ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ท่า....ไหนที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับคุณ

คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู่จักท่าร่วมรักนับล้านๆ ท่า สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ ท่าไหนที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องการท่าที่ทำให้ผู้หญิงออกัสซั่มได้มากกว่า ท่าที่สร้างความรู้สึกใกล้ชิดสนิทแน่น ท่าสำหรับผู้ชายที่มีขนาดใหญ่หรือเล็กเป็นพิเศษ หรือท่าที่กระตุ้นจีสปอตหรือคลิตอริสได้จริงๆ

และท่าทางเหล่านี้ไม่ต้องใช้ภาพประกอบมาช่วยในการอธิบายเลย เพราะมันเป็นท่าที่ง่ายๆ ที่คุณเคยทำมาแล้ว เพียงแค่พลิกแพลงมันอีกสักหน่อยเท่านั้นเอง...

ผู้หญิงในท่านอนหงาย
ท่าพื้นฐานที่ผู้หญิงนอนหงายและผู้ชายอยู่ข้างบน หรือที่มักเรียกว่าท่ามิชชันนารี เป็นท่าที่นิยมกันมากที่สุด เพราะคุณหันหน้าเข้าหากัน มันจึงสร้างความรู้สึกใกล้ชิดสนิทแนบ ต่อไปนี้คือการพลิกแพลงที่คุณต้องชอบ

  • สำหรับผู้หญิงที่ต้องการกระตุ้นที่คลิตอริสเพื่อออกัสซั่ม (ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) มีท่าที่เรียกว่า The Coital Alignment Technique วิธีการก็คือ เริ่มต้นด้วยท่ามิชชันนารี ผู้ชายอยู่ข้างบนและเลื่อนตัวขึ้นไปสูงเล็กน้อย เพื่อให้การรุกล้ำอยู่ในลักษณะกดลง ให้ผู้หญิงกางขาโอบรอบตัวเขาเอาไว้ ไขว้ข้อเท้าเข้าด้วยกัน แล้วเลือนลงมาอยู่แถวๆ น่องของเขา ส่วนบนของอวัยวะเพศจะสัมผัสกับคลิตอริสพอดี และเธอสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ด้วยการแกว่งสะโพกไปมา รวมทั้งสามารถควบคุมแรงกดและความเร็วในการกระตุ้นคลิตอริสได้ และเขาสามารถเคลื่อนตัวเข้าออกให้สอดคล้องกับจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ มันต้องฝึกฝนนิดหน่อย แต่เมื่อทำได้แล้ว คุณทั้งสองจะได้พบความสุขเกินบรรยาย
  • สำหรับการกระตุ้นจีสปอต (และสำหรับผู้ชายที่มีอาวุธส่วนตัวใหญ่เป็นพิเศษ หรือผู้หญิงรู้สึกไม่ค่อยสบายเวลาที่รุกล้ำลึกเกินไป) ให้ผู้ชายชายนังลงบนส้นเท้า และดึงสะโพกผู้หญิงมาวางบนเข่า การรุกล้ำจะอยู่ในมุมที่เงยขึ้น ด้วยการทดลองเคลื่อนไหวหลายๆ แบบ เขาอาจสามารถสัมผัสจีสปอตได้ หรือไม่ก็อาจเลยเข้าไปถึงคอมดลูกด้านหน้า ซึ่งก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ออกัสซั่มแบบสุดๆ ได้เช่นกัน โบนัสพิเศษคือมือเขาจะเป็นอิสระ สามารถที่จะเคล้าคลึงหน้าอกและคลิตอริสของผู้หญิงได้
  • สำหรับการร่วมรักแบบมาราธอน ให้ผู้ชายยืนอยู่ขอบเตียงระหว่างขาของผู้หญิง เธออาจจะห้อยขาลงหรือชันขาขึ้นก็ได้ เนื่องจากจะไม่มีน้ำหนักไปกดที่ฐานของอวัยวะเพศชาย ผู้ชายจึงพบว่าสามารถที่จะชะลอการหลั่งออกไปได้ยาวนานกว่าในท่านี้ นอกจากนี้การรุกล้ำในท่านี้ก็ทำได้ง่ายกว่าด้วย

