ภาพนี้เป็นภาพที่ผมวาดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 แล้วละครับ
ผมตั้งใจวาดและเก็บไว้อย่างดี(...หรือเปล่าหนอ?)
.................จนอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อไม่กี่วันนี้เอง (ค.ศ.2010)
สายโซ่คล้องรูปนี้ก็ขาด ทำให้รูปหล่นขมำทับกับพนักพิงเก้าอี้จนภาพฉีก
ผมยืนมองภาพพร้อมกับฟังเสียงหล่นที่ไม่รู้ว่าดังขนาดไหน
แต่มันก้องกังวานในหัวผมมาก จนไม่แน่ใจว่าจะสะท้อนไปถึงแห่งหนตำบลใด
สอบถามเพื่อนๆในห้องศิลป์แล้วบางคนก็บอกให้ซ่อม
บางคนก็บอกให้เก็บไว้แบบนี้แหละ เอาไว้เป็นความทรงจำ
เพราะถ้าซ่อมยังไงก็มีรอยตำหนิ อารมณ์ของรูปจะไม่เหมือนเดิม ทำใหม่ดีกว่า
พี่ๆเพื่อนๆบอกว่า " กระบี่อยู่ที่ใจ " กลัวอะไร
ผมจึงได้ข้อสรุปตามนั้นว่า........ทำใหม่ดีกว่า
ภาพนี้เป็นภาพสีน้ำมันครับ ไม่ใช่สีน้ำของมันหรือใครที่ไหน (สีเราทั้งน้านนนน...)
เป็นภาพที่ผมกำลังตื่นเต้นและสนุกกับการเขียนสีน้ำมัน(ของเรา)
สีที่ผมกว่าจะทำความรู้จักและเรียนรู้ได้ต้องใช้ความพยายามควบคู่กับความอดทนเป็นอย่างมาก
สีน้ำมันเป็นสีที่ผมต้องเสียน้ำตากับมันมาหลายครั้งหลายคราในตอนที่กำลังฝึกฝน
มาวันนี้ผมได้สนิทชิดเชื้อกับสีเหล่านี้ได้ค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม
....แต่ก็ดีกว่าตอนเริ่มต้นเยอะ
ผมวาดภาพนี้ผมไม่ได้ใช้สีๆเดียวนะครับ
ผมไม่ได้ใช้สีขาว สีเขียว สีแดง สีเหลือง หรือสีน้ำเงิน เพียงแค่สีใดสีหนึ่ง
แต่ผมต้องใช้สีที่มีอยู่หลากหลาย มาผสมผสานเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นงานศิลปะขึ้นมา
เพราะโลกใบนี้มีสีสันที่หลากหลาย ถึงแม้จะแตกต่างโทนสี ต่างประเภทก็ตาม
สีที่ผสมกันจะก่อให้เกิดสีสันใหม่ๆขึ้นมาตลอดเวลา
และทุกสีเมื่อรวมกันอย่างเหมาะสมแล้ว ก็จะกลายเป็นภาพศิลป์ที่งดงามเสมอ
งดงามเสมอ..........
แม้แต่งานของคนที่ไม่เคยเรียนด้านทักษะงานศิลป์เลยก็ตาม
ไม่ว่าจะงานเด็ก งานผู้ใหญ่ วาดเป็นหรือไม่เป็น
งานในฟาร์มช้างที่ใช้งวงฉวัดเฉวียนจับพู่กันปาดสีจนเวียนหัว
หรือลิงที่ปีนป่ายไปมาพร้อมกับการตวัดปลายพู่กันจิ้มสีลงบนผืนผ้าใบ
ล้วนแล้วแต่ มีสีสันที่หลากหลายมารวมกันในภาพๆเดียวทั้งสิ้น
นี่แหละครับโลกแห่งสีสัน กับผลงานที่ขาดหวิ่น
การทำภาพใหม่ ผสมสีชุดใหม่ กับประสบการณ์ใหม่ๆ
ย่อมทำให้ภาพนี้สดใส งดงามขึ้นกว่าเดิม ตามประสบการณ์และการฝึกฝน
ภาพเก่าๆกับร่องรอยแห่งอดีต ยังทำให้เรายังฉีกยิ้มได้ทุกครั้งที่เห็น
ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายขาว ดำ สมัยยังเด็ก
จนถึงรูปถ่ายสีที่ซีดๆเหลืองๆแดงๆในวัยเอ๊าะๆ ที่อึ๋มๆ
ไม่ว่าเหตุการณ์ไหนก็ตาม ยิ่งนานวันกลับยิ่งมีคุณค่า สำหรับเราผู้ที่อยู่ในเรื่องราวนั้นๆ
ย้อนกลับมาภาพนี้....
เราอาจไม่ได้มองเห็นแค่ภาพที่ฉาบอยู่บนผืนผ้าใบด้านหน้าเท่านั้น
ภาพที่ผมเห็น กับหลายๆท่านเห็นย่อมแตกต่างกัน
ภาพที่ผมเห็นเป็นภาพแห่งความทรงจำ ความมุ่งมั่นบากบั่น ที่มีค่า
เป็นภาพที่เป็นเสมือนครูที่คอยชี้นำ ย้ำเตือน และสอนใจเพื่อทำให้ดีขึ้น
อีกด้านก็ต้องระมัดระวังคอยตรวจสอบดูแล กับสมบัติชิ้นเก่าให้ดี
เก็บไว้เป็นประสบการณ์ เพื่อไม่ให้ต้องเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเช่นนี้อีก
..............กับภาพอันฉีกขาด ที่ไม่รอวันซ่อม ภาพนี้