สวัสดีค่ะ
ในตอนนี้เป็นตอนที่ 9 แล้วค่ะ ในตอนก่อนหน้า เราเดินทางไป โอไดบะ และ Oedo onsen monogatari ออกจากโอไดบะ เราก็กลับมาที่ชินจูกุค่ะ
ที่ชินจูกุ พี่ชิฮารุขอแยกตัวไปก่อน เพราะต้องไปรับลูกที่โรงเรียนค่ะ หากใครไม่สะดวกชมวิดีโอ เลื่อนลงไปข้างล่างมีบรรยายอยู่ค่ะ
เราขอย้อนไปตอนที่เดินทางออกจากโอไดบะนะคะ
โดยเราจะเดินทางไปยังชินจูกุ ดังนี้ค่ะ
บ๊ายบาย โอไดบะ
กลับละน๊า
ชมวิวขากลับกันจ้า
เอวิโชคดีได้ยืน (ใช่ ยืน) ข้างหน้าเลย
มาดูวิวกัน (ยืนไม่นาน ก็ได้นั่งค่ะ)
เห็นมีคนไปถ่ายรูปอยู่บ้างเหมือนกัน
สถานีอะไรแล้วหว่าาาาา
อ๋อ....shimbashi แล้วจ้า สุดสายของ
Yurikamome แล้วนะคะ
จาก shimbashi มุ่งหน้าไป shinjuku กันต่อเลย ซึ่งสามารถเปลี่ยนไปใช้รถไฟสาย yamanote ได้ตรงนี้ (yamanote เป็น JR ใช้ JR PASS ได้ค่ะ)
รูปปั้นระหว่างทาง
ไม่นานก็มาถึง shinjuku ค่ะ โอ๊ว คนเพียบ
เราก็มาดูแผนที่กันว่าเราอยู่ตรงไหนกันแล้ว
เราอยู่ตรงทางออก east exit ค่ะ (ใกล้ห้าง Lumine)
ดูจากโหงวเฮ้งแล้ว เราอยู่ใกล้คาบูกิโจค่ะ เอาเป็นว่าเราจะไปแถวคาบูกิโจกัน เพราะเริ่มเย็น ๆ แล้ว
แต่ถามว่าไปทางไหน เดินมั่วไปจริง ๆ ตอบไม่ถูก
ก่อนอื่น กินอะไรกันหน่อยดีกว่า แมคป่าว
อิ่มแล้ว (แง๊บ ๆ นิดหน่อย french fried อะไรงี้) เดินชมย่านชินจูกุต่อ ตอนเย็น
เริ่มมืดลง ๆ ก็เดินตามป้ายไป บางส่วนก็มีป้าย เดินไปๆ บางทีก็ป้ายหาย สรุปว่ามั่วไปเรื่อย ๆ
แต่ถ้าถามความรู้สึกเรานะ เราว่าสีสันยามค่ำมันก็ต่างจากช่วงกลางวันพอสมควรเลยนะคะ
เดินมาเป็นเพื่อนกันน๊า........
