~* SumiTra is a Pali name...it means 'GooD Friend'. *~
ปฏิบัติการหักร้างถางรัก (Removable) ..ตอนที่2..

(2)

เขายังคงมองอยู่...

เขามองจนกระทั่งเธอกลับไป...

เขาไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้...ไม่สามารถที่จะทำได้อีก!



เขารู้...ความจริงอันกรีดก้องอยู่ในอก ความรู้สึกเจ็บปวดที่ซ่านไปทั้งร่างร้าวไปทั้งใจ! นี่เขากำลังทำร้ายตัวเอง...ทำตัวเองแท้ๆ

เขารักเธออยู่...ไม่มีวันลืมเธอได้ ราวกับเธอฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขา ทุกๆ ลมหายใจเข้าออก ทุกๆ อณูเนื้อในร่างกาย...

ไม่ได้...เขาขาดเธอไม่ได้จริงๆ!

อารมณ์บางอย่างมันคุกรุ่นอุ่นระอุอยู่ในความรู้สึกของเขา ในความคิดจิตใจ...ลึกลงไปมากกว่านั้น!

เขาคิดถึงเธออย่างรุนแรง...ยามที่มองเธอห่างๆอยู่แบบนี้ เขาได้แต่เฝ้าคิดถึงแต่ความทรงจำที่มีเธออยู่ใกล้ๆ สัมผัสอบอุ่นจากมือของเธอ และผิวกายเนียนลื่น เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้เธอ กลิ่นหอมที่เคยคุ้น สัมผัสที่เคยต้อง ยังฉายชัดในทุกๆ สัมผัสทั้งห้า ความรู้สึกสะท้อนลึกติดตรึงอยู่ในความทรงจำ ทุกสิ่งทุกอย่างยังก้องกังวานอยู่ในตัวของเขาราวกับมีส้อมเสียงเป็นร้อยเป็นพันอันอยู่ภายในตัวของเขาสะท้อนรับกันจนกึกก้อง!

เขาต้องการเธอกลับมา...แล้วเก็บเธอเอาไว้กับตัวเขาตลอดไป!

เธอเท่านั้นที่จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้!

เวลานี้...เมื่อเห็นเธอเดินออกไปจากร้าน...เขารู้สึกราวกับถูกมือดีเอามีดปักอก! อยากจะแดด้าวลงไปตรงนี้...เดี๋ยวนี้เลย!

อรชา...ทำไมเธอถึงได้เย็นชากับเขานัก...

เธอไม่คิดถึงเขาบ้างเลยรึไรกัน? ในขณะที่เขาเฝ้าคิดถึงแต่เธอ! เธอเท่านั้น! เธอคนเดียวที่ครอบครองหัวใจทั้งดวงที่มันใกล้จะแตกสลายลงไปตรงนี้อยู่แล้ว!!!

ใช่...เขาทำร้ายตัวเอง...คนที่ผิดคือเขา และเธอ...คือผู้รับเคราะห์ที่เขาก่อ ไม่ผิดเลยถ้าเธอจะโกรธหรือเกลียดเขา

ความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามา...ไม่ได้...เขาเริ่มที่จะคิดไปเองฝ่ายเดียวอีกแล้ว! ใช่...เขาต้องการเธอ...เวลานี้เขารู้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว ราวกับมีน้ำแสนบริสุทธิ์มาล้างดวงตาอันมืดบอดของเขา ชำระฝุ่นผงที่บังตานี้ออกไป...

...แต่เขาจะทำอย่างไรดีเพื่อให้ได้เธอคืนมา...



บรรยากาศตอนเช้าๆ ของกรุงเทพฯ ยังคงความสดชื่นของวันใหม่และการเริ่มต้นเอาไว้ได้ แม้ว่าระหว่างวันจะเต็มไปด้วยความสกปรกจากฝุ่นควัน และมลพิษ และเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้จิตใจขุ่นมัวก็ตาม

พิรัลใช้เวลาทั้งวันเพื่อตั้งสมาธิให้อยู่กับงานของตัว โดยไม่วอกแว่กไปที่ไหนอื่น

การได้พบเธออีกครั้งนั้นเป็นการทำให้เขารู้ใจตัวเองดีขึ้น...แต่เขาคิดไม่ออกเลยว่า ทำอย่างไรเขาจึงจะสามารถได้เธอกลับคืนมารักกันอีกครั้ง

นั่นคือสิ่งที่รบกวนใจรบกวนสมาธิในการทำงานของเขาทั้งวัน...

“พิรัล! มีงาน ไปดูงานนอกสถานที่กับพี่หน่อย...เอารถเราไปนะ ค่าน้ำมันเบิกกับบริษัท...” พรรณรัตน์เรียกหนุ่มรุ่นน้องให้ออกไปทำงานด้วยกัน

ในช่วงเวลานี้ที่ทีมของเขานั้นได้รับงานใหญ่มานั่นก็คือ การติดตั้งบูทให้กับงานมหกรรมการแสดงสินค้าที่ศูนย์การประชุมแห่งหนึ่งภายในกรุงเทพ ซึ่งเขากับพรรณรัตน์ร่วมกันออกแบบการจัดวาง จึงมีหน้าที่ติดตามผลงานด้วย

แม้จิตใจจะหมกมุ่นอยู่กับอดีตแฟนสาว หากชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป พิรัลพยายามที่จะไม่ทำให้ตนต้องเสียงานเสียการ

เมื่อรถเก๋งคันงามเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถที่ว่างโล่งและกลางแจ้ง ชายสองคนก็ลงจากรถ ชายหนุ่มคนที่อ่อนวัยกว่ากดรีโมทของรถเพื่อปิดล็อคประตูและเปิดระบบป้องกันขโมยของรถ ก่อนที่จะเดินตามชายรุ่นพี่ของตนเข้าไปดูแผนงาน

