ใจใคร, ก็ใจใครนี่นะ การได้ตื่นมาในแต่ละเช้าแล้วมีโอกาสได้นั่งริมหน้าต่าง มองออกไปไกลถึง... ที่เส้นขอบฟ้ากับกาแฟแก้วโต ๆ ข้างแจกันดอกไม้ที่เด็ดมาจากหลังบ้านและหนังสือเล่มเล็ก ๆ สักเล่ม, ตรงหน้าฉันว่า มันคือเหล่าแหล่งรวมแรงให้ใจก้าวเดินต่อไปได้ในแต่ละวันอย่างไม่โดดเดี่ยว ฉันติดกาแฟ หลงใหลดอกไม้ และชื่นชอบการอ่านหากเหนืออื่นใด ฉันรักจะเขียนแต่ไม่ต้องการเรียกตัวเองว่า นักเขียนฉันเป็น [แค่] ผู้หญิงธรรมดาที่รักจะตื่นมาเขียนหนังสือยามเช้า ๆ เท่านั้นเอง... บันทึกข้างต้นเปิดเจอในสมุด ‘จดงาน’ เล่มหนึ่งไม่รู้ว่า ทำไมถึงเขียนไว้ในนั้นเป็นสมุดจดงานวิชาที่ไปลงเรียนคอร์สพิเศษเมื่อนานมาก ๆ มาแล้ววิชาที่คนตรวจบอกหน้าชั้นว่า“วิเคราะห์งานได้แบบ ‘รับเต็ม ๆ’ ไปเลยครับ”จำได้ว่าฉันได้แต่ยิ้มรับคำชมในการบ้านที่ทำส่งไปไม่อยากบอกว่าถึงการบ้านจะยาก สำหรับ ‘เด็ก’แต่ฉัน, ที่ไม่ใช่ ‘เด็ก’ แล้ว มันก็แค่อาศัยประสบการณ์ในการมอง ในการคิดแล้วเขียนออกมาเท่านั้นเอง.. ...เช้าวันนี้ ฉันตื่นมาอย่างเต็มอิ่มเป็นอีกเช้าที่ได้นอนหลับสนิทรวดเดียวตั้งแต่ไม่ดึกจนลืมตาตื่นในเช้าจัด ๆอาจจะเป็นเพราะได้คิด รู้คิด และคิดได้แล้วว่าไม่มีอะไรคงทน คงที่ และคงอยู่ แปลกดี ที่ฉันมองอะไรที่แปรเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ ชัด ๆได้ด้วยใจที่นิ่งเงียบ ฉันแค่นั่งมองและรับรู้อย่างที่เห็นเองเห็นได้ด้วยสายตาธรรมดา การไม่ ‘ได้’ มาอย่างที่หวังไว้ ของคนบางคนทำให้ ‘เขา’ แปรเปลี่ยนไปการที่ฉันไม่เออ-ออกับ ‘การลงทุนบางอย่าง’ ที่ใครบางคนต้องการทำให้ ‘เขา’ ถอยห่างไปและนั่น ทำให้ฉันได้ข้อสรุปว่าแท้จริงแล้วคนเกือบทุกคน ต่างหวังผลประโยชน์ในการจะ ‘คบหา’ กัน อยู่ที่จะเห็น ‘ลาย’ ชัดในเวลาช้า หรือเร็วแต่เชื่อเถอะว่า จะอย่างไรสักวันก็จะต้องได้เห็นลาย วันนี้ กับคนที่คบมานานหลายปี ก็ไม่เว้นและฉันยิ้มรับกับความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ เหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่าเมื่อฉันไม่ยอมจะ ‘รับ’ ด้วยทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจากที่เคยโทรหาเช้า เที่ยง เย็น ทุกวัน ก็หายไปและหายเงียบสนิทเมื่อฉันตอบ ‘ปฏิเสธ’ อย่างชัดเจน คำว่า ‘ไม่’ คำเดียวให้ผลลัพธ์ที่ชัดเสียจนไม่ต้องเสียเวลาใดอีกและไม่ใช่เรื่องยากกับการจะมองเห็นแจ่มชัดราวกับมองทะลุกระจกใสที่หน้าต่างเช้านี้ เช้าที่- ฉันยังอยู่ที่เดิมแต่นิ่งขึ้น น่าแปลกที่วันนี้แขนสองข้างของฉันไม่ยื่นไปและไม่งอพับกับตัวฉันแค่ทิ้งแขนแนบนิ่งกับลำตัวใครจะเป็นอย่างไร เป็นไปเถอะจะอย่างไร ฉันก็ยังเป็นฉันที่เริ่มต้นรู้แล้วว่าที่ทางของตัวและหัวใจควรจะวางไว้ใน ‘มือ’ ใคร [ถ้าไม่ใช่ในมือตัวเอง] และความรู้สึกเช่นที่ว่าทำให้ฉันไม่มีความรู้สึกอยากจะเข้าโซเชียลมีเดียใดเพื่อตอบอารมณ์ของตัวเองอีกอาจจะเพราะบางสิ่งบางอย่างได้สูญลับดับหายไปแล้วการเข้าเน็ตจึงเหลือจุดประสงค์เพียงเข้ามารับส่งงานและเท่านั้น วันเวลาช่วงที่ผ่านมา จึงเหมือนกลับสู่ชีวิตที่หายใจเอาอากาศเข้าและออกเพื่อมีชีวิตอยู่ตามความเป็นจริงและนิ่งเวลาพบเจอสิ่งล่อลวงใจ ...หรือชีวิตได้ผ่านมาถึงจุดที่ความอดทนได้หนีหายไปสิ้นแล้วหรือความอดทนนั้นได้ถูกใช้สอยอย่างสิ้นเปลืองจนหมดแล้ววันนี้จึงไม่หลงเหลือความอดทนใดที่อยากจะทนุถนอมหัวใจใครอีก ใจใคร, ก็ใจใครนี่นะ Create Date :30 มกราคม 2566 Last Update :30 มกราคม 2566 13:03:47 น. Counter : 453 Pageviews. Comments :0 twitter google Comment * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก