Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
7 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
The Artist

Adapt or die



กำกับ/ เขียนบท : Michel Hazanavicius
นำแสดง : Jean Dujardin, Bérénice Bejo, John Goodman
ความยาว : 100 นาที
ระดับความชอบ : 9.75/10

ตั้งแต่ได้ดูหนังตัวอย่างก็บอกตัวเองว่าต้องดูหนังเรื่องนี้
แล้วก็ได้ชมในวันประกาศผลรางวัลออสการ์ เรื่องนี้คว้า 5 คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับ ดารานำฝ่ายชาย เสื้อผ้า และเพลงประกอบยอดเยี่ยม

ดูที่โรงสกาล่าชั้นบนสุดราคา 120 บาท ตอนแรกนึกว่าราคาเดียวทั้งโรงฯ เหมือนเช้าวันเสาร์ แต่ก็ไม่เป็นไร ราคายอมรับได้และไม่ต้องเบียดกับใคร เพราะเขาซื้อ 100 บาทกันเป็นส่วนใหญ่
มาไวเลยได้อ่านรายละเอียดโรงหนังป้ายบอกว่ามีความจุ 904 ที่นั่ง 

หนังเป็นเรื่องราวที่เกิดใน Hollywood ปี 1927 ยุคนั้นเป็นยุคของหนังเงียบ 
George Valentin เป็นดาราหนังเงียบที่โด่งดังมาก 
จนหนังมีเสียงเข้ามาในไม่กี่ปีต่อมา เขาไม่ยอมเล่นหนังพวกนั้น แถมหัวเราะเยาะแนวหนังที่กำลังจะมาใหม่ 
นอกจากนั้นเขาพยายามสวนกระแสโดยเอาเงินที่มีอยู่มาทำหนังเงียบสู้กับหนังมีเสียง แล้วก็สิ้นเนื้อประดาตัว

ในเวลาเดียวกัน Peppy Miller ที่เป็นแฟนหนังของพระเอก เข้าวงการด้วยการเต้น ไต่เต้าจากตัวประกอบจนมาเป็นนางเอกโด่งดังในหนังมีเสียง เป็นช่วงเวลาเดียวกับการตกต่ำของพระเอก
พระเอกขายสมบัติทุกอย่าง และคนที่ซื้อคือนางเอก

จนเมื่อตกต่ำสุดขีด พระเอกเผาฟิล์มหนังที่ตัวเองแสดงนำ แล้วก็สำลักควัน สุนัขที่แสนน่ารัก (น่าจะพันธุ์เดียวกับในเรื่อง Tin Tin พันธุ์นี้ชื่ออะไรนะ?) วิ่งมาบอกตำรวจให้ไปช่วย ด้วยการทำท่าตาย แล้ววิ่งนำไป จนช่วยชีวิตพระเอกได้
ตอนขึ้นไปรับรางวัลออสการ์หนังยอดเยี่ยมสุนัขตัวนี้ขึ้นไปรับรางวัลด้วยครับ

ความเด่นของหนังเรื่องนี้คือเป็นหนังขาวดำ และเป็นหนังเงียบ ไร้เสียงพูด มีเพียงเสียงเพลง แต่ก็จะมีบทเป็นตัวหนังสือเป็นระยะๆ  
สิ่งที่นักแสดงต้องทำคือแสดงสีหน้า ท่าทางออกมา และทุกคนก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก

เนื้อเรื่องง่ายๆ แต่สื่อได้ดีมาก
การยึดติดกับความสำเร็จในอดีต ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอันเป็นธรรมดาของโลก เมื่อพยายามสู้ก็จะเป็นการฝืนธรรมชาติ แล้วคนที่เจ็บปวดคือคนที่ไม่ยอมรับความจริง

นึกถึงคำที่พระเอกในเรื่อง Moneyball พูดกับทีมแมวมองว่า "Adapt or die" 
ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีแค่สองทางเลือกเท่านี้แหละครับ
ฟังดูเหมือนง่ายถ้าเราถอยออกมามองสถานการณ์นั้นๆ แต่ ณ วินาทีนั้น หลายครั้งเราก็เลือกผิด
มีสติต่อสถานการณ์ต่างๆ ผมเชื่อว่าเราเลือกได้
เพราะเราอาจไม่โชคดีเหมือน George Valentin ที่มีคนรักจริงและพร้อมจะช่วยเหลือเขาเมื่อเขาเลือกผิด

เป็นหนังที่ได้รางวัลและถูกใจผมครับ สำหรับออสการ์ปีนี้

มีความสุขทุกคนครับ

ปล.1 สองปีที่ผ่านมาหนังที่ได้ออสการ์ไม่ใช่หนังที่ผมชอบที่สุด ที่ชอบในปีก่อนๆ คือ The Fighter และ District 9
ปล.2 สามปีที่แล้วหนังที่ได้ออสการ์เป็นหนังในดวงใจผมเลยครับ Slumdog Millionaire


Create Date : 07 มีนาคม 2555
Last Update : 7 มีนาคม 2555 12:05:59 น. 7 comments
Counter : 2477 Pageviews.

 
เพิ่งดูมาเมื่อวันอาทิตย์

เนื้อเรื่องแสนจะธรรมดา ออกไปทางสูตรหนังเก่า โบร่ำโบราณด้วยซ้ำ แต่ ในความธรรมดา มีลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ หยอดใส่

อีกทั้ง ได้ดูหนังเงียบ ในแบบที่คนสมัยก่อนเขาได้ดู เมื่อครั้งระบบเสียงต่างๆยังไม่ดีเท่าสมัยนี้ ยอมรับว่า มีเบื่อๆบ้าง เพราะมันเงียบอ่ะ แต่ คิดอีกที ได้ดูหนังแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เคยชินแต่กับ หนังเสียงดังๆรายละเอียดเยอะ มา เงียบ แบบนี้ดูซะบ้าง


โดย: วิสุทธิ์กษัตริย์ วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:15:44:14 น.  

 
ปกติผมไม่ค่อยถูกโรคกับหนังขาวดำและหนังเงียบแต่กับเรื่องนี้ชอบมากครับ หนังมีเสน่ห์ ดนตรีประกอบเพราะ แถมเก๋ได้อีกในบางตอน สมกับออสก้าร์แล้วล่ะครับ


โดย: Nanatakara วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:17:49:42 น.  

 
ผมชอบท่าเต้นของ ดูจาร์แต็ง มาก เต้นแล้วมีเสน่ห์มาก


โดย: A-Bellamy วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:18:48:35 น.  

 
ทำไมเรื่องนี้ตัวเองชอบการแสดงของนางเอกBerenica Bejo
มากกว่าพระเอกJean Dujardin ก็ไม่รู้
มีความรู้สึกว่านางเอกแสดงเก๊งเก่ง ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีจัง
ส่วนพระเอกชอบเวลายิ้ม ดูมีเสน่ห์มาก และชอบเวลาพระเอกเต้นจังเลยค่ะ
ขนาดบอกว่านางเอกได้ดีก็เพราะไต่เต้ามาจากตัวประกอบท่าเต้นนี่เแหละ
แต่เวลาเต้าคู่กันกับพระเอกเห็นได้ชัดเลยว่า พระเอกเต้นได้เหนือชั้นกว่าจริงๆ
เรื่องนี้เนื้อเรื่องเรียบง่ายมาก ไม่มีอะไรซับซ้อน
เป็นแค่คนๆหนึ่ง ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองตามการเปลี่ยนแปลงของโลก
แล้วก็ต้องเป็นทุกข์ แต่โชคดีที่พระเอกมีคนแวดล้อมเป็นกัลยาณมิตร
ตั้งแต่หมาน้อย Uggy ที่ไม่เคยทิ้งพระเอกเลยไม่ว่าพระเอกจะเป็นยังไง
แถมช่วยชีวิตพระเอกอีกต่างหาก ฉากที่หมาน้อยอั๊กกี้
นอนบนเตียงในโรงพยาบาลกับพระเอก น้ำตาซึมเลยค่ะ เพื่อนไม่ทิ้งกันจริงๆ
แต่ฉากที่ถึงกับอึ้ง จุก พูดไม่ออกเลยก็คือ ฉากที่พระเอกถามคลิฟตันคนขับรถว่า
ได้รับค่าจ้างครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แล้วคลิฟตันตอบว่าเมื่อ1 ปีมาแล้ว
จุก อึ้งเลยค่ะ ช่างจงรักภักดีจริงๆ อยู่รับใช้โดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
แล้วยังมีนางเอกอีก ที่รักและห่วงใยพระเอกอย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลง
และสิ่งที่ทำให้พระเอกสามารถลุกขึ้นได้อีกครั้ง ก็เพราะมีคนที่รักพระเอกด้วยใจจริงนี่แหละ
หนังจบแบบfeel good แต่ทำไมตัวเองไม่รู้สึกไม่ประทับใจเท่าไหร่ก็ไม่รู้
อาจจะเพราะพอดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงหนังของชาร์ลี แชปลิน ก็เป็นได้
โดยเฉพาะเรื่องที่ชาร์ลี แชปลิน ไปต่อยมวยเพื่อหาเงินมาช่วยสาวขายดอกไม้ตาบอด
ทำไมถึงได้ชอบมากกว่าThe Artist ก็ไม่รู้ สงสัยคงดูหนังไม่ค่อยเป็นแน่เลย




โดย: มะนาวเพคะ IP: 101.109.181.107 วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:19:58:19 น.  

 
^
แค่อ่านเรื่องชาร์ลี แชปลิน ที่คุณบอกมาก็อยากดูแล้วครับ คงจะสนุกนะครับ


โดย: คนขับช้า IP: 171.7.245.216 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:6:28:17 น.  

 
สนุกค่ะ เรื่องที่พูดถึงคือเรื่องCity Lights ค่ะ
มะนาวชอบจิ้มยูทูปดูฉากที่ลุงชาร์ลีต่อยมวยค่ะ
ตลกมากเลยค่ะ กระโดดหยองๆหลังกรรมการ
ดูแล้วหัวเราะอั๊กๆเลยค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 101.109.188.158 วันที่: 9 มีนาคม 2555 เวลา:21:20:01 น.  

 
^
แล้วจะไปกดชมบ้างนะครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:4:39:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนขับช้า
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ย้ายมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖

เคยมาเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘

เคยมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗

เคยเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๒

ย้ายที่ทำงานในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๖
เคยเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๕

เคยเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙

เคยเป็นคนระยอง ตั้งแต่ ๒๕๓๗
Friends' blogs
[Add คนขับช้า's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.