Wolf True Blood ตอนที่ 10 จ่าฝูง

ตอนที่ 10 จ่าฝูง

สายลมเย็นเฉียบอย่างกับน้ำแข็งบาดผิวหน้าแม้จะสวมหมวกเอาไว้ด้วยความเร็วความแรงของรถสองล้อซึ่งตะบึงลัดเลาะไปตามเส้นทางวิบากพอควรทักษะการบังคับรถของเจสันถ้าไปเอาดีทางด้านแข่งรถ รับรองต้องดังทะลุฟ้าบริษัทชั้นนำย่อมอยากแย่งตัวไปเป็นนักแข่งประจำทีมอย่างแน่นอนที่ตามติดมาด้านหลังก็คือรถของการิม หมอนั่นคอยกันให้เจสัน ล่วงหน้าไปถัดจากรถของเจสัน ไกลออกไปมีฝูงค้างคาวหลายสิบตัวทั้งยังพวกขับรถจี๊ฟซึ่งแต่งเสียดุดัน ทั้งหมุดแหลม กันชนซึ่งมีหอกติดยาวกำลังขับไล่ตามอย่างบ้าคลั่งในความมืดมิดของราวป่า

สิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วราวกับกระพริบตาชณะที่เขากำลังจ้องมองใครสักคนที่เดินตรงมายังเขาแสงสว่างจากไฟส่องจากด้านหลังชายร่างใหญ่เป็นเงามืดจึงไม่อาจเห็นใบหน้าได้ ภาพนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วแต่คนที่เร็วกว่าเห็นจะเป็นองครักษ์ทั้งสองของเขาซึ่งพุ่งตัวพาเขากลิ้งหลบใต้โซฟาอันใหญ่ซึ่งเขานั่งอยู่ก่อนหน้าความชุลมุนวุ่นวายได้บังเกิด เสียงขวดแตกโต๊ะล้มดังอยู่รอบตัวทั้งกระสุนปืนที่ปลิวว่อนข้ามหัว

เจ้ายักษ์ที่เดินตรงมาหาเขากำลังฟัดกับหนุ่มร่างสูงลูกสมุนของวิสโก้และอีกหลายคนซึ่งช่วยกันต่อสู้กับพวกที่บุกรุกโดยไม่ได้รับเชิญพวกแวมไพร์แฝงตัวเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เพราะทุกคนมัวแต่ดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน จนขาดความระมัดระวังเขาเพิ่งได้เห็นการต่อสู้ระหว่างหมาป่าและผีดูดเลือดเสียงคำรามดุร้ายของหมาป่าไม่อาจข่มขวัญเจ้าพวกนี้ได้เลยต่างฝ่ายต่างสูญเสียคนของตนเกือบจะพอๆกันหมาป่าที่พลาดท่าพวกผีดูดเลือดมักจะเป็นพวกที่ตั้งตัวไม่ทันเสียมากนอกนั้นพอฟัดพอเหวี่ยงกันทั้งนั้น

“เจ้าชายเราต้องไปกันเดี๋ยวนี้แล้ว”การิมเข้ามาช่วยฉุดเจสันและเจ้าชายซึ่งมึนงงกับเหตุการณ์ปืนสั้นในมือของการิมยิงเบิกทางเจ้าพวกดูดเลือดที่ดาหน้าเข้ามาร่วงลงไปไม่ต่ำกว่าห้าคน

ทุกตนล้วงพุ่งตรงมาที่ไคล์กันทั้งนั้น..เสียงตะโกนบอกจุดที่เขาซ่อนตัวอยู่ ทั้งการิมและเจสันต่างช่วยกันฆ่าเจ้าพวกดูดเลือดเพื่อพาเขาออกมาพวกมันหวังที่จะจับตัวเขาไป เพื่อการใดนั้นคงไม่ต้องคาดเดา

เสียงปืนดังไล่หลังมาติดๆแต่มอเตอร์ไซด์ทั้งสองคันก็ยังขับหลบหลีกไปได้อย่างรวดเร็วรถยนต์ของเจ้าพวกนั้นถูกปืนของการิมปัดเป๋เสียหลักหมุนฝุ่นตลบอยู่เบื้องหลังแต่พวกที่บินอยู่บนฟ้าก็ยังไล่หลังมาทั้งพวกพื้นดินอีกไม่ต่ำกว่าห้าคันก็ยังไล่ตามติดมาเรื่อยๆ

