่ไปขอพรทุกคนก็มักจะประสบความสำเร็จดังใจหวัง
จึงทำให้มีผู้เลื่อมใสและศรัทธาเดินทางมาสักการะไม่ขาดสาย




รอยพระพุทธบาทพลวง

ในทุกๆ ปี ระหว่างวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 15 ค่ำ เดือน 4
สถานที่สำคัญแห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนขึ้นไปนมัสการปิดทองรอยพระพุทธบาทตลอด
ทั้งวันทั้งคืน หากใครได้ไปเยือนในช่วงนั้นก็จะได้เห็น พุทธศาสนิกชน
ประชาชน และนักท่องเที่ยว
ต่างพากันถือดอกดาวเรืองสีเหลืองอร่ามมาโปรยตามทางเดินขึ้นเขา ด้วยเชื่อว่า
เส้นทางที่พวกเขากำลังจะเดินขึ้นไปเป็นเส้นทางสวรรค์
หากมีการนำดอกไม้ที่ชื่อมงคลอย่างดอกดาวเรืองมาโปรย
ก็จะทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย




รอยพระพุทธบาทพลวง หรือรอยพระบาทพลวง
มีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร และใกล้ๆ
กับรอยพระพุทธบาททางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังมีหินกลมก้อนใหญ่ริมหน้าผา
ที่เราเรียกกันว่า หินลูกพระบาท ตั้งเด่นเป็นสง่าชวนน่าอัศจรรย์ และเมื่อมองไปรอบๆ ก็จะเห็นทิวทัศน์ของ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ ที่
ครอบคลุมอำเภอมะขามและอำเภอเขาคิชกูฎ
ซึ่งผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์และเป็นอุทยานต้นน้ำสำคัญของจังหวัดจันทบุรี
และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น น้ำตกกระทิง
น้ำตกคลิงช้างเซ น้ำตกคลองกระสือ เป็นต้น




การเดินทางขึ้นไปนมัสการ รอยพระพุทธบาทพลวง หรือ พระบาทพลวง เริ่ม
ต้นจากการนั่งรถบริการที่วัดพลวงไปตามถนนลูกรังที่ลาดชัดและคดเคี้ยวมาก
ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร
หากไปในช่วงงานนมัสการปิดทองรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏประมาณตรุษจีน
-วันมาฆบูชาของทุกปี จะมีประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาททั้งวันทั้งคืน
สำหรับนักท่องเที่ยวท่านไหนที่รู้สึกว่าสุขภาพร่างกายไม่พร้อมหรือเดินไม่
ไหว แต่ใจพร้อม บริเวณทางขึ้นเขาก็ร้านไม้เท้าให้เช่าสำหรับช่วยค้ำเดินขึ้น
ในราคาอันละ 5 บาท และบริการแคร่หามในราคาเที่ยวละประมาณ 400 บาท




สำหรับปี 2555 งานนมัสการปิดทองรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ ทางจังหวัดจันทบุรีได้กำหนดเปิดให้พุทธศาสนิกชน ประชาชน และนักท่องเที่ยวขึ้นไป นมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม - 24 มีนาคม 2555 โดยมีรถยนต์บริการรับ-ส่ง ขึ้น-ลงเขา หรือเดินเท้าขึ้น-ลงเขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง



รอยพระพุทธบาทพลวง

หากมีโอกาสลองแวะไป นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง กันสักครั้งนะครับ เพราะนอกจากจะได้อิ่มอกอิ่มใจกับการทำบุญแล้ว ยังได้ความเพลิดเพลินสนุกสนานจากการท่องเที่ยวอีกด้วย


Tip: ตำนานรอยพระพุทธบาทพลวง
รอย
พระพุทธบาทพลวง หรือรอยพระบาทพลวง ตามประวัติกล่าวว่า
ได้ค้นพบเมื่อประมาณปีพ.ศ.2397 ต่อมาในปี พ.ศ 2515 พระครูธรรมสรคุณ
หรือหลวงพ่อเขียน เจ้าอาวาสวัดกระทิง เจ้าคณะอำเภอมะขาม
ได้บุกเบิกเบิกทางขึ้น ก่อนค่อยๆ พัฒนาเส้นทางขึ้นยอดเขาให้ดีขึ้น
และปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- วัดกระทิง โทร. 0 3945 2056
- ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ โทร.0 3945 2074
- อบต.พลวง กิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี โทร.0 3930 9281 - 2




การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ
ใช้เส้นทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์ ผ่าน อำเภอบ้านบึง มุ่งสู่
อำเภอแกลง จากสามแยกแกลงให้เลี้ยวซ้าย แล้วใช้ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข
3) เมื่อถึงทางแยกเข้าตัวเมืองจันทบุรี (สี่แยกเขาไร่ยา)
เลี้ยวซ้ายเขาถนนบำราศนราดูรไปประมาณ 20 กิโลเมตรนิดๆ ก็จะถึงน้ำตกกระทิง
เลยวัดกระทิงไป 400 เมตร ก็จะถึงแยกขวามือที่จะไปวัดพลวง
ซึ่งเป็นถนนลูกรังระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
ให้จอดรถฝากไว้ที่วัดพลวงแล้วนั่งรถบริการที่จะพาไปยอดเขา


ขอขอบคุณข้อมูลจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ททท. สำนักงานระยอง


ขอขอบคุณภาพ: นิตยสารคู่หูเดินทาง


เรื่อง: กันต์ ณ ปกรณ์

//travel.sanook.com/945757/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%93-%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%8C%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%8F/




 

Create Date : 16 มกราคม 2555    
Last Update : 16 มกราคม 2555 8:17:17 น.
Counter : 2579 Pageviews.  

พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช


พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร












พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร (ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช) (คู่หูเดินทาง)

          นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ นำเราย้อนสู่ ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ และ มิวเซียมสยา
ก็ได้นำเอาความเข้าใจในชาติพันธุ์แห่งสุวรรณภูมิมาสู่ใจเราอย่างถึงแก่น
ดังนั้น เพื่อให้ครบครอบรอบด้านของการเดินทางท่องเที่ยว ฉบับพิพิธภัณฑ์ One
Day Trip เราจึงขอนำชาว คู่หูเดินทาง
มาปิดท้ายวันกันที่พิพิธภัณฑ์อีกแห่งที่ชื่อ พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร หรือ ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช

          รูปแบบและแนวคิดในการนำเสนอของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อาจแตกต่างจาก พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร แห่งอื่น ๆ ตรงที่พวกเขาตั้งใจบอกเล่าเรื่องราวของชาวจีนโพ้นทะเล
ที่ในอดีตเคยหอบเสื่อผืนหมอนใบมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร
และความรุ่งเรืองบนถนนสายทองคำบนผืนแผ่นดินไทยแห่งน
ี้

         
โดยเฉพาะบริเวณชั้น ที่สองของพระมหามณฑป
ได้ถูกจัดสร้างให้เป็นศูนย์ประวัติศาสตร์ในการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับ
ความเป็นมา ความเจริญรุ่งเรืองที่มีมาอย่างยาวนานของชุมชนชาวจีนย่านเยาวราช
โดยแบ่งห้องแสดงนิทรรศการออกเป็นหกส่วน คือ...
















          1. เติบใหญ่ใต้ร่มพระบารมี ฟังคำบอกเล่าจากอากงชาวเยาวราช เพื่อทำความรู้จักเบื้องต้นกับชุมชนชาวจีนสำเพ็งและเยาวราช

          2.
กำเนิดชุมชนจีนแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2325 - 2394)
จุดกำเนิดของชุมชนจีน-สำเพ็ง
และการเข้ามาของชาวจีนโพ้นทะเลในช่วงสมัยรัชกาลที่ 1-3
จนกระทั่งกลายเป็นย่านการค้าที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ

          3.
เส้นทางสู่ยุคทอง (พ.ศ. 2394 - 2500)
พัฒนาการของชุมชนจีนจากตลาดสำเพ็งสู่ความเป็นย่านธุรกิจสมัยใหม่บนถนน
เยาวราช
เรื่องราววิถีชีวิตที่ช่วยให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อวิถีทาง
สังคมของชาวเยาวราชในยุคนั้น











