ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
ชิมและรู้จัก “ข้าวแช่” ตำรับชาววังแท้ๆ พร้อมแวะชม เรือนพระราชทาน “บ้านวรรณโกวิท” Unseen bkk ที่ Chin

1

ชิ้งดีใจมากจริงๆที่ได้มาบ้านวรรณโกวิท ที่คงความคลาสสิกแบบโบราณไว้ได้เกือบทั้งหมด ขนลุกนะ! เพราะมองไปตรงไหนของบ้าน ก็รู้ว่ามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นี่ ไม่รู้สิ! เป็นคนที่ชอบอะไรที่เป็นไทยๆ โบราณๆแบบนี้มากเลย เหมือนเราออกจากความวุ่นวาย ผ่านกระจกเข้าไปในอดีต (ดูละครมากไปนิดส์นุง555) ไปถึงบ้านหลังนี้แล้วอยากเดินช้าๆ เยื้องย่างให้สง่างาม คือบรรยากาศพาไปมากค่ะ นี่ถ้าชิ้งใส่ชุดไทยไปน้า คงพูดเป็นภาษาวรรณคดีแน่ๆ 555

หลังจากตั้งสติได้แล้ว หลังปล่อยจินตนาการไปเยอะ น้ำเย็นๆก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะค่ะ เป็นน้ำเปล่าที่ใส่อุทัยทิพย์ลงไปเล็กน้อยค่ะ เย็นชื่นใจสิคะ อิอิ

2
บ้านวรรณโกวิท เป็นบ้านที่ได้รับพระราชทานจากร.6 อายุกว่าร้อยปี ปัจจุบันได้เปิดบ้านเป็นร้านอาหาร ตั้งโต๊ะไว้รองรับลูกค้าทั่วบริเวณบ้าน โดยที่เจ้าของยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้นะคะ ถ้าเข้าใจไม่ผิด จะเปิดช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ไม่ได้เปิดตลอดทั้งปี และต้องจองล่วงหน้าค่ะ ซึ่งก็ต้องขอบคุณเจ้าของบ้านมากๆเลยที่เปิดโอกาสให้คนนอกอย่างเราเข้าไปสัมผัสและภูมิใจกับความเป็นไทย

3
4
“ก่อนจะได้ยลโฉมข้าวแช่ มาเรียนรู้ประวัติของข้าวแช่สั้นๆก่อนนะคะ”

จริงๆแล้วข้าวแช่ เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ ทุกวันนี้เราอาจจะเคยได้ยินชื่อ “ข้าวแช่เสวย” หรือ “ข้าวแช่ชาววัง” หรือ “ข้าวแช่เมืองเพชร” ทั้งหมดนี้มีแบบอย่างมาจากข้าวแช่มอญทั้งนั้นค่ะ

ข้าวแช่มอญเริ่มเข้าวังเมื่อมีหญิงชาวมอญเข้ารับราชการฝ่ายใน เธอได้นำข้าวแช่ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นเครื่องเสวยเจ้าจอมมารดากลิ่น ซึ่งมีเชื้อสายมอญทางเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) ซึ่งเข้ามาอยู่ในแผ่นดินไทยตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี เจ้าจอมมารดากลิ่นได้นำข้าวแช่มอญตำรับของท่านถ่ายทอดให้ห้องเครื่อง เพื่อไปสอนให้สนมกำนัลห้องเครื่องของพระราชวังพระนครคีรีได้เรียนรู้ จนแพร่หลายไปยังสามัญชนชาวเพชรบุรีในที่สุด

แต่เนื่องจากข้าวแช่ตำรับชาววังแท้ๆทำยาก แถมมีเครื่องเคียงเยอะ ชาวเมืองเพชรบุรีเลยปรับเครื่องเคียงให้เหลือเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ หัวไชโป้วผัด, ลูกกะปิชุบไข่ทอด และ ปลาผัดหวาน และเรียกข้าวแช่ตำรับนี้ว่า “ข้าวแช่เมืองเพชร” ปัจจุบันมีขายตลอดปี แต่ก็มีร้านที่ขายไม่เยอะเหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ

คนไทยเรานิยมกินข้าวแช่ในฤดูร้อน โดยเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมเพื่อคลายร้อน ไม่ได้กินเฉพาะวันสงกรานต์เท่านั้นเหมือนชาวมอญ

ข้าวแช่คืออะไร?
ข้าวแช่ คือข้าวที่แช่ลงในน้ำหอม วิธีเตรียมให้นำน้ำสะอาดมาต้มให้สุก เทน้ำลงใน หม้อดินเผาใหญ่ ลมควันเทียนและลอยดอกไม้หอม เช่น มะลิ กุหลาบมอญ กระดังงา ทิ้งไว้ 1 คืน

5
เครื่องเคียง ที่กินกับข้าวแช่ต้องมีการเตรียมล่วงหน้าเป็นเดือน เช่น ปลาแห้ง เนื้อแห้ง เครื่องเคียงข้าวแช่มอญแท้ๆ มีประมาณ 5 อย่าง หรือ 7 อย่าง แล้วแต่ท้องถิ่น แต่ส่วนใหญ่มักประกอบด้วย
1. ปลาแห้งป่น 2. เนื้อเค็มฉีกฝอย 3. หัวไชโป้วเค็มผัดไข่ 4. ไข่เค็ม 5. กระเทียมดอง

