เชอร์รี่ โมบาย ควงพ่อ "มิน พีชญา" พร้อมทนายส่วนตัวชี้แจง ยันไม่คิดฟ้องนางเอกดัง 10 ล้านฐานละเมิดสัญญาถือโทรศัพท์แบรนด์อื่นจนเกิดความสับสน โต้จัดฉากแค่อยากให้เข้าใจตรงกัน ด้านพ่อมินอ้างลูกสาวป่วยไม่มาร่วมแถลง ไม่โทษเป็นความผิดของกองละคร
อยู่ๆ งานก็เข้านางเอกสาว มิน พีชญา วัฒนามนตรี เพราะมีข่าวว่าทาง เชอร์รี่ โมบาย ต้นสังกัดที่นางเอกสาวเป็นพรีเซ็นเตอร์ เตรียมจ่อฟ้องร้องเนื่องจากมีภาพของสาวมินถือโทรศัพท์แบรนด์อื่นในละครเรื่อง ล่ารักสุดขอบฟ้า ทางช่อง 7 สี หลุดออกมา ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อแบรนด์ต้นสังกัดเป็นอย่างมาก เลยเตรียมยื่นฟ้องร้องนางเอกดังเป็นจำนวนเงินถึง 10 ล้านบาท โดยในตอนแรกฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้ส่งจดหมายเชิญสื่อไปร่วมฟังการแถลง และระบุจะมีสาวมินมาร่วมชี้แจงด้วย ก่อนในภายหลังวสาวมินจะถอนตัวไม่มาร่วมแจงด้วยกะทันหัน
ซึ่งล่าสุด นายภาสกร เหรียญไชยศิริกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คอสมิค โมบาย เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดแถลงข่าว พร้อมทั้ง นายสุพัฒน์ วัฒนามนตรี คุณพ่อของสาวมิน และ นายภัสสร เนติพงศธร ทนายฝั่งนางเอกสาวมาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ ณ ห้องพิมานแมน โรงแรมโฟร์ซีซั่น กรุงเทพฯ โดยทางผู้บริหารของเชอร์รี่เผยว่าการแถลงข่าวครั้งนี้แค่ต้องการออกมาชี้แจงต่อสาธารณะว่าสาวมินยังคงเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ตนอยู่ และไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ามีการปล่อยข่าวเรื่องจะฟ้องนางเอกสาวถึง 10 ล้านบาท
ประเด็นในวันนี้เนื่องจากว่ามันมีภาพที่หลุดออกไปสู่สาธารณชน ในเรื่องของที่น้องมินเป็นพรีเซ็นเตอร์ของเชอร์รี่ โมบาย ได้มีภาพของการถือโทรศัพท์มือถือแบรนด์อื่นๆ หลุดออกไป เนื่องจากมีคำถามจากตัวดีลเลอร์ของเชอร์รี่ โมบายเองสอบถามเข้ามามากว่ามันเกิดอะไรขึ้น วันนี้เราก็ได้มีการเรียนปรึกษากับทางคุณพ่อน้องมินว่าถ้าอย่างนั้นเราควรจะจัดแถลงข่าวเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไง
เรื่องฟ้องร้องผมก็เพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้านี้เหมือนกัน เนื่องจากว่าวัตถุประสงค์จริงๆ ของเราวันนี้ก็เพื่อจะประกาศเท่านั้นเองว่าน้องมิน พีชญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเชอร์รี่ โมบาย ก็ขอยืนยันว่าทางเราไม่ได้มีหมายออกไปว่าจะฟ้องร้องนะครับ เนื่องจากว่าเรามีตัวที่เป็นทางการที่ส่งให้สื่อมวลชนอยู่แล้ว ดูตัวนั้นได้
ทางพีอาร์ก็ไม่ได้มีการแจ้งว่าจะมีเรื่องแบบนั้นส่งให้นักข่าวนะครับ ก็คงไม่ใช่เป็นการโปรโมตหรอกครับ เนื่องจากวันนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันจะเกิดความเสียหายกับตัวน้องมินเองที่เป็นพรีเซ็นเตอร์กับเรา และกับทางเชอร์รี่ โมบายเองด้วย วันนี้สิ่งที่เราต้องทำก็คือเราต้องระงับความเสียหายจากที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคต นั่นคือวัตถุประสงค์ในการจัดงานวันนี้