“เจ้าชายอีกนิดจะถึงเขตผาหมอก..เราจำเป็นต้องฝ่าเขตแดนของผาหมอกเข้าไปเจ้าชายระวังตัวด้วย” เสียงของเจสันตะโกนแข่งกับสายลมให้เขาได้ยินอย่างนั้น รถสองล้อสมรรถนะเยี่ยมยอดก็ลอยข้ามเนินไปอย่างงดงามน่าหวาดเสียวเจสันมีรูปร่างใหญ่โตกว่าเขามากนัก แทบจะบังเขามิดบนฟ้าที่มีเจ้าพวกดูดเลือดมีปีกซึ่งโฉบมาใกล้ ถูกเขาสอยร่วงไปได้ สองสามตัวแต่พวกที่เหลือก็ยังไล่ล่ามาไม่หยุด

กระสุนปืนพุ่งลงพื้นดินไล่หลังเฉียดล้อไปอย่างหวาดเสียวเสียงร้องของการิมซึ่งโดนกระสุนจากเจ้าพวกไล่ล่าล้มคว่ำไป เจสันมองกระจกหลังเห็นดังนั้นก็เบรก เลี้ยวกลับมาช่วยเพื่อนตามคำสั่งของไคล์ที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งที่อีกนิดเดียวจะถึงเขตผาหมอกก็ไม่มีทางเลือกแล้ว เจสันปลดหมวกนิรภัยอย่างรวดเร็วรวบรวมพลังจากท้องน้อยมาสู่ลำคออวบใหญ่ เปล่งเสียงกังวานก้องไปทั้งหุบสัญญาณเรียกฝูงผาทิวสน เสียงนั้นกังวานสะท้อนไปไกล ไคล์กระโดดม้วนตัวลงจากรถสู่พื้นนิ่มนวลอาวุธประจำตัวถูกชักจากสองข้างเอวมันคือมีดสั้นยาวหนึ่งฟุตเป็นอาวุธที่เขาใช้ถนัดมือและแคล่วคล่องที่สุดชายหนุ่มตะลุยบุกเข้าไปเพื่อช่วยการิมซึ่งถูกเหล่าผีดูดเลือดห้อมล้อม

กว่าจะถึงจุดที่การิมเสียหลังล้มคว่ำไปนั้นเขาก็ฆ่าผีดูดเลือดไปได้หลายตัวดาบสั้นหลอมจากไม้กางเขนและน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นอาวุธที่หมาป่าทุกตัวมีไว้ป้องกันตัว นอกจากจะคมกริบแล้วเพียงแค่ปักเข้าส่วนใดของพวกผีพวกมันก็เกิดอาการชักดิ้นชักงอ ไฟสีส้มเผาผลาญตัวมันเองให้เป็นเถ้าถ่านโดยง่ายแต่ก็เฉพาะพวกลิ่วล้อที่ยังไม่มีอาคมแข็งแกร่งเท่านั้นพวกที่แก่กล้าแล้วต้องตัดหัวเพียงอย่างเดียว

การิมตกอยู่ในวงล้อมของพวกผีดูดเลือดซึ่งกำลังรุมทำร้ายอย่างน่าสยองเลือดจากบาดแผลที่โดนคมมีดจากฝ่ายผีดูดเลือดอาบไปทั้งร่าง ไคล์จัดการเจ้าพวกที่ล้อมการิมแต่กระนั้นเจ้าพวกที่เหลือก็ดาหน้าเข้ามาพวกมันชะงักเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเจสันพวกมันมีไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน ต่างห้อมล้อมทั้งสามคน หมายจะเอาตัวไคล์ไปให้ได้

เสียงเปรี้ยงดังสนั่นเจ้าพวกผีดูดเลือดชะงัก เมื่อสิ้นเสียงก็ปรากฏร่างชายฉกรรจ์ราวสิบคนกระจายตัวในอาวุธที่ครบมือ ความช่วยเหลือจากการส่งสัญญาณของเจสันมาได้ทันท่วงที