ผู้หญิงในท่านอนคว่ำ
ท่าที่เข้าจากข้างหลังนี้บางทีก็มักเรียกกันว่าท่าด็อกกี้ แต่นอกจากชื่อของมันและความที่ผู้หญิงมักอายบั้นท้ายของตัวเอง รวมทั้งเป็นท่าที่ขาดความสนิทแนบแน่นเนื่องจากไม่ได้มองหน้ากัน ผู้หญิงส่วนหนึ่งจึงไม่ค่อยชอบท่านี้ ซึ่งน่าเสียดาย เพราะผู้หญิงจำนวนมากที่รายงานว่าท่านี้เป็นท่าที่พวกเธอชอบมาก เราคุ้นเคยกับท่าพื้นฐานดีแล้ว ฉะนั้น..

  • สำหรับผู้ชายที่มีอวัยวะคู่กายค่อนข้างเล็ก ถ้าสะโพกของเขาอยู่ในอากาศและหน้าเธออยู่บนหมอน นี่จะเป็นท่าร่วมเพศที่ทำให้มีการรุกล้ำได้ลึกสุดๆ (แต่ถ้าคุณค่อนข้างใหญ่ก็ทำช้าๆ และระวังท่านี้ให้ดี)
  • สำหรับการสัมผัสทั้งจีสปอตและคลิตอริสของเธอในเวลาเดียวกัน ให้เธอนอนคว่ำ เขานั่งคร่อมลงบนขาของเธอ เธอยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เขาสามารถยื่นมือหนึ่งหรือสองข้างเข้าไปใต้เชิงกรานเธอได้ จากท่านี้ มุมของการรุกล้ำจะโดนจีสปอตด้วย และมือก็สามารถเคล้นคลึงคลิตอริสได้

ผู้หญิงอยู่ข้างบน
ปกติผู้หญิงจะคร่อมตัวผู้ชายและวางน้ำหนักบนหัวเข่า ผู้หญิงชอบท่านี้ เพราะเธอสามารถควบคุมความลึก มุม และความแรงเร็วได้ ปัญหาก็คือเธอจะเจ็บเข่าได้ง่าย ทางออกก็คือ การนั่งเก้าอี้แคบๆ ไม่มีพนัก เหมือนเก้าอี้เล่นเปียโน ที่สามารถให้เธอวางเท้าลงบนพื้นได้ จะทำให้ท่านี้แรงร้อนยิ่งขึ้น และเนื่องจากเป็นท่าที่ทำให้ผู้ชายสามารถชะลอกการหลั่งได้ง่ายกว่า คุณจึงสามารถร่วมรักได้ยาวนานขึ้น




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2554    
Last Update : 2 ตุลาคม 2554 9:42:48 น.
Counter : 2343 Pageviews.  

ขมิบช่องคลอด เพื่อเซ็กช์สุดยอด !

SEX,XXX,เซ็ก,เซ็กส์,เซ็กซ์,ประสบการณ์,ความรัก,ร่วมเพศ,เทคนิคบนเตียง,เรื่องบนเตียง,ร่วมรัก,เพศ,รัก



ความสุขของภรรยาขณะมีเซ็กซ์กับสามี มักอยู่ที่การเล้าโลมและการใส่ใจ…

ในขณะที่ฝ่ายสามี ความสุขทางเซ็กซ์จากเพศสัมพันธ์กับภรรยา จะอยู่ที่การสัมผัสรัดรึงรอบเอกลักษณ์ของเอกบุรุษ

สรุป ว่า กิจกรรมทางเพศ…ผู้ชายจะให้ความสำคัญกับผิวเนื้อส่วนสัมผัสเนื้อ ณ บริเวณจุดศูนย์รวมความบันเทิง ถ้าช่องคลอดมีความกระชับรับสัมผัสโอบล้อมรอบได้ดี อย่างนี้ฝรั่งบรรยายว่า Exciting vagina ดีกว่าถูกตราหน้าว่า low quality เพราะความหลวม

หลายคนสงสัยว่า ภาวะช่องคลอดหลวม มีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง ตัวอย่างคำถามจากจดหมาย…