          4. ตำนานชีวิต Hall of Fame ประกอบวีดิทัศน์แสดงตำนานชีวิตของบุคคลชาวเยาวราชที่เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้แก่อนุชนรุ่นหลัง

          5.
พระบารมีปกเกล้าฯ แกลเลอรี่ภาพถ่ายและวีดิทัศน์
แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ
พระบรมวงศานุวงศ์ ในรัชกาลปัจจุบันต่อชุมชนเยาวราช

          6.
ไชน่าทาวน์วันนี้
ภาพลักษณ์อันโดดเด่นในแง่มุมของเยาวราชที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น 'ไชน่าทาวน์' ของประเทศไทย







          นอกจากจุดชม
นิทรรศการที่สวยงามทันสมัยดังกล่าวแล้ว ภายใน วัดไตรมิตรวิทยาราม
ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าที่ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนจากทั่วประเทศมักหา
โอกาสมากราบไหว้ขอพรอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือ
"พระพุทธมหาสุวรรณปฎิมากร" หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากกันว่า "หลวงพ่อทองคำ"
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางพุทธปฏิมากรรมล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า
พระพุทธรูปองค์นี้มีความงดงามถึงจุดสุดยอดในกระบวนฝีมือสกุลช่างสุโขทัย
และนับเป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีมูลค่าเฉพาะเนื้อ
ทองคำสูงถึง 21.1 ล้านปอนด์


          ทั้งนี้ชาว
คู่หูเดินทาง สามารถเดินทางไปชมศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช
และกราบสักการะหลวงพ่อทองคำเพื่อความเป็นสิริมงคลได้ทุกวันที่
วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร เลขที่ 661 ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย
เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 หรือค้นหารายละเอียดอื่น ๆ
เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ //www.wattraimitr-withayaram.com









รู้ก่อนเที่ยว

          พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร (ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช) เปิดให้เข้าชมทุกวัน คนไทยฟรี ชาวต่างชาติคนละ 140 บาท

          ข้อควรปฏิบัติในการเข้าสู่บริเวณวัดและพระมหามณฑป

          - แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ควรสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว กระโปรงไม่ควรสวมกระโปรงสั้นเหนือเข่า
          - พึงสำรวมกิริยามารยาทเมื่อเข้าภายในวัด
          - ไม่ทำลายทรัพย์สินของวัด
          - รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในวัด


 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก




 

Create Date : 14 มกราคม 2555    
Last Update : 14 มกราคม 2555 6:53:58 น.
Counter : 2826 Pageviews.  

10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนุกของเด็กๆ ในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2555

วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับ วันเสาร์ที่สองเดือนมกราคม เป็นประจำทุกปี สำหรับ วันเด็กแห่งชาติปี 2555 นี้ ตรงกับ วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 โดยมี คำขวัญวันเด็กปี 2555 จาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยว่า "สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี" แน่
นอนว่าวันนี้เป็นวันสำคัญและวันสนุกของเด็กๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอย
หลายหนาวยงานทั้งภาครัฐและอกชน
จึงได้เตรียมเปิดพื้นที่ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขในวันเด็กแห่งชาติ
เอาใจน้องๆ หนูๆ กันแล้ว งานนี้ สนุก! ท่องเที่ยว จึงได้คัดสรรสถานทีท่องเที่ยวสำหรับเด็กๆ มาฝากพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ตั้งใจจะพาเจ้าตัวน้อยออกไปเที่ยวกันครับ