ตลอดทั้งบ่ายชายหนุ่มขลุกอยู่กับแผนงานของตน และการดูแลการติดตั้งบูทให้เป็นไปอย่างถูกต้องเรียบร้อย แม้ว่าพรรณรัตน์จะขอตัวกลับไปที่สำนักงานก่อนและฝากงานที่เหลือเอาไว้ให้เป็นที่เรียบร้อย

“พรุ่งนี้ผมจะเข้ามาเช็คดูอีกทีนะ แล้วก็ตรงบูทในแถวอีที่ขนอุปกรณ์มาผิดหรือเอามาขาด ก็ให้คนรีบเอามาให้เรียบร้อยด้วยล่ะ...ฝากด้วยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยกับหัวหน้างานติดตั้ง ซึ่งรับคำเอาไว้เป็นอย่างดี เมื่อเขาเห็นว่าทุกอย่างหมดปัญหาแล้ว พิรัลก็ค่อยข้างจะวางใจและวางมือกลับไปได้

รถคันงามถอยออกจากลานจอดรถมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนอันคับคั่งไปด้วยยานยนต์หนาแน่น พิรัลเหน็ดเหนื่อยจากการคุมงานแทบทั้งวันอีกทั้งยังหิวอีกด้วย วันนี้เขาจัดการกำจัดซิมการ์ดที่เขาเอาไว้ใช้ติดต่อกับแพมเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยการยกมันไปให้กับพนักงานทำความสะอาดคนนึงที่เพิ่งจะซื้อมือถือเครื่องแรกในชีวิตได้

พิรัลมองนาฬิกาที่ข้อมือตนแล้วกุมท้องที่ร้องลั่นเหมือนกับกล้องรัวแล้วถอนใจ...

ที่ห้องพักของเขาไม่มีอะไรในตู้เย็นให้กิน เพราะข้าวกล่องกล่องสุดท้ายเขาก็ได้จัดการไปแล้ว อีกทั้งไม่เหลือของสดเอาไว้อีกด้วยตั้งแต่เขาเลิกกับอรชา...

ชายหนุ่มถอนใจ...อะไรๆ ก็เกี่ยวข้องกับเธอ เขาใช้เวลาทั้งวันในการหยุดคิดถึงเธอเพื่อรักษางานของเขาเอาไว้ แต่เมื่อไม่มีงานมา ความคิดถึงเธอก็เข้ามารบกวนใจเขาอีก

พิรัลหลับตาลงนิดๆ ระหว่างที่กำลังรอสัญญาณไฟเขียวที่นานราวกับชั่วกัลป์...

เขาจำช่วงไหล่ของเธอได้ กลมกลึงขาวเนียน กลิ่นหอมที่เหมือนกับดอกมะลิจากผมของเธอ ดวงตาคมสวยคู่นั้น และริมฝีปากอิ่มแสนเย้ายวนที่ดูนุ่มนวลจนเขาแทบอดใจไม่ไหว

เขาอยากที่จะรวบตัวเธอมากอดเอาไว้ให้แนบแน่น ไม่เคยคิดถึงสิ่งใดอย่างหมกมุ่นอย่างนี้มาก่อนในชีวิต...เขาเคยหัวเราะเยาะเย้ยคำพูดในละครโทรทัศน์และในเพลงที่พร่ำกันอย่างแสนจะเกลื่อนว่า...ไม่อาจขาดเธอได้...มันให้ความรู้สึกเช่นนี้เอง

ในระหว่างที่เขากำลังหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่นั้นเอง ไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ซึ่งนั่นทำให้ชายหนุ่มต้องหลุดออกจากภวังค์นี้ก่อนที่จะโดนรถคันหลังด่าเอา แต่แล้วเมื่อเขาเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนสายหลักซึ่งคับคั่งไปด้วยการจราจรเขาก็ต้องตกใจเมื่อรถคันข้างๆ เบียดเข้ามาจนเขาต้องบีบแตรเสียงสนั่น

ด้วยความหงุดหงิด เขาหันไปมองหน้าคนขับอย่างอยากจะมีเรื่องเหมือนทุกครั้งและเหมือนกับที่ทุกๆ คนทำ...แต่นั่นทำให้เขาต้องตกใจแทบสติหลุด เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนขับหญิงคนนั้น!

เธอไม่ได้หันมาสบตา เขารู้เพราะเธอรู้ว่าการเข้ามาแทรกครั้งนี้ ถ้าชนเธอก็ผิดแล้วเธอก็ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย เว้นแต่เธอผงกหัวเป็นการขอโทษเขา แต่ที่เธอไม่รู้ก็คือ คนที่เกือบเป็นคู่กรณีนั้นเป็นเขา!

เมื่อรถของเขานิ่ง เธอก็หักรถเข้าข้างหน้าเขาแล้วขับไปนั่นทำให้เขากระชากเกียร์แล้วขับตามเธอไปในทันที

พิรัลขับรถตามรถญี่ปุ่นคันเล็กของอรชาไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจความหิวและเสียงท้องร้องของตัวเอง...

เธอมาทำอะไรแถวนี้?

ทว่า...ทันทีที่เธอเลี้ยวรถเข้าไปในซอยซึ่งคลาคล่ำไปด้วยร้านอาหารมากมาย...ทีนี้เขาก็รู้แล้วละว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน...เพราะในแถบนี้ ก็มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่เธอชอบไป...

อรชาเลี้ยวรถเข้าร้านอาหารอิตาลี่แห่งหนึ่งบนถนนนั้นซึ่งเขากับเธอเคยมานั่งทานด้วยการหลายหนเมื่อครั้งที่ทั้งคู่ยังคบกันหวานชื่นและก่อนที่เขาจะโง่บรมบอกเลิกกับเธอไป

เขาอยากรู้ว่าเธอมีนัดกับใคร และคิดเอาเองอีกด้วยว่าไม่มีทางใช่กับพ่อแม่ของเธอแน่...มันยิ่งกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของเขาเข้าไปอีก!