" ผ้าอนามัยแบบสอดทำให้ช่องคลอดหลวมได้หรือไม่คะ"

" การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองบ่อยๆ จะทำให้ช่องคลอดหลวมได้หรือเปล่าคะ"

ในความเป็น จริงแล้ว การสอดใส่สิ่งใดๆ ในช่องคลอดแค่ทำให้เยื่อพรหมจารีย์ฉีกขาดเท่านั้น แต่ไม่ถึงกับมีผลทำให้ช่องคลอดหลวม ไม่ว่าจะเป็นผ้าอนามัยชนิดสอด การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือการร่วมเพศ…มีสาเหตุกรณีเดียวเท่านั้นคือ การคลอดบุตรทางช่องคลอดตามธรรมชาติ หลังคลอดบุตรแล้ว ผู้หญิงบางคน ช่องคลอดสูญเสียความสามารถในการบีบรัดตัวโดย ธรรมชาติ ช่องคลอดจะมีความยืดหยุ่นสูง สามารถขยายตัวได้กว้างขวางจนเด็กทารกสามารถผ่านออกมาสู่สายตาชาวโลกได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความสามารถในการบีบรัดตัวได้อย่างมาก เพราะกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดมัดหนึ่งของร่าง กาย

แข็งแรงขนาดที่เรียกว่า เจ้าสาวมือใหม่บางราย…ที่ไม่ใช่ เจ้าสาวมืออาชีพเกิดอาการเกรงกลัวการมีเพศสัมพันธ์ กลัวจนเกร็ง และเกร็งจนฝ่ายเจ้าบ่าวไม่สามารถ เติมคำลงในช่องว่างได้ ประตูแห่งสวรรค์ปิดสนิทแนบแน่น ไม่ว่าเจ้าบ่าวจะเคาะประตูก็แล้ว ดันประตู จนถึงขั้นกระแทกประตูจนบอบช้ำทั้งสองฝ่าย ก็ไม่สำเร็จ…ภาวะอย่างนี้เรียกว่าช่องคลอดเกร็งตัวจนไม่สามารถร่วมเพศได้ ภาษาอังกฤษเรียก Vaginismus… รัดไม่รู้คลาย เป็นในบางราย นานๆ เจอที

อาการที่บ่งบอกว่ามีภาวะช่องคลอด หลวมคือ มีการระบายอากาศออกเวลามีเพศสัมพันธ์ ภาษาชาวบ้านพูดสั้นๆ ว่า มีลมออก เพราะระหว่างการร่วมเพศ หากช่องคลอดหลวมจะมีอากาศอัดเข้าไปเก็บตัวไว้ภายในช่องคลอด พอขยับตัวอากาศถูกดันตัวออก ส่งเสียงประจาน…

ผู้หญิงหลายคนไปหา หมอสูติฯ เพื่อขอทำรีแพร์ (repair) เรียกทั่วไปว่า ทำสาว…ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว โดยทั่วไป การทำรีแพร์ แพทย์จะเย็บผนังช่องคลอดให้ตึงเท่านั้น …แต่กล้ามเนื้อโดยรอบยังหลวมอยู่ ไม่มีแรงพอในการบีบรัด…มีหมอสูติฯ บางท่านที่มีการเย็บกล้ามเนื้อบ้าง

วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือ การฝึกขมิบ เพราะกล้ามเนื้อเป็นผู้รับผิดชอบ งานบีบรัด
เริ่ม ต้นราวห้าสิบปีก่อน Dr. Arnold H. Kegel ซึ่งเป็นสูตินรีแพทย์เป็นผู้คิดค้นเทคนิคนี้ เพื่อรักษาผู้ป่วยหญิงที่มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปรากฏว่าทำไปทำมา นอกจากอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่จะดีขึ้นแล้ว ยังมีผลดีต่อเพศสัมพันธ์อีกด้วย ทั้งสามีก็รู้สึกรับสัมผัสดีขึ้น ฝ่ายผู้หญิงก็รู้สึกถึงจุดสุดยอดได้ดีกว่าเดิม