1.พิพิธภัณฑ์เรือพระที่นั่ง



กระบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคในลำน้ำเจ้าพระยาที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกแต่
ละครั้งแสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย
ที่มีวิถีชีวิตอันผูกพันกับสายน้ำและฝีมือในการสร้างเรือที่วิจิตรงดงาม
ตลอดจนศิลปะแห่งการพายเรือที่อาศัยจังหวะและบทขับเห่
หลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เรือหลวงล้วนถูกทำลายไปหมดสิ้น
มาสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างเรือขึ้นใหม่เพื่อใช้ในการรบ ครั้นในสมัยรัตนโกสิทร์ ร.1
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเรือพระที่นั่งและเรือประกอบขบวนขึ้นอีกทั้งหมดรวม 67
ลำด้วยกัน และในรัชกาลต่อ ๆ
มาได้มีการสร้างขึ้นทดแทนยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง
เรือทั้งหวดถูกเก็บไว้ในโรงบเรือพระราชพิธีของกองทัพเรือ
ซึ่งต่อมาคือพิพิธภัณฑ์ฯ เรือพระราชพิธีแห่งนี้
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรือพระที่นั่ง จำนวน 8 ลำ อาทิ
เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ ร.9 เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์
เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชฯลฯ
พร้อมเครื่องประกอบและสิ่งของเครื่องใช้ในกระบวนเรือพระราชทาน


โทรศัพท์: 02 466 3167, 02 465 7742, 02 462 3762


รถโดยสารประจำทาง: 19, 57,79,80,81,91,123,124,127,147, 149, ปอ. 509, ปอ.511


เวลาทำการ: ทุกวัน 09.00-17.00 น.


ค่าธรรมเนียมเข้าชม: 20 บาท






2. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)



สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลังสวนจตุจักร มีอาณาเขตกว้างขวางถึง 375 ไร่
เป็นสวนที่เหมาะสำหรับทำกิจกรรมแบบครอบครัว ไม่ส่าจะเป็นการออกกำลังกาย
เช่น เล่นฟุตบอล าสเก็ตบอล แบดมินตัน ว่ายน้ำ พายเรือคายัค และเต้นแอโรบิค
รวมทั้งยังมีกิจกรรมสันทนาการต่างๆๆ ให้ทำอีกมากมาย อาทิ ดูนก
ปั่นจักรยานชมสวนบนเส้นทางจักรยานยาว 3.2 กิโลเมตร
ภายในสวนยังมีการจำลองถนนในกรุงเทพฯ ให้เด็กๆ
ได้สนุกกับการเรียนรู้กฎจราจรขณะขี่จักรยานอีกด้วย
และจุดเด่นของสวนแห่งนี้คือมีน้ำพุสูงที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งสูงถึง 72 เมตร
สวนรถไฟเปิดให้ประชนทั่วไปใช้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 น. - 21.00 น.






3. หอเกียรติภูมิรถไฟไทย



ตั้งอยู่ด้านเหนือของสวนจตุจักรใกล้บริเวณลานจอดรถอเนกประสงค์ประตู 2
ถ.กำแพงเพชร 3 เป็นอาคารเก่าแก่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ
30 กว่าปีมาแล้ว
เพื่อใช้เป็นที่เก็บขบวนรถไฟพระที่ทั่งของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่
หัว ร.7 และหัวรถจักรประวัติศาสตร์บางคัน ต่อมาได้ถูกปิดไประยะหนึ่ง
ภายหลังได้รับการปรับปรุงอละเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ เมื่อปีพ.ศ. 2533
เป็นสถานที่รวบรวมและให้ความรู้เกี่ยวกับรถไฟ มีการจัดแสดงรถจักรไอน้ำ
รถจักรจำลอง ขบวนรถไฟเล็กขนาดต่างๆ
ภาพถ่ายและภาพวาดเกี่ยวกับเกียรติภูมิของการรถไฟโลกรวมทั้งสิ่งที่น่าสนใจ
ต่างๆ อีกมากมาย หอเกียรติภูมิรถไฟไทยเปิดให้เข้าชมเฉพาะวัน เสาร์-อาทิตย์
07.00 - 12.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าชม