เขาเลี้ยวตามเข้าไป และหาที่ว่างจอดรถอย่างยากลำบากกว่าที่จะตามเธอเข้าไปข้างในได้



พนักงานนำชายหนุ่มไปยังโต๊ะสองที่นั่งซึ่งอยู่ริมสุดของร้าน กระจกสีที่ถูกติดเพื่อให้บรรยากาศกับร้าน พนักงานนำเมนูมาให้กับลูกค้าหนุ่ม

กลิ่นหอมของอาหารในร้านทำให้ท้องของเขาร้องประท้วง...

จริงสิ! เขาหิวและเหนื่อย!

ชายหนุ่มมองเมนูก่อนเอ่ยสั่งอาหารที่แลราวกับจะกินกันได้ถึงสามคนเลยทีเดียว...

เป็ปซี่เหยือกใหญ่ พิซซ่าหน้าคาโบนาร่าเพิ่มชีส ซีซ่าสลัด ชีสสติ๊กดีพฟราย ขนมปังกระเทียมและมันฝรั่งทอด...เยอะจนแทบจะไม่ใช่คนกิน...

กระนั้นชายหนุ่มก็สามารถฟาดเรียบเกลี้ยงโต๊ะได้ภายในเวลาไม่นาน...แบบที่ทำให้คนซึ่งนั่งอยู่โต๊ะข้างๆมองว่า ท่าทางจะหิวจัด...

พิรัลหันซ้ายหันขวามองหาอดีตแฟนสาวตลอดเวลาที่กิน จนกระทั่งเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลัง...

เธอนัดกับพ่อแม่! นี่มันหมายความว่ายังไง!!

พิรัลบาทเจ็บที่อีโก้เล็กน้อย เขารู้ว่าอรชาพักอยู่กับพ่อแม่ของเธอในแถบชานเมืองกรุงเทพและที่สำคัญ สำนักงานแม่ของเธอก็ไม่ได้อยู่แถวนี้เสียด้วย มันอยู่แถวๆ สะพานควายต่างหาก แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ...

อรชาเปลี่ยนไปแล้ว...



“งานใหม่เป็นยังไงบ้างลูก...เหนื่อยไหม กลับไปทำงานกับแม่ไม่ดีกว่าเหรอ” คุณเสาวลักษณ์เอ่ยถามลูกสาวขณะรับปะทานอาหารด้วยกัน

เนื่องจากในวันนี้คุณเสาวลักษณ์กับสามีออกมางานศพบิดาของเพื่อนเก่าคนหนึ่งซึ่งสวดอยู่ที่วัดใกล้ๆ นี้ สองสามีภรรยาจึงถือโอกาสนัดลูกสาวที่ห่างอกมาได้กว่าหลายเดือนเพื่อทานอาหารค่ำด้วยกัน

เมื่อหลายเดือนก่อนอรชาบอกกับแม่ของเธอว่า เธอได้งานใหม่ และขออนุญาตมารดาออกมาอยู่ตัวคนเดียวใกล้ๆ ที่ทำงาน แม้ว่าคุณเสาวลักษณ์จะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากจะขัดเพราะเหตุผลของลูกสาว เธอพูดว่า เธออยากจะลองใช้ชีวิตด้วยตนเองและคิดถึงชีวิตอิสระเมื่อครั้งที่เธอเรียนอยู่ต่างประเทศ ต้องการหาประสบการณ์เพิ่มเพื่อพูนความมั่นใจให้กับตนเอง และนี่ก็เป็นเหตุที่เมื่อหลายวันก่อนหญิงสาวไปฉลองกับหมู่เพื่อน จนไปพบกับ...แขกไม่ได้รับเชิญ...เข้าโดยบังเอิญ

ทำให้ความรู้สึกเจ็บแปลบในอกแล่นกลับมา!

ทุกครั้งที่พบสิ่งที่เตือนความจำเธอเกี่ยวกับตัวเขา...มันจะเจ็บทุกครั้ง...แต่ทุกครั้งเธอจะบอกกับตัวเองว่า เธอต้องเข้มแข็ง! ไม่มีอะไรทำร้ายเธอได้นอกจากตัวเอง และเธอก็เปลี่ยนไปแล้ว...

อรชาสะบัดหางม้าของตนแล้วหยิบพิซซ่าเข้าปาก...

“นี่ลูกไม่กินมากไปเหรอเนี่ยชา...ตอนนี้เราดูบวมๆ ขึ้นนะ” คุณเสาวลักษณ์เอ่ยแซวแม่ลูกสาวที่ทำท่าเอ็นจอยอีทติ้ง*เสียเหลือเกิน

“แหม...ไม่สักหน่อยค่ะแม่ก็...หนูกินแล้วก็ออกกำลังกายนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เห็นมั้ยคะนี่ ตอนนี้หนูน่ะใส่เสื้อแขนกุดได้แล้วนะจะบอกให้...เทรนเนอร์เขาช่วยหนูลดต้นแขนต้นขาแล้วก็ก้นด้วย อีกอย่างตอนนี้หนูก็ตั้งใจจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต ดังนั้นกินได้ไม่ต้องห่วงสวยค่ะ”

คำพูดนั่นทำให้คุณเสาวลักษณ์เป็นห่วง แม้ตอนแรกๆ เธอจะเออออไปกับลูกสาวด้วยเห็นขันไปกับความคิดเพี้ยนๆ นี้ หากแต่เมื่อรู้ว่าแม่ลูกสาวเอาจริง เธอก็ชักเป็นห่วง...