เทคนิคดังกล่าวจึงได้รับการขนานนามว่า Kegel exercise

ทดลอง ทำโดยควบคุมกล้ามเนื้อเพื่อหยุดสายน้ำปัสสาวะเป็นระยะๆ หรือพูดง่ายๆ ว่าขมิบก้น แบบเดียวกับตอนกลั้นอุจจาระอย่างสุดชีวิต…เพื่อรักษาหน้าตาของวงศ์ตระกูล

เพราะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Pubococcygeus muscle หรือเรียกสั้นๆ ว่ากล้ามเนื้อ PC) จะอยู่โดยรอบและครอบคลุมท่อปัสสาวะ ช่องคลอดและช่องทวารหนักมันเป็นกล้ามเนื้อมัดเดียวกันที่หมุนวนเป็นเลข 8 จุดตัดอยู่บริเวณฝีเย็บ…เวลาขมิบก็เกร็งขมิบทั้งมัด เวลาคลายตัวก็คลายตัวหมดทั้งมัด…นึกภาพดูง่ายๆ เวลาเราถ่ายอุจจาระ จะมีปัสสาวะออกด้วย เวลาปัสสาวะ บางครั้งมีผายลม เพราะเป็นกล้ามเนื้อชุดเดียวกัน

การปฏิบัติมิใช่แค่ขมิบแล้วคลาย ทันที แต่ต้องทำเหมือนคนเล่นกล้าม-ขมิบ เกร็งไว้ราว 10 วินาที (นับ 1-10) แล้วค่อยคลาย…อย่างนี้เรียกว่า 1 ครั้ง

การฝึกขมิบช่วงแรกๆ ให้เริ่มวันละน้อยๆ ครั้ง เพราะทำใหม่ๆ จะเหนื่อยง่าย เดี๋ยวจะหมดแรงเสียก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนครั้งขึ้นเรื่อยๆ …แนะนำว่ายิ่งทำมากเท่าไร ก็ยิ่งได้ผลดีเท่านั้น หมอสูติฯ ทั่วไปแนะนำขมิบวันละ 100-300 ครั้ง แต่ไม่ต้องทำรวดเดียวจบ เสนอให้แบ่งเป็นหลังอาหารสามเวลา เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เพิ่มรอบดึกได้…

บางท่านบอกให้ทำเป็นชุดๆ ละ 10 ครั้ง วันหนึ่งทำ 10-30 ชุด อย่างนี้จำง่ายกว่า และเคยเขียนเป็นกลอน เพื่อให้ท่องจำง่าย…

ถ้าแคบนักมักคับขยับยาก
ถ้ากว้างมากยากสัมผัสรัดไม่ไหว
ถ้ากระชับรับสัมผัสรัดตรึงใจ
ฝึกขมิบไว้ใช้งานดีไม่ต้องรีแพร์

อาจารย์หมอพันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ได้กล่าวไว้บ่อยครั้งในงานบรรยายและงานเขียน เพื่อสอนให้หญิงหลังคลอดหมั่นขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้กระชับ เพื่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ดี โดยให้ท่องจำว่า ขมิบวันละร้อย เมียน้อยไม่ตามมาราวี

แต่ผมว่าจริงๆ แล้ว หากฝ่ายภรรยาปฏิบัติอย่างนี้จริงๆ น่าจะส่งผลในทางตรงกันข้าม เพราะสามีจะกลับตัวกลับใจละทิ้งภรรยาน้อย มาใกล้ชิดสนิทแอบอิงพิงภรรยามากกว่าใครอื่น

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว " ขมิบวันละร้อย เมียน้อยจะตามมาราวีเพื่อยื้อยุดฉุดสามี เพราะตอนนี้มาจู๋จี๋อยู่กับคุณ"




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2554    
Last Update : 1 ตุลาคม 2554 10:37:35 น.
Counter : 2052 Pageviews.  

