ปฏิบัติการหักร้างถางรัก (Removable) ..ตอนที่3..
(3)
รู้สึกอีกแล้ว...ความรู้สึกเจ็บ ที่มันกดลงลึก...
เหมือนคมมมีดที่ปักแน่นลงสู่หัวใจ...
เสียบแทงเข้าไป...และยุติชีวิตลงไปในคราเดียว...
ไม่หรอก เพราะชีวิตยังดำเนินต่อ...
เดินต่อไปในความชอกช้ำของหัวใจ...
พี่ชาคะ! เสียงเรียกแหลมเล็กของสาวน้อยรุ่นน้องฝึกหัดงานอย่างสุดาร้องขึ้นใกล้ๆ หู ทำให้สาวร่างสูงถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
อ๊ะ...อ่ะ...สุ สุดา...เหรอจ้ะ...? อรชาเอ่ยถามขึ้นพลางมองหน้าของแม่สาวน้อยรุ่นน้องด้วยดวงตาเบิกกว้างออกจะตื่นๆ ด้วยความประหลาดใจ
อ้าว...จะเป็นใครเสียอีกล่ะคะ สาวสวยน่ารักน่าทะนุถนอมที่สุดในกองบรรณาธิการก็มีแต่สุดาคนเดียวนี่ล่ะค่ะ ตายจริง สุดาไม่อยู่เดี๋ยวเดียว...นี่พี่ชาแอบอู้งานมายืนเหม่อเหรอคะเนี่ย แม่สาวรุ่นน้องเท้าสะเอวล้อเลียนแม่สาวรุ่นพี่ที่ยืนหน้าแดงเมื่อถูกจับได้ว่าแอบยืนเหม่อในเวลางาน
ขะ...ขอโทษจ้ะ
ตายแล้ว...พี่ชา สุดาล้อเล่นค่ะ แหม...พี่ชานี่จริงจังเกินไปแล้วรึเปล่าคะ นี่...พี่ชา สุดามีอะไรจะเล่าให้ฟัง เมื่อกี้นี้นะ สุดาเจอหนุ่มหล๊อหล่อ หล่อเหมือนดาราเกาหลีเลย...
คำพูดของแม่สาวรุ่นนองปลุกความคิดเมื่อยามเหม่อและอดีตของเธอขึ้นมา ทำให้หญิงสาวขนลุกซู่หน้าตึง เพราะลักษณะนั่นมันเหมือนกับคนที่เธอคิดถึงอยู่เมื่อครู่ก่อน
ฮึ ผู้ชาย หน้าตาคนน่ะแปรผกผันกับมันสมองนะ ผู้ชายยิ่งหน้าตาดีก็ยิ่งปัญญาอ่อน ปลิ้นปล้อน เชื่อถือไม่ได้...ยิ่งพวกถอดแบบเกาหลีชอบดื่มโกปี๊ยิ่งแย่ใหญ่ พี่รู้จักผู้ชายเกาหลีจริงๆ สองสามคนไม่เอาไหนทั้งนั้นเลย...รู้อะไรไหม ทั้งขี้หลี ขี้อวด ขี้คุย ขี้โม้... อรชาพูดอย่างจริงจังพลางก็เผลอเชิดหน้าเคร่งๆ ขึ้นนิดๆ อย่างลืมตัว
แหม...สุดาก็แค่เล่าให้ฟังเพราะรู้สึกเป็นเรื่องดีที่นานๆ ทีจะมีอาหารตาผ่านเข้ามาในชีวิตเหี่ยวๆ เฉาๆ ของสาวในออฟฟิศบ้างก็เท่านั้นเองล่ะค่ะ พี่ชานี่ก็...พูดซะจริงจังเชียว มองโลกในแง่ร้ายมากไปรึเปล่าคะ ใส่อารมณ์กับมันมากจัง ระวังจะขึ้นคานนะ คำพูดของสุดาทำให้อรชาคืนสติที่หลุดออกไปกลับมาได้
เอ่อ...พี่ก็แค่ พูดตามที่คิดเหมือนทุกๆ ทีนะล่ะ...ไม่ได้จริงจังอะไรสักหน่อย อรชาเอ่ยแก้เก้อเมื่อรู้ตัวว่าพูดแรงเกินไปเสียแล้วก่อนแสร้งหันไปทำงานต่อ บูทเรียบร้อยดี พนักงานขนอุปกรณ์และหนังสือค่อยๆทยอยเข้ามา การตกแต่งเป็นไปอย่างราบรื่น และตัวเธอเองก็ถ่ายภาพสถานที่ที่ถูกจัดไว้เกือบเสร็จสมบูรณ์เอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วยคิดว่าบางทีพี่ป้างคงอยากเห็นงานเป็นรูปเป็นร่าง แต่อย่างไรเสียเธอก็คงจะต้องขอให้บรรณาธิการฝ่ายศิลป์อย่างพี่ป้างมาดูสถานที่จริงสักครั้งก่อนตกลงกันเรื่องการจัดวาง
