bloggang.com mainmenu search

นี้คือ 10 สุดยอดรายการสิ่งประดิษฐ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่หลายชนิดน่าตื่นตาตื่น ใจกับคุณสมบัติของมัน แต่ว่าสิ่งประดิษฐ์เกือบทั้งหมดที่ว่าแทบไม่มีใครได้เห็นมันปรากฏตัวต่อ สาธารณะชนเลย มันได้กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน และไม่แน่ใจว่าทำไมสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นถึงได้หายไปหรือทำไมหลายฝ่ายไม่ยอม รับนัก

10. Greek Fire

“ไฟกรีก” เป็นชื่อของอาวุธที่พัฒนาโดย กองทัพเรือไบแซนไทน์ ในสมัยยุคกลาง ประมาณศตวรรษที่ 11 โดยปกติแล้วจะใช้มันต่อสู้กับกองทัพเรือ โดยเปลี่ยนสูตรน้ำมันเผาไหม้ที่ไม่มีวันดับ แม้กระทั้งบนน้ำยังติดไฟ วัตถุดิบที่ใช้จุดไฟและกระบวนการทำนั้นเป็นความลับทางการทหาร และข้อมูลดังกล่าวได้ฃหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากการล่มสลายของไบแซนไทน์ และแม้ว่ามีบันทึกหลายฉบับเขียนกล่าวว่ามันมีการใช้จริง แต่ไม่ค่อยมีใครรู้การทำงานของมัน ในขณะที่องค์ประกอบทางเคมีของไฟกรีกยังคงมีการศึกษาและได้รับความสนใจจากนัก ประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ ท่ามกลางความลึกลับที่ยังไม่สามารถไขออกจน ถึงปัจจุบัน

9. Orgone

พลังงานออร์กอน เป็นรูปแบบการตั้ง สมมุติฐานของพลังงานที่นำเสนอครั้งแรก และฮือฮ่าในช่วงทศวรรษที่ 1930 โดยนักจิตวิเคราะห์ด๊อกเตอร์วิลเฮล์ม รีช ที่อ้างว่าพลังงานดังกล่าวเป็นแนวคิดฟลอยด์ในเรื่องความใคร่ โดยเป็นแรงชีวพลังงานสากลหรือพลังงานชีวิตที่สะสมอยู่ในตัวของมนุษย์ ซึ่งต่อมาเขาได้พัฒนาอุปกรณ์สะสมสำหรับการวิจัย เพื่อใช้พลังงานดังกล่าวรักษาโรคต่างๆ ของผู้ป่วยเช่น มะเร็ง นอกจากนี้เขายังอ้างว่าพลังงานออร์กอน ดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศของธรรมชาติได้อีกด้วย แต่ในปี 1950 องค์กรอาหารและยาไม่ยอมรับการรักษาดังกล่าวพร้อมทั้งสั่งให้ทำลายและลบ ข้อมูลผลการทดลองเกี่ยวกับพลังงานออร์กอนทั้งหมด

8. Perpetual Motion

Dr.Viktor Schauberger (1885—1958) เป็นนักประดิษฐ์และนักปรัชญาชาวออสเตเลีย) เป็นนักประดิษฐ์ที่มีผลงานหลาย อย่างโดยใช้ปรัชญาธรรมชาติ หากแต่ผลงานของเขานั้นไม่เป็นที่ยอมรับในตะวันตก อีกทั้งหลายคนรู้จักเขาในฐานะทฤษฏีสมคบคิดที่ไม่รู้ว่ามันมีจริงหรือ เปล่า(หนึ่งในผลงานที่รู้จักคือคนออกแบบจานิบนยูเอฟโอให้นาซี) โดยหนึ่งในนั้นคือสิ่งประดิษฐ์ที่ครั้งหนึ่งเขาได้อ้างว่าเขาสามารถคิดค้น เครื่องมือหรืออุปกรณ์ ที่เรียกว่า “เครื่องจักรนิรันดร์” โดยสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ชั่วนิรันดร์ โดยไม่ต้องได้รับพลังงานจากภายนอกเลย โดยอุปกรณ์ดังกล่าวเขายังกล่าวเสริมอีกว่าเป็นอุปกรณ์ที่เครื่องไหวตลอดเวลา โดยไม่สนกฎของฟิสิกส์แนวคิดพลังงานทั้งหมด แต่ต่อมารัฐบาลสหรัฐกลับปฏิเสธสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าว แต่บอกกลายๆ ว่าเขาสามารถประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ให้พลังงานแทนพลังงานธรรมชาติของโลก หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาก็ถูกจับกุมโดยอเมริกาในข้อหาเป็นสายลับนาซีและถูกกักกันเป็นเวลา 9 เดือน พวกเขายึดเอกสารและต้นแบบสิ่งประดิษฐ์ทั้งหมดในช่วงสงครามและไม่เปิดเผย ข้อมูลดังกล่าวต่อโลกภายนอกแต่อย่างใด