คุณเสาวลักษณ์พยายามจะหาผู้ชายดีๆ มาให้อรชาดูตัว มาแนะนำ มาให้รู้จัก แต่ดูเหมือนแม่ลูกสาวจะเป็นนกรู้และดักเล่ห์ย้อนแผนได้ไปเสียทุกทาง ซ้ำยังตะเพิดหนุ่มๆ พวกนั้นจนเผ่นกระจายหนีตายหายกระเจิงกันเป็นแถวอีก...ช่างน่าเหนื่อยใจนัก

“นี่ยายชา...แม่พูดจริงๆ นะลูก พ่อกับแม่น่ะมีลูกสาวเพียงแค่คนเดียวนะลูก...ไม่คิดเรื่องลูกชายน้าเอมเขาดูอีกหน่อยเลยเหรอจ้ะ”

อรชาทำหน้านิ่วขมวดคิ้วมุ่นก่อนส่ายหน้าอย่างแข็งขัน...

“ไม่เด็ดขาดเลยคะ! แม่ก็รู้ว่าหนูน่ะคิดกับพี่นุเขาแค่คนรู้จักคนนึงเท่านั้นนะคะ ใครจะไปคิดอะไรกับคนที่รู้จักตั้งแต่เด็กได้กันล่ะคะ แถมเคยเจอกันไม่กี่หน ครั้งสุดท้ายที่เจอก็เลยมานานเกือบสิบปีแล้วด้วยซ้ำ พอเข้ามัธยมจนจบมหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่เคยได้เจอหน้ากันอีกเลยด้วย” พูดแล้วอรชาก็ยัดพิซซ่าเข้าไปเต็มปากเต็มคำเคี้ยวตุ้ยก่อนจะเอ่ยหลังจากกลืนจนหมดแล้ว “แล้วเรื่องนี้หนูคิดว่า พอดีกว่าค่ะ...หนูน่ะ...เข็ดจะตายชักแล้วล่ะคะ ผู้ชายน่ะ...หยี๋!”

“นี่! ยายชา พ่อก็เป็นผู้ชายนะลูก” คุณชัยฉัตรเอ่ยเตือนความจำลูกสาวหน้าเบ้ หากอรชาหันยิ้มหวานประจบเอาใจคุณพ่อของตน

“แหม...ก็เฉพาะคุณพ่อของหนูเท่านั้นแหละค่ะ ผู้ชายคนอื่นน่ะหยี๋หมด พ่อหนูดีที่สุดคนเดียว”

ท่าทางเป็นเด็กแบบนั้นของอรชาทำให้สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างอ่อนใจ



อรชาหอมแก้มคุณพ่อคุณแม่ของตัวคนละฟอดใหญ่อย่างแสนคิดถึงก่อนจากแล้วจึงหันไปกอดมารดาแรงๆ ครั้งหนึ่ง

“อย่าลืมนะลูก เสาร์นี้กลับมานอนบ้านตามสัญญานะ ห้ามเถลไถลไปไหนแบบอาทิตบ์ก่อนอีกเด็ดขาดเลยนะ แม่คิดถึงนะลูก”

“รับทราบ! ค่ะคุณแม่...หนูจะเป็นเด็กดี เลิกเรียนแล้วกลับบ้านตรงเวลาค่ะ!” อรชายิ้มทะเล้น ก่อนยืนแล้วเดินไปส่งบิดามารดาที่รถ

“กลับดีๆ นะลูก ห้ามขับบรถเร็วล่ะเรา” คุณชัยฉัตรสั่งลูกสาวก่อนขึ้นรถ

“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวจะไปฟังสวดสายนะคะ”

“รีบกลับห้องพักเลยรู้ไหม ห้ามไถลที่ไหนล่ะยายชา ดึกๆดื่นๆ ลูกผู้หญิงตัวคนเดียวนะลูก อย่าทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วง” คุณเสาวลักษณ์สำทับ

“ค่ะๆๆๆ...ค่าๆ ทราบแล้วค่ะ แล้วพบกันวันเสาร์นะคะ...แม่กับพ่อก็ขับรถกลับบ้านดีดีนะคะ” อรชายืนโบกมือส่งพ่อกับแม่ที่ขับรถออกจากลานจอดไปจนลับตาก่อนยกมือขึ้นป้ายตาแล้วหันกับไปที่รถของตัวเอง

ถึงยังไงก็ตาม แม้ว่าจะพึ่งพาตัวเองและอยากออกมาอยู่ลำพังก็ตาม...แต่ลึกๆ เธอก็ยังมีความเป็นเด็ก และความเหงาเล็กๆ อยู่ภายใน ซึ่งขัดแย้งกันนี้ในตัวเธอที่เป็นแรงผลักดันให้อรชาเดินหน้า และคงไว้ซึ่งความเป็นตัวเองได้จนถึงทุกวันนี้ โดยไม่เคยหันไปร้องไห้ให้กับอดีตแม้แต่ครั้งเดียว

เสียเมื่อไหร่กันเล่า...เธอก็เป็นคนเหมือนกันนะ ใจแข็งแค่ไหนพออยู่คนเดียวก็ต้องร้องไห้กันบ้างแหละ แต่จะไม่ยอมร้องไห้ต่อหน้าใคร ให้ใครๆเขาต้องเป็นห่วงเด็ดขาด!

หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ เพื่อตั้งสติก่อนสตาร์ทรถแล้วออกจากลานจอดรถของร้านไป ไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่า ตลอดทาง...เธอได้ถูกใครบางคนสะกดรอยตามไปอยู่



เธอแยกออกมาอยู่เอง...

เพียงลำพัง!

นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจ...เขาแปลกใจก็เพราะ เธอรักบ้านและพ่อแม่ของเธอมาก ยากที่จะเชื่อว่าเธอจะยอมย้ายออกมาอยู่ข้างนอกลำพังได้ และยากจะเชื่อว่าคุณเสาวลักษณ์แม่ของเธอจะยอมให้ลูกสาวห่างอกตนได้ นานเท่าไรแล้วที่เธอย้ายออกมาอยู่ตัวคนเดียว...เขาสงสัย

เขาขับรถตามเธอไปตลอดทาง ตามไปจนกระทั่งเธอเลี้ยวรถที่ซอยเล็กๆ ซอยหนึ่งซึ่งเขารู้จักเป็นอย่างดีเพราะใช้เป็นเส้นทางลัดบ่อยๆ มาก่อน

นี่แสดงให้เห็นว่าเธอย้ายมาอาศัยอยู่ในแถบเดียวกันกับเขา!

อาจเป็นเรื่องน่ายินดี...

และเมื่อหญิงสาวเลี้ยวรถเข้าอพาร์ตเม้นต์หรูแห่งหนึ่งในซอยนั้นซึ่งเขารู้ดีว่าราคาแพงจับใจเพียงใดเขาก็เข้าใจว่า ทำไมแม่ของเธอจึงยอมให้เธอย้ายออกมาโดยไม่เป็นห่วง อพาร์ตเม้นต์แห่งนี้ค่อนข้างปลอดภัยทีเดียว แต่จากตรงนี้เขาไม่สามารถจะตามเธอเข้าไปได้อีกแล้ว และเขาก็บอกกับตัวเองว่าควรจะพอได้แล้วเช่นกัน...เพราะวันนี้เขาทำตัวเหมือนพวกโรคจิตติดตามเหยื่อไม่มีผิด เหนือสิ่งอื่นใด...ตอนนี้เขาก็ได้รู้ที่อยู่ของเหยื่อแล้วเรียบร้อยเสียด้วย...

พิรัลลูบหน้าของตัวเอง...เขาเหนื่อยมากแล้ว และอยากพักผ่อน

เขามองเข้าไปในอพาร์ตเม้นต์นั้นแล้วพยายามคิดว่ามีใครพอจะติดต่อได้หรือไม่...

บางที...เขาอาจจะอยากย้ายที่อยู่เล่นๆ สักหน่อยก็ได้...



แผนการย้ายที่อยู่ไม่ประสบผลสำเร็จ...แต่ใช่ว่าจะหมดสิ้นหนทาง!

เมื่อเขารู้จักกับเธอ ผ่านเพื่อน นั่นก็ไม่ใช่ยากที่จะสืบเรื่องของเธอในเวลานี้จากเพื่อนของเขา...เพ็ญพักตร์...

“ฉันไม่อยาจะเชื่อเลยนะว่านายจะกล้ามาถามฉันเรื่องชาอีก...ตอนที่ฉันรู้ว่าแกบอกเลิกกับชา ฉันคิดว่าแกกระบือมากที่ปล่อยให้ชาหลุดมือ” เพ็ญพักตร์เอ่ยพลางยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองตามสไตล์ทอม

“มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ...ตอนนี้ฉันสำนึกแล้วนี่หว่า...ตกลงแกจะช่วยฉันไหมวะ ไอ้เพ็น” พิรัลเอ่ยถามเพื่อนด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่จู่ๆ ก็ลากตัวเองมาโดนทอมด่า...

“แล้วคราวนี้แกแน่ขนาดไหนวะ...ไม่ใช่เลือดจะไปลมจะมาก็เลยอยากจะมาขอคืนดีกับชานะโว๊ย”

“เฮ้ย...เลือดจะไปลมจะมามันมีแต่พวกผู้หญิงกับทอมอย่างแกเท่านั้นแหละที่เป็น ฉันแน่ยิ่งกว่าราคาน้ำมันขึ้นอีก...ฉันขาดเขาไม่ได้จริงๆว่ะ เพ็นแกต้องช่วยฉันนะ!” พิรัลคิดว่าบางทีการสารภาพออกไปกับเพื่อนทอมตรงๆ นั้นอาจจะช่วยให้เขาได้แนวร่วมเพิ่มเติมก็ได้

เพ็ญพักตร์จ้องหน้าเพื่อนหนุ่มอย่างสงสัย ก่อนพยักหน้าแล้วเอ่ยถาม...

“แกรู้ไหมว่า ฉันต้องเอาอะไรมาเสี่ยงกับแกบ้าง ถ้าฉันช่วยแกคราวนี้นะ...พี”

“ฉันไม่รู้” ชายหนุ่มสารภาพออกไปตรงๆ การพูดตรงไปตรงมานั้นดีที่สุดในคราวนี้

“ฉันอาจจะโดนชาตัดเพื่อน แกก็รู้ว่าชาเป็นเพื่อนของฉันมานานขนาดไหนและที่สำคัญคือ ฉันเองก็รักชามากไม่แพ้แก”

คำพูดนั้นแทบที่จะทำให้เขาลุกขึ้นไปต่อยเพื่อนทอมได้ หากเขาก็ห้ามตัวเองเอาไว้เพราะรู้ดีกว่านั้นว่าเพ็ญพักตร์จะไม่มีวันพูดความลับนี้กับใคร...เพื่อนทอมกำลังเปิดใจคุยกับเขาและคิดที่จะช่วยเขาอย่างจริงใจ!

“ฉันรู้...ฉันเข้าใจแล้ว...”

“ดี...ฉันมีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยด้วย...”

นั่นมันนอกเหนือไปจากที่เขาคาดว่าจะเจอ ทำให้พิรัลชะงักไปเล็กน้อย

“อะไร?”

“แกต้องให้ฉันอุ้มหลานเป็นคนแรกด้วย...” พิรัลหัวเราะก๊ากกับคำพูดของเพื่อนทอม...