“พวกแก..รนหาที่ตายกันสินะ” ชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวสะอาดเหยียดยิ้มเย้ยหยันกวาดตามองพวกผีดิบซึ่งยืนรายถอยร่นจากการห้อมล้อมทั้งสามคนออกไป

สีหน้าที่เฉยชาไร้ความรู้สึกของพวกผีดิบยากที่จะเดาว่าพวกมันกริ่งเกรงจะสู้ต่อหรือจะถอยนอกการอาการถอยออกไปรวมตัวกันนั้นทำให้พวกที่เหลือปักหลักตั้งรับการจู่โจมของผู้บุกรุกโดยทันที

“คนของผาหมอกหรือ..ทำไมยื่นมือเข้ามายุ่ง”เจ้าตัวหัวหน้าผู้ไร้ซึ่งเส้นผมตวาดเสียงดังด้วยโทสะหงุดหงิด

กำลังจะได้ตัวเหยื่อที่มีค่าอยู่แล้วทีเดียวทำไมพวกผาหมอกถึงได้ยื่นมือเข้ามา

ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหวานราวกับสตรีก้มลงมองปลายเท้าของเจ้าโล้นในเชิงว่าก้มดูทีส้นตีนที่ยืนอยู่ ถิ่นใคร..เจ้าโล้นมองตามสายตาหนุ่มหน้าสวยจากสีหน้าไร้ความรู้สึกกลับมีสีหน้าตระหนก มันขยับเท้าตั้งมั่นสบตากับหนุ่มหน้าสวยริมฝีปากสะแหยะยิ้มหมิ่นแคลน

“ที่ไหน กูยังอยู่ในเขตของท่าเรือดินแดนเสรีมึงอย่ามาใส่ความกู”มันเถียง หนุ่มหน้าสวยสบถพรืด มือแข็งแรงยกขี้นชี้หน้าทั้งฉุนทั้งขำกับความแถของมัน

“เมื่อกี้มึงยังยืนอยู่ถิ่นของกูไอ้เวร..ยังจะมาเถียงข้างๆคูๆ”

“แล้วมึงจะเอาไง..ไอ้คนนั้นกูจะเอา..มึงจะมายุ่งทำไมไอ้หน้าสวย” เจ้าโล้นบุ้ยใบ้ไปยังไคล์ซึ่งยืนนิ่งอยู่พอถูกพาดพิงเขาก็ถอนหายใจพรืด

“มึงจะเอากู..ถามกูสักคำไหมกูจะเอามึงละเปล่า”

“กูไม่สน..มึงสามคนเป็นเหยื่อของกูเด็กๆกูชอบ”

ทั้งสามคนหันไปมองหน้ากันด้วยความรู้สึกอยากกระทืบไอ้โล้นเสียจริงๆ เจ้าโล้นมองทั้งสามคนอย่างกระหายมันละสายตาเหยื่อมาเจรจากับหนุ่มหน้าสวยอีกครั้ง

“พวกข้าไม่ต้องการต่อสู้กับพวกแก..ส่งสามคนนั้นมาแล้วเราจะไป”

“สงสัยจะไม่ได้วะมึง..เด็กเขาอยู่ในถิ่นกู..บังเอิญกูก็อยากได้เหมือนมึงมั่ง”หนุ่มหล่อยิ้มยียวนไม่มีทีท่าเกรงกลัวไอ้โล้นกับพรรคพวกที่มีมากกว่าด้วยสักนิด

ไคล์มองหนุ่มหน้าสวยซึ่งมองเขายิ้มกวนส่งมาให้ส่วนเจสันกับการิมยิ้มนิดๆทีมุมปากอย่างพอใจกับคำพูดของหนุ่มนั่นไคล์ไม่รู้จักว่าคนนี้คือใคร ลักษณะการแต่งตัวต่างจากคนของผาทิวสนตัวใหญ่หนากว่าหนุ่มๆผาทิวสนที่ดูอ้อนแอ้นเป็นส่วนมาก ลักษณะการเจรจาโผงผางผิดกับหน้าตาที่สะสวยน่าจะเดาได้ไม่ยาก เขาคือลีโอจ่าฝูงผาหมอก..ถ้าเขาเดาไม่ผิด

