bloggang.com mainmenu search


ชื่อภาพยนตร์ : Go / โก สุภาพบุรุษ...วัยเดือด
ประเภท : ดรามา แอ๊คชั่น
ความยาว : 122 นาที
นักแสดงนำ : Yosuke Kubozuka / Kou Shibasaki
ทีมงานผู้สร้าง : ผู้กำกับ Isao Yukisada
ผู้เขียนเรื่อง : Kankuro Kudo
โปรดิวเซอร์ : Masao Sato , Mitsuru Kurosawa
ปี : 2001


เรื่องย่อ ( ข้อมูลจาก //jkdramas.com)

GO เป็นหนังปี 2001 ที่ร่วมทุนกันสร้างระหว่างประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งสร้างจากนวนิยายขายดีและได้รับรางวัล Non-fiction novel ของ คาซุกิ คาเนะชิโร่ ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องราวซึคิฮาร่า เด็กหนุ่มเชื้อสายเกาหลี-ญี่ปุ่น ซึ่งบรรพบุรุษเป็นชาวนเกาหลีที่อพยพมาอาศัยในประเทศญี่ปุ่น เขาเกิดและเติบโตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ซึคิฮาร่า เป็นเด็กนักเรียนมัธยมโรงเรียนเกาหลีแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น แต่ด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น เกี่ยวกับเชื้อชาติของเขาที่เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในสังคมชาวญี่ปุ่น หลังจากเรียนจบมัธยมต้นในโรงเรียนเกาหลี เขาตัดสินใจเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับชาวเกาหลีที่จะเข้าเรียนในโรงเรียน มัธยมปลายของญี่ปุ่นนัก

ซึคิฮาร่า ต้องเผชิญกับการแบ่งแยกเชื้อชาติในสังคมและจะต้องค้นหาตัวเองไม่ว่าจะเป็น เรื่องความรักกับหญิงสาวญี่ปุ่นที่เขาต้องปกปิดชาติกำเนิดที่แท้จริงของเขา มิตรภาพของเพื่อนรัก รวมทั้งเรื่องราวปัญหาวัยรุ่นต่างๆ ที่เขาต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่พ่อของเขาซึ่งเป็นอดีตนักมวยอาชีพ พยายามที่จะผลักดันให้เขาดำเนินตามรอยพ่อ




อีกหนึ่งผลงานการแสดงของ "โยสุเกะ คุโบสึกะ" ที่ค้นหามานาน ในที่สุดก็หากันจนเจอ นี่ถ้ารู้ชื่อภาษาไทย "สุภาพบุรุษวัยเดือด" เสียก่อนหน้า คงไม่ต้องหากันนานขนาดนี้ อย่างเรื่อง Ping Pong จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ได้ดู ตามร้านเช่าไม่มี ตามแผงร้านขายแผ่น DVD VCD ก็ไม่มี ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงหายากนัก ทั้งที่หนังก็เข้ามาฉายในไทยด้วยเหมือนกัน

มีอคติส่วนตัวต่อหนังญี่ปุ่นอย่างหนึ่งว่าโดยส่วนใหญ่เป็นหนังดูยาก แต่ไม่รู้ทำไมยังดูอยู่ได้เรื่อยๆ หรือความยากที่ว่านั้นจะเป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังญี่ปุ่น หนังบางเรื่องก็เงียบซะจนวังเวง ตัวละครพูดกันอยู่ไม่กี่ประโยค แต่ก็รู้สึกถึงความเหงาความเศร้าที่ถ่ายทอดออกมาผ่านภาพ เหตุการณ์ และความเงียบของตัวละคร บางเรื่องตัวละครพูดเรื่องอะไรกันไม่รู้ ฟังแล้วเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาหรือเธอพูด แต่กลับเข้าใจในความรู้สึกของตัวละครที่มีต่อปมปัญหาหรือบางสิ่งบางอย่าง ( ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่กำลังพูดอยู่ ) ยังไม่นับถึงตอนจบของหนัง บ่อยครั้งที่ต้องนึกในใจว่า จบแบบนี้เหรอ ดื้อๆ แบบนี้เลยเนี่ยนะ บางทีก็ไม่มีบทสรุปอะไรเลย อยู่ๆ ก็จบ หรือบางทีก็จบเหมือนไม่จบ ยิ่งถ้าเป็นการจบแบบ "ขัดใจ" เจอประจำเลยค่ะ

แต่ Go กลับดูไม่ยากอย่างที่คิด แม้ไม่ได้สื่อพฤติการณ์ของผู้คนออกมาโต้งๆ ถึงการดูหมิ่นหรือการแบ่งแยกเชื้อชาติ แต่ชั้นเชิงในการนำเสนอก็สื่อออกมาเข้าใจว่าตัวละครอยู่กับปัญหาเหล่านี้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แม้การถือสัญชาตินั้นเปลี่ยนได้ แต่เชื้อชาติกำเนิดของคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และทัศนติของสังคมที่แบ่งแยกเป็นความไม่เท่าเทียมก็ส่งผลกระทบกับครอบครัว ความเป็นอยู่ ชีวิตที่ต้องดำเนินไปและสภาพจิตใจของคนที่ต้องปกปิดตัวเอง จะมองว่าเป็นแนวความรักก็ได้ เพราะหนังดำเนินความสัมพันธ์ด้านความรักของหนุ่มสาวควบคู่ไปในแนวนั้น การบอกเล่าของตัวละคร ซึคิฮาร่า ก็ย้ำถึงสองครั้งในช่วงต้นเรื่องว่า "นี่เป็นเรื่องราวความรักของฉัน" แต่โดยส่วนตัวคิดว่าหนังเทน้ำหนักไปที่การพยายามค้นหาจุดยืนของตัวเอง



