| ภาพเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2556 ผู้แสวงบุญทำคารวะ ณ วัดไป๋หม่า ในอำเภอผิงอัน มณฑลชิงไห่ (ภาพเอเอฟพี) | | | ครอบงำ? เซอริ่ง วูเซอร์ กวีทิเบตให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อพัฒนาเมืองสมัยใหม่ แต่เป็นการครอบงำจากจีนชัดๆ หมู่บ้านหงไอ้ หรือในภาษาทิเบตว่าตัคเซอร์ เป็นเขตวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวทิเบตนานหลายร้อยปีมาแล้ว ตั้งอยู่ทางแถบตะวันตกของมณฑลชิงไห่ ห่างออกไปจากเขตปกครองตนเองทิเบตหลายร้อยกิโลเมตร สำหรับชาวทิเบตแล้ว การเปลี่ยนแปลงสิ่งก่อสร้างอันเป็นศาสนสถาน ถือเป็นการทำลายประเพณีดั้งเดิม ทั้งนี้บ้านเกิดขององค์ทะไลลามะเป็นบ้านชาวนา ตามความเชื่อทิเบต หลังจากที่องค์ทะไล ลามะสิ้นพระชนม์แล้ว คณะลามะชั้นสูงจะออกเดินทางแสวงหาเด็กชายที่เกิดใหม่ ที่เชื่อว่าเป็นองค์ทะไล ลามะกลับชาติมาเกิด ในช่วงทศวรรษ 1930 ก็มีการแสวงหาทะไล ลามะองค์ใหม่ คณะลามะฯ ได้มาพบเด็กชายนามว่า ลาโม ทอนดุป และทำการทดสอบจนแน่ใจคือทะไล ลามะ กลับชาติมาเกิด เด็กน้อยจากหมู่บ้านหงไอ้ ถูกนำตัวไปยังกรุงลาซา เมื่อวัยสี่ขวบ ต่อมาในปี 2493 ในวัย 15 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ทะไลลามะ เทนซิน เกียตโซ องค์ที่ 14 เป็นประมุขทางการปกครองและทางศาสนาแห่งทิเบต ทว่า...เก้าปีต่อมาคือในปี พ.ศ. 2502 ชาวทิเบตพ่ายแพ้ในการการลุกฮือต่อต้านอำนาจปกครองจีน ทะไล ลามะก็ลี้ภัยออกจากทิเบต ไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในเมืองธรรมศาลา ประเทศอินเดีย ภายใต้ข้อเสนอให้ลี้ภัยของรัฐบาลอินเดีย ธรรมศาลากลายเป็นเมืองอนุรักษ์วัฒนธรรมทิเบตของโลกนับแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนฐานที่มั่นการต่อสู้ของชาวทิเบตในหมู่บ้านหงไอ้ มีรายงานระบุว่าถูกทำลายราบคาบโดยพวกกลุ่มสมาชิกกองกำลังพิทักษ์แดง (Red Guard) ช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมระหว่างปี 2503-2513 และได้ฟื้นฟูบูรณะขึ้นใหม่ในอีกราวสิบปีต่อมา หัวหอกในการดูแลรักษาบ้านก็คือ กนโฑ ทาสึ หลายชายของทะไลลามะ และเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ซึ่งก็ได้อาศัยอยู่บ้านหลังถัดจากบ้านเกิดองค์ทะไลฯ
|