“มึงอย่าทึกทักไอ้หล่อ..”เจ้าโล้นชี้หน้า

“ขอบใจโว้ยที่ชมกูหล่อ..สาวๆหลงกูทั้งนั้นล่ะ”เจ้าตัวคุยโอ่ “ผู้ชายกูก็ไหวนะถึงจะถึกๆก็เหอะ” เจ้าตัวพูดแล้วก็แอบไปทำหน้ากระอักกระอ่วนก่อนจะหลุดขำพรืดๆพลอยให้ลูกสมุนที่ติดตามมาหัวเราะกันลั่น

“กูไม่ขำ..ถึงไม่หล่อเท่าแต่กูก็ไม่อยากได้มึงหรอกไอ้ขี้คุย”

“เอาเหอะกูจะหลับหูหลับตาละกัน..”เสียงหัวเราะขบขันจากหมาป่าผาหมอกยิ่งทำให้เจ้าโล้นยิ่งหงุดหงิด พระจันทร์คล้อยต่ำลงไปมากแล้วหากยังโอเอ้อยู่เห็นจะไม่ทันการณ์ ถึงจะแก่กล้าเพียงใดก็ไม่อาจสู้แสงอาทิตย์ได้ เลือดพวกหมาป่าไลแคนเป็นสิ่งที่พวกมันตัองการอย่างยิ่งมันทำให้พวกมันสามารถที่จะทนอยู่ในแสงสว่างได้แต่มันยังไม่ก้าวหน้าถึงเพียงนั้นได้มากสุดก็แสงร่ำไรยามเช้า แต่ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นตรงเมื่อใดพวกมันก็ไม่สามารถทนได้ซึ่งลีโอรู้ดี เขาจึงล้อเล่นถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ ไม่ได้หวาดกลัวว่าแวมไพร์มีคนมากกว่า

“น่าเสียดายที่เผ่าพันธุ์ของมึงมีแต่พวกวิปริตมิน่าถึงได้แพร่พันธุ์ได้น้อย” เจ้าโล้นเป็นฝ่ายหัวเราะบ้างลีโอยิ้มกริ่มไม่สะท้านกับคำปรามาสของแวมไพร์ทว่าเขากลับส่งสัญญาณให้สมุนกระจายตัวออกไปพร้อมที่จะจัดการกับพวกบุกรุก

“กูให้โอกาสมึงแล้วนะไม่ต้องรอพระอาทิตย์ขึ้นหรอกมึงจะดับด้วยพวกกูนี่แหละ” หนุ่มหน้าสวยกระโดดไปเบื้องหน้าพร้อมกับร่างที่เปลี่ยนเป็นหมาป่าตัวใหญ่พร้อมกับลูกสมุนทั้งหมด แม้แต่เจสันและการิมก็แปลงร่างเข้าร่วมต่อสู้ด้วยเหลือเพียงไคล์ซึ่งยังคงร่างมนุษย์ แต่ก็เข้าไปช่วยสู้กับพวกแวมไพร์อย่างห้าวหาญไม่แพ้กัน..

ฝากหนึ่งของป่าซึ่งมีหิมะปกคลุมร่างของหมาป่าอีกหลายสิบตัวก็โผล่ออกมา แต่ละตัวพ่วงพี ฟันแหลมคมกระโจนเข้าฟัดเหล่าแวมไพร์จนกระเจืดกระเจิงเป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลยแขนขาของทั้งแวมไพร์และหมาป่าขาดเกลื่อนพื้นหิมะที่เย็นเฉียบ

เมื่อมีผู้มาสมทบฝ่ายแวมไพร์จำต้องล้าถอยจากยี่สิบกว่าคนเหลือไม่ถึงครึ่งทั้งยังสะบักสบอมพวกมันพุ่งตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าคล้ายกับผ้าผืนใหญ่สีดำแต่ก็บินไปแบบกระปลกกระเปลี้ยจากคมเขี้ยวของหมาป่าซึ่งไม่แน่ใจว่าจะบินหนีไปได้ทันก่อนที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือไม่หมาป่าจำนวนหนึ่งวิ่งตามไล่ล่าเหล่าแวมไพร์ไปเพื่อจัดการให้สิ้นซากตามคำบัญชาของจ่าฝูง