7. Ozone Therapy

โอโซนบำบัดเป็นแนวคิด ที่แพทย์สมัยใหม่เชื่อว่าโอโซนมี คุณสมบุติในการบำบัดหลายโรค โดยเริ่มแรกนั้นมีการใช้โอโซนฆ่าเชื้อและทำความ สะอาดห้องผ่าตัด ตลอดจนฆ่าเชื้อโรคในน้ำดื่ม ต่อมาได้มีการนำมาประยุกต์ใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยดึงเลือดของผู้ป่วยออกมาประมาณ 10 ซีซี แล้วใส่ โอโซน ให้กับเลือดแล้วจึงฉีดกลับที่กล้ามเนื้อสะโพก ซึ่งพบว่าการรักษาได้ผลดี จึงเป็นที่มาของการบำบัดด้วยโอโซนในปัจจุบัน แม้จะมีหลักฐานมากพอสมควรในการ ทดลองรักษาโดยโอโซน แต่กระนั้นเชื่อหรือไม่ว่าวิธีดังกล่าวยังไม่ได้รับรองจากหน่วยงานสาธารณสุข หรือสมาคมการแพทย์ใดๆ โดยเฉพาะที่อังกฤษและอเมริกา ที่อเมริกาห้ามให้มีเครื่องกำเนิดโอโซนที่ใช้ในการแพทย์มาขายในท้องตลาด หรือแม้แต่การวิจัยว่าหากมีการวิจัยการรักษาโดยใช้โอโซนจะมีความเสี่ยงต่อ การถอดถอนใบอนุญาตทางการแพทย์ ปัจจุบันเรื่องของโอโซนบำบัดยังเป็นความเชื่อที่ยังมีการถกเถียงจากหลาย ฝ่ายอยู่

6. Anti - Gravity Device

ในปี 1956 มีรานงานว่า ทาวน์เซนด์โทมัส บราวน์(1905-1985) นักฟิสิกซ์อเมริกันได้ทำการทดลองที่คืบหน้าเป็นอย่างมากในการสร้างสิ่ง ประดิษฐ์เครื่องต่อต้านแรงโน้นถ่วง หรือ electro-gravitic โดยมีหลักการโดยกระแสไฟฟ้าและการประจุสร้างสนามพลัง แม่เหล็กต่อต้านแรงโน้มถ่วงส่งผลทำให้วัตถุที่อยู่ในเขตดังกล่าวลอยได้ แม้ผลการทดลองจะจุดประกายให้หลายฝ่ายเกิดความสนใจและมีหลายรายมีโครงการ ทดลองเหมือนบราวน์ อีกทั้งหลายคนเชื่อว่าผลการทดลองนี้สามารถอธิบายได้ในเรื่องยูเอฟโอว่ามันมี หลักการทำงานใดถึงสามารถลอยบนฟ้าได้ แต่กระนั้นหลายคนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว โดยเฉพาะหลักการนี้ไม่ใช่คำตอบของยูเอฟโอ และปัจจุบันไม่มีหลักฐานยืนยันสนับสนุนการทดลองนี้แต่อย่างใด แม้ว่าจะมีคลิปการทดลองที่คล้ายคลึงดังกล่าวปล่อยในยูธูปหากแต่เป็นของปลอม ที่ใช้หลักการของอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้ามากกว่า