“จัดให้ว่ะ...ลูกคนแรกและคนต่อๆ ไปอีกกี่คนฉันก็จะให้ได้อุ้มเป็นคนแรก ถ้าแกช่วยฉันได้เปิดโอกาสให้ฉันได้แก้ตัวกับชาอีกครั้ง”

เพ็ญพักตร์ยิ้มแบบผู้หญิงนิดๆ ก่อนจะพูดว่า...

“งั้นก็ตกลง...”



“พี่ป้าง...ชาจะออกไปติดต่อเรื่องบูทที่เราจะไปตกแต่งในงานวันเสาร์นี้นะคะ เขาว่าวันนี้บูทคงจะตั้งเสร็จแล้วให้เราไปดูสถานที่แล้วก็เอาของไปลงได้เลยน่ะค่ะ” อรชาหันไปเอ่ยกับสาวรุ่นพี่ที่กำลังนั่งหน้าเคร่งอยู่กับคอลัมน์พิเศษล่าสุดที่ได้รับมาสดๆ ร้อนๆ

พี่ป้าง หรือปัณรส อาร์ตไดเร็คเตอร์*คนเก่งของนิตยสารเงยหน้าขึ้นจากมอนิเตอร์ด้วสีหน้างงๆ เล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นมาได้

“อ้อ! เรื่องที่จะไปตกแต่งบูทใช่ไหม...เออๆ พี่ฝากด้วยนะ งานพี่ยังไม่เสร็จเลยจ้ะ ชา... ไปคนเดียวไหวไหมล่ะเราเอาใครไปเป็นเพื่อนด้วยอีกคนสิ ไอ้ดาน่ะ...มันว่าง ลากมันไปเป็นเพื่อน...สุดา!!!” ปัณรสพูดจบก็หันไปตะโกนเรียกสุดานักศึกษาฝึกงานซึ่งกำลังยืนเม้าท์อยู่กับหนุ่มฝ่ายบัญชีเข้าใหม่

“จ๋า!” สุดาขานเสียงหวานก่อนหันไปขอตัวจิ๊จ๊ะกับหนุ่มน้อยหน้าใหม่แล้วเดินดุ๊ดๆๆๆ มาตามเสียงเรียกของปัณรส “มาแล้วค่ะพี่ป้างขา...มีอะไรให้สุดารับใช้คะ”

“ดาตามพี่ชาเขาไปติดต่อเรื่องบูทหน่อยนะ เออ แล้วก็กลับบ้านได้เลยนะเดี๋ยวพี่บอกพี่ใหญ่ให้เองว่าน้องๆ ไปทำงานจ้ะ”

สองสาวรับคำแล้วรีบเก็บข้าวของเพื่อออกไปจากที่ทำงาน ขณะที่รอรูดบัตรออกจากสำนักงาน สุดาก็ถามสาวรุ่นพี่ขึ้น

“แล้วเราจะไปยังไงเหรอคะพี่ชา...”

“พี่ก็คงจะเอารถไปน่ะล่ะจ้ะ เพราะว่าออกไปแล้วก็ออกไปเลยนี่นะ ไม่อย่างนั้นพี่จะต้องกลับมาเอารถอีก...” พูดไปพลางอรชาก็เปิดประตูออกไปพลางเมื่อสัญญาณแจ้งว่าประตูปลดล็อคเรียบร้อยแล้วก่อนดึงประตูเอาไว้ให้สาวรุ่นน้องตามออกมาพร้อมกัน

“เย้ๆ...ดีเลยค่ะ สุดาน่ะไม่อยากต้องเดินออกไปข้างหน้าโน่นเพื่อหารถ อากาศร้อนๆ แบบนี้ เดี๋ยวหน้าโทรมหมดสวยหมดกัน” สาวรุ่นน้องยิ้มแล้วเดินขึ้นเคียงรุ่นพี่สาวเดินไปยังรถ

“ว้าว...รถหรูจัง”

“คุณแม่พี่ซื้อให้ตอนกลับมาเมืองไทยน่ะจ้ะให้ใช้ขับไปทำงาน...” อรชาเอ่ยพลางเปิดประตูรถเข้าไปนั่งโดยไม่ทันได้เห็นสีหน้ายิ้มหยันของรุ่นน้องสาว

“แหม...คุณแม่พี่ชาใจดีจังเลยนะคะ”

“อืม...จ้ะ เขาถือว่าเป็นค่าจ้างให้ไปทำงานกับเขาน่ะ” อรชาเอ่ยไม่ได้สนใจท่าทีของรุ่นน้องสักนิด ก่อนสตาร์ทรถแล้วถอยหลังออกจากซองที่จอดรถมุ่งหน้าสู่ที่หมาย



รถญี่ปุ่นคันสวยเลี้ยวเข้าสู่สถานที่จัดงาน...

อรชาและสุดาเดินเข้าไปติดต่อเรื่องงานกับทางสำนักงานเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดที่ได้ตกลงเอาไว้แล้วและรับผังสถานที่จัดมา

“นี่เป็นผังของบูทที่จัดงานค่ะ ของทางสำนักพิมพ์...ปีนี้ทางเราจัดให้อยู่ในฮอลล์นะคะ เป็นผลมาจากการจับฉลากนะค่ะ อยู่ตรงทางเข้าด้านซ้ายนี้พอดีเลยค่ะ” ผู้ประสานงานสาวเอ่ยขณะที่นิ้วก็ชี้ลงไปบนแผ่นแผนผัง

“ดีมากเลยค่ะ...ไม่ทราบว่าตอนนี้บูทเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหมคะ...” อรชามองทำเลในแผนผังอย่างพอใจ และนึกอยากที่จะเร่งไปดูสถานที่จริงให้เร็วที่สุด

“ค่ะ...ในฮอลล์เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วล่ะคะ...”

