ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

บัญญัติ 5 ประการ เพื่อการลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง

สูตรลดน้ำหนัก


บัญญัติ 5 ประการ เพื่อการลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง (Ya&You)
โดย เภสัชกรศรายุทธ ทัฬหิกรณ์

อันที่จริงโดยทั่วไปนั้นหลักการลดน้ำหนักก็ไม่มีอะไรมากครับ ใช้แค่หลักสมการพื้นฐานของหลักการที่ว่าด้วยพลังงานที่ร่างกายได้รับเข้าไปต้องน้อยกว่าพลังงานที่ใช้ในแต่ละวันก็เท่านั้นเอง พอเขียนมาถึงตรงนี้อาจมีหลาย ๆ ท่านเถียงอยู่ในใจว่าเขียนง่ายแต่ทำยาก ซึ่งตรงนี้ขอบอกเลยครับว่า บัญญัติ 5 ประการต่อไปนี้ไม่ยากอย่างที่คิดครับ

1. ขั้นแรกต้องทราบก่อนว่า เราควรลดน้ำหนักหรือไม่ โดยการคำนวณจากค่าดัชนีมวลกายหรือ Body Mass Index ของเราเอง การคำนวณก็ทำได้ง่ายดายครับ เพียงใช้สูตร

BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ∕ [ส่วนสูง (เมตร)] ยกกำลัง 2

เช่น ถ้าคุณน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม สูง 170 เซนติเมตร คุณก็จะได้ค่า BMI = 60/ (1.7) x (1.7) = 20.7

ทีนี้ถ้าคุณคำนวณได้ค่า BMI มากกว่า 25 ขึ้นไป แสดงว่าคุณอยู่ในภาวะน้ำหนักเกินต้องทำการลดน้ำหนักแล้วครับ

2. เมื่อเรารู้ว่าเราต้องลดน้ำหนักแล้วให้ตั้งเป้าหมายตัวเองอย่างชัดเจนในการที่ต้องการจะลดน้ำหนัก

โดยอาจจินตนาการว่าคุณต้องการมีรูปร่างอย่างไร และต้องการลดน้ำหนักกี่กิโลกรัม ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ ซึ่งขอแนะนำว่าควรลดน้ำหนักประมาณ 0.5 -1 กิโลกรัม ต่อสัปดาห์เท่านั้นนะครับ อย่าใจร้อนรีบลดน้ำหนักจนเกินไปเพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกายเช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าได้ ซึ่งจะทำให้การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป

3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ดังต่อไปนี้

รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ (ย้ำว่าครบทุกมื้อครับ) ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานเกินขนาดในมื้อที่คุณรับประทานต่อไปได้

รับประทานอาหารกลุ่มที่มีกากใยสูง เช่น ธัญพืช ผัก และผลไม้ เป็นประจำทุกวัน

รับประทานของหวาน ของมัน ของทอดให้น้อยลง โดยอาจกำหนดความถี่ว่า รับประทานได้กี่ครั้งต่อสัปดาห์ (ห้ามกำหนดว่าเป็น 7 วันต่อสัปดาห์นะครับ

ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน น้ำบริสุทธิ์จะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกายคุณได้ครับ

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะแอลกอฮอล์สามารถให้พลังงานส่วนเกินที่ร่างกายคุณไม่ต้องการและไปสะสมเป็นไขมันได้ครับ

รับประทานอาหารช้า ๆ จะช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้น

ถ้าหากคุณมีโอกาสไปรับประทานอาหารตามร้านอาหาร ให้ขอทางร้านห่ออาหารครึ่งหนึ่งของคุณเพื่อแบ่งกลับไปรับประทานที่บ้าน วิธีนี้นอกจากจะช่วยควบคุมอาหารแล้วยังประหยัดเงินได้อีกด้วย


ทำงานบ้าน

4. ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที ต่อครั้ง และ ทำ 3-4 ครั้ง ต่อสัปดาห์

ในที่นี้ไม่ได้แนะนำว่าให้ท่านต้องไปสมัครเป็นสมาชิกของฟิตเนสแต่ประการใดครับ เพราะการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ท่านสามารถทำเองที่บ้านมีมากมาย เช่น ปั่นจักรยาน เดิน หรือเต้นตามจังหวะเพลง เป็นต้น นอกจากนี้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เราสามารถหาโอกาสในการออกกำลังกายได้ง่าย ๆ ดังนี้ครับ

ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟท์ หากคุณต้องขึ้นหรือลงอาคารเพียง 2-3 ชั้น

จอดรถให้ไกลกว่าเดิม เพื่อที่จะได้มีโอกาสเดินได้มากขึ้น

ทำงานบ้านต่าง ๆ โดยใช้เครื่องทุ่นแรงให้น้อยลง เช่น การซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน

หางานอดิเรกที่มีการออกแรง เช่น ทำสวน ปลูกต้นไม้ จูงสุนัขเดินเล่น

5. ทำใจให้สบาย ผ่อนคลายและไม่เครียดครับ

เนื่องจากมีแนวโน้มว่าคนที่มีความเครียดเป็นประจำมักจะรับประทานอาหารมากกว่าปกติ และกินจุบกินจิบบ่อย ๆ และที่สำคัญหลีกเลี่ยงการใช้ยาลดน้ำหนักทุกชนิดนะครับ เพราะอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตดังที่เป็นข่าวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์บ่อย ๆ

เป็นอย่างไรบ้างครับ กับเคล็ดลับในการลดน้ำหนักที่เสนอมา หวังว่าคงทำให้คุณผู้อ่านทุกท่านมีรูปร่างดีและสุขภาพแข็งแรงกันทุกท่านนะครับ






ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 16 มิถุนายน 2554    
Last Update : 16 มิถุนายน 2554 8:27:49 น.
Counter : 1258 Pageviews.  

เคล็ดลับแก้อาการไมเกรน



ไมเกรนเป็นโรคปวดหัวที่มีความรุนแรง วันนี้เรามีวิธีลดอาการปวดหัวไมเกรนมาฝาก

-นอนให้พอ เพราะการอดนอนมีส่วนกระตุ้นทำให้ไมเกรนกำเริบ

-สังเกตอาการ ควรสังเกตอาการของโรคระยะแรกๆว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากการรักษาโรคในระยะแรกๆได้ผลดีกว่าการรักษาหลังเป็นโรคนานๆ แนะว่าช่วงไหนที่ปวดหัวไมเกรนให้หลีกเลี่ยงที่ที่มีเสียงดังมากๆ เพื่อลดความเครียดที่อาจทำให้โรคกำเริบได้

-กินอาหารให้ตรงเวลา การกินอาหารไม่ตรงเวลาหรืองดอาหารเป็นบางมื้ออาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้อาการปวดหัวกำเริบ

-ลดขนม น้ำตาล การกิน อาหารหวานมากๆ เครื่องดื่ม หรือลูกอมที่มีน้ำตาลมากๆ อาจทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือดจะขึ้นๆลงๆ และไปกระตุ้นอาการปวดหัวได้

-ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่ทีแอลกอฮอล อย่างเช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ ที่มีส่วนกระตุ้นทำให้ปวดหัวไมเกรนเพิ่มขึ้นได้

-เตรียมยาแก้ปวดไว้ประจำบ้าน อย่าปล่อยให้ยาหมด หากต้องเดินทางบ่อยให้ทำรายการเช็คของใช้ ที่รวมยาไว้เสมอ


วิธีง่ายๆลองนำไปใช้ดูได้

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2554    
Last Update : 15 มิถุนายน 2554 8:15:45 น.
Counter : 1243 Pageviews.  

วิธีออกกำลังกายกำราบอารมณ์หงุดหงิด

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

คนขี้โมโหอ่านตรงนี้ เดบรา ดาลีย์ ผู้เขียนหนังสือ Body Moves กล่าวไว้ว่า คนที่มักโกรธ ร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วและเพิ่มความดันโลหิต คนขี้โมโหมีแนวโน้มเป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงมากกว่าคนอื่น

ดาลีย์จึงแนะนำให้หมั่นควบคุมอารมณ์ไปพร้อมๆ กับออกกำลังกาย ซึ่งเทคนิคออกกำลังกายสำหรับคนขี้หงุดหงิดมีดังนี้

1. ออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ไม่รุนแรงมาก แต่ต่อเนื่องเช่น เต้นแอโรบิก วิ่ง และว่ายน้ำ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ล่ะ 3 - 5 ครั้ง

2. ออกกำลังกายแบบผ่อนคลาย เช่น ไทชิและโยคะเป็นประจำ เพื่อกำจัดอารมณ์ด้านลบ

3. สำหรับคนชอบวิ่ง ควรวิ่งแต่ละครั้งให้ได้ระยะทาง 4.8 - 8 กิโลเมตร

4. เดินออกกำลังกายในวันหยุดเป็นประจำอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที

ดาลีย์กล่าวว่า หากทำได้ตามนี้ สมองจะหลั่งสารแห่งความสุขที่ชื่อว่าเอนดอร์ฟิน ร่างกายที่ตึงเครียดจะผ่อนคลายและมีความสมดุลอารมณ์มากขึ้น

คนขี้โกรธก็จะเปลี่ยนเป็นคนอารมณ์ดีที่สุขภาพแข็งแรงค่ะ



บทความจาก Fwmail




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2554    
Last Update : 14 มิถุนายน 2554 8:19:09 น.
Counter : 1016 Pageviews.  

