ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

วนอุทยานแพะเมืองผี



รายละเอียด
แพะเมืองผีอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ เกิดจากสภาพภูมิประเทศซึ่งเป็นดิน และหินทรายถูกกัดเซาะตามธรรมชาติเป็นรูปร่างลักษณะต่างๆประวัติความเป็นมา วนอุทยานแพะเมืองผี เป็นหน่วยงานสังกัดสำนักบริหาร จัดการในพื้นที่อนุรักษ์ 13 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้มีการประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2524 มีเนื้อที่ 167 ไร่ เป็นสถานที่มีความสวยงามด้าน ธรณีวิทยา หน้าผา เสาดิน และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ..........."แพะเมืองผี " มีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความลี้ลับจนเป็นความเชื่อของคนในท้องถิ่นที่บรรพบุรุษได้เล่าสืลต่อกันมาว่า มียายชราคนหนึ่ง เข้าไปในป่าถึงสถานที่แห่งหนึ่งได้พบหลุมเงินหลุมทองยายชราพยายามจะเอาเงิน เอาทองใส่หาบกลับบ้าน แต่เทพยาดาอารักษ์ไม่ให้เอาไปเพียงแต่เอาอวดให้เห็นเท่านั้น พอไปตามชาวบ้านมาดูก้พบแต่รอบเท้า หาบเงิน หาบทอง หายไป ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่นี้ว่า "แพะเมืองผี"

การเดินทาง
ตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำชำ ใช้เส้นทางหลวงสายแพร่ - น่าน ทางหลวงหมายเลข 101 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 6 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 ตำบลน้ำชำ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดแพร่ ประมาณ 15 กิโลเมตร





ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 6 กรกฎาคม 2554 8:11:29 น.
Counter : 1494 Pageviews.  

เสน่ห์แห่งโตรกผาธรรมชาติที่ "ออบหลวง"



อุทยานแห่งชาติออบหลวง อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่น่ามาเยือนแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มากไปด้วยสภาพป่าที่สมบูรณ์ ทั้งมีความสวยงาม และความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ และมีคุณค่าทางโบราณคดีทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก


"ออบหลวง" ตั้งอยู่ที่ตรงหลักกิโลเมตรที่ 17 ของทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 108 คาบเกี่ยวระหว่างตำบลหางดง อำเภอฮอด ตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง เป็นช่องแคบเขาขาดที่มีหน้าผาหินขนาบลำน้ำ ทำให้เกิดหุบผาลึก ความลึกของหน้าผาวัดจากสะพาน ออบหลวงถึงระดับน้ำปกติประมาณ 32 เมตร ส่วนแคบสุด 2 เมตร ความยาวของช่องแคบประมาณ 300 เมตร ธรรมชาติได้สร้างสรรความน่าพิศวงให้กับแผ่นดินส่วนนี้อย่างมหัศจรรย์


คำว่า “อ๊อบ” หรือ “ออบ” เป็นภาษาท้องถิ่นหมายถึงช่องแคบ “หลวง” หมายถึง ใหญ่ “ออบหลวง” คือชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกช่องแคบหินขนาดยักษ์ที่มีลำน้ำแม่แจ่มบีบตัวแทรกผ่านไป อีกนัยหนึ่งคือ หุบเขา ที่มีสายธารไหลผ่าน (Canyon)

ภายในออบ น้ำที่ตกไปกระทบแก่งหินละอองน้ำจะกระจายฟุ้งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดเวลา ลานหินและโตรกผาที่ถูกน้ำอันเชี่ยวกรากกัดกร่อนปีแล้วปีเล่า ทำให้หินมีลักษณะเป็นลวดลายรูปร่างแปลกตาสวยงามมาก ทำให้ผู้ไปเยือนต้องพิศวงว่ากำแพงหินสูงใหญ่ที่ขวางลำน้ำอยู่นั้น แตกทะลุหรือแยกตัวให้น้ำผ่านไปได้อย่างไร




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2554 7:41:50 น.
Counter : 2485 Pageviews.  

ไปสัมผัสโครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย

โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย

โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย

โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย


โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย (คู่หูเดินทาง)

ถอนกล้า ดำนา ขี่ควาย ชมโรงสี... และอีกหลายกิจกรรมดี ๆ ที่ทางโครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย มีไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเรียนรู้และสัมผัสกับวิถีชีวิตที่พอเพียง

สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสนามบินสุโขทัย เมื่อเราเดินทางมาถึง สิ่งแรกที่เค้าจะให้เราทำคือการเปลี่ยนชุดเป็นชาวนาเต็มขั้น โดยให้ใส่เสื้อกางเกงแบบม่อฮ่อม พร้อมกับใส่รองเท้าบู๊ทยาวสีส้ม เพื่อให้เข้ากับกิจกรรมและบรรยากาศของสถานที่ ใช้ชีวิตกับกิจวัตรประจำวันกันแบบชาวไร่ชาวนา เมื่อเตรียมตัวเสร็จเค้าจะให้เราขึ้นรถอีแต๋น หรือรถสามล้อแล้วแต่จำนวนคนที่ร่วมทริป จากนั้นจะพาเราไปยังโรงเลี้ยงเป็ดเป็นที่แรก เพื่อเก็บไข่เป็ดกันแบบสด ๆ

โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย

ต่อด้วยไปชมฝูงควายเผือกนับร้อยตัว ที่ทางเจ้าของสถานที่ได้ไถ่ชีวิตเอาไว้ พอดีตอนผมไปเค้ากำลังปล่อยควายไปกินหญ้า ควายแต่ละตัวจะกรูไปตรงประตูทางออก แล้วลงไปในคลองว่ายน้ำเพื่อขึ้นไปกินหญ้าอีกฝั่งหนึ่ง ดูแล้วก็น่ารักดีครับ จากนั้นจะพาเราไปเที่ยวชมยังบริเวณสนามบินสุโขทัย ดูการทอผ้าและการทำเครื่องปั้นดินเผาแบบโบราณ ตามด้วยการชมแปลงผักออร์แกนิก สวนผลไม้ที่ปลูกเป็นแบบสวนผสม อาทิ กล้วย มะละกอ และมะม่วงพันธุ์มหาชนก เป็นต้น โดยเฉพาะมะม่วงดกมาก ๆ ต้นเล็กต้นน้อยมีลูกเต็มไปหมด

โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย

จากนั้นจะพาชมนาบัว บึงหงส์ ลานหมักปุ๋ยอินทรีย์ เพราะที่นี่เค้าไม่ใช้สารเคมีในการปลูกพืชผักผลไม้ แต่จะใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่ทำขึ้นมาเอง รับรองได้ว่าผักผลไม้ที่นี่ปลอดสารพิษแน่นอน ใกล้ ๆ กันจะเป็นโรงสีข้าว และโรงแยกเมล็ดข้าว โดยใช้แรงงานคนคัดแยกเมล็ดข้าวที่ดีและมีคุณภาพเท่านั้น เพื่อนำมาบรรจุและส่งไปขายตามสถานที่ต่าง ๆ ใช้เวลาในการทำกิจกรรมช่วงนี่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

จากนั้นจะพาไปยังแปลงปลูกข้าว "แปลงนาปู่ย่าตายาย" โดยการให้ความรู้เบื้องต้น จากนั้นจะให้เริ่มลงมือถอนกล้า และดำนาเอง สนุกสนานกันทั่วหน้าครับ เมื่อเสร็จกิจก็เที่ยงพอดี ล้างไม้ล้างมือก็ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน จะมีเมนู สลัดผักออร์แกนิก ไข่เจียวผักโขม แกงแคไก่ผักรวม ยำคะน้าสด ผัดผักออร์แกนิก น้ำพริกลงเรือไข่เค็ม ส้มตำผักน้ำ จบด้วยไอศกรีมใบข้าว ผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีประโยชน์ของที่นี่

โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย

ดูรายชื่อเมนูแล้วน้ำลายสอเลยครับ เมนูแต่ละอย่างของเค้าจะมีคอนเซ็ปว่า "กินในสิ่งที่เราปลูก และปลูกในสิ่งที่เรากิน" เพราะฉะนั้น อาหารที่เรารับประทานเข้าไป ก็มาจากท้องไร่ท้องนาที่เค้าพาเราไปเยี่ยมชมนั่นเอง ทั้งสด สะอาด และปลอดสารพิษชัวร์ครับ ด้านหน้าโครงการฯ จะมีมุมขายผลิตผล และผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ พร้อมชมโชว์การสวัสดีของควายเผือกแสนรู้ตัวใหญ่

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมที่ได้มีโอกาสทำเช่นนี้ ทำให้ได้รู้คุณค่าของข้าวแต่ละเม็ด ผักแต่ละต้นรู้จักถึงคำว่า "หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน" และเข้าใจชีวิตของชาวหน้ากระดูกสันหลังของชาติมากยิ่งขึ้นครับ ผมรู้สึกประทับใจกับกิจกรรมนี้มาก ถ้ามีโอกาสก็อยากให้คุณผู้อ่านได้พาลูก พาหลานมาท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เกษตรอินทรีย์แบบนี้กันดูครับ

โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย

สำหรับ เกษตรอินทรีย์ คือการทำการเกษตรด้วยหลักธรรมชาติ บนพื้นที่การเกษตรที่ไม่มีสารพิษตกค้าง และหลีกเลี่ยงจากการปนเปื้อนของสารเคมีทางดิน ทางน้ำ และทางอากาศเพื่อส่งเสริมความอุดสมสมบูรณ์ของดิน ความหลากหลายทางชีวภาพ ในระบบนิเวศน์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ให้กลับคืนสู่สมดุลธรรมชาติโดยไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ หรือสิ่งที่ได้มาจากการตัดต่อพันธุกรรม ใช้ปัจจัยการผลิตที่มีแผนการจัดการอย่างเป็นระบบในการผลิต ภายใต้มาตรฐานการผลิตเกษตรอินทรีย์ให้ได้ผผลิตสูง อุดมด้วยคุณค่าทางอาหารและปลอดสารพิษ โดยมีต้นทุนการผลิตต่ำเพื่อคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจพอเพียง แก่มวลมนุษยชาติ และสรรพชีวิต

ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย โทรศัพท์ 0-5564-7290




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 4 กรกฎาคม 2554 7:40:45 น.
Counter : 4022 Pageviews.  

ต้องมนต์ถิ่นอีสาน เปิดตำนานเมืองอุบล



การเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละครั้งถึงจะเป็นการท่องเที่ยวสถานที่เดิมๆที่เคยสัมผัสมาแล้ว แต่ถ้าเราเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวให้ใหม่ขึ้นก็จะได้อีกหนึ่งมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิม อย่างการมาเยือนอุบลราชธานีครั้งนี้ผมได้เลือกการ นั่งรถสามล้อชมเมือง มาเติมสีสันให้การท่องเที่ยวมีเสน่ห์มากขึ้น

ถ้าพูดถึงจังหวัดอุบลราชธานีหลายคนคงคิดถึงแต่สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างสามพันโบก แต่วันนี้ผมจะพาไปลัดเลาะรอบเมืองโดยนั่งสามล้อปั่นสุดคลาสสิกโดยจุดมุ่งหมายแรกคือ วัดศรีอุบลรัตนาราม เป็นวัดธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ของศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี วัดนี้มีพระอุโบสถที่สร้างตามแบบพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง คือ พระแก้วบุษราคัม ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวอุบลราชธานีมายาวนาน

หลังจากเสร็จจากการกราบไหว้พระแก้วบุษราคัม เพื่อเป็นการเสริมศิริมงคลในการมาเยือนอุบลราชธานีครั้งนี้แล้ว ขบวนรถสามล้อปั่นเคลื่อนตัวไปต่อยังสถานที่ถัดไป ซึ่งตลอดเส้นทางที่รถสามล้อปั่นผ่านจะเห็นได้ถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของคนเมืองนี้ ถึงจะเริ่มมีความเจริญเข้ามาจนเกือบจะเหมือนกรุงเทพฯแต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ทิ้งมนต์เสน่ห์ดั้งเดิมไป นั่งใจลอยชมความงามได้สักพักรถก็มาจอดที่จุดหมายที่สอง วัดสุปัฏนารามวรวิหาร

วัดสุปัฏนารามวรวิหาร นับเป็นวัดแสนเงียบสงบที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ โดดเด่นด้วยตัวพระอุโบสถสีขาวสะอาดตา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ซึ่งไหลผ่านทางทิศใต้ของตัวเมืองอุบลราชธานี เป็นได้ทั้งจุดพักผ่อนหย่อนใจเพื่อชมความงามของธรรมชาติ และพักจิตใจให้สงบเพื่อสักการบูชาสิ่งศักสิทธิ์พร้อมตั้งสมาธิได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากการมาเยือนในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าหลายครอบครัวทั้งนักท่องเที่ยว และคนพื้นถิ่นเลือกที่จะเดินทางมาที่นี่เพื่อพักผ่อนในวันหยุด

โดยมัคคุเมเทศก์ท้องถิ่นเล่าให้ฟังว่าจุดประสงค์แรกที่มีการสร้างพระอุโบสถขนาดใหญ่ของวัดนี้คือ ต้องการให้เป็นที่ประดิษฐานของพระสัพพัญญูเจ้า ซึ่งเป็นพระประธาน ในพระอุโบสถวัดสุปัฏนาราม และใช้ประโยชน์ในการประกอบพุทธศาสนพิธี ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมของสงฆ์โดยตรง หรือพิธีกรรมที่มีพุทธศาสนิกชนร่วมด้วยก็ตาม ซึ่งในวันสำคัญทางศาสนาที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วสารทิศ

รถสามล้อปั่นท้าลมเย็นกันมาต่อที่จุดหมายสุดท้ายของเรา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี ตั้งอยู่ที่ถนนเขื่อนธานีตัดกับถนนอุปราช อ.เมือง เดิมเป็นศาลากลางจังหวัด รูปทรงอาคารโดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ตั้งแต่สีอาคารซึ่งเป็นสีเหลืองสดใส ตัวอาคารเป็นตึกชั้นเดียวยกพื้นสูง ก่ออิฐฉาบปูน หลังคาทรงปั้นหยา แผนผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศเหนือ ภายในอาคารประกอบด้วยห้องโถงใหญ่อยู่ตรงกลาง มีระเบียงทางเดินและห้องขนาดเล็กอยู่โดยรอบ