งานเสร็จแล้วล่ะจ้ะ เรากลับกันดีกว่า...ตายจริง! จะห้าทุ่มแล้วเหรอเนี่ยะ...สุดากลับบ้านยังไงจ้ะ อรชายกนาฬิกาสายหนังบนข้อมือขึ้นดู
สุดาจะกลับเองค่ะ แถวนี้มีรถสายที่ขึ้นแค่ต่อเดียวถึงหอสุดา
ถ้าอย่างนั้นกลับบ้านดีๆ นะจ้ะ อรชาเอ่ยก่อนที่ทั้งสองสาวจะบอกลากันแล้วแยกย้ายกลับไป
เขามารออยู่ข้างในนี้ได้พักใหญ่แล้วที่หน้าห้องของอรชา...เขาแอบแวะซื้อขนมเค้กที่ร้านโปรดของหญิงสาว ก่อนที่จะมายังที่แห่งนี้...ดอกไม้ ขนม...นี่เป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ ในความใส่ใจของเขาซึ่งแทบไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเพ็ญพักตร์สั่งไว้ เขาก็คงไม่ทันได้นึกถึงของพวกนี้หรอก
เขายกนาฬิกาขึ้นดู นาฬิกาเข็มชี้บอกเวลาอีกสิบสามนาทีจะห้าทุ่ม...หัวใจของเขาเต้นระทึกไปจนตอนนี้สงบเรียบร้อยดีแล้วเริ่มสั่นไหวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง...
ของขวัญ...เขามีแล้ว...มากมายให้เธอเลือกสรร
คำพูด...เขาเตรียมเอาไว้แล้ว...ท่องจำได้จนขึ้นใจ
ที่เหลือคือพบเธอให้ได้เท่านั้น...แต่แล้วเสียงเอะอะก็ดังเข้ามาจากด้านนอก
ผู้รักษาความปลอดภัยวิ่งเข้ามาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับด้านหน้าเพื่อบอกข่าวให้กับสาวประชาสัมพันธ์ที่อยากรู้อยากเห็นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
อุบัติเหตุ...รถบรรทุกที่ก่อสร้างอยู่ด้านหน้าถอยพลาดไปชนเข้ากับรถ...สีขาวน่ะ คนขับเป็นผู้หญิงด้วยหมดสติไปแล้ว
อุ้ย เป็นไปได้ยังไง...รถบรรทุกถอยหลังในซอยไม่น่าจะแรง...นี่ พูดเกินไปรึเปล่า... ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยไม่เชื่อ
ไม่เกินไปนะ ถอยไม่แรง...แต่มันล้ม ล้มทับเต็มๆ คันเลย!
อะไรนะ...ตายแล้ว สาวปะชาสัมพันธ์ร้องตกใจ
ยังไม่ตาย! แล้วรถเก๋งคันนั้นนะมีสติ๊กเกอร์ของอพาร์ตเม้นต์เราด้วยนะ
เมื่อได้ยินดังนั้น พิรัลก็ปะติดปะต่อข้อมูลคร่าวๆเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว...ยี่ห้อรถ สีรถ! หรือว่า...เขาพุ่งพรวดไปหายามนายนั้นด้วยความตื่นตระหนก
นี่คุณ! คนขับผู้หญิงน่ะ พักที่นี่ใช่ไหม...หน้าตายังไงแล้วทะเบียนรถอะไรล่ะ!
ยามหนุ่มทำหน้างง ก่อนส่ายหน้าดิก ผมไม่รู้หรอกครับ แต่ว่ารถน่ะยังจอดขวางทางเข้าซอยอยู่เลย ถ้าคุณอยากรู้คุณออกไปดูสิ ใกล้ๆแค่นี้เอง
พิรัลวิ่งออกไปดูตามที่ยามหนุ่มบอก ทันทีที่เขาเห็นรถ สภาพรถ และทะเบียนรถ ร่างทั้งร่างก็ชาวาบ!
รถของชา!
ที่โรงพยาบาล พิรัลวิ่งตรงไปถามพยาบาลที่อยู่ในเคาน์เตอร์ด้านหน้าอย่างเร่งร้อน...เขาบอกถึงลักษณะของอรชา และชื่อของเธอรวมทั้งสาเหตุที่ทำให้เธอต้องถูกหามมาส่งโรงพยาบาล เมื่อนางพยาบาลที่ตรวจสอบเธอก็ยิ้มนิดๆ แล้วบอกห้องของคนป่วย
แล้วญาติละครับ...มีใครแจ้งญาติของเธอทราบแล้วรึยังครับ...