วันนี้พ่อน้องมินก็มาเพื่อแสดงความจริงใจ และมาประกาศให้สาธารณชนรับรู้ว่าน้องมินเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางเชอร์รี่ โมบาย ซึ่งในส่วนของสัญญาก็มีระบุอยู่แล้วว่าน้องห้ามถือ ห้ามใช้โทรทัศน์แบรนด์อื่น อันนี้เป็นสัญญามาตรฐานอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าทุกสัญญาก็ระบุอยู่แล้ว คือห้ามถือผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดในระยะเวลาที่รวดเร็วมาก ทีนี้เหตุผลที่เราต้องรีบจัดแถลงข่าวเพื่อต้องการให้ได้ข้อยุติต่อสาธารณชนให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ไม่มีกระแสในทางที่ผิดออกไป ฉะนั้นเราจึงต้องรีบจัดแถลงข่าว พูดง่ายๆ มันไม่ได้มีเซ็ตหรือเตี๊ยมระหว่างเชอร์รี่ โมบายกับตัวพรีเซ็นเตอร์ครับ คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่น้องมินไปใช้ส่วนตัวแล้วมีคนไปถ่ายแล้วเอาไปโปรโมต อันนี้มันเป็นการไปขยายผลต่อในเรื่องผลประโยชน์ทางการค้า เราก็เลยจำเป็นต้องมาเบรกตรงนี้ไว้ก่อนครับ
ด้าน นายสุพัฒน์ วัฒนามนตรี พ่อของสาวมินก็เผยว่าตนเพิ่งทราบเรื่อง แต่ลูกสาวไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อน
วันนี้น้องมินไม่สบายครับ พ่อมาก็เหมือนกัน พ่อเป็นผู้จัดการอยู่แล้ว ผมก็เพิ่งทราบเรื่องเหมือนกัน เพิ่งโทร.คุยกันสองวันที่แล้ว ก็ตกใจแต่ภาพที่ออกมาไม่ขอพูดถึงแล้วกัน ไม่ขอพาดพิง เพราะเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางเชอร์รี่ โมบาย ก็มีแต่จะยืนยันว่าน้องมินเป็นพรีเซ็นเตอร์เชอร์รี่ โมบาย
แต่ถามว่าต้องระวังมากขึ้นไหม อันนี้ทางกองละครเขาดูอยู่แล้วครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทางกองละครเขาไม่ได้ให้ใช้หรือเปล่า เพราะผมก็ไม่ได้ตามน้องไปทุกครั้ง แต่น้องงานเยอะมาก ช่วงนี้ละครใกล้จบ ถ่ายกันถึงตีสองตีสาม พอหยุดถ่ายก็หลับพอปลุกก็ถ่ายต่อ แต่บางทีเขาก็อาจจะไม่ได้ดูรายละเอียดตรงนี้มาก แต่เรามีคุยกันอยู่แล้วทุกคนรู้หน้าที่
น้องเขาไม่รู้เรื่องนี้ครับ คือน้องงานเยอะ ไม่ค่อยว่างหรอก เขามีหน้าที่ทำงานอย่างเดียว มีอะไรก็โยนพ่อนี่แหละ (หัวเราะ) วิธีการป้องกันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ มันยังไม่มีก็เลยไม่รู้ (หัวเราะ)
ฟากทนายของนางเอกสาวเผยว่าเพิ่งได้คุยกับทางเชอร์รี่ โมบายวันนี้เช่นกัน แต่คุยกันเรียบร้อยแล้ว
คือที่เรามาแถลงข่าววันนี้ก็เพื่อกันความสับสน ความเข้าใจผิด แต่หลังจากที่ผมได้คุยกับทางผู้บริหารก็ได้ทำความเข้าใจกันแล้ว ปัญหานี้เริ่มจากความเข้าใจผิด เพราะฉะนั้นพอคุยกับทางผู้บริหารที่ก็เป็นคนไนซ์และเป็นบริษัทที่ใจกว้างพอ ก็ไม่ได้เป็นการไกล่เกลี่ยครับ เพราะเราก็เพิ่งเจอกันครั้งแรกวันนี้
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [
