Hugo
ชีวิตที่มีปม
กำกับ : Martin Scorsese เขียนบท : John Logan (screenplay), Brian Selznick (book) นำแสดง : Asa Butterfield, Chloë Grace Moretz, Christopher Lee ความยาว : 126 นาที ระดับความชอบ : 8.25/10
เป็นเรื่องที่ 7 ใน 9 เรื่องบนเวทีออสการ์รอบสุดท้ายที่ผมได้ชม หนังเรื่องนี้ฉายในระบบสามมิติเท่านั้น เลยได้ชมช้าหน่อย เพราะราคาตั๋วแพงและต้องสวมแว่นตลอดการชม สุดท้ายเลยมาดูวันพุธ ตั๋วถูกหน่อย 190 บาท
หลายเสียงชื่นชมหนังเรื่องนี้ เลยเกิดความคาดหวัง รายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้กำกับและ Producer ร่วมอย่าง Johnny Depp เรียกความสนใจขึ้นมาได้อีกเยอะทีเดียว
เป็นเรื่องในสถานีรถไฟใน Paris ที่มีเด็กน้อย Hugo เป็นผู้ดูแลนาฬิกาเรือนใหญ่ กลไกต่างๆ ในนาฬิกาแสดงด้วยระบบสามมิติตื่นตาตื่นใจจริงๆ หนังเรื่องนี้จึงได้ออสการ์ในเรื่องเสียง ภาพ และ Special Effect
โดยส่วนตัวไม่ค่อยถูกใจในเนื้อเรื่องเท่าไหร่ เหมือนขาดหายอะไรบางอย่าง อยู่ๆ คนขายของเล่นก็มาเป็นอดีตผู้สร้างหนัง แล้วเจ้าหุ่นที่พยายามซ่อมเพื่อจะได้ทราบปริศนาจากพ่อประเด็นนี้ก็หายไปเลย กลับไปฟื้นชีวิตของอีกคนมาแทน
ชอบฉากตอนที่ Hugo พาเด็กหญิงไปบนนาฬิกา จ้องมองหอไอเฟล เด็กหญิงรำพึงถึงชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ เลยมีคำนี้จากปาก Hugo "หากเปรียบโลกเป็นเครื่่องจักรกล มนุษย์เป็นฟันเฟือง เท่าที่รู้ไม่มีฟันเฟืองตัวไหนไม่สำคัญ" โดนครับประโยคนี้
Hugo มีฝีมือในเรื่องการซ่อมกลไกต่างๆ สุดท้ายเลยซ่อมให้หุ่นยนต์เขียนหนังสือทำงานได้ แต่ก็ต้องเอากุญแจรูปหัวใจที่ห้อยคอเด็กหญิง สุดท้ายตุ๊กตาไม่เขียนประโยคจากพ่อกลับวาดรูป
เนื้อเรื่องของคนทำหนังก็มีที่มาที่ไปดี เขาเป็นคนกล้าที่จะทำตามความฝัน โดยทิ้งอาชีพที่มั่นคงมาเป็นคนทำหนัง ซึ่งเขาและภรรยามีความสุขมาก แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดกิจการ
ตัวละครอีกหลายตัวที่น่าสนใจ เช่น บรรณารักษ์ ที่ทราบหนังสือแทบทุกเล่ม ศาสตราจารย์ผู้คลั่งไคล้คนทำหนังจินตนาการสูง แล้วก็มาค้นหาตัวจริงจนได้
เป็น 3D ที่คุ้มค่าดีครับ ถ้าบทแข็งแรงขึ้นมาอีกนิดจะ Perfect มาก
มีความสุขทุกคนครับ
Create Date : 07 มีนาคม 2555 |
|
5 comments |
Last Update : 7 มีนาคม 2555 18:27:05 น. |
Counter : 2472 Pageviews. |
|
|
|
|
ผมก็เป็นนักดูหนัง ผมเข้าใจเลยครับว่า หนังเรื่องนี้ บทโหว่ จริงๆ ค้นหาความลับอยู่ดีๆ ก็ไปไหนก็ไม่รู้
แต่ถ้าลองวิเคราะห์จริงๆ หนังเรื่องนี้กำลังจะนำเสนอแต่เพียง จอร์จ เมลิเยส์ เพียงอย่างเดียว
มันเหมือนเป็นยาน้ำสำหรับเด็กๆ ครับ ที่มันหวานแต่มีประโยชน์ เพราะเราจะได้รู้จัก นักทำหนังที่ยิ่งใหญ่ คนนี้ คนที่ทุกคนลืมกันไปแล้ว
ถ้าไม่มีคนนี้ เราอาจจะไม่ได้ดูหนังแบบนี้
เหมือนจะมาแก้ตัวให้ยังไงก็ไม่รู้ แต่ผมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งในหนังและหนังสือ มันคือ แค่องค์ประกอบย่อยครับ ประเด็นหลักคือการยกย่อง จอร์จ เมลิเยส์
มันจึงเหลือประเด็นให้คนดูคิด 2 ทาง คือ อิน กับ ไม่อิน
ถ้าอินคือชอบ จอร์จ เมลิเยส์ หนังจะสนุก
ถ้าไม่อิน จะบอกว่า หนังอะไรไม่รู้ไม่สนุกเลย