5. Cold Fusion Device

//jusci.net/node/1548

Eugene Mallove เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงและสนับสนุนการวิจัยฟิวชั่นเย็น (โดยฟิวชั่นเย็น หมายถึงกระบวนการนิวเคลียร์ฟิวชัน ในอุณหภูมิต่ำๆ เช่น อุณหภูมิห้อง ฟิวชันเย็นต่างจากกระบวนการฟิวชันที่เกิดใจกลางของดาวฤกษ์ซึ่งต้องมี อุณหภูมิสูงเป็นล้านๆ องศาขึ้นไป) เขาได้เขียนหนังสือในปี 1898 รายงานเกี่ยวกับรายละเอียดการทดลองดังกล่าวโดย แสตนลี่ย์ พอนส์ และ มาร์ตินFleishmann แห่งมหาลัยยูทาห์ ที่ได้ค้นพบวิธีเหนี่ยวนำให้เกิดฟิวชั่นได้ที่อุณหภูมิห้อง หากทำได้จริง มนุษยชาติจะมีแหล่งพลังงานใหม่ที่สะอาดให้ใช้กันไม่รู้จบรู้สิ้น คงไม่ต้องบอกนะครับว่าคนที่คิดได้สำเร็จจะได้ลาภยศชื่อเสียงมหาศาลขนาดไหน หากแต่เรื่องของนักวิทยาศาสตร์สองคนดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับเพราะนักวิทยา ศาสตร์คนอื่นทดลองซ้ำตามวิธีที่อ้าง กลับไม่เกิดผลใดๆ แบบที่ทั้งสองคนรายงาน และนับตั้งแต่นั้นมา "ฟิวชันเย็น" ก็ถูกขึ้นบัญชีดำ เป็น เรื่องโกหกหลอกลวงที่ขัดกับหลักทฤษฎี แม้ปัจจุบันจะมีข่าวนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ออกมาอ้างว่าทำการทดลองฟิวชั่นเย็นสำเร็จแล้วก็ตาม

4. Stanley Meyer's water fuel cell

ครั้งหนึ่งมีนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันคน หนึ่งชื่อแสตนลี่ย์เม เยอร์(1940-1998) เขาอ้างว่าสามารถประดิษฐ์รถที่สามารถใช้น้ำเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันได้ ซึ่งรายงานนี้เคยออกในสถานีโทรทัศน์โอไฮโอที่เขาแสดงโดยใช้รถม้าขนาดเล็กและ ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงของเขา โดยวิธีแยกน้ำออกมาเป็นก๊าซไฮโดรเจน และ ออกซิเจน ไฮโดรเจนจะถูกเผาไหม้และสร้างพลังงานป้อนเข้าไปทำให้เครื่องยนต์ทำงาน โดยเพียง 22 แกลลอน(83 ลิตรก็สามารถเดินทางจากลอสแองเจลิสไปนิวยอร์คได้สบายๆ พูดง่ายๆ หากเรื่องที่ว่าเป็นจริงโลกของเราจะไม่ต้องพึ่งน้ำมันอีกต่อไป หากแต่กระนั้นอย่างไรก็ตาม ต่อมาเขากลับถูกฟ้องโดยสองนักลงทุนเนื่องจากความผิดฐานฉ้อโกงและการใช้น้ำ แทนเชื้อเพลิงเป็นเรื่องโกหก อุปกรณ์ที่เขาแสดงทั้งหมดเป็นเพียงอิเล็กทรอนิกส์ปกติ ผลก็คือเขาแพ้คดีและต้องชดใช้นี้ให้แก่สองนักลงทุนกว่า 25,000 ดอลลาร์ และปี 1998 เขาก็เสียชีวิตอย่างกะทันหัน หลังจากรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งผลการชันสูตรศพ พบว่า เค้าเสียชีวิตเพราะหลอดเลือดโป่งพองในสมอง แต่หลายๆคนไม่เชื่อกับผลชันสูตรนี้ เพราะเค้าไม่ได้เป็นคนดื่มหนัก และไม่เคยมีอาการของโรคหัวใจเลย จึงคาดกันว่า น่าจะเป็นการสมคบคิดของกลุ่มบริษัทน้ำมัน และ เจ้าหน้าที่รัฐบางคนนั่นเอง ปัจจุบันลิทธิบัตรของเมเยอร์ก็ยังคงอยู่หากแต่ไม่มีการยืนยันว่าเรื่องของ เขาเป็นของจริง

3. Earthquake Machine

นิโคลา เทสลา(ค.ศ. 1856-1943) เป็นคนร่วมสมัยกับ โทมัส เอดิสัน เป็นนักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ วิศวกรเครื่องกล และวิศวกรไฟฟ้าที่เปี่ยมด้วยอัจฉริยภาพ มักได้รับการยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นนักประดิษฐ์สุดเพี้ยนที่ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ เพี้ยนๆ หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ “เครื่องทำแผ่นดินไหว” ที่เขาได้สร้างเครื่องขนาดเล็ก (ประมาณ 7 นิ้ว) หนักเพียง 2 ปอนด์สามารถใส่เสื้อกันหนาวได้อย่างสบาย เครื่องหนึ่งชื่อ “Tesla's electro-mechanical oscillator” ในปี 1898 และดำเนินทดสอบกลไกในนิวยอร์กในห้องปฏิบัติการ โดยใช้หลักการสั่งสะเทือนจากเสียงสะท้อนที่ส่งมาจากเครื่อง ผลก็คือทำให้อาคารรอบๆ ห้องทดสอบสั่นสะเทือนจนเป็นเหตุทำให้ผู้อยู่อาศัยร้องเรียนตำรวจ การทดลอง ประสบผลสำเร็จดี หากแต่กระนั้นเขาถูกบังคับให้ใช้ค้อนใหญ่ทำลายเจ้าเครื่องนี้ในที่สุด หากแต่สุดท้ายไม่รู้ว่าทำไมเทสลาถึงได้ประดิษฐ์สิ่งนี้ขึ้น มันจะใช้ทำอะไรกันแน่? เพราะเขาไม่ได้บันทึกเรื่องราวของสิ่งประดิษฐ์นี้