ยังเลยค่ะ เธอหมดสติและไม่มีของติดตัวตอนมีคนพามาส่ง ทางเราไม่ทราบว่าเธอชื่ออะไร แต่ว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ช็อคเพราะความตกใจ และศีรษะโนเพราะถูกกระแทกเท่านั้น เราเลยให้เธอพักอยู่ค่ะ จนกว่าเธอจะฟื้น ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับคนไข้ค่ะ
ผมเป็นแฟนของเธอครับ... เขาตอบออกไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว ไม่กลัวด้วยว่าจะโดนหญิงสาวต่อว่าถ้าเธอได้รู้ว่าเขาอ้างอย่างนั้นออกไป เพียงแค่ขอให้ได้พบเธอเท่านั้น
พยาบาลหันไปสบตากับเพื่อนพยาบาลด้วยกันนิดหนึ่งราวกับจะถามว่าฐานะเหมาะสมพอหรือไม่ ก่อนหันกลับมาเอ่ยขอความร่วมมือตามหน้าที่ ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขอข้อมูลเกี่ยวกับตัวคนไข้ด้วยนะคะ...
ครับ...ได้เลยครับ
และไม่นานเขาก็มาถึงห้องพักดังกล่าวซึ่งเป็นห้องรวม เดินเข้าไปด้านในสุดจะได้พบเธอกำลังนอนเหยียดอยู่บนที่นอนขาวสะอาดสะอ้านของโรงพยาบาล โดยที่ข้างๆ มีคุณหมอชายตัวเล็กๆ ดูแลอยู่
เอ่อ... พิรัลไม่รู้เลยว่าจะพูดขึ้นต้นอยางไรดีในสถานการณ์เช่นนี้ นายแพทย์ตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาจากคนไข้ก็ยิ้มให้กับพิรัล
คุณคงเป็นคนรู้จักของคนไข้...เธอปลอดภัยดีครับ คุณหมอยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าเป็นห่วงของผู้มาถึง
เธอบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับหมอ แล้วเธอ...
เธอสบายดีมากครับ พอฟื้นก็กลับบ้านได้เลยครับ มีเพียงแผลที่ศีรษะนิดเดียวเท่านั้นเธอสมบูรณ์ดีทุกอย่างแทบไม่มีรอยขีดข่วนเลยครับ หมอคิดว่าเพราะเธอเอี้ยวตัวราบลงก็เลยไม่ถูกกระทบกระแทก แต่ที่ยังไม่ได้สติคงเพราะตกใจจนสลบไป หมอขอตัวก่อนนะครับ...ถ้าเธอตื่นแล้วคุณเรียกพยาบาลได้เลยนะครับ
พิรัลเอ่ยขอบคุณหมอ ก่อนเดินเข้าไปดูหน้าอรชาที่หลับสนิท
หัวใจเขาแทบหยุดเมื่อได้ยินว่าเธอชนกับรถบรรทุก หากเมื่อได้เห็นเธอสบายดี เขาก็โล่งใจเป็นอย่างยิ่ง...เขาคงเสียใจมากหากเธอเป็นอะไรไปเสียก่อนที่จะได้ปรับความเข้าใจกัน พิรัลคว้ามือของอรชาขึ้นมากุมเอาไว้อย่างใจหาย และค่อยคลายกังวลยิ่งขึ้นเมื่อสัมผัสถึงมือนุ่มๆ ที่อบอุ่นของเธอ
มือเธออบอุ่นเสมอ...และเขาจำได้เป็นอย่างดี
เขาก้มหน้าจูบลงบนฝ่ามือของหญิงสาวที่เขาจับพลิกขึ้นแล้วแนบใบหน้าลงกับมือบางๆ นั้น...
มือที่เขาแสนคิดถึง เมื่อได้สัมผัสก็ยิ่งคิดถึงมากขึ้นทุกที...
รีบตื่นขึ้นมามองผมหน่อยสิ...ชา
เหมือนดั่งเป็นคำสั่งที่ต้องสัมฤทธิ์ผล สิ้นเสียงทุ้มของพิรัล อรชาก็ขยับตัวด้วยท่าทางอึดอัด และนั่นทำให้พิรัลลุกขึ้นมองหญิงสาวด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งในทันที
ชา! น้ำเสียงของเขายินดี เขารีบกดเรียกพยาบาลเมื่อเธอฟื้น
เจ็บจัง... อรชาบ่นอู้ เมื่อเธอยกมือขึ้นกุมต้นคอด้านหลังและดึงมือที่ถูกชายหนุ่มจับเอาไว้ออกจากมือเขาราวกับรำคาญการกระทำนั้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น
ค่อยๆ จ้ะที่รัก...คุณคงคอเคล็ดตอนที่อยู่ในรถ พิรัลพูดขึ้นกับเธอก่อนเข้าไปช่วยประคองเธอขึ้นนั่ง แต่เมื่ออรชาหันมาเห็นเขาเข้าเท่านั้น
นี่คุณ! น้ำเสียงโอดโอยเมื่อครู่กลายเป็นแข็งขึ้นมาในทันที ทว่าไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยอะไรออกไปพยาบาลก็เข้ามาเสียก่อน
หลังจากที่ให้หมอตรวจดูอีกครั้งแล้ว อรชาก็ถูกนำออกจากโรงพยาบาลในรถของคนจอมเจ้ากี้เจ้าการที่เธอแทบจะไม่มองหน้าเขาเลยสักนิดเดียว...แต่ก็มีมองมาบ้าง...