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวไปดูสถานที่หน่อยนะคะ...ถ้าอุปกรณ์มาถึงแล้ว เอาของขึ้นมาจัดบูธได้เลยใช่รึเปล่าคะ” อรชาเอ่ยขอเจ้าของสถานที่ก่อนเพราะเกรงว่าหากงานยังเตรียมไม่เสร็จก็อาจจะเป็นการไปเกะกะแผนงานของทางผู้ตั้งบูทได้

“ได้เลยค่ะ ตามสบายเลยนะคะ...”

“สุดา...เราไปกันเร๊ว!” อรชาหันไปเอ่ยกับรุ่นน้องสาวที่นั่งอ่านนิตยสารรออยู่ที่เก้าอี้ริมสุดของห้อง

สุดาเงยหน้าขึ้นจากนิตยสารที่กำลังอ่านง่วน ก่อนลุกขึ้นเดินตามรุ่นพี่สาวออกไป ทว่าเมื่อทั้งสองเดินผ่านห้องน้ำ แม่รุ่นน้องสาวก็เอ่ยขึ้น

“พี่ชาเดินดูที่จัดงานก่อนนะคะ สุดาขอเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวแล้วจะตามไปค่ะ”

“จ้ะ ถ้าอย่างนั้นตามไปที่ฮอลล์ก็แล้วกันนะ...” พูดแล้วสองสาวก็แยกกัน อรชาเองก็อยากจะไปเห็นสถานที่จริงเต็มที่ในเวลานี้...ขณะที่กำลังมีไฟอยู่ จึงรีบเดินตรงไปยังสถานที่จัดงาน



“ฮื้อ...น่าเบื่ออะไรแบบนี้ก็ไม่รู้ มาทำงานนอกสถานที่แท้ๆ แต่ไม่เห็นตื่นเต้นเลย...” สุดาบ่นออดๆแอดๆ เมื่อเธอต้องนั่งฟังเรื่องธุระของอรชากับพนักงานประสานงานตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงเกี่ยวกับรายละเอียดยิบย่อยน่าเบื่อหน่าย

หลังจากที่ดึงกระดาษออกมาเช็ดมือจนแห้งแล้ว สาววัยรุ่นก็ดึงเครื่องสำอางครบชุดออกมาจากในกระเป๋า เพื่อเติมหน้าที่เริ่มซีดจางลงไป หลังจากเติมลิปสติกและสำรวจตนเองครั้งสุดท้ายว่าสวยสมใจดีแล้วเจ้าหล่อนก็พยักหน้ากับตนเองในกระจกก่อนเก็บกระเป๋าแล้วออกไปตามหารุ่นพี่สาว ในฮอลล์

แต่ทันทีที่สุดาเดินขึ้นบันได เธอก็ไม่ได้ระวังตัวเพราะมัวมองเพลินอยู่กับรองเท้าคู่ใหม่ของเจ้าหล่อนที่ซื้อมาได้ถูกใจในราคาต่อรองเป็นนักหนาจากตลาดนัด จนไม่ได้มองเบื้องหน้าที่มีอีกร่างสูงซึ่งมัวแต่มองแผนงานในมือจนไม่ทันระวังด้วยกันทั้งคู่

“ว้าย!”

คนทั้งสองประสางากันจนร่างบางเซล้มหากไม่เพราะมือใหญ่คว้าตัวเอาไว้ได้ทันเธอคงล้มกลิ้งตกบันไดขาเขียวไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนฝ่ายชายหนุ่มนั้นปล่อยแฟ้มในมือร่วงหล่นจนเอกสารกระจายไปกับทางบันได

ในขณะที่สุดานึกฉุนโกรธและคำพูดเผ็ดร้อนมารออยู่ที่ริมฝีปากเรียบร้อยแล้วนั้น..

“นี่คุณ! อุ๊ย...”

สาววัยรุ่นเงยสบตาเข้ากับร่างสูง ไม่ใช่ดวงตาแต่เป็นใบหน้าหล่อเหล่าแบบ...ตี๋สยามตามสมัยนิยม...ร่างสูงๆ ส่งให้ความรู้สึกของหญิงสาวระทึกจนเพ้อไปว่าเขาสูงใหญ่ราวกับถอดแบบออกมาจากนายแบบในนิตยสารต่างประเทศเสียเหลือเกิน ในขณะที่สุดากำลังเคลิ้มด้วยฉากที่แลละม้ายๆ ละครหลังข่าวนี้นั้น...

“คุณครับ...” เสียงทุ้มๆ ที่หญิงสาวคิดไปเองว่าช่างนุ่มหูอย่างกับปุยนุ่นของเขาดึงสติที่เริ่มเพ้อไปไกลแล้วของสาวรุ่นให้กลับมาทั่วเขาในความเป็นจริงอีกครั้ง

พิรัลงงกับพฤติกรรมประหลาดๆ ของแม่สาวตรงหน้า เมื่อเห็นเธอเริ่มตั้งสติได้และยอมยืนเองโดยไม่ปล่อยให้เขาต้องประคอง สาวเจ้าก็ยกมือขึ้นเอาผมทัดหู แบบที่พวกนางเอกในโทรทัศน์ทำยามเขินอายอันเป็นท่ามาตรฐานทำกัน เพื่อบอกอาการเขินของเจ้าหล่อน

“ตายจริง...ขอโทษด้วยค่ะ สุดาไม่ทันเห็น...แหม ซุ่มซ่ามจังสุดานี่” คำพูดแทนตัวเองเหมือนเด็กๆ พูดกับผู้ใหญ่ที่สนิทของเธอทำให้ชายหนุ่มยิ้มขันกับการเฟลิตผู้ชายของเจ้าหล่อน

...เด็กสมัยนี้ไวไฟน่าดู...

