bloggang.com mainmenu search





สับปะรดสี




สับปะรดสีเป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์บรอมิลิอาซิอี (Bromeliaceae) พืชวงศ์นี้เป็นวงศ์ใหญ่ ปัจจุบันมีประ มาณ 300 สกุล หรือราว 3,000 ชนิด ไม่รวมพันธุ์ลูกผสมใหม่ๆ จัดอยู่ในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว

มีทั้งที่เป็นพืชบนดินและพืชอิงอาศัยแบบกล้วยไม้ ส่วนใหญ่เจริญเป็นกอ มีลำต้นสั้นๆ ใบเวียนรอบลำต้น ขังน้ำได้ตามกาบใบและส่วนยอด ดอกออกเป็นช่อที่ส่วนยอดลำต้น

จากถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา สับปะรดสีเจริญเติบโตได้ตั้งแต่รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกาไปจนถึงทางตอนใต้ของอาร์เจนตินาและยังพบมากในเม็กซิโก บราซิล ชิลี เปรู โคลัมเบีย และคอสตาริกา มีเพียงสกุลเดียวที่พบว่าเกิดในแอฟริกาตะวันตก คือ สกุลพิตแคร์เนีย (Pitcairnia Feliciana)

การที่สับปะรดสีปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศแบบต่างๆ ได้ดี จึงเป็นที่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ

จัดกลุ่มตามลักษณะความเป็นอยู่ตามสภาพแวดล้อม ในธรรมชาติได้ 3 กลุ่ม ดังนี้

1. พืชบนดิน ทนแล้ง พบตามพื้นดินทรายแนวป่าใกล้ทะเล เป็นไม้อวบน้ำ ได้แก่ สกุลเฮคเทีย (Hechtia) สกุล คริพแอนธ์อัส (Cryptanthus) สกุลพิตแคร์เนีย (Pitcairnea) สกุลอแนนัส (Ananas)

2. พืชอิงอาศัย ชอบชื้น (Tank type) กลุ่มนี้มีความหลากหลายสูง พบได้ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลจนถึงยอดเขาสูง ตามคาคบไม้ใหญ่ ป่าดิบ เขาสูงระดับต่างๆ ที่เรียกสับปะรดชนิดนี้ว่า Tank เพราะใบสามารถเก็บน้ำขังไว้บริเวณกาบใบและยอด

ในกลุ่มนี้ได้แก่ สกุลเอคเมีย (Aechmea) สกุลบิลเบิร์กเอีย (Billbergia) สกุลกุซแมเนีย (Guzmania) สกุลรีซี(Vriesea) สกุลนีโอเรเจลยา (Neoregelia) สกุลนิดอูลาเรีม(Nidularium)

3. พืชอิงอาศัย ชอบแห้ง หรือพืชอากาศแท้ มีสกุลเดียวคือ ทิลแลนเซีย (Tillandsia) จะมีลักษณะเป็นขุยสีเทาเงินปกคลุม ระบบรากไม่พัฒนามาก บางชนิดมีราก 2-3 เส้นไว้ยึดเกาะกิ่งไม้หรือผาหิน โดยไม่ทำหน้าที่ดูดอาหารเลย

สับปะรดสีชนิดนี้ไม่ต้องใช้กระถางปลูก เพียงผูกติดกับตอไม้ แก่นไม้ แขวนไว้ที่ร่มรำไร หรือวางบนตะข่ายโปร่งๆ ก็สามารถเจริญเติบโตได้

การขยายพันธุ์ทำได้โดยการแบ่งหน่อขยายกอ หลังจากสับปะรดสีออกดอก แล้วก็จะแตกหน่อเพิ่มขึ้นจากต้นเดิม เมื่อหน่อมีขนาดครึ่งหนึ่งของต้นแม่ ก็แยกออกมาปลูกได้ โดยใช้วัสดุปลูกที่ระบายน้ำเร็ว เก็บความชื้นได้พอสมควร

ในเมืองไทยนิยมใช้กาบมะพร้าวสับทั้งเปลือก หั่นเป็นชิ้นขนาดต่างๆ แล้วใช้ถ่านหุงต้มก้อนเล็กๆ รองก้นกระถาง อัดรอบต้นด้วยเศษกระถางแตกทุบเป็นชิ้นๆ เพื่อไม่ให้โยกคลอน และไม่ควรปลูกต้นจมลึกลงไปในวัสดุปลูกมากเกินกาบใบล่าง

สับปะรดสีแต่ละสายพันธุ์ต้องการความชื้นไม่เท่ากัน ควบคุมความชื้นในสถานที่ปลูกไม่ให้เกิน 50-70 เปอร์เซ็นต์ มีอากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี ให้น้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ให้ปุ๋ยสูตร 14-14-14 ใส่ที่ผิววัสดุปลูกทุก 3-4 เดือน

แต่สับปะรดสีที่มีใบแผ่เก็บน้ำที่ยอด (Tank type) ไม่ควรใส่ปุ๋ยลงไปในส่วนยอดที่มีน้ำขังอยู่ เพราะความเข้มข้นของปุ๋ยอาจทำลายยอดอ่อนที่กำลังงอกได้

เช่นเดียวกับพืชอื่นๆ ที่อาจมีโรคและแมลงรบกวน สับปะรดสีอาจมีโรคราบางชนิดและโรคยอดเน่าได้ในฤดูฝน หรืออาจพบเพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย รบกวนบ้าง ซึ่งก็สามารถใช้สารป้องกันกำจัดประเภทดูดซึม ผสมน้ำฉีดพ่นตามใต้ใบและซอกใบเพื่อไล่แมลง

หน้า 24


ขอบคุณ
ข่าวสดออนไลน์
น้าชาติ รู้ไปโม้ด


สิริสวัสดิ์อาทิตยวารค่ะ
Create Date :05 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update :5 กุมภาพันธ์ 2555 17:41:03 น. Counter : Pageviews. Comments :0