“มาช้าตามเคยนะเซย์..”ลีโอตบไหล่ชายหนุ่มหน้าหวานซึ่งกลายร่างจากหมาป่ามาเป็นมนุษย์ปกติริมฝีปากฉ่ำไปด้วยเลือดสดๆเจ้าตัวใช้หลังมือเช็ดดวงตาแข็งกร้าวค่อยๆปรับสู่ภาวะปกติ

“นี่ก็ไวที่สุดแล้วนะ..ยังทันได้เล่นสนุกอยู่นี่” เซย์หัวเราะไปกับคำพูดเย้าแหย่ของเพื่อน

เซย์หันมารับการคำนับจากเจสันและการิม และหันมาก้มศีรษะให้กับไคล์ด้วยศักดิ์เสมอกัน

“ขออภัยเจ้าชายผมกำลังจะให้คนมาอารักขาก็พอดีเจ้าพวกตัวซีดบุกมาเสียก่อน อ้อ..ผมเซบาสเตียนอเล็กซานเดอร์ เรเวน นั่นลีโอนายใหญ่แห่งผาหมอกมิตรที่ดีของผาทิวสน“

“ยินดีที่ได้พบครับจ่าฝูงทั้งสอง”ไคล์สัมผัสมือกับนายใหญ่แห่งฝูงหมาป่าทั้งสองซึ่งยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับสมาชิกเผ่าพันธุ์เดียวกัน

“ นายใหญ่เซย์ผมควรจะได้พบกับคุณตั้งนานแล้วขออภัยที่ไม่ได้ไปหาที่กองบัญชาการเสียที”

“ไม่เป็นไรหรอกครับท่านไพรอนรายงานเรื่องของเจ้าชายมาที่ผมเสมอ อีกอย่างผมไม่ค่อยอยู่ที่นั่นหรอกครับ..ถ้าคุณจะพบคงต้องนัดเจอตามยอดผาไม่ก็ตามแนวชายแดน “ เซย์ยิ้มกริ่มสีหน้าพอใจที่ได้พบ หนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันเจ้าชายพลัดถิ่นผู้เป็นเสมือนน้องชายของเขาคนหนึ่ง หากว่าราชินนีเนเฟอราจะไม่ตายโศกนาฎกรรมที่กลายเป็นประวัติศาสตร์จารึกในบันทึกของเผ่าพันธุ์ เขากับไคล์ก็คงเป็นเพื่อนกันแม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกว่าไคล์คือเพื่อนโดยไม่ลังเลเลย

ไคล์เข้าใจในสิ่งที่เซย์พูดจ่าฝูงผู้ที่ใครๆก็รู้วันๆออกลาดตระเวนร่วมกับเหล่าทหารคู่ใจไม่เคยพำนักอยู่แต่ในกองบัญชาการนานเกินสองวัน

“ไหนๆก็มากันแล้วไปกินข้าวบ้านข้าเหอะจะได้คุยกันให้สำราญบันเทิงใจเชิญครับเจ้าชาย” ลีโอผายมือให้เกียรติแก่ไคล์ในการเดินนำหน้าส่วนตัวเขาและเซย์ ขนาบซ้ายและขวา

และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นมิตรภาพที่อบอุ่นแน่นแฟ้นเจ้าชายผู้ไม่มีเพื่อนศักดิ์โดยสายเลือดเสมอกันก็ได้พบกับพี่น้อง ไล่เรียงกันแล้วทั้งสามตระกูลนั้นเกี่ยวโยงเป็นญาติกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษหากจะทำชาร์ทของต้นตระกูลขึ้นมาคงปวดหัวพิลึกจ่าฝูงลีโอผู้มีเส้นผมยาวสลวยตัดเล็มอย่างประณีตร่างกายกำยำมัดกล้ามสวยงามสมส่วนเป็นคนที่มีอารมณ์สนุกสนานเมื่ออยู่กับเพื่อนฝูงแต่เมื่อรับหน้าที่จ่าฝูงกับลูกน้อง ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดรวดเร็ว ว่ากันตามจริง ลีโอเป็นพวกบ้าพลังเอามากๆผิดกับจ่าฝูงผาทิวสนซึ่งสุขุมนิ่งเงียบจนเดาไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ผาหมอกเป็นชุมชนขนาดพอๆกับผาทิวสนหน้าผาสูงสีน้ำตาลอมส้มสูงลิบลิ่วทางเข้าของผาหมอกคือถ้ำขนาดใหญ่เมื่อก้าวเข้าไปข้างในก็ดูคล้ายกับรังผึ้งแต่ละชั้นรอบๆปล่องหน้าผาคือที่พำนักของเหล่าบริวารภายใต้การปกครองของลีโอ เพดานถ้ำสูงลิบลิ่วแสงสว่างจากปากปล่องมองเห็นแสงรำไรเท่านั้นปากถ้ำใหญ่ ลานหินเรียบสีดำเป็นมันแสดงให้เห็นว่า สถานที่นี้เป็นที่เรียกประชุมมันใหญ่พอๆกับสนามฟุตบอลเลยทีเดียว

