บางตำรา เรียก กุฏิที่พักของพระพุทธเจ้าว่า มูลคันธกุฎี ไปหมดทุกแห่ง แต่ท่าน ปอ.ปยุตโต ท่าน เรียก เฉพาะที่แห่งนี้ มูลคันธกุฎี หมายถึง กุฏิแห่งแรก สถานที่นี้เป็นกุฏิในพรรษาแรกที่พระพุทธเจ้าได้มาจำพรรษา ส่วนกุฏิที่อื่นๆ ก็เรียก คันธกุฏี เฉยๆ
แนวรั้วเหล็กสีครีมนั้น กั้นไม่ให้ผ่านเข้าไป ถ้าเคยดูภาพสมัยอดีตยังไม่มีเหล็กกั้นนี้ สถานที่บริเวณนี้ เคยเป็นวัด บริเวณที่อยู่ด้านหลังแนวรั้วเหล็กนี้ คือ สถานที่ประทับจำพรรษาของพระพุทธเจ้า ในพรรษาแรก และ ต่อมาอีกหลายครั้ง เมื่อเสด็จมาป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ตั้งแต่ผ่านรั้วพุทธสถานนี้เข้ามา เราก็เป็นอิสระจากไกด์เดินสำรวจไปเรื่อยๆ จนมาพบป้าย มูลคันธกุฏีแห่งนี้ ก้าวขึ้นบันไดไม่กี่ขั้น สถานที่ทำไว้สะอาดเรียบร้อย รู้สึกเหมือนได้กราบแทบพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันนี้ไม่มีดอกไม้ ธูปเทียน หรือ สิ่งใดมาบูชาเหมือนวันก่อนๆ ระลึกได้ว่าเหลือเพียงปฏิบัติบูชาที่ทั้งชีวิตไม่เคยได้คิดถึงเรื่องนี้เอาเสียเลย วันนี้ขอตั้งจิตถวายการปฏิบัติที่เคยกระทำมา มันอาจจะไม่ควรค่าพอจะบูชาพระพุทธองค์ แต่จะพยายามและเริ่มต้นนับแต่นี้ต่อไป
"อานนท์! พุทธบริษัททั้ง ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทำสักการะบูชาเราอยู่ด้วยเครื่องบูชาสักการะทั้งหลายอันเป็นอามิส เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น หาชื่อว่าบูชาตถาคตด้วยการบูชาอันยิ่งไม่ อานนท์เอย!
ผู้ใดปฏิบัติตามธรรมปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติธรรมให้เหมาะสม ผู้นั้นแลชื่อว่าสักการะบูชาเราด้วยบูชาอันยอดเยี่ยม" ถ้าพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่แห่งนี้ ได้เข้าเฝ้ากราบพระบาท ขอปฏิบัติบูชาพระพุทธองค์สักครู่ ข้อข้องใจสงสัยในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั้นไม่มีสิ่งใดสงสัย อยากทราบว่าสิ่งใดเป็นข้อธรรมที่ควรสนใจศึกษาให้มากให้ยิ่ง ขอพระพุทธองค์ช่วยชี้แนะ ทางซ้ายมือมีผนังอิฐแดงเป็นเงาร่ม อากาศเย็นลมพัดเย็นสบาย ทันทีที่นั่งลงจิตใจรวมลงสงบอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับ ใต้ต้นโพธิ์พุทธคยา ไม่เหมือนที่ที่เคยนั่งสมาธิที่ใดในโลก พลังแห่งความรักความเมตตาความสุขความอาจหาญร่าเริงเปี่ยมล้นจิตใจ ข้อธรรมที่สำคัญที่พระพุทธองค์แนะนำให้ทบทวนปรากฏตอบขึ้นมาในจิตใจ หลังจากวันนั้นทุกครั้งที่เปิดธรรมะ เทศน์ คำสอน ก็จะเป็นข้อธรรมบทธรรมนี้เอง รู้แล้วก็ทวนแล้วทวนอีก เหมือนเช่นชาวนาไถคราดนา ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนดินร่วนซุย
สังเวชนียสถาน 3 แห่งในการเดินทางครั้งนี้ มีพลังงานของพระพุทธองค์ยังคงอยู่ให้พุทธศาสนิกชนผู้เลื่อมใส ได้มาสักการะ ระลึกถึงพระพุทธองค์จริงสมดังที่พระพุทธองค์เคยตรัสตอบพระอานนท์ไว้ก่อนปรินิพพาน ได้พบความอัศจรรย์ใจในสถานที่ทั้งสามแห่งนั้น เป็นอย่างมาก ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ได้หาโอกาส ไปเฝ้าแทบพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสถานที่ สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งจะเกิดความศรัทธา และ ได้อานิสงค์ไปสู่สุคติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีวิต
พระอานนท์ทูลว่า "พระองค์ผู้เจริญ! เมื่อก่อนนี้ออกพรรษาแล้ว ภิกษุทั้งหลายต่างพากันเดินทางมาจากทิศานุทิศเพื่อเฝ้าพระองค์ ฟังโอวาทจากพระองค์ บัดนี้พระองค์จะปรินิพพานเสียแล้ว ภิกษุทั้งหลายจะพึงไป ณ ที่ใด?"