“ไม่เป็นไรครับน้อง...” เขาเอ่ยรับก่อนก้มลงเก็บเอกสารของตนเอง

“สุดาช่วยนะคะ...เนี่ยเป็นเพราะความซุ่มซ่ามของสุดาเอง” เธอก้มลงเก็บเอกสารของเขาด้วยท่าทางกระตือรือร้นแบบที่คาดว่า ถ้าเป็นของๆ ตัวเจ้าหล่อนเองตกคงไม่กุลีกุจอมากขนาดนี้...

“ขอบคุณครับ” พิรัลเก็บเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยขอบคุณแม่สาวรุ่นน้องอย่างสุภาพพลางรับส่วนที่เหลือมาจากมือสาว

“คือ...ไม่รู้ว่าคุณรู้รึเปล่าคะว่า...ฮอลล์ไปทางไหนคะ...”

พิรัลชี้ไปทางข้างหลังตนเองกลางยิ้มขัน “ทางโน้นเลยครับตรงไปนี่เลย”

“ตายจริง สุดานี่เซ่อจัง...ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวส่งสายตาให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินจากมา

พิรัลนึกขำกับท่าทางอ่อยจนออกนอกหน้าของสาวน้อยคนนั้น เด็กสมัยนี้ช่างกล้าทำกล้าแสดงออกกันเหลือเกิน กล้าเปิดเผย กล้าพูด กล้าชน...

หากว่าเป็นเขาเมื่อสัปดาห์ก่อน เขาก็คงพร้อมที่จะยอมให้เจ้าหล่อนชนแต่โดยดีหรอก ถ้าไม่เพราะเวลานี้มีเพียงคนเดียวที่เขาอยากจะชนด้วย...เขาได้พบสิ่งที่ต้องการแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาไม่นึกสนใจใครอื่นอีก สิ่งที่ทำให้เขาไม่อยากที่จะเสี่ยงในสิ่งอื่นใดอีกให้เสียเรื่อง...

วันนี้เขาจะไปดักพบเธอ...

ด้วยความช่วยเหลือของเพ็ญพักตร์ ทำให้เขารู้ทั้งโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ห้องพักของเจ้าหล่อน และหมายเลขห้องของเจ้าหล่อนด้วย!

แผนการที่ดีที่สุดคือไม่มีแผน...นั่นเป็นคำพูดที่ครั้งหนึ่งเธอคนนั้นเคยหยิบขึ้นมาใช้

เธอต้องไม่คิดแน่ว่าเขาจะรู้ที่อยู่ของเธอและไปพบเธอตรงๆ แบบนี้...

เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นสีหน้าแปลกใจกึ่งดีใจของเธอที่ได้พบกับเขาไปขอเธอคืนดีอีกครั้งและกลับมาสู่อ้อมกอดของเขา...แม้ว่าเธอจะไม่เคยยอมให้เขากอดเลยจริงๆ สักครั้งก็ตาม...





--------------------------------------------------------------------------------

* Enjoy eating

* Art Director



Create Date : 31 พฤษภาคม 2552
Last Update : 31 พฤษภาคม 2552 22:43:11 น. 0 comments
Counter : 219 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ArTimuS
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





PhotobucketPhotobucketPhotobucketPhotobucket


นิยายอัพเดท...Photobucket

-ปฏิบัติการหักร้างถางรักPhotobucket
เรื่องราวความรัก แนวโรแมนติกดราม่า ของชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งเลิกลากันไป แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็กลับมาเพื่อขอเคียงคู่เธออีกครั้ง ความรักแสนเศร้าครั้งนี้จะเป็นอย่างไร สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนิยายรักพลาดได้นะคะ (อัพเดทใหม่ล่าสุดค่ะ)

-คีตคิมหันต์ Photobucket
ภาคต่อจากเรื่องลำนำเหมันต์ เมื่อคุณพ่อคนเก่งลงโทษคุณลูกตัวแสบให้ออกติดตามหาวิหคศักดิ์สิทธิ์จนนำไคเมร่าหนุ่มไปยังโลกมนุษย์จนได้พบกับเด็กสาวผู้อาภัพและเหตุการณ์เหนือความคาดฝัน นิยายแฟนตาซีโรแมนติกที่แฟนนิยายมกราไม่ควรพลาดค่ะ (อัพเดทใหม่ล่าสุดค่ะ)

-Love Happening
เรื่องสั้นของสองหนุ่มสาว และความไม่เข้าใจกัน อุปสรรค และมนต์เสน่ห์แห่งเทศกาล (น่าเสียดายที่ห้องนี้บังเอิญล็อคเพราะเนื้อหาบางตอนไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชน แต่ถ้าสนใจและอายุไม่ต่ำกว่า18 สามารถขอพาสเวิร์ดได้โดยการส่งอีเมลมายัง จขบ. หรือหลังไมค์มาก็ได้นะคะ)Photobucket

-Pretty Doll
เรื่องสาวผู้น่ารักของเมทสาวกับนายหนุ่มจอมเสเพลที่เก็บเธอมาเลี้ยง เรื่องรักกุ๊กกิ๊กแนวโรแมนซ์แสนฮาเฮ (น่าเสียดายที่ห้องนี้บังเอิญล็อคเพราะเนื้อหาบางตอนไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชน แต่ถ้าสนใจและอายุไม่ต่ำกว่า18 สามารถขอพาสเวิร์ดได้โดยการส่งอีเมลมายัง จขบ. หรือหลังไมค์มาก็ได้นะคะ)PhotobucketPhotobucket

- Love in Rain
รวมเรื่องสั้นของเจ้าของบ้าน เรื่องราวความรัก และสายฝนอันชุ่มฉ่ำ



Photobucket
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ArTimuS's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.