4.ดรีมเวิลด์



สวนสนุกที่มีสิ่งก่อสร้างจำลองดินแดนเทพนิยาย และเครื่องเล่นต่างๆ อาทิ
เช่น รถไฟเหินเวหา ไวกิ้งส์ รถโกคาร์ท เรือบั๊ม เฮอริเคน ปลาหมึกยักษ์
พรมวิเศษ เป็นต้น
นอกจากนี้คุณยังจะได้เพลิดเพลินกับลีลาการโยกย้ายส่ายสะโพก
ของนักแสดงสาวสวยบนขบวนรถฮาวาย
และชมการเต้นแท้งโก้สุดมันส์กับขบวนรถเม็กซิโก ประทับใจกับลีลาการท้าดวล
กระทิงยักษ์ของมาธาดอร์จอมลวดลายจากสเปน และความยิ่งใหญ่อีกหลากหลายขบวน
ที่จะมาสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เวลาเปิด - ปิด:  จันทร์ - ศุกร์ เวลา 10.00 - 17.00 น. เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 19.00 น.
ค่าเข้าชม: เด็ก 120 บาท ผู้ใหญ่ 150 บาท
บัตรรวมเครื่องเล่น 365 บาท เล่นได้ 25 เครื่องเล่น
บัตรดรีมเวิลด์วีซ่า 395 บาท เล่นได้ 25 เครื่องเล่น ไม่จำกัดรอบ
หรือ //www.dreamworld-th.com




5. พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน



บ้านเรือนไทยตามสถาปัตยกรรมไทยภาคกลาง
ตั้งตร่ะหง่านท่ามกลางหมู่ไม้ที่ร่มรื่น
ด้วยความงามทางธรรมชาติที่น่าอภิรมย์แบบวิถีไทยสะท้อนรสนิยมของผู้เป็นเจ้า
ของ
นายจิมเดินทางมายังประเทศไทยครั้งแรกในฐานะทหารอาสาของกองทัพสหรัฐอเมริกา
และย้ายมาประจำการในประเทศไทย ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อสงครามยุติเขาได้เดินทางกลับประเทศของตนและตัดสินใจกลับมาอยู่ในประเทศ
ไทยเป็นการถาวรเขาได้เริ่มดำเนินธุรกิจการค้าผ้าไหมไทยในช่วงปี พ.ศ. 2502 -
2510 ได้ซื้อบ้านเรือนไทยภาคกลาง 6 หลัง
จากจังหวัดอยุธยามาปลูกบริเวณริมคลองแสนแสบ กรุงเทพมหานคร ตัวบ้านแบ่งเป็น 2
ชั้น ตกแต่งภายในด้วยศิลปวัตถุโบราณแบบวัฒนธรรมเอเชีย
บริเวณชั้นล่างของเรือนจัดแสดงเครื่องเบญจรงค์ เครื่องเคลือบดินเผา
รวมถึงภาพเขียนของช่างไทยสมัย 2403 นายจิม ทอมป์สัน
เป็นชาวต่างชาติที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมศิลปะผ้าไทย
ซึ่งมิใช่เป็นเพียงธุรกิจการค้า แต่แฝงด้วยคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่น
ที่ได้จากการสะสมเมื่อคราวท่องเที่ยวไปในพื้นที่ชนบท
และต่อมาได้ส่งเสริมให้ชาวไทยเชื้อสายมุสลิม "บ้านครัว"
ที่ตั้งถิ่นฐานเดิมบริเวณริมคลองแสนแสบ ในการผลิตและออกแบบผ้าไหมไทย
โดยเขาได้เข้าไปส่งเสริมการผลิต เช่น การนำวัตถุดิบหรือเส้นไหมไปให้
ส่งเสริมการขายโดยการรับซื้อผ้าทอจากชาวบ้านครัวและส่งขายภายใต้ยี่ห้อจิม
ทอมป์สัน ต่อมานายจิม ได้เดินทางไปประเทศมาลเซียและหายสาบสูญไป
ปัจจุบันลูกหลานของนายจิม
ซึงสืบทอดกิจการมิได้รับซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยจากชาวบ้านครัวแล้ว
แต่ที่ยังคงอยู่และสืบทอดความมุ่งมั่น
สืบสานศิลปวัฒนธรรมด้านหัตถกรรมไทยและตะวันตกอย่างกลมกลืน



6.องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช.) หรือ NSM (National Science Museum)