พิรัลจัดการเรื่องค่าสารพัดค่าต่างๆ ก่อนที่จะนำเธอออกไปจากโรงพยาบาลด้วยท่าทางเป็นห่วง ราวกับคู่สามีภรรยาก็ไม่ปานผิดตรงที่ทางฝ่ายภรรยามีสีหน้าเกรี้ยวกราดทุกครั้งที่คุณสามีเข้ามาโอบประคอง การกระทำนั้นทำให้อรชารู้สึกอึดอัดอยู่ตลอดเวลา หากว่าเพราะเธออยู่ต่อหน้าพยาบาล คุณหมอ และคนไข้มากมาย เธอจึงไม่สามารถแผลงเดชอะไรได้ แต่...
นี่อะไรของคุณกัน! เมื่อทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองในรถของเขา หญิงสาวก็จัดการเปิดฉากการโจมตีในทันที...
พิรัลรีบตีหน้าซื่อ เอ่ยตอบเสียงใสใจเย็น...
อะไรกันครับ...ชา พี่ก็มารับชาไงล่ะ พี่บังเอิญไปหาชาที่ห้องแล้วไม่เจอ แล้วยามก็วิ่งหน้าตื่นมาบอกว่าชาเกิดอุบัติเหตุ ชารู้ไหมว่าพีใจเสียขนาดไหนที่ออกไปเห็น... เขาทำเป็นส่งสายตาละห้อยไปทางหญิงสาว พี่รักชานะครับ...ที่รัก
พิรัลยื่นมือข้างซ้ายมาทางหญิงสาวที่นั่งข้างๆ หยามจะแตะมือเธอที่วางอยู่บนตัก หากอรชากลับสะบัดมือแล้วขยับหนีด้วยท่าทางรังเกียจ สีหน้าของเธอบึ้งขึงถลึงตาใส่ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ
อย่ามาพูดพล่อยๆ ให้ฉันได้ยินอีกเชียวนะ! เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว จำได้ไหม! เราเลิกกันไปแล้ว! อรชาเตือนความจำด้วยน้ำเสียงเย็นชาห่างเหิน ก่อนสะบัดหน้าหันไปทางอื่นราวกับไม่อยากจะเห็นหน้าคนข้างๆ อีกต่อไป
พี่ผิดไปแล้วจริงๆ นะ...ชา น้ำเสียงของเขานั้นเว้าวอน ขอโทษ ยกโทษให้พี่เถอะนะครับ...คนดี
ไม่! ไม่มีคนดีแถวนี้และฉันจะเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ ฉันไม่มีโทษจะยกให้คุณ...และไม่! ฉันไม่ใช่คนดีของคุณหรอก...คุณพี น้ำเสียงของอรชานั้นยิ่งเย็นชาลงเรื่อยๆ แม้พูดโต้ตอบก็ไม่หันมามองหน้าสักนิดเดียว ด้วยสมองที่ยังมึนงงอยู่ อรชาพูดประโยคเดียวซ้ำถึงสองครั้งโดยไม่รู้ตัว
จะไม่ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวเลยเหรอ! ชา?
ไม่! ไม่มีอะไรทั้งนั้น..จอดข้างหน้านี่แหละค่ะ ฉันจะเดินเข้าไปเอง ขอบคุณที่เป็นธุระให้ส่วนเรื่องเงิน...ขอเบอร์ติดต่อแล้วฉันจะจัดการโอนเงินคืนให้คุณเอง หญิงสาวเอ่ย ด้วยสุดกลั้นแล้วจริงๆ กับบทสนทนานี้
ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บ...
ตอนเขาไปนั้นว่าเจ็บแล้ว...แต่ตอนเขากลับมาอีกนี่เจ็บยิ่งกว่า!
และยิ่งพูด...ยิ่งเขาพูดอ้อนวอนเธอมากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเกลียดเขามากขึ้นเท่านั้น!!!
ชา... พิรัลเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเว้าวอน และเมื่อมองเธอที่หันหนีเขาอย่างสุดความสามารถ ชายหนุ่มก็เม้มริมฝีปากแน่น...เขาเห็นเธอตอนนี้แล้วก็เจ็บ...
เจ็บใจตัวเองนัก!
พิรัลรู้ว่าพูดอะไรตอนนี้เธอไม่ยอมฟังเขาแน่
หนนี้...เขาต้องยอมถอยให้ก่อน...แต่เขาจะกลับมาอีกครั้ง...
ครับ พี่จะหยุดพูดก็ได้ แต่ขอให้พี่ไปส่งชาที่ห้องเถอะนะ...พี่เป็นห่วงชาจริงๆนะ น้ำเสียงทอดท้ายนั้นจริงใจจนอรชารู้สึกได้...