ข้าวแช่ บ้านวรรณโกวิท เป็นตำรับของนางสุนทรนุรักษ์ (ชื้น วรรณโกวิท) รุ่นคุณยาย ส่งต่อให้รุ่นลูก คุณป้านิตยา วรรณโกวิท และสืบทอดมายังรุ่นหลานในปัจจุบัน เครื่องเคียงก็จะมี ลูกกะปิทอด ซึ่งใช้เวลากวนนานกว่า 3 ชั่วโมง! ปลาแห้งหวาน ไช้โป้วผัดไข่ หมู/เนื้อฝอย และ พริกหยวกสอดไส้โรยฝอยไข่ มาถึงตรงนี้ชิมกันเลยดีกว่าค่ะ ^ ^

6
7

8
วิธีการรับประทาน ให้ตั้งข้าวสวยใส่ชามแบ่ง ตามด้วยน้ำแข็ง จากนั้นก็เทน้ำหอมโรยดอกไม้ เราจะต้องกินเคื่องเคียงก่อน ค่อยตักข้าวตาม โดยที่จะไม่ตักเครื่องเคียงใส่ถ้วยข้าวเด็ดขาด น้ำข้าวจะได้ไม่ขุ่น

9

ส่วนตัวชอบพริกหยวกสอดไส้หมูห่อด้วยหรุ่มไข่คำนี้มากค่ะ  โชคดีที่เข้าของบ้านพี่แต้วไม่หวงสูตรเลย ชิ้งเลยแอบสัมภาษณ์มา ได้ความว่าพริกหยวกที่ใช้จะต้องเก็บช่วงหน้าร้อนแบบนี้ พริกจะได้ไม่เผ็ดและฉุนเกินไป  นอกจากนี้ต้องหมักหมู1คืน คว้านไส้พริกหยวกออก จากนั้นก็ยัดไส้ และนำไปนึ่งจนสุก ก่อนจะนำมาห่ออีกที เอิบ… นี่แค่เครื่องเคียง1อย่างนะจ๊ะ หลายขั้นตอนมากเบย แอบปลื้มคนไทยสมัยโบราณเน้อ ช่างประดิษฐ์ประดอย ช่างคิด ช่างทำ ^ ^

12

13

14

อย่าลืมนะก๊ะ กินเครื่องเคียง1คำก่อนแล้วตามด้วยข้าว ห้าม mix กันเด็ดขาด!

10
11
ถือเป็นเมนูคลายร้อนจริงๆด้วย คนญี่ปุ่นมีหมี่เย็น ของเราก็มีข้าวแช่นี่แหล่ะ อิอิ เครื่องเคียงอื่นๆรสชาติจะออกหวานๆนะคะ เหมือนกินขนมเลย รู้สึกแปลกดี ซึ่งอาหารโบราณแต่ละบ้านรสชาติไม่เหมือนกัน บ้านนี้อาจจะออกหวาน ในขณะที่บ้านอื่นอาจจะออกเค็ม

มาต่อกันด้วยเมนูที่ 2 “ขนมจีนซาวน้ำ” ^ ^

15
16ยอมรับเลยค่ะว่าเพิ่งเคยกินครั้งแรก เมนูนี้ทำไม่ยาก รสชาติไม่ซับซ้อน ออกหวานๆนะ และมีความเปรี้ยวนิดๆจากสับปะรดทำให้สดชื่น มีกุ้งแห้งโขลกโรยให้ออกรสเค็มหน่อยๆ เวลากินบีบมะนาวไปนิด อีกแล้วค่ะเป็นรสชาติที่ไม่คุ้นเลย แปลกดี น้ำกะทิที่ราด แค่ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลาเท่านั้นเอง เป็นอีกหนึ่งเมนูคลายร้อนได้ดีจีจี

มาถึง “ข้าวตังหน้าตั้ง” กันบ้าง

17
18
19
ตบท้ายด้วย สลิ่มเย็นๆ เป็นเมนูสุดท้ายของทริปนี้

20อิ่มมากเลยค่ะ ก่อนกลับมาชมบรรยากาศ บ้านวรรณโกวิท ซักหน่อย ^ ^

21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35

“เป็นอีก 1 วันที่ดีมากๆเลยค่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีสถานที่เจ๋งๆแบบนี้ใน กทม.ด้วย บ้านวรรณโกวิทอยู่แถวๆแยกคอกวัวค่ะ เดินทางสะดวกสบาย ราคาอาหารก็ไม่แพงเลย ถึงอากาศจะร้อนไปซักหน่อย แต่ก็ดื่มด่ำกับความเป็นไทยมากๆเลยค่ะ แล้วคราวหน้าชุ้งชิ้งจะพาไปเที่ยวไหน ฝากติดตามด้วยนะก๊ะ วันนี้ไปแระ บะบาย” ^ ^


ที่มา  //travel.sanook.com/blog/43927/%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A1-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B9%88-%E0%B9%81%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%A1-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9E/




Create Date : 27 พฤษภาคม 2558
Last Update : 27 พฤษภาคม 2558 8:31:26 น. 0 comments
Counter : 3977 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.