ตื่นตากับตัวอาคารลูกบาศก์ 3 ลูก เกาะเกี่ยวกันอย่างสวยงาม
เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์
ที่ต้องการให้ผู้ชมเข้าถึงสาระทางวิทยาศาสต์และเทคโนโลยีง่ายแบบง่ายๆ
สนุกสนาน พร้อมทดลอง สัมผัส และค้นหาคำตอบจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง

เปิดให้บริการ วันอังคาร - วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.30 - 16.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.30 - 17.00 น. (หยุดวันจันทร์)


โทร. 0-2577-9999 หรือ //www.nsm.or.th



7. นิทรรศน์รัตนโกสินทร์



ไล่เรียงนับวันเวลาตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
รัชกาลที่ 1 สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานีมาจนถึงวันนี้
กรุงรัตนโกสินทร์ของพวกเราทุกคนก็มีอายุยาวนานกว่า 2 ศตวรรษแล้ว
ทว่าในช่วงเวลาหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านไปนั้น
เรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นอาจสูญหายไปตามกาลเวลา
บางเรื่องราวอาจถูกเลือนไปกับบรรพบุรุษในอดีต...
แต่เชื่อมั๊ยว่าคุณพ่อคูณแม่สามารถพาลูกๆ
มาเดินเที่ยวในอาคารการเรียนรู้แบบใหม่ภายใต้ชื่อ ‘นิทรรศน์รัตนโกสินทร์'
คุณ ค่าแห่งยุคสมัย สัมผัสได้ใน 1 วัน
ซึ่งให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจเหมือนได้พาตัวเองย้อนกลับไปสู่สมัยนั้นอีก
ครั้งหนึ่ง เพราะอาคารหอนิทรรศนรัตนโกสินทร์แห่งนี้
นับเป็นศูนย์การเรียนรู้ข้อมูลและแหล่งรวบรวมความรู้ทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ
วัฒนธรรมของกรุงรัตนโกสินทร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเมืองไทย
อีกทั้งยังใช้เทคนิคสื่อผสมเสมือนจริงนำมาประยุกต์ใช้ในการนำเสนอเป็นครั้ง
แรกในเมืองไทยด้วย










8. พระที่นั่งอนันตสมาคม



พาลูกเดินทางไปดเที่ยวไม่ยากเลยกับสถานที่ท่องเที่ยวใจกลางเมืองหลวง
สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนเรอเนสซองส์
ภายนอกประดับด้วยหินอ่อนซึ่งสั่งมาจากประเทศอิตาลี
องค์พระที่นั่งเป็นอาคารหินอ่อนสองชั้น มีโดมสูงใหญ่อยู่ตรงกลาง
และมีโดมเล็ก ๆ โดยรอบอีก 6 โดม ชั้นบนเป็นห้องโถงขนาดใหญ่
แบ่งเป็นท้องพระโรงหน้าและท้องพระโรงหลัง บนเพดานโดมของพระที่นั่ง
มีภาพเขียนสีปูนเปียกขนาดใหญ่ที่สวยงามจำนวน 6 ภาพ
แสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของพระบรมราชจักรีวงศ์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1
ถึง รัชกาลที่ 6 โดยฝีมือเขียนภาพของศาสตราจารย์แกลิเลโอ คินี และนาย
ซี.ริกุลี ส่วนประตูทางเข้าชมนั้นจะอยู่ด้านหลัง
ซึ่งจะเข้าได้จากทางถนนอู่ทองใน ตรงข้ามเขาดิน หรือทางถนนราชวิถี
คือเข้าผ่านทางพระที่นั่งวิมานเมฆแล้วเดินชมพระที่นั่งอื่นมาเรื่อย ๆ
แต่ถ้ามีเวลาไม่มากและต้องการชมพระที่นั่งอนันฯ อย่างเดียว
แนะนำให้เข้าประตูทางฝั่งถนนอู่ทองใน (ที่เขียนว่า พระที่นั่งอภิเศกดุสิต)
พระที่นั่งอนันตสมาคม เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน ปิดวันจันทร์ วันหยุดเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร. 0 2628 6300-9 หรือ //www.vimanmek.com