ถึงแม้จะเจ็บปวดใจขนาดไหนแต่เธอไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล...
เธอโล่งใจที่เขายอมถอยไปแต่โดยดี แต่ลึกๆ ลงไปแล้วก็ใจหายนิดๆ ที่มันช่างง่ายดายนัก
ไม่ค่ะ...แค่ข้างหน้าเท่านั้นนะคะ หญิงสาวเอ่ย ก่อนนึกเอะใจบางอย่างขึ้นมาได้... เอ๊ะ แล้วนี่คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันย้ายออกมา!
อ๋อ...ผมก็แอบสะกดรอยตามคุณมาไงล่ะ ชายหนุ่มเอ่ยหน้าตาย แต่เป็นเรื่องจริง!
นี่! ฉันไม่ขำนะคุณ! ใครบอกคุณ! หญิงสาวหันมาหมายเค้นเอาคำตอบ หากว่า...
ผมพูดจริงๆ นะ เอาเถอะๆ ครับ...คุณไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่เรามาถึงแล้ว... เขาเอ่ย ทันใดนั้นอรชาก็หันออกไปมองด้านนอกรถแล้วพบว่าเธอกลับมาถึงที่พักของเธอแล้ว
อ่ะ...เอ่อ...ขอบคุณค่ะ เรื่องเงินฉัน... เธอควานหากระเป๋า แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่า เธอไม่มีสมบัติอะไรติดตัวอยู่เลยในตอนนี้! หญิงสาวทำหน้าตื่น นั่นทำให้พิรัลนึกเรื่องสำคัญอีกเรื่องขึ้นมาได้...
กระเป๋าของชา...ติดไปกับรถที่ตำรวจมาลากไป แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่ไปคุยกับตำรวจให้แล้วเขาจะช่วยเก็บของในรถเอาไว้ให้ แล้วพรุ่งนี้ชาก็ไปขอรับคืนได้เดี๋ยวพี่พาไป ไปเป็นเพื่อนชา
อรชามีสีหน้าสำนึกผิดนิดๆ...ไม่คิดว่าตัวเองจะจิตใจคับแคบแบบนี้เลยสักนิด เมื่อเขาห่วงเรื่องของเธอ ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นเลย...แต่จะยอมใจอ่อนเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด! จะผิดซ้ำผิดซากเรื่องเดิมๆ แบบนี้ไม่ได้!
อรชาพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ...
ส่วนเรื่องเงินฉันจะคืนให้อย่างแน่นอนค่ะ เธอพูดทิ้งท้ายก่อนเปิดประตูออกจากรถของเขา หากก่อนจากไป พิรัลยื้อข้อมือเธอเอาไว้
พรุ่งนี้พี่จะมารับชาไปรับของนะครับ...สักแปดโมงดีไหม?
แต่ไม่ต้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันให้คนที่บ้านพาไปได้ค่ะ บอกแค่ว่าจ้องไปรับที่สถานีตำรวจไหนก็พอ...ขอบคุณ
เมื่อเธอลุกไป...หลงเหลือเอาไว้เพียงความอบอุ่นบนเบาะนั่ง...
พิรัลแตะมือลงบนเบาะนั้น แม้ว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่มีเพียงอรชาคนเดียวที่เคยนั่งก็ตามหากว่า...มันไม่สำคัญเลยที่ใครจะเคยนั่ง เมื่อสิ่งที่สำคัญคือเวลานี้ความอบอุ่นของเธอยังเหลืออยู่เท่านั้น
เขาได้เผื่อใจเอาไว้แล้วที่จะมารองรับความเจ็บปวดของเธอที่เขาเองเป็นผู้ก่อเอาไว้...
เขาจะไม่โทษเธอที่ทำตัวโหดร้าย และไม่ให้อภัยเขา...
แต่เขาจะทำทุกๆ อย่างเพื่อให้สักวันหนึ่ง เธอจะยินยอมหันกลับมามองเขาอีกครั้งให้จนได้
นี่มันยากเกินกว่าจะรับได้...
จิตใจเธอแตกออกเป็นสอง...
ใจที่เจ็บปวดและเศร้าโศกจนเจียนจะร้องไห้ออกมา...
และใจที่เคียดแค้นชิงชัง...
ไม่! เธอไม่ต้องการแบบนี้ เธอไม่ต้องการ!
อรชามองเมินออกไปของนอกระเบียง ผ่านกระจกที่ผิดกั้นภายนอกและภายในเอาไว้ ม่านสีขาวถูกรูดครึ่งๆ ทำให้มองเข้ามาจากภายนอกไม่เห็นภายใน
บนฟากฟ้า ดวงจันทร์แจ่มจ้ากระจ่างสดใส แม้ความรู้สึกข้างในดวงใจนั้นขุ่นหมองหม่นมัวเกินกว่าที่จะพูดจาออกมาเป็นภาษาได้
ถ้าไม่มีความรู้สึกนี้ก็คงจะดี...ถ้าไม่ต้องเจ็บแบบนี้ก็คงจะดี เธอรำพึงกับตนเองเบาๆ หยาดน้ำตาคลอ หากอรชาไม่ยอมให้มันได้ไหลอาบลงมา
เธอก็ผิด ที่ไม่น่าเผลอรัก...นี่ก็คือการรับโทษ โทษของความรัก
อรชาหวนนึกถึงอดีตอันแสนไกล...ครั้งที่ทั้งเขาและเธอเพิ่งรู้ จักกันผ่านทางเพื่อน ทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนกัน และสนิทสนมขึ้นมาจนถึงในระดับหนึ่ง เมื่อทั้งคู่เริ่มที่จะพูดคุยกันผ่านทางโปรแกรมสนทนาในระบบอินเตอร์เน็ต พวกเขาก็เริ่มนัดกันออกไปเที่ยว
เริ่มจากการสังสรรค์ใกล้ๆ...และเรียบง่าย
ไปทานข้าว ดูหนัง ดูคอนเสิร์ต ทำกิจกรรม เข้าชมรมของมหาวิทยาลัย แล้วก็นัดกันไปเข้าค่ายต่างจังหวัด
จนเมื่อถึงจุดหนึ่ง พิรัลก็เอ่ยขอเธอคบหาเป็นแฟน เพราะความที่เขาชอบอัธยาศัยของเธอ เขาบอกว่าเธอคุยสนุก และอยู่กับเธอเขารู้สึกสบายใจอยู่ตลอดเวลา
เขาว่า...เขาชอบเธอ...
ในเวลานั้นเธอเองเห็นเป็นเพียงเรื่องสนุกในช่วงวัยรุ่นธรรมดาๆ และเธอก็พยายามจะบ่ายเบี่ยง เธอคิดว่าความรักไม่ได้มีเอาไว้เล่นสนุก จนกระทั่ง...วันหนึ่ง...เมื่อเขาขอเธออีกครั้ง เธอก็ใจอ่อนตบปากรับคำ
เพราะสีหน้า เพราะดวงตาของเขานั้นช่างจริงจังเหลือเกิน...เธอถอนใจทุกครั้งเมื่อคิดถึงช่วงเวลานั้น...
แล้วทั้งสองคนก็เริ่มคบกันในปีที่สองของการเป็นเพื่อน...
มันเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง!
ความผิดนี้ เธอไม่ควรเลยที่จะทำมันลงไป ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดี ว่า...ความใกล้ชิดนั้นทำให้จิตใจคนเราเอนเอียงไปได้...และการตกหลุมรักเขานั้นมันเป็นความผิดหนักยิ่งกว่านั้น!
ทั้งๆ ที่เตือนใจตนเองมาตลอดเวลา แต่เมื่อความเหงาในยามห่างบ้านทำให้จิตใจอ่อนแอ...การนัดพบกันในยามค่ำ และการคุยโทรศัพท์ในยามเช้ากับเขานั้นโดยมีคำพูดปลอบใจและเป็นกำลังใจให้เธออยู่ตลอดเวลา เป็นองค์ประกอบที่ทำให้หัวใจของเธออ่อนลง
ใครกันจะไปทนได้! คนที่เคยคอยปลอบโยนให้กำลังใจ...คนที่เคยคอยดูแลห่วงใย แม้แต่กับครอบครัวของเธอเขาก็ไปเยี่ยมเป็นระยะๆ ตลอดหนึ่งปีที่ห่างกัน...
ใครกันจะไปทนได้...ใครกันที่จะห้ามใจไม่ให้รัก...
ดวงจันทร์ดวงเดียวกัน...
หัวใจอีกดวง...
และอีกหนึ่งความเจ็บปวด...
เพราะความโง่เง่าของเขา...ทำร้ายตัวเอง...
พิรัลเงยหน้ามองท้องฟ้าประดับจันทร์กลมเด่น ดวงจันทร์ทอแสงงดงามราวกับถ้อยคำปลอบประโลมจิตใจที่อ่อนล้า งดงามอ่อนหวานราวกับจะให้อภัยทุกๆ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนผืนโลก
เขาจำได้ดี ถึงเสี้ยวหน้าของอรชาที่เมินไปจากเขา ราวกับว่าการมองหน้าเขานั้นทำร้ายจิตใจเธอ ดวงตาที่ยามตื่นขึ้นมาเห็นเขาเต็มตาที่เบิกกว้างและกล่าวหา ริมฝีปากที่เม้มแน่นจะเรียบตึงเป็นเส้นเดียวราวกับจะสะกดกลั้นคำพูดเผ็ดร้อนเอาไว้ไม่ให้หลุดลอดออกมาเพื่อสร้างความเสียหายให้มากขึ้นแม้ปรารถนา
ช่างทรมานเหลือเกิน...ยามที่เธอสะบัดมือหนีไปจากเขาราวกับขยะแขยงเสียเต็มประดา ทั้งๆ ที่เขาต้องการมากกว่าที่จะกระชากเธอเข้ามากอดกระชับเอาไว้แนบแน่น
เขาโง่เอง...