แบ่งโซนการจัดแสดงภายในอาคารออกไว้อย่างชัดเจนและเรียบง่ายที่จะเข้าชม อีกทั้งยังมีเข้าหน้าที่คอยดูแลและให้ความรู้ตลอดการเข้าชมไม่ว่าจะมากลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ มีการจัดแสดงทั้งหมด 10 ห้องคือ ห้องจัดแสดงที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของจังหวัดอุบลราชธานี ห้องจัดแสดงที่ 2 ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ห้องจัดแสดงที่ 3 สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ห้องจัดแสดงที่ 4 สมัยประวัติศาสตร์เริ่มแรก วัฒนธรรมทวารวดี และวัฒนธรรมเจนละ (ขอมหรือเขมรสมัยก่อนเมืองพระนคร) ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12 – 15

เพียงแค่ 4 ห้องในโซนแรกผู้ร่วมเดินทางทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจกับความรู้ใหม่ที่ได้รับจากสถานที่แห่งนี้ ถึงจะดูเป็นพิพิธภัณฑ์รูปแบบเดิมๆไม่ต่างจากที่อื่นมากนัก แต่เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่อัดแน่นอยู่ในทุกจุดเป็นความรู้ที่ไม่สามารถหาได้จากในตำราแน่นอน ยิ่งเข้ามาลึกในอีก 6 ห้องที่เหลือความรู้ด้านประวัติศาสตร์ก็จะถูกนำเสนอผ่านรูปแบบต่างๆเพิ่มความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

เริ่มจาก ห้องจัดแสดงที่ 5 วัฒนธรรมขอมหรือเขมรสมัยเมืองพระนคร ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 15 – 18 ที่นำโบราณวัตถุต่างๆมาเป็นตัวนำเสนอ และมาต่อกันที่ ห้องจัดแสดงที่ 6 วัฒนธรรมไทย-ลาว ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 23 – 25 ซึ่งอยู่ติดกับ ห้องจัดแสดงที่ 7 ผ้าโบราณและผ้าพื้นเมืองอุบลราชธานี โดย 2 ห้องนี้จะทำให้ทุกคนได้เห็นถึงวัฒนธรรมของไทยและลาวที่มีทั้งจุดเหมือนและต่างที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เดินชมเรื่องราวต่างๆมาเรื่อยจนถึงโซนสุดท้ายที่เน้นเรื่องราวพื้นบ้านในยุคที่ค่อยๆพัฒนาขึ้นทั้ง ห้องจัดแสดงที่ 8 ดนตรีพื้นเมือง ห้องจัดแสดงที่ 9 ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน และเครื่องใช้ในครัวเรือน และ ห้องจัดแสดงที่ 10การปกครอง และงานประณีตศิลป์เนื่องในพุทธศาสนา ซึ่งถึงจะใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะชมและฟังบรรยายจนครบทุกห้องจัดแสดง แต่ผู้ร่วมเดินทางทุกคนกับไม่มีทีท่าของความเบื่อหน่าย กลับกลายเป็นสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มและความสนุกสนานมากกว่า

การเดินทางท่องเที่ยวทุกครั้งจะมีความประทับใจแตกต่างกันไป ถึงแม้จะเป็นสถานที่ที่เคยไปบ่อยครั้ง แต่ถ้ารู้จักเปิดมุมมองใหม่ในการท่องเที่ยวทุกครั้ง เราก็จะสามารถเที่ยวทีไหนก็ได้โดยไม่น่าเบื่อและรู้สึกดีตลอดเวลา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2554 8:46:36 น.
Counter : 1364 Pageviews.  

สัมผัสเสน่ห์ร่องหินผาที่ "ออบขาน"



"อุทยานแห่งชาติออบขาน" อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยจุดเด่นของอุทยานนั้นคงหนีไม่พ้น "ออบขาน" จุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนมาเที่ยวชมเสมอๆ...

ออบขาน ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 200 เมตร มีลักษณะเป็นหน้าผาหินสูงชันสองด้านหันเข้าหากัน โดยมีน้ำแม่ขานไหลผ่านตรงกลาง หน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร

โดยสันนิษฐานว่าลักษณะดังกล่าวเกิดจากยกตัวของเปลือกโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน ผ่านการกัดเซาะของกระแสน้ำ ทำให้หินมีรูปร่างต่างๆ สวยงามแปลกตา เป็นประติมากรรมชิ้นเอกที่ธรรมชาติได้เป็นผู้สร้างสรรค์เอาไว้


travel.thaiza




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2554 8:20:39 น.
Counter : 1464 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.