bloggang.com mainmenu search




Hanamizuki คำโปรยอย่างเป็นทางการของหนังเรื่องนี้
ทั้งบนโปสเตอร์และหลังปก DVD มันช่างเรียกร้องความสนใจได้มากจริงๆ

...บางคำรัก ลึกซึ้งเกินกว่าจะกล้าพูดออกมา
ผลงานรัก ที่จะทำให้หัวใจคุณอุ่นกว่าทุกวัน โดยผู้กำกับ Be with you ...


"....ผลงานกำกับของผู้กำกับ โนบุฮิโร่ โดอิ หลังจากเคยฝากความประทับใจจาก Be With You และ Nada Sou Sou มาแล้ว เขาจะกลับมาทำให้หัวใจแฟนชาวไทยประทับใจกันอีกครั้งกับ Hanamizuki (ฮานะมิซึกิ) เรื่องรักระหว่าง ซาเอะ (อารางากิ ยูอิ จาก Sky of Love) เด็กสาวมัธยมปลายจากฮอกไกโด ผู้กำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยหวังจะไปใช้ชีวิตในเมืองเกิดที่พ่อกับแม่ของเธอรักกันในแคนาดา กับ โคเฮ (อิคุตะ โทมะ จากซีรี่ส์ Hana-Kimi) เด็กหนุ่มธรรมดา ๆ ผู้มุ่งมั่นที่จะทำตามความฝันของตัวเองอย่างแรงกล้า ทั้งคู่พบและรักกัน ก่อนที่เส้นทางชีวิตที่แต่ละคนเลือกและความห่างไกลจะเกิดขึ้น จนเกิดเป็นเรื่องราวความรักแท้ที่กินเวลานานกว่า 10 ปี จนทำให้คนดูต้องหันกลับมาถามตัวเองว่า เคยลืมกันไปบ้างไหมว่า ความรู้สึกของการได้รักใครบางคนนั้นเป็นอย่างไร

หนังถ่ายทำในฮอกไกโด นิวยอร์ค โตเกียว และแคนาดา ที่เมื่อภาพยนตร์เข้าฉาย เรื่องรักจับหัวใจเรื่องนี้ได้สร้างปรากฏการณ์น้ำตาซึม จนทำให้หนังขึ้นอันดับ 1 ติดต่อกันถึง 2 สัปดาห์ในญี่ปุ่นได้อย่างไม่ยากเย็น...."

//www.Nugdee.com ก็โปรยย้ำเอาไว้อย่างเรียกร้องความสนใจเหมือนกันว่า

"....หนังถ่ายทำใน 4 เมือง ฮอกไกโด –นิวยอร์ก – โตเกียว – แคนาดา เมืองที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สะท้อนความรักที่ยั่งยืนและถึงจะเดินทางผ่านฤดูกาล ร้อน – หนาว – ฝน หรือ ใบไม้ผลิ ขอบตาคุณก็จะยังอุ่นได้ทุกครั้งที่รู้สึกถึง...."

โปรยปรายกันขนาดนี้ แล้วใครจะไปอดใจไหว ก็จำเป็นต้องขวนขวายหามาดู





Be with you ที่อยู่ในความทรงจำอันลางเลือนเหมือนเคยดู
Noda Sou Sou ที่ไม่เคยดูมาก่อนไม่ว่าจะหนังหรือซีรีย์

แต่เชื่อว่าชื่อหนัง 2 เรื่องนี้คงเป็นชื่อที่ช่วยโหมกระพือและเป็นคำโฆษณาความซึ้งให้กับ Hanamizuki ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการใช้นักแสดงวัยรุ่นหน้าตาดีมีพาวเวอร์สูงอย่าง อารากากิ ยูอิ อิคุตะ โทมะ ร่วมด้วยนักแสดงสบทบที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่าง โอซามุ มิคาอิ และ มิซาโกะ เรนบุตสึ (Misako Renbutsu)

Hanzmizuki จึงเป็นหนังที่น่าดูมากอย่างไม่ต้องสงสัย





ซึ่งมันก็น่าดูจริงๆ กับภาพวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองสี่เมือง บวกกับนักแสดง 4 คนที่เอ่ยถึง พ่วงอีก 1 ด้วยคุณป้า ฮิโรโกะ ยาคุชิมารุ นักแสดงอาวุโสที่ชื่นชอบและเธอเหมาะกันเหลือเกินกับบทคุณแม่ของนางเอก

แต่มันก็มีอยู่แค่นั้นแหละที่ทำให้ Hanamizuki เป็นหนังดีน่าดู
และเพราะชอบอยู่แค่นั้น มันก็เลยกลายเป็นหนังดีที่ดูแล้วไม่ซึ้ง





ถามตัวเองว่า หนังหน้าตาคุณภาพน่าจะดีขนาดนี้ แต่กลับไม่ดีถึงใจมันขาดอะไร
นิ่งคิดอยู่อึดใจ แล้วได้คำตอบแรงๆ มาสองประการให้กับตนเองว่า