"อานนท์! สถานที่อันเป็นเหตุให้ระลึกถึงเราก็มีอยู่คือ
สถานที่ที่เราประสูติแล้วคือ ลุมพินีวันสถาน
สถานที่ที่เราตั้งอาณาจักรแห่งธรรมขึ้นเป็นครั้งแรกคือ อิสิปตนมิคทายะ แขวงเมืองพาราณสี
สถานที่ที่เราตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ บรรลุความรู้อันประเสริฐทำกิเลสสิ้นไปคือ โพธิมณฑล ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม
และสถานที่ที่เราจะนิพพาน ณ บัดนี้คือ ป่าไม้สาละ ณ นครกุสินารา
อานนท์เอย! สถานที่ทั้ง ๔ แห่งนี้เป็นสังเวชนียสถาน สารานียสถานสำหรับให้ระลึกถึงเราและเดินตามรอยบาทแห่งเรา"
ลำดับการจำพรรษาของพระพุทธเจ้าทั้ง 45 พรรษา
นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระองค์ได้จำพรรษา ณ สถานที่ต่าง ๆ ตามลำดับดังต่อไปนี้ :
พรรษาที่ 1 ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้กรุงพาราณสี (โปรดพระเบญจวัคคีย์)
พรรษาที่ 2-3-4 พระเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ ( เริ่มแต่โปรดพระเจ้าพิม พิสาร ได้อัครสาวก ฯลฯ เสด็จนครกบิลพัสดุ์ครั้งแรก ฯลฯ อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นอุบาสกถวายพระเชตวันถ้าถือตามพระวินัยปิฎก พรรษาที่ 3 น่าจะประทับที่พระเชตวัน นครสาวัตถี)
พรรษาที่ 5 กูฏาคารในป่ามหาวัน นครเวสาลี (โปรดพุทธบิดาปรินิพพานที่กรุงกบิลพัสดุ์โปรดพระญาติที่วิวาทเรื่องแม่น้ำโรหิณี มหาปชาบดีผนวช เกิดภิกษุณีสงฆ์)
พรรษาที่ 6มกุฏบรรพต(ภายหลังทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่นครสาวัตถี)
พรรษาที่ 7 ดาวดึงสเทวโลก (แสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา)
พรรษาที่ 8 เภสกฬามิคทายวัน ใกล้เมืองสุงสุมารคีรี แคว้นภัคคะ (พบนกุลบิดาและนกุลมารดา)
พรรษาที่ 9 โฆสิตาราม เมืองโกสัมพี
พรรษาที่ 10 ป่าตำบลปาริไลยกะ ใกล้เมืองโกสัมพี (ในคราวที่ภิกษุชาวเมืองโกสัมพีทะเลาะกัน)
พรรษาที่ 11 หมู่บ้านพราหมณ์ชื่อนาลายะ
พรรษาที่ 12 เมืองเวรัญชา
พรรษาที่ 13 ปาลิไลยบรรพต
พรรษาที่ 14 พระเชตวัน (พระราหุลอุปสมบทคราวนี้)
พรรษาที่ 15 นิโครธาราม นครกบิลพัสดุ์
พรรษาที่ 16 เมืองอาฬวี (ทรมานอาฬวกยักษ์)
พรรษาที่ 17 พระเวฬุวัน นครราชคฤห์
พรรษาที่ 18-19 จาลิยบรรพต
พรรษาที่ 20 พระเวฬุวัน นครราชคฤห์ (โปรดมหาโจรองคุลิมาล, พระอานนท์ได้รับหน้าที่เป็นพุทธอุปัฏฐากประจำ)
พรรษาที่ 21–38 พระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี
พรรษาที่ 39–44 บุพพาราม เมืองสาวัตถี
พรรษาที่ 45 เวฬุวคาม ใกล้นครเวสาลี
สงบดีจังค่ะ
ครั้งหนึ่งในชีวิต
สำหรับตัวเอง
หากได้ไปนำเป็นบุญยิ่งนัก