ชุมชนประชากรของลีโอเท่าที่ประเมินด้วยสายตามีไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตัวไม่นับรวมเด็กเล็กและสตรี เด็กๆวิ่งกรูเข้ามาห้อมล้อมลีโอเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาหมอนั่นอุ้มเด็กหญิงผมหยิกตากลมใสราวกับตุ๊กตาขึ้นมามือลูบหัวเด็กๆชายหญิงที่ล้อมหน้าล้อมหลังมุมอ่อนโยนของลีโอดูละมุนละไมผิดกับท่าทางวางโตลิบลับ

“เด็กรุ่นใหม่ของเราไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่หรอกเจ้าชายเจ้าพวกนี้ได้สายพันธุ์จากแวร์วูลฟ์พวกนี้มียีนส์ที่แข็งแกร่งทนทานต่อสภาพที่เปลี่ยนไป” ลีโอส่งยัยหนูผมฟูให้บิดามารดาที่แท้จริงพลางอธิบายให้เขาทราบ

เท่าที่สังเกตชุมชนของผาหมอกจะไม่ค่อยออกไปกลางแจ้งเท่าใดนักภูมิประเทศที่นี่อยู่ในที่สูง ลีโอเดินนำขึ้นบันไดวนขึ้นมาถึงชั้นบนสุด แต่ละชั้นที่เดินผ่านไปแต่ละชั้นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราผิดกับสภาพที่เป็นอยู่มากนัก บันไดหินอ่อนสีดำปูลาดตลอดทุกชั้น ชั้นที่พำนักของลีโอเมื่อก้าวเข้าไปก็สัมผัสเข้ากับความหอมระรื่นของกลิ่นสดชื่นของดอกไม้ประดับประดราวกับเดินเข้าไปในสวนซึ่งตกแต่งอย่างประณีตงดงาม วัสดุเครื่องใช้ไม่ว่าจะเป็นลานอ่างน้ำพุรูปปั้นหินอ่อนละอองน้ำสีเขียวอมฟ้ากระจายกลิ่นหอมซึ่งปรุงอย่างดีเลิศรสนิยมหรูหราไม่เบาเลย จ่าฝูงลีโอ

“ยินดีต้อนรับสู่วังผาหมอกครับเจ้าชาย..”



Smiley รอกันนานไหมเหล่าท่าน.. ถ้างานเยอะก็เขียนได้น้อย บางทีจดใส่สมุดไว้ทำหายก็ต้องมาคิดใหม่อีก..ข้อแก้ตัวเยอะน่อ..เอาว่ากระพ้มจะเขียนไปเรื่อยๆละกันเนาะ


Smiley ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ..




Create Date : 23 มิถุนายน 2558
Last Update : 2 กรกฎาคม 2558 14:45:14 น.
Counter : 488 Pageviews.

2 comments
  
หากท่านมาเขียนให้ได้อ่าน ถึงจะนานเท่าไหร่เหล่าเราก็จะรออ่าน หุ หุ หุ
โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.78.248 วันที่: 24 มิถุนายน 2558 เวลา:17:21:08 น.
  
แหะๆ ชักเขินๆ ขอบคุณ (ดอกฝิ่น) เหลือเกินที่แซวมุข แก้ตัวผู้เขียน

ขอบคุณครับ
โดย: wynterblue (wynterblue ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2558 เวลา:15:28:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wynter289
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]