โง่ที่ทิ้งเธอมา...
โง่ที่ปล่อยให้เธอโบยบินจากไป...
เขาคิดถึง...รอยยิ้มเหมือนแสงตะวันอันอบอุ่นชื่นใจ น้ำเสียงเรียบหวานที่ราวกับจะให้กำลังใจเขาอยู่ตลอดเวลา สีหน้าท่าทางที่แสดงความสนอกสนใจเวลาที่เขาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟัง บ้างปรับทุกข์กับเธอราวกับว่าเธอนั้นไม่เคยเบื่อหน่ายกับคำพูดพล่ามของเขา
ไม่มีใครเหมือนเธอ...แม้แต่เวลาโกรธ เมื่อเธอรู้ตัวหากเธอผิด เธอจะขอโทษอย่างจริงใจ...เวลาเธอเศร้า เธอจะเก็บเอาไว้คนเดียวจนกว่าเขาจะแอบไปเห็นเข้า...เธอที่เก็บเรื่องราวทุกข์ใจของตนเองเอาไว้ไม่ต้องการให้ใครเป็นห่วงนั้น ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน
เขาคิดถึง...รสอาหารที่เธอทำใส่กล่องมาแบ่งกันทาน ข้าวต้มหอมๆ เมื่อตอนออกค่าย กับแซนวิชทูน่าที่เธอทำมาแจกเวลาออกไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน
เธอเป็นคนเดียว ที่ไม่มีใครจะเหมือน และเธอก็ไม่เคยเหมือนใคร...
ตอนนี้เธอจะทำอะไรอยู่...เธอจะทานข้าวแล้วหรือยัง...เธอจะทานยาตรงเวลาหรือเปล่า...หรือจะเข้านอนไปแล้ว? วันนี้ตอนที่เขารู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุ...หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น...ราวกับถูกกวาดหายไป! เขาอยากตะโกนดังๆ พูดว่ามันไม่จริง...ใจเขากลัวจะสูญเสียเธอไปตลอดกาล
ทำไม...
ทำไมเขาถึงได้สมองทึบขนาดนี้ ทั้งๆ ที่รักเธอที่สุด แต่สิ่งที่เขาทำกลับผลักไสเธอ...
บ้าเอ๊ย! กำปั้นลุ่นๆ กระแทกกับกรอบหน้าต่างห้องที่เขายืนพิงเอนๆ อยู่
ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว...พละกำลังไม่สามารถแก้ปัญหาได้นอกจากทำให้มือเจ็บ...
แต่มันก็สาสมกับความโง่เขลาแล้ว...หรือบางทีอาจจะยังไม่พอ
เช้าวันรุ่งขึ้น อรชาโทรศัพท์เข้าที่ทำงานเพื่อบอกกับเจ้านายของเธอว่าเธอขอลาหยุด และเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง...พอสมควร...ซึ่งปัณรสตอบรับอย่างเข้าใจ ก่อนอวยพรให้เธอหายเร็วๆ เพื่อที่จะได้กลับมาทำงาน หากอรชาตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ชาจะเข้าออฟฟิศพรุ่งนี้แน่นอนค่ะ
แต่...ชาไม่ต้องพักฟื้นเหรอจ้ะ? ป้างถามงงๆ
ชาไม่เป็นไรมากหรอกพี่ป้าง สมบูรณ์ดีค่ะ มีเย็บแต่ไม่มีหักสักท่อนเลยและชาคิดว่างานของเรามันกระชั้นเกินไปกว่าที่ชาจะหยุดงานนานๆ
อรชาได้ยินเสียงของหญิงรุ่นพี่ถอนหายใจหนักๆ ก่อนเอ่ยรับอย่างอ่อนใจ จ้ะ แล้วพบกันพรุ่งนี้ พักเยอะๆ นะ
ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ... และวางสาย วันนี้เธอต้องไปดูสภาพรถของตัวเอง และรับมันคืนพร้อมกับของทุกอย่างในรถ ต้องเรียกอู่ให้มาลากไปเพื่อที่จะให้ช่างประเมินว่ามันจะต้องใช้ทรัพย์เท่าไรจึงจะเอากลับมาขับได้อีก เว้นเสียแต่ว่ามันจะเยินทั้งคันจนหมดทางเยียวยา...นั่นก็คงต้องส่งเชียงกงแยกชิ้นล่ะ
ดูจากสภาพบาดแผลของเธอแล้วเธอว่าไม่น่าเป็นไปได้ถึงขั้นนั่น โชคดีที่เธอพอจะมีเงินเก็บเอาไว้ในห้องพอที่จะนั่งรถแท็กซี่เพื่อไปสถานีตำรวจโดยไม่ต้องรบกวนทางบ้านให้มารับไปส่ง เพราะเท่านี้พ่อแม่ก็คงจะเป็นห่วงเธอกันจะแย่แล้วละมัง ดีขนาดไหนที่เธอพูดให้แม่เชื่อได้ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก เพราะทันทีที่เธอโทรศัพท์ไปเล่าให้แม่ฟัง คุณเสาวลักษณ์เธอก็ตั้งท่าจะวิ่งมาลากเธอกลับบ้านในทันที
อรชาทานอาหารเช้าโดยเลือกทำอาหารอย่างง่ายๆ ขนมปังคู่หนึ่งประกบไข่ดาวเหยาะซอสถั่วเหลืองกับซอสมะเขือเทศ กับกาแฟใส่นมน้ำตาลสามช้อน...