มันขาดความลึกซึ้ง และขาดความอบอุ่นอันเป็นคำโปรยหลักของหนังนั่นแหละ

กับสิ่งที่พระเอกนางเอกได้คิด ได้ทำ ได้ตัดสินใจ แล้วไม่อิน
ว่ากันซื่อๆ คือ ไม่เห็นด้วยนั่นแหละ ทำให้เป็นปัญหากับการดูหนังทันที
เพราะนั่นหมายถึงว่า ไม่ชอบในนิสัยของพระเอกนางเอกเข้าให้แล้ว

"ถึงเราจะอยู่ห่างกัน แต่เราจะยังเหมือนเดิมใช่มั้ย"

ตามธรรมดาเจอคำถาม ขอความมั่นใจในรักแท้ไม่แพ้ระยะทางอย่างนี้
ต้องมีซึ้งน้ำซึมขอบกันบ้างล่ะ แต่ทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ มีคำถามสวนทันที
แล้วใครกันที่ไม่ช่วยย่นระยะห่าง เพลิดเพลินกับสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แม้ยามปิดเทอมก็ไม่คิดจะยอมกลับไปพบเจอกัน




"ฉันรู้ตั้งแต่เริ่มแล้ว ว่าฉันไม่ใช่ส่วนหนึ่ง ที่จะมีอยู่ในอนาคตของเธอ"

ส่วนตัวยกให้เป็นประโยคไคลแมกซ์ของเรื่อง ที่ควรจะน้ำตาไหลร่วงด้วยความกระเทือนใจในเส้นทางชีวิตที่เลือกเดินได้ด้อยกว่า ชาวประมงบ้านนอกที่ก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่คู่ควรกับสาวมหาลัยในโตเกียว อนาคตของเธอที่ฝันไกล ขณะที่ความฝันของเขาเหมือนฝันย่ำอยู่กับที่ ที่ท้องทะเลบ้านเกิด แต่ขนาดว่าฝันแค่นั้น ยังยากเย็นจะเห็นทางสำเร็จ

ขนาดพูดกันขนาดนี้แล้ว ก็ยัง ... ยังไม่มีทีท่าว่าต่อมน้ำตาจะก่อหวอดเพื่อไหลริน

มีหนังมีซีรีย์ญี่ปุ่นหลายเรื่อง ที่วัยรุ่นหนุ่มสาว เลือกจะทำตามความฝันของตนเอง โดยสละความรักไป




แต่ที่เห็นจากหนังเรื่องนี้ที่รู้สึกถึงคือความเห็นแก่ตัวและผูกมัดกันและกันทั้งสองฝ่าย เหมือนกับประโยคที่ว่า "ถึงเราจะอยู่ห่างกัน แต่เราจะยังเหมือนเดิมใช่มั้ย" เหมือนกับขอให้รักยังเหมือนเดิม แต่ไม่เคยคิดจะเสียอะไรไปสักอย่างจากความต้องการของตัวเอง รักนะ แต่ก็มุ่งจะก้าวไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวแลคนที่รักและรออยู่ข้างหลัง ส่วนพระเอกเอาอย่างเท่ๆ ก็ควรจะบอกว่า "ไปดีเถิดนะ" และตัดใจแต่แรกแล้ว ก็อย่างที่พูดนั่นแหละ "ฉันรู้ตั้งแต่เริ่มแล้ว ว่าฉันไม่ใช่ส่วนหนึ่ง ที่จะมีอยู่ในอนาคตของเธอ" (ย้ำกันเข้าไป) แต่ก็ยังดึงดัน และเมื่อถึงเวลาปล่อยรักไป ก็เกือบจะเท่ละ หากว่าจะไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้หญิงอีกคนง่ายเกินไป และความง่ายนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งความเห็นแก่ตัว ส่วนนางเอกไม่ต้องพูดถึง เธอก็ไม่เหนี่ยวรั้งสักคำกับการเลิกกัน ชวนให้คิดไปว่าเธอก็ลังเลอยู่แล้วกับการที่พระเอกจะเป็นตัวถ่วง เมื่อเขาบอกความตั้งใจที่คิดจะล้มเลิกความฝันชาวประมงและไปหางานทำอยู่ด้วยกันที่โตเกียว เธอก็ไม่ได้ให้คำตอบ



ในเกร็ดภาพยนต์บอกว่า Hanamizuki ในภาษาของดอกไม้ก็คือคำว่า "เฮนไร" หมายถึงการตอบแทนคำขอบคุณ และเป็นการสื่อถึง "การเสียสละเพื่อความรัก" ซึ่งก็ไม่ได้เข้ากันเลยกับความรักของพระเอกนางเอกที่นอกจากจะไม่เห็น ไม่รู้สึกถึงความเสียสละ ยังทำให้รู้สึกว่าค่อนข้างจะเห็นแก่ตัวด้วย แม้ตอนเลิกกันก็ไม่ดูเป็นการเสียสละ แต่มันเป็นข้อจำกัดที่ไม่อาจจะร่วมทางเดินไปด้วยกัน ความรักมันก็เลยดูฉาบฉวยไปนิดนึง ถึงจะเป็นรักแรก(ที่ลืมยาก)แต่ก็ดูขาดน้ำหนักของความผูกพันที่จะเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งความรู้สึกที่มีต่อกันไปถึง 10 ปี ต่อให้มีคืนสัมพันธ์ในวันคริสต์มาสก็เถอะ เมื่อไม่รู้สึกไปกับหนังในจุดนี้แล้ว ก็เป็นธรรมดาที่ยากจะอินกับหนังได้