ดูคนน้อยเนอะ แต่ที่นี่คือชินจูกุ จริง ๆ ค่ะ ถึงไม่ใช่ถนนเส้นหลัก แต่ก็ดูเหมือนมันจะคนน้อยไปไหม สำหรับชินจูกุ (แต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยวหรอกค่ะ)
เดินไปเดินมาก็เจอตู้คีบตุ๊กตา น่ารักมาก 555
เอวิมาญี่ปุ่นเพื่อสิ่งนี้....(บอกเลย ว่าเก็บเงินมาเล่นเป็นกิจลักษณะ) ส่วนใหญ่หยอดเล่นตาละ 100 เยน
ส่วนคาแรคเตอร์ตัวนี้ Alpacaffee coffee ไม่เคยเห็นในเมืองไทย (หรืออาจจะดังในญี่ปุ่น ก็ไม่รู้สินะ แต่ว่าพอมันเป็น Alpaca แล้วยังไงก็น่ารัก)
ไอ้ตัวที่คลุม ๆ ไว้นี่กะไม่ให้หนีบเลยสินะ
มาดูภาพกว้างกัน ก็คือหยิบได้แต่ตัวที่ใกล้ ๆ ที่คีบแหละค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเอวิจะเล่นพวกนี้ จะใช้ step เขี่ยเอามากกว่า โอกาสได้สูงกว่า
แต่ถึงกระนั้น เราก็หยิบไม่ได้สักตัว (แอบโม้ รอบที่แล้วที่มาญี่ปุ่น คีบได้สิบกว่าตัว) แต่ตู้นี้ ไม่ได้สักตัว
(ค่าคีบ 100 เยน/ครั้ง บางตู้ไฮโซหน่อย ตุ๊กตาตัวใหญ่หน่อยก็ 200 เยน, สามตาห้าร้อย)
(ตัวหน้าหูดำข้างนึงที่ตะแคงอยู่ ดูเหมือนจะคีบง่าย แต่ก็ไม่ได้ค่ะ )
ไปกันต่อ คาบูกิโจนี่เป็นย่านกลางคืน สถานเริงรมย์ประมาณนั้นค่ะ มีร้าน host มี love hotel มากมาย ถ้าเป็นศุกร์เสาร์คนจะเยอะมากค่ะ เอวิเคยมาที่นี่ในปี 06 และ
ปี 10 ค่ะ (ในบล๊อกเก่า ๆ ก็จะมีรูปหน้าร้าน host อิอิ)
ตามมา
คือจะบอกว่าตรงที่เดินนี้ ก็ไม่ใช่ Kabukicho ซะทีเดียวหรอกค่ะ ก็เฉี่ยวๆ
เย้ยยยย ร้านไรอ่ะ
มาดูใกล้ ๆ
หรือมันจะเป็นร้านแคะหู แบบที่พี่เรย์ แมคโดนัล
พาไปชม ใครรู้ อ่านออกช่วยแปลนิดนะคะ
นี่ก็อีกร้าน สงสัยร้านโฮส (ขออภัย ภาพไม่ชัด รีบถ่าย)
เดินผ่านจากร้านอะไรไม่รู้ วาบหวิว ก็มาเจอของกิน ชมผ่านกระจกกันไป จริง ๆ ก็หิวนิดหน่อยนะคะ แต่ว่าออกจะเบื่ออาหารแนว ๆ ข้าวหน้า.....บลา ๆ ....อะไรแบบนี้แล้วล่ะค่ะ มื้อนี้ขอทานอย่างอื่นดีกว่า
เดินมาอีกหน่อย เป็นร้านชุดชั้นในยี่ห้อ Peach John (ไม่แน่ใจว่ามีแต่ชุดชั้นใน หรือมีเสื้อผ้าอื่นด้วย) ป้ายหน้าร้านน่ารักเชียวค่ะ
ถัดไปเป็นร้านขายเค้ก (ทั้งทริป รูปของกินเป็นส่วนใหญ่
)
ถ้าไม่ติดว่าค่ำแล้ว อยากกินกาแฟขึ้นมาซะงั้นนะเนี่ย ดูจากภาพ ท่าทางน่ากินเชียว รูปภาพมีผลต่อการตัดสินใจจริงๆ
อยากกิน............ กรีดร้อง.........
และแล้วก็มาถึงร้านที่อยากกินมาก นั่นคือ Freshness burger คือมาญี่ปุ่นครั้งใดต้องได้กินร้านนี้
เห็นทางเข้าแล้วจิตใจหวั่นไหว เท้ามันก้าวเข้าร้านไปเอง หุหุ
แน่นอน ถ้ามา Freshness burger ต้องกินโกโก้ (นี่มันร้านเบอร์เกอร์ !!!