นวดคอ ชะลอเหนียงยาน

นวดคอ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

การนวดเบา ๆ ที่ต้นคอ เป็นการผ่อนคลายที่ดีอย่างหนึ่ง นอกจากจะช่วยคลายความเมื่อยล้า ยังช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับ ไม่หย่อนยานได้ด้วย เพราะจากความตึงเครียดและการละเลยการดูแลคอของเรา ทำให้ผิวหนังเริ่มเกิดริ้วรอย และตามมาด้วยอาการผิวหนังหย่อนคล้อย หรือที่เราเรียกกันว่า "เหนียงยาน" นั่นเอง ซึ่งไม่น่าดูเอาเสียมาก ๆ นอกจากเสียบุคลิกภาพแล้ว ยังทำให้ดูแก่กว่าอายุไปอีกโข เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาเริ่มบริหารกล้ามเนื้อต้นคอที่ทำได้ด้วยตัวเองกันดีกว่า

อ๊ะ...แต่ก่อนจะเริ่มนวดคอ อย่าลืมหาน้ำมันสำหรับนวด อย่างน้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าวเอาไว้ด้วยนะคะ เพื่อช่วยให้การนวดเป็นไปอย่างราบรื่นไม่สะดุด นอกจากนี้ระหว่างการนวด น้ำมันที่ซึมซาบลงสู่ผิวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ด้วยค่ะ หรือหากสาว ๆ ชอบกลิ่นหอม ๆ จะเหยาะน้ำมันอโรมากลิ่นโปรดลงไปด้วยก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด แถมยังเป็นการช่วยผ่อนคลายไปอีกทาง เอาล่ะ... เตรียมน้ำมันพร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยค่ะ

1.หาท่านั่งสบาย ๆ

เริ่มจากขั้นตอนแรก หาท่านั่งที่สบายค่ะ เนื่องจากคราวนี้จะเป็นการนวดด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นจะนอนนวดคงไม่ถนัดสักเท่าไหร่ ให้คุณสาว ๆ เลือกนั่งบนเก้าอี้มีพนัก แล้วหาท่านั่งที่ผ่อนคลาย สบาย ๆ ค่ะ

2. เอนศีรษะไปมาซ้าย-ขวา

สเต็ปนี้ให้ใช้อุ้งมือทั้งสองประคองศีรษะเอาไว้ จากนั้นค่อย ๆ เอนศีรษะไปมาทางซ้ายและขวาสลับกัน ไม่ต้องเกร็งนะคะ ค่อย ๆ ทำไปช้า ๆ สบาย ๆ ระวังอย่าทำแรงหรือเร็วเกินไป ทำสลับไปมาเช่นนี้ 1-2 นาที

3. นวดคอ

เอนหลังพิงพนัก เชิดศีรษะขึ้นเล็กน้อย หากเก้าอี้ที่คุณนั่งอยู่เป็นแบบพนักพิงสูง คุณจะเอนศีรษะพิงพนักเลยก็ได้ค่ะ จากนั้น แตะน้ำมันที่มือทั้งสองข้างแล้วเริ่มนวด โดยการนวดจะใช้นิ้วทั้งสี่ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือ เรียงสี่นิ้วตั้งแต่นิ้วชี้ถึงนิ้วก้อยชิดกัน ไล้เบา ๆ ตั้งแต่คอขึ้นมาจนถึงคาง สลับกันด้วยมือทีละข้าง หากรู้สึกว่ายังไล้ขึ้นมาได้ไม่สะดวกนัก ลองแตะน้ำมันดูอีกนิดค่ะ ไล้สลับกันไปอย่างเบามือ

ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 5-6 นาที และถือว่าเป็นท่าสำคัญที่จะช่วยกระชับกล้ามเนื้อ คืนความยืดหยุ่นให้ผิวหนังที่คอของเราด้วยค่ะ

4. นวดต้นคอ

นวดคอด้านหน้าไปแล้ว บริเวณคอด้านหลังหรือที่เราเรียกว่า ต้นคอ ก็ลืมไม่ได้เหมือนกันนะคะ การนวดใช้วิธีเดียวกับการนวดบริเวณด้านหน้า แต่สามารถนวดได้ทั้งแนวขึ้นและลง และเพิ่มน้ำหนักมือได้ค่ะ การนวดต้นคอจะช่วยคลายความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี

เห็นไหมคะว่า การนวดคอทำได้ง่าย ๆ ทั้งนวดบริเวณด้านหน้าของคอ เพื่อกระชับกล้ามเนื้อ และนวดบริเวณต้นคอ เพื่อคลายความเมื่อยล้า ทั้งนี้อย่าลืมใช้น้ำมันด้วยทุกครั้งที่นวดนะคะ เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานขณะนวด ถ้าไม่ใช้น้ำมันช่วยแล้วอาจทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นกว่าเดิมก็ได้ โดยปริมาณของน้ำมันที่เหมาะสมในการนวดแต่ละครั้งอยู่ที่ 2 ช้อนชาค่ะ ซึ่งถ้าใช้น้ำมันน้อยเกินไปก็อาจทำให้การนวดสะดุดไม่ราบรื่น แต่ถ้าหากใช้มากเกินไปก็ทำให้รู้สึกเหนอะหนะไม่สบายผิวนั่นเอง

รู้วิธีนวดคอด้วยตัวเองอย่างนี้แล้วอย่าลืมเอาไปใช้ดูนะคะ จะได้ช่วยคลายความเมื่อยล้า และมีกล้ามเนื้อคอที่กระชับ ไว้ใส่จี้สวย ๆ โชว์คองามระหงได้อย่างมั่นใจค่ะ




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2554    
Last Update : 13 มิถุนายน 2554 8:32:50 น.
Counter : 1355 Pageviews.  

อาหารกับสุขภาพผิว



อาหารกับสุขภาพผิว
(แม่บ้าน)
เรื่อง : ดร.อาณดี นิติธรรมยง สถาบันวิจัยโภชนาการ ม.มหิดล

ในยุคนี้เรื่องของความสวยความงาม (และความหล่อ) เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก หนึ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกันคือเรื่องของผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าผุดผ่อง ไร้สิวฝ้า หรือผิวกายขาวเนียนถึงแม้ในกลุ่มที่ไม่ใส่ใจอะไรนัก อย่างน้อยทุกคนคงอยากที่จะมีสุขภาพผิวที่ดี เราจึงเห็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และเครื่องสำอางทั้งของผู้หญิงและผู้ชายออกมาจำหน่ายแข่งกัน จนไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี นอกจากการบำรุงหรือแต่งเติมภายนอก ความสวย (หล่อ) จากภายในก็เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเช่นกัน ทั้งนี้เพราะอาหารที่กินเข้าไป ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย ซึ่งรวมถึงผิวพรรณด้วย

สุขภาพผิวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ถ้าอยากจะมีผิวสวย การทุ่มทุนซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ อย่างเดียวคงไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์มากนัก ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการที่จะมีสุขภาพผิวที่ดีนั้น ไม่แตกต่างอะไรกับการมีสุขภาพดีโดยรวม กล่าวคือเราต้องมีการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม กินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สลายความเครียดนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและมลภาวะที่เป็นพิษ อย่างไรก็ดี มีการศึกษาถึงผลของอาหารบางชนิด ที่น่าจะเป็นประโยชน์ในเรื่องของผิวพรรณ ในทางตรงกันข้ามอาหารบางอย่าง อาจเร่งริ้วรอยให้เกิดขึ้นก่อนเวลา ถึงแม้ข้อมูลทางวิชาการเหล่านี้ อาจจะยังมีไม่มากพอที่จะยืนยันได้อย่างหนักแน่น แต่รู้ไว้ไม่เสียหลาย เพราะอาหารที่จะกล่าวถึงนั้น ดูแล้วน่าจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

อาหารผิวยอดนิยม

ก่อนอื่นต้องอย่าลืมว่าเราต้องกินอาหารให้ครบถ้วน หลากหลายชนิด และกินในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีก่อน ไม่เฉพาะสำหรับผิว แต่เป็นเรื่องของโภชนาการและสุขภาพที่ดีโดยรวมเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันการเลือกกินอาหารที่หลากหลายนั้น เราอาจใส่ใจกับอาหารบางอย่าง ที่น่าจะส่งผลดีต่อสุขภาพผิวเป็นพิเศษไปพร้อมกัน