9. พระที่นั่งวิมานเมฆ



อยู่ใกล้ๆ กับ พระที่นั่งอนันตสมาคม  เดินไปแค่นิดเดียว เป็น
พระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่งดงามประณีตและได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบตะวัน
ตก องค์พระที่นั่งเป็นรูปอักษรตัวแอลในภาษาอังกฤษ
คือสร้างเป็นรูปสองแฉกตั้งฉากกัน แต่ละด้านยาว 60 เมตร สูง 20 เมตร
เป็นอาคาร 3 ชั้นเฉพาะที่ประทับซึ่งเรียกว่า "แปดเหลี่ยม" มี 4 ชั้น
ชั้นล่างสุดก่ออิฐถือปูน ชั้นถัดขึ้นไปสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหมด
มีห้องจัดแสดงรวมทั้งสิ้น 31 ห้อง
การจัดแสดงบางห้องยังคงลักษณะบรรยากาศในอดีตไว้ เช่น หมู่ห้องพระบรรทม
ท้องพระโรงและห้องสรง เป็นต้น บางห้องจัดแสดงศิลปวัตถุแยกตามประเภทเช่น
ห้องจัดแสดงเครื่องเงิน ห้องจัดแสดงเครื่องกระเบื้องลายคราม
ห้องจัดแสดงเครื่องแก้วเจียระไน และห้องจัดแสดงเครื่องงา เป็นต้น
พระที่นั่งวิมานเมฆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน
(ยกเว้นวันหยุดนักชัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.30-16.00 น.
อัตราค่าเข้าชมพระที่นั่งวิมานเมฆ คนไทยผู้ใหญ่ 75 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างประเทศ 100 บาท
หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2628- 6300-9 หรือ //www.vimanmek.com




10. สวนสตว์ดุสิต



สถานที่ท่องเที่ยวที่โดนใจเด็กๆ มาทุกยุคทุกสมัย
สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ภายในบริเวณพระราชวังดุสิต
เป็นสวนพฤกษชาติส่วนพระองค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 8
ได้ทรงให้ทางเทศบาลกรุงเทพฯ
จัดสร้างให้เป็นสวนสัตว์และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนทุกระดับชั้น
และมีการปรับปรุงพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ตลอดมา  เขาดิน
เป็นสวนสัตว์ใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ มีพื้นที่ 118 ไร่ มีสัตว์ป่าราว ๆ 2,000
ตัว ทั้งที่หายากและเกือบจะสูญพันธุ์แล้ว
มีต้นไม้นานาชนิดที่ให้ความร่มรื่นและบึงน้ำขนาดใหญ่ที่สวยงาม
เหมาะเป็นที่ศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์สำหรับนักเรียน นักศึกษา
และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับครอบครัว นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป
หลังจากที่ได้เดินแวะชมสัตว์ต่าง ๆ หลากหลายแล้ว บริเวณอื่น ๆ
ในเขาดินจะมีบึงน้ำขนาดใหญ่ มีเรือถีบที่เรียกว่า
จักรยานนาวาให้เช่าถีบกันอย่างสนุกสนาน อีกจุดที่น่าเข้าไปชม นั่นคือ
หลุมหลบภัยสาธารณะ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งในโปรแกรม Unseen in
Thailand ก็ลองแวะเยี่ยมชมกันดูได้
เปิดให้เข้าชมทุกวัน 08.00-18.00 น
อัตราค่าเข้าชม สำหรับ
คนไทย ผู้ใหญ่ - 70 บาท ปวส. , นักศึกษา - 30 บาท ครู ทหาร ตำรวจ
(ในเครื่องแบบ) - 30 บาท ปวช. , นักเรียน , เด็ก - 10 บาท พาหนะ - 60 บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2281 2000, 0 2282 9245 หรือ //www.dusitzoo.org


ขอขอบคุณข้อมูลจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย //www.tatcontactcenter.com, //www.bangkoktourist.com,www.vimanmek.com และ //www.dusitzoo.org




 

Create Date : 12 มกราคม 2555    
Last Update : 12 มกราคม 2555 7:58:35 น.
Counter : 2789 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.