กินแบบมือโปรยังไงก็ไม่อ้วน

สูตรลดน้ำหนัก


กินแบบมือโปรยังไงก็ไม่อ้วน (E-magazine)

สำหรับบางคนที่รักการกินแต่ไม่ชอบออกกำลังกาย บรรดาอาหารที่เข้าสู่ร่างกายก็อาจกลายร่างมาเป็นไขมัน ขณะเดียวกันก็ยังมีบางคนที่ชอบออกกำลังกายและชอบกิน ๆๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องลงเอยกับความอ้วน ซึ่งจะมีหนทางใดบ้าง ที่จะทำให้เราได้อิ่มเอมไปกับอาหารโดยไม่ต้องกลัวหุ่นพะโล้ถามหา

วันนี้เรามีสูตรลดน้ำหนักที่ไม่ว่าจะคุณจะทานมากแค่ไหน แต่ก็ยังดูดีเพียวระหงอยู่เสมอกับ 3 วิธีไดเอท ด้วยอาหารที่ทั้งอิ่มแถมยังเฟิร์มได้ไม่ยาก

ลดน้ำหนักด้วยอาหารไฟเบอร์สูง

ไฟเบอร์ (Fiber) คือเส้นใยอาหาร ซึ่งมี 2 ชนิดคือ ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ และไฟเบอร์ชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ภายใน 1 วัน ผู้หญิงควรได้รับไฟเบอร์ 25 กรัม ขณะที่ผู้ชายควรได้รับ 30 กรัม โดยไฟเบอร์ที่ปัจจุบันนี้หลายคนนำไปผสมกับเครื่องดื่มหรืออาหาร เป็นสิ่งที่ไม่ให้พลังงานแต่ช่วยให้อาหารเดินทางเร็วขึ้นจึงมีการดูดซึมน้อย อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณอาหารที่ต้องการรับประทาน จึงสามารถช่วยลดน้ำหนักได้

นอกจากนี้ ไฟเบอร์สามารถช่วยขจัดสิ่งตกค้างในร่างกายและระบบทางเดินอาหาร แม้จะเห็นข้อดีมากมายขนาดนี้ เจ้าไฟเบอร์ก็มีข้อควรระวังคือ การทานไฟเบอร์ในปริมาณมาก จำเป็นต้องดื่มน้ำเปล่าในปริมาณมาก ๆ อย่างน้อยวัน 6-8 แก้วขึ้นไป เนื่องจากไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ จะดูดซึมน้ำในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้มีปัญหาท้องผูก ส่วนในระยะยาวอาจส่งผลให้เป็นโรคริดสีดวงทวารได้


สูตรลดน้ำหนัก


ลดน้ำหนักด้วยการทานอาหารที่มีน้ำตาลน้อย

การบริโภคสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของผู้ชื่นชอบรับประทานรสหวานแต่ไม่อยากมีน้ำหนักเกิน สำหรับคนปกติควรได้น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม ใน 1 วัน ซึ่งหมายถึงทานให้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพ เนื่องจากคนเราได้รับน้ำตาลทางอ้อมจากอาหารประเภท แป้ง ผักผลไม้ อยู่แล้ว การบริโภคน้ำตาลมาก ๆ อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน เบาหวาน หัวใจ และความดัน

ดังนั้นหลายคนจึงพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลแล้วหันมาทานอาหารที่ใส่สารให้ความหวานแทน ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี แต่คุณควรศึกษาส่วนประกอบแต่ละชนิด อย่างชนิดของสารให้ความหวานที่นิยมใช้ เช่น

แซคคาริน ที่มีค่าปริมาณซึ่งได้รับต่อวันโดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ คือ 0-5 มก.ต่อน้ำหนักตัวต่อวัน

ซูคราโลส ค่าปริมาณที่ได้รับกำหนดไว้ที่ 0-15 มก.ต่อกก.น้ำหนักตัวต่อวัน

แอสพาร์เทม สำหรับสารให้ความหวานชนิดนี้มีข้อควรระวังของการใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารคือ ผู้ที่เป็นโรคฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria) จะไม่สามารถบริโภคอาหารที่มีสารนี้ประกอบได้ จึงต้องระบุคำเตือนบนฉลาก ค่าปริมาณที่ได้รับต่อวันกำหนดไว้ที่ 0-40 มก.ต่อ กก.น้ำหนักตัวต่อวัน

อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ถูกต้อง ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก ซึ่งการค่อย ๆ ลดน้ำตาลโดยไม่ใช้ความหวานทดแทนในอาหาร จึงเป็นวิธีการบริโภคที่ถูกต้องที่สุด


ถั่วเหลือง

ลดน้ำหนักด้วยการกินผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง

สาว ๆ หลายคนมักมองข้ามถั่วเหลืองเพราะเวลากินจะรู้สึกอิ่ม จนทำให้คิดไปเองว่าตนเองจะอ้วนหากรับประทานเข้าไปในปริมาณที่มาก แต่คุณรู้หรือไม่ว่า "ถั่วเหลือง" เป็นแหล่งรวมโปรตีนที่มีคุณภาพสูง มีไขมันไม่อิ่มตัว และไม่มีโคเลสเตอรอล

สารสำคัญในถั่วเหลืองประกอบด้วย

สารไอโซฟลาโวนส์ ช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกาย และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ จากการทำกิจวัตรประจำวัน

สารซาโพนินในถั่วเหลือง มีคุณสมบัติไม่ละลายในเลือด ไม่เป็นสารพิษต่อร่างกาย ช่วยป้องกันน้ำตาลที่ร่างกายดูดซึม ไม่ให้แปรสภาพเป็นไขมันทำให้เยื่อบุลำไส้ทำงานดีขึ้น และการดูดซึมอาหารสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

เส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ สามารถย่อยได้โดยจุลินทรีย์ในลำไส้ของคนเรา และเกิดเป็นพลังงานที่ไม่สามารถรวมตัวกับไขมัน ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว

ในถั่วเหลืองมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน B1, B6, B12 วิตามิน C, D, E โพแทสเซียมและฟอสฟอรัสมาก ถั่ว 100 กรัม มีโปรตีน 38 กรัม ไขมัน 18 กรัม และให้พลังงาน 355 แคลอรี ในขณะที่เนื้อ 100 กรัม ให้โปรตีนเพียง 9 กรัม ไขมัน 13 กรัม และพลังงาน 195 แคลอรี

ดังนั้นในกรณีที่น้ำหนักเท่ากัน เนื้อสัตว์ให้โปรตีนน้อยกว่าถั่วเหลืองมาก จึงให้แคลอรีที่น้อยกว่า การกินถั่วเหลืองจะทำให้ไม่อ้วน โดยเฉพาะนมถั่วเหลือง 200 มิลลิลิตร ให้โปรตีนเท่ากับนมวัว แต่ให้พลังงานประมาณ 80 แคลอรี ดังนั้นคนที่ต้องการลดน้ำหนักสามารถใช้วิธีดื่มนมถั่วเหลืองได้ แต่การดื่มแต่นมถั่วเหลืองอาจจะไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะแคลเซียมซึ่งพบน้อยกว่าในนมวัว ควรจะรับประทานกับอาหารที่เสริมกันอย่างผักคะน้า ที่ให้พลังงานต่ำเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

นอกจากนี้ ควรระวังในการเลือกทานผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองที่ให้รสหวานด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การควบคุมน้ำหนักที่ถูกต้อง ก็ควรรับประทานอาหารสลับกันบ้างเป็นบางมื้อ และให้ครบ 5 หมู่ ไม่ควรทานอาหารซ้ำ ๆ กันบ่อย ๆ เพราะจะได้รับสารอาหารเหมือนเดิม และมากเกินความต้องการของร่างกายสุดท้ายก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพอย่างอื่นตามมา







ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน




 

Create Date : 30 กันยายน 2554    
Last Update : 30 กันยายน 2554 8:08:48 น.
Counter : 1386 Pageviews.  

คนสู้โรค (ดูแลสุขภาพกายใจวัยเกษียณ) 28 กันยายน 2554







 

Create Date : 29 กันยายน 2554    
Last Update : 29 กันยายน 2554 7:04:25 น.
Counter : 1139 Pageviews.  

คนสู้โรค (ดูแลสมองไม่ให้เสื่อม) 27 กันยายน 2554








 

Create Date : 28 กันยายน 2554    
Last Update : 28 กันยายน 2554 7:26:35 น.
Counter : 1023 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.