)
เข้มข้นหวานมันกำลังดี
เอาน่า มาแล้วก็ต้องกินเบอร์เกอร์ด้วยเนอะ (จริง ๆ เป้าหมายคือมากินโกโก้นั่นแหละค่ะ)
โปรโมชั่นเบอร์เกอร์ในตอนที่ไป
ดูแล้วดูอีก หลายอย่าง เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
ชั้นหนา ๆ น่ากลัว แต่ก็น่ากิน (อ้าว)
ราคาพอรับไหว (ประมาณ 100 บาทไทย)
ทานเบอร์เกอร์เสร็จเราก็ออกมาเดินกันต่อ เอวิชอบตู้กดน้ำมาก ไม่รู้ทำไม ดูว่าจะมีสีสันหลากหลาย
เจอทีไรก็ชอบถ่ายรูปเก็บไว้ ซึ่งราคาที่เรียกลูกค้าได้ดี ก็คือ 100 เยน
DHC แบบนี้ได้ข่าวว่าสาว ๆ ฮิตกินกัน เอวิเองไม่ค่อยเน้นนะ
เครื่องสำอางเสร็จก็ขาดไม่ได้ ย่านชินจูกุมีกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง (หรือมือแปดก็ไม่ทราบ)
ราคาก็ดูว่าไม่แรงมากเท่าไหร่
บางใบสภาพดีมาก ก็พอ ๆ กับที่เขาหิ้วมาปล่อยในไทยแหละค่ะ แต่แบบนี้ก็ดูว่าดีกว่า เพราะได้เห็นของจริง ได้ดม (?) ได้จับ ได้ลองสะพาย คนขายเขาก็ไม่หวง ให้เราสะพายเล่นได้
สรุปเอวิกับเพื่อนได้กระเป๋ารวมกันทั้งหมด 3 ใบ (แหะ ๆ ขออนุญาตไม่โพสให้ดูนะคะ) กินแกลบกันเลยทีเดียว
เอ้า ได้กระเป๋าแล้ว กลับไปนอนได้แล้วสบายใจ
ระหว่างทางมีร้าน โอโตยะ ด้วย (เหมือนโอโตยะไทยไหม เอวิไม่เคยลองค่ะ)
ที่ญี่ปุ่น เนื้อที่ในการทำสิ่งต่าง ๆ จะน้อย ร้านต่าง ๆ เช่นร้านอาหารอะไรงี้ก็มักจะอยู่ชั้น 2-3-4-5 กันไป สังเกตเช่นโอโตยะ อยู่ชั้นสอง คือเป็นร้านที่คนรู้จักอยู่แล้ว ไม่ต้องหน้าร้านโชว์ของ เห็นป้ายอยากทานก็ขึ้นไปเลย
วันนี้ฝนไม่ตกแล้วค่ะ
คนดูจะน้อย แต่ที่นี่ชินจูกุจริง ๆ ค่ะ โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะไปเดินกันตรงถนนสายหลัก แถวพวกมารูอิ อะไรมากกว่า นี่แค่ซอยย่อยเองนะ
ช้อปเหนื่อยแล้ว กลับกันเถอะ คือเราเดินไปเจอสถานีรถไฟใต้ดินค่ะ
ไปสถานี bakuroyokoyama เพื่อนสลับเป็นสายอาซากุสะไลน์กลับที่พักค่ะ
คือจริง ๆ มันก็มีวิธีกลับที่อาจจะง่ายกว่านี้ แต่บอกตรง ๆ หละค่ะว่า กลัวหลง เอาแค่ 1-2 ต่อก็พอแล้ว
ที่นี่ สถานีแบบชัดๆ
รถไฟมาแล้วจ้า
ก่อนเขาที่พัก (จริง ๆ ) แวะซื้อของให้เพื่อนที่ฝากมา (แปรงรองพื้นของชู)
ซื้อนมกล้วยของยาคูลท์ ให้ตัวเอง อร่อยไหม ก็อร่อยนะ แต่ก็แปลก ๆ หน่อย
แต่ก็อร่อยแหละ
และถ่ายแถวหน้าที่พักเลยจ้า Tokyo Skytree วันนี้สีม่วง สวยเชียว
แม่น้ำ สุมิดะยามค่ำคืน
หลับฝันดีนะคะ
ตอนต่อไป