ทำให้นึกถึงหนังฝรั่งเรื่อง One Day - วันเดียว...วันนั้น...วันของเรา ทั้งที่การจะอินกับหนังรักตะวันตกนั้นมันค่อนข้างจะยากกว่าถ้าเปรียบเทียบกับหนังเอเชีย ใน One day ยังยาวนานกว่าเพราะเป็น 20 ปีที่ไกลห่าง มันมีทั้งช่วงเวลาที่ดีที่ร้าย มีมิตรภาพ ทะเลาะเบาะแว้ง มีความหวังและโอกาสที่พลาดพลั้ง มันทำให้รู้สึกเชื่อในความผูกพันและทำให้ปวดใจกับความห่างเหิน หนังมีจุดกระชากใจ (อย่างแรงด้วย) มีจุดเปิดเผยความจริงในวันหนึ่งวันนั้น (วันแห่งรักแรก) มันจึงน่าเชื่อใน 20 ปีของเยื่อใยที่ทนทาน กับความรักที่เหมือนมีแค่จางๆ แต่แท้จริงมันหยั่งรากลึกและทรหด แม้แค่ความสุขในช่วงสั้นๆ ที่มีกัน มันจึงสำคัญและลึกซึ้ง แต่ Hanamizuki มันเหมือนเป็นความรักที่จะว่าสุขก็ไม่ถึงสุข จะว่าทุกข์ก็ไม่ถึงขั้น เรื่องก็ดำเนินไปได้เร็วจนทางฝ่ายนางเอกนั้นความคิดถึงห่วงใยแทบไม่มีแสดงให้เห็น ความลังเลระหว่างความรักที่โหยหา กับความฝันที่ต้องการก็ไม่ค่อยแสดงให้รู้สึก



ความฝันที่ก็กลายเป็นปัญหาขัดแย้งในใจอีกประการหนึ่ง
เพราะมันไม่ชัดเจนให้เข้าใจได้เลยว่า
แท้จริงแล้วนางเอกเธอต้องการอะไรในชีวิต

มันไม่มีน้ำหนักของความฝันอันแรงกล้า ประเภทปมในใจ หรืออะไรอื่น ที่ทำให้เชื่อได้ว่า เธอจำเป็นต้องดันทุรังก้าวไปข้างหน้าแบบไม่เหลียวหลังคนข้างหลัง อยากใช้ภาษาอังกฤษ อยากไปแคนาดาเมืองที่พ่อกับแม่เคยรักกัน ก็จะไปเมื่อไหร่ก็ได้ การจะใช้ชีวิตในต่างประเทศมันมีความหมายอะไรในเมื่อพ่อของเธอก็เสียไปแล้ว และแม่ผู้แก่ตัวลงทุกวันของเธอก็ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น .. เพราะมันขาดแรงบันดาลใจต่อความฝันที่หนักแน่นพอ นางเอกก็เลยไม่เหมือนคนที่ไล่คว้าฝัน ..ซึ่งส่วนใหญ่จะเท่ แต่เธอเหมือนคนที่ค้นหาตัวเองไม่เจอมากกว่า (ความเห็นส่วนตัวน่ะนะ)

แต่ยอมรับว่าหนังเรื่องนี้มีโปรดักชั่นที่ดี ถ้าคนญี่ปุ่นน้ำตาซึมมากมายขนาดขึ้นอับดับ 1 ถึง 2 สัปดาห์ กวาดรายได้กว่าพันล้านเยนก็ไม่น่าจะมีปัญหากับต่อมน้ำตาของคนไทยที่ชอบหนังประเภทรักโรแมนติก หรือถ้าใครจะเป็นคนส่วนน้อยที่ไม่อิน หรืออินแล้วแต่ยังไม่สุด ก็ถ้าไม่คาดหวังสูง ไม่คิดเอาอะไรมาก Hanamizuki ก็เป็นหนังรักที่มีพระเอกหล่อ นางเอกสวย ฉากงดงาม (มากด้วย) ดูแล้วเพลินเจริญตา แม้ไม่ซึ้ง ไม่เสียน้ำตา สองชั่วโมงของเวลาก็ยังคุ้ม

แล้วก็ชอบสโลแกนของหนังมากเลยล่ะ

"May your love bloom for a hundred years."
"ขอให้รักเบ่งบานเป็นร้อยปี"

ที่บางคนยังอุตส่าห์เลือกคำสื่อความหมายได้เพราะกว่านี้

"ขอให้รักเรานั้นนิรันดร"





ขอบคุณ Asian Wiki
Create Date :20 สิงหาคม 2555 Last Update :20 สิงหาคม 2555 1:09:58 น. Counter : 7524 Pageviews. Comments :4