2. Flexible Glass

แก้วยืดหยุ่นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่หายไป ในตำนานในสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิ โรมันไทบีเรียส ซีซาร์(ระหว่าง 14 CE-37 CE) โดยเป็นการบรรยายนักบุญอิซิดอร์แห่งเซวิลล์ โดยเล่าว่าช่างฝีมือที่คิดค้น เทคนิคนี้ ในสมัยซีซาร์ โดยซีซาร์จะดื่มชามที่ทำจากแก้วที่ยืดหยุ่น และเขาจะโยนมันทิ้ง หากแต่ชามนั้นไม่แตก เพียงแต่เว้าแหว่งเท่านั้น และช่างฝีมือจะซ่อมแซมชามเหล่านี้อย่างง่ายดายจนเป็นปกติด้วยค้อน หากแต่เทคนิคดังกล่าวได้หายไปเพราะว่านักเทคนิคได้สาบานต่อสมเด็กพระ จักรพรรดิว่าจะไม่ถ่ายทอดให้คนอื่น อีกทั้งซีซาร์ยังสั่งประหารตัดหัวคนที่รู้ความลับนี้เพราะกลัวว่าหากเทคนิค ดังกล่าวรั่วไหลจะเป็นการทำลายมูลค่าทองและเงิน

1. Chronovision

//www.abovetopsecret.com/forum/thread461894/pg1

หลวงพ่อ Marcello Pellegrino Ernetti(1925-1994) เป็นนักบวชโรมันคาทอลิคในประเทศอิตาลีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระไล่ผีในเขตเมือง เวนิส นอกจากไล่ผีแล้ว หลวงพ่อท่านยังเก่งเรื่องภาษาศาสตร์ พระคัมภีร์และดนตรี รวมไปถึงวิทยาศาสตร์ด้วย และในช่วงทศวรรษที่ 1960 หลวงพ่อได้อ้างว่าเขาสามารถสร้างโปรแกรมดูเวลาการเรียงอันดับในปี 1950 โดยใช้หลักการของเอนรีโก แฟร์มี(นักฟิสิกส์ชาวอิตาลี)และเวอร์เนอร์ ฟอน บราวน์(นักวิทยาศาสตร์เยอรมัน)ต่อมาเครื่องดังกล่าวถูกเรียกว่าChronovision หรือ Time viewerหรือแปลเป็นไทยว่าเครื่องดูอนาคต(แต่ในที่นี้คือเครื่องดูอดีต) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่หลายคนคิดว่ามันไม่น่าจะเกิดในโลกแห่งความจริง เพราะเป็นอุปกรณ์สมมุติในนิยายวิทยาศาสตร์มากกว่า โดยอุปกรณ์ที่ว่าสามารถเห็นและได้ยินภาพเหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ โดยจากคำอธิบายของหลวงพ่อบอกว่าเครื่องดังกล่าวจะปล่อยพลังงานออกมาโดย พลังงานดังกล่าวจะสร้างภาพและเสียงของอดีต(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ที่เหมาะสม) ซึ่งหลวงพ่อและพยานหลายคนอ้างว่า ตนเองได้เห็นภาพอดีตที่เกิดขึ้น เช่น การตายของพระคริสต์บนไม้กางเขน(และเขาก็ได้ถ่ายรูปดังกล่าวไว้ด้วย ดังที่ปรากฏไว้ในภาพบน) หรือเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในกรุงโรมต่างๆ ในช่วง 169 ปีก่อนคริสตกาล หากแต่เครื่องดังกล่าวนั้นไม่สมควรมีอยู่ในโลก เพราะในปี 1994 หลวงพ่อได้เข้าร่วมประชุมผู้เกี่ยวข้องกับสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวที่วาติกัน และตัดสินใจทำลายเครื่องนั้นในที่สุด

เครดิต : //news.clipmass.com/
Create Date :17 พฤษภาคม 2554 Last Update :17 พฤษภาคม 2554 11:45:21 น. Counter : Pageviews. Comments :7