น่าแปลกสำหรับเธอที่พักหลังๆ มานี้เธอกินมากขึ้น ทานหวานมากขึ้น ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเธอไม่เคยกินเค้กได้หมดชิ้น เดี๋ยวนี้เธอสามารถฟาดเค้กชิ้นหนาๆ ได้อย่างสบายๆ โดยที่กระดกเครื่องดื่มตามเพื่อความลื่นคอ แต่นอกจากของทานเล่นแล้ว เธอยังคงทานข้าวแต่ละมื้อในปริมาณเท่าเดิมโดยไม่มีอาการอิ่มจากของทานเล่นที่ทานไป...และเธอก็ยังออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ...
นี่ล่ะ เคล็ดลับความงามล่ะ! ...อรชายิ้มกับตนเอง...
เมื่อเริ่มวันใหม่ได้อย่างสดใสแล้วเธอก็คว้ากระเป๋าสะพายใบสำรองเพื่อเตรียมตัวออกจากที่พักไปเรียกแท็กซี่หน้าปากซอย ทว่า...ทันทีที่เธอก้าวออกจากโค้งบันไดเธอแทบจะถอดใจแล้วเผ่นกลับขึ้นห้องตัวเองไปในช่วงเวลานั้นเอง
ร่างสูงๆ คุ้นตากับใบหน้าที่ทำใจให้มองได้ยากนั่นมานั่งรอเธออยู่ที่ส่วนหน้าของอพาร์ตเม้นต์ตรงกันข้ามกับประชาสัมพันธ์...
เรื่องนี้นี่ทุเรศนี่สุด!
อรชานึกสบถในใจ แต่ทำให้คนเขียนสะดุ้งเฮือก...
ราวกับนกรู้ เพราะต้องเป็นไปตามเรื่อง พิรัลเงยหน้าขึ้นมาพอดิบพอดีและสบตาเข้าอย่างพอดิบพอดีอีกเช่นกัน นั่นทำให้อรชาถึงกับคำรามในลำคอของตนเองด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
ทำไมจู่ๆ คนเขียนถึงได้เข้าข้างไอ้คนเฮงซวยนี่แบบนี้นะ และถ้าไม่หยุดเล่นมุขตัวเอกคุยกับคนเขียน คนอ่านเขาจะเบื่อรู้ไหม!!!
(ขอโทษจ้า...)
พิรัลลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาหาเธอในทันทีด้วยทีท่าดีใจโดยมีรอยยิ้มกว้างขวางเกลื่อนอยู่เต็มใบหน้าตี๋อินเตอร์ของเขา หารู้ไม่เลยว่าทำให้อีกฝ่ายนึกอยากหายตัวไปจากที่นี่ ณ นาทีนี้เลย
ชา... พิรัลรีบเอ่ยทักทายเมื่อเดินตรงมาหยุดตรงหน้าอรชา แม้ว่ารอยยิ้มจะเจื่อนลงเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าหงิกงอของอีกฝ่ายไม่บอกความยินดีที่ได้พบเขาเลยสักนิดเดียว
อือ... ว่าจบอรชาก็เบี่ยงตัวหลบแล้วจ้ำตรงไปยังประตูหน้าทำให้พิรัลต้องรีบก้าวยาวๆ เพื่อตามเธอ
จะไปรับรถใช่ไหม...พีไปส่งนะ เขาไม่ได้พูดเปล่าเพราะตั้งใจจริงๆ ที่จะมาใช้เวลาทั้งวันนี้กับเธอ...หากอรชาไม่ได้สนใจที่เขาพูดแม้แต่น้อยนิด และท่านั้นทำให้พิรัลตัดสินใจทำในบางสิ่งเพื่อให้เขาได้อยู่ใกล้ๆ เธอ
มาผมถือกระเป๋าให้! พูดแล้วเขาก็คว้ากระเป๋าของเธอมาถือพร้อมทั้งเกี่ยวแขนเธอมากอดเอาไว้แน่นและยิ้มกว้างกับเธอทำท่าเหมือนกับแฟนที่รักกันหวานชื่น สิ่งเดียวที่อรชาทำได้ก็คือมองหน้าเขาด้วยความช็อคและโดนลากออกไป
Create Date : 31 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2552 22:44:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 221 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|