อาหารกลุ่มแรกที่นักวิชาการแนะนำสำหรับการมีสุขภาพผิวที่ดี คือ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีหรือขัดสีน้อย รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากธัญพืชพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวสาลี หรือข้าวอื่น ๆ แบบทั้งเมล็ด ที่มักจะเรียกกันทั่วไปว่า “โฮลเกรน” (Whole Grain) เนื่องจากเป็นแหล่งของสารอาหารหลายชนิดที่มีคุณค่าต่อผิวพรรณ เช่น วิตามินอี ซีลีเนียม ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอีร่วมกับวิตามินเอช่วยลดผลเสียจากการตากแดด เป็นต้น นอกจากนี้ มีการศึกษาว่า การบริโภคธัญพืชที่ขัดสีส่งผลต่อระดับอินซูลิน ซึ่งท้ายที่สุดอาจโยงไปถึงการเกิดสิว

กลุ่มถัดมาคือถั่วต่าง ๆ เป็นแหล่งของวิตามินอี และยังให้กรดไขมันจำเป็น ที่ช่วยให้เยื่อหุ้มเซลล์ในร่างกายเราทำงานได้ดี เซลล์ก็จะเก็บกักความชุ่มชื่นไว้ได้ดีด้วย

พืชผักผลไม้สีเขียว ส้ม แดง เหลืองเข้ม ไม่ต้องบอกน่าจะทายถูกว่าให้สารจำพวกแคโรทีนอยด์ ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ วิตามินเอ เป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญช่วยลดการเสื่อมเสียของเซลล์ และชะลอความชราของผิว รวมทั้งช่วยลดการเกิดสิวด้วย นอกจากการได้รับแคโรทีนอยด์จากพืชแล้ว เราสามารถกินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินเอโดยตรง คือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นมวัว (ที่มีไขมัน เพราะวิตามินเอละลายในไขมัน) เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ แต่การกินอาหารกลุ่มนี้คงต้องระวังเรื่องไขมันและคอเลสเตอรอลด้วย

ผลไม้ตระกูลส้มและผักผลไม้อื่น ๆ ที่เป็นแหล่งของวิตามินซี วิตามินซีมีบทบาทหลายอย่างเกี่ยวกับผิวพรรณ ตั้งแต่การต้านอนุมูลอิสระ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย

อาหารทะเล ให้กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและลดการอักเสบ อาหารทะเลยังเป็นแหล่งของสังกะสีซึ่งช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่ ผลัดเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพไปจากผิว และลดการเกิดสิว

น้ำ แน่นอนเลยว่าถ้าดื่มน้ำไม่พอ ผิวหนังจะไปเอาความชุ่มชื่นมาจากที่ไหนจริงไหม ดังนั้นต้องไม่ลืมดื่มน้ำสะอาดให้มากพอในแต่ละวัน

ถ้าอยากชะลอการเกิดรอยย่นบนใบหน้า

ดังที่กล่าวไว้ในตอนต้น อาหารบางชนิดให้ประโยชน์กับสุขภาพของผิว แต่การบริโภคอาหารบางอย่างมากเกินไป สามารถเร่งรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าให้มาถึงก่อนวัยได้ อาหารจำพวกที่ควรเลี่ยง ถ้าไม่อยากให้ใบหน้ามีริ้วรอย คือ อาหารที่มีไขมันสูงและมีคาร์โบไฮเดรตสูง ที่สำคัญการดื่มกาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ก็ให้ผลอย่างเดียวกับนี้

สุดท้ายคงต้องบอกว่าอาหารผิวทั้งหลายที่เขียนมา ก็คืออาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่เราควรจะกินเป็นประจำอยู่แล้ว อย่าลืมว่านอกจาอาหารแล้วยังต้องใส่ใจกับการใช้ชีวิตด้วย ทั้งเรื่องของการออกกำลังกาย และเรื่องของอารมณ์กับความเครียด ทั้งหมดนี้ให้ผลดีกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ราคาแพง และยังดีต่อสุขภาพโดยรวมอย่างแน่นอน...




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 35 ฉบับที่ 502 มีนาคม 2554




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2554    
Last Update : 12 มิถุนายน 2554 11:20:05 น.
Counter : 1275 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.