ผู้นำมัลคอมเอ็กซ์พูดบางสิ่งไว้ว่า
การป้องกันตัวเองไม่ใช่ความรุนแรง
มันคือสติปัญญา
มันคือสิ่งที่ถูกต้อง
ฉันเกลียดความรุนแรง
แต่ .. บางทีก็ไม่มีทางเลือก
ฉันเกลียดการใช้กำลัง แค่เกลียดการใช้กำลังมาก
ก็มีอยู่แค่นี้


ซึคิฮาร่า ที่ไม่นิยมความรุนแรง แต่เก่งเรื่องการชกต่อย พร้อมๆ กับเรื่องท้าทายที่ดาหน้าเข้ามาให้ฝึกฝนการใช้กำลัง ดูเงียบๆ เรียบร้อยอย่างสุภาพบุรุษชน แต่ยามแสบก็สุดแสบ และเมื่อลูกบ้าประทุขึ้นมาสายตาก็ดุดันขึ้นเงาวับน่ากลัว ตามประสาวัยเดือด ที่เดือดแล้ว .. เลือดสาดดดดด!

ก็คงจะต้องใช้คำพูดเดิมๆ เมื่อซิคิฮาร่าคนนี้ รับบทโดย โยสุเกะ คุโบสึกะ ผู้ที่ถูกประทับตราว่าเป็นหนึ่งดาราที่มีลีลาการแสดงถูกใจ ไม่ใช่แค่ประทับใจธรรมดา แต่ถูกจัดให้เป็นระดับ "สุโค่ย"

หลากหลายอารมณ์บนสีหน้า หงิม เงียบ สงบ เบื่อหน่าย รำคาญ สับสน โกรธ เศร้า ดุ เดือด และร้องไห้ เป็นบทที่น่าจะยากอยู่พอสมควร

สูง ผอม หน้าดูก แก้มตอบ แต่ท่ากระโดดถีบ กระโดดโหย่งเดียวข้ามรั้วประตูโรงเรียน กับการวิ่งเอาชนะรถไฟ และวิ่งหนีตำรวจก็เท่อยู่มิใช่น้อย นึกถึงบทบาทของ "ทาเคชิ" หรือ King แห่ง G-boys ในเขตอิคิบุคุโร่ตะวันตกใน IWGP ขึ้นมาทันที บทนั้นก็น่าจะยากพอกันเพราะนอกจากความโหดแล้วยังมีความมึนๆ กวนๆ ขำๆ ให้ฮาแตกพ่วงเข้ามาด้วย



บทที่ "ซากุราอิ" นางเอกของเรื่องนี้พูดถึงสิ่งที่เธอชอบในตัวพระเอก "ซึคิฮาร่า" คือ "สายตาแบบนั้น" เป็นสิ่งที่เห็นด้วย ถูกใจใช่เลย หนังเปิดฉากด้วยดวงตาของโยสุเกะ ต่อด้วยช่วงอารมณ์และช่วงเวลาที่กลายเป็นสายตาขวางจัดแบบนั้นถึงจะมี โอกุริ ชุน มาเหล่ขวางเป็นคู่แข่งให้เห็นอยู่บ้างใน Tokyo Dogs แต่วัดจากความชอบส่วนตัว เฮียโยผู้อาวุโสได้ครองถ้วยชนะเลิศ

เรื่องนี้ถ้าดูครึ่งๆ กลางๆ ความเข้าใจที่มีต่อหนังอาจจะผิดเพี้ยนไปได้ เพราะตอนแรกๆ นั้นคิดว่าครอบครัวซิคิฮาร่าเป็นครอบครัวเปราะบางที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่ลงรอยถึงขั้นลงไม้ลงมือซะอีก ตรงกันข้ามกลับเป็นครอบครัวที่มีความสัมพันธ์แน่นเหนียว แม้จะไม่ได้พูดจากันดีๆ แม่หนีออกจากบ้าน ไปๆ กลับๆ ลูกจะชกพ่อ หรือพ่อจะซ้อมลูกจนฟันหลุดเลือดกลบปาก ครอบครัวนี้ลึกลงไปรักและห่วงใยกัน ก็บ้านนี้พ่อเขาเป็นอดีตนักมวย จึงใช้กำปั้นคุยกันเข้าใจมากกว่าใช้คำพูด ความเข้าใจที่ไม่ต้องเอ่ยปาก ความเข้าใจที่บางครั้งสายตามองเห็นอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องใช้หัวใจช่วยมอง

ทำไมวางรูปน่าเกลียดไว้ที่ทางเข้าบ้าน
แล้วทำไมจู่ๆ ก็ขอเปลี่ยนสัญชาติ
ไม่ใช่เพื่อจะไปเที่ยวฮาวาย
แต่เพื่อฉันต่างหาก
พ่อของฉัน พยายามถอดตรวนที่ขาของฉันออกไป
ฉันไม่ใช่คนเกาหลี ไม่ใช่คนญี่ปุ่น
เป็นแค่คนร่อนเร่เพียงคนหนึ่ง


กับบทสรุปที่ก้าวผ่านความกลัว หลุดพ้นความสับสน และค้นพบจุดยืนที่มั่นคง


ฉันไม่ใช่คนเกาหลี ไม่ใช่คนญี่ปุ่น
ฉันคือฉันเอง



Go Go Go!



ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวที่อยากต่อว่าในหนังเรื่องนี้

ทำไมนางเอกต้องเป็น ชิบาซากิ โค ?

เพราะโคคนนี้แม่ยกไม่ปลื้ม


ขอบคุณภาพจาก
//www.series-sure.com
//www.JKdramas.com
Create Date :23 ตุลาคม 2553 Last Update :24 ตุลาคม 2553 18:08:42 น. Counter : Pageviews. Comments :3