bloggang.com mainmenu search



ช่วงเดือนนี้ที่ผ่านมา
ฮัมท่อนหนึ่งของเพลงหนึ่งได้ติดปาก
เพลงที่ว่า..   
.. มาเดี๋ยวก็ไป
แต่จะไปยังไง เดี๋ยวก็มา
ลมพัดลมพา
สักพัก ลมก็ไป
อาจจะมี ฝนเข้ามา
ก็ตกลงมา เทลงมา ฟ้าทลาย
พอเมฆกระจาย ก็หายไปกับตา..

 
เป็นเพลงที่สรุปได้ด้วยข้อคิด “แจ้งชัด” ข้อเดียว
ที่ว่า
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป..
ทุกอย่างในโลกนี้ วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ
 
ในช่วงที่เข้าสู่การเริ่มต้นส่งท้ายปี
แปลกแต่จริงเสมอว่า
ถึงช่วงนี้ทีไร ฉันเป็นได้ “รู้คิด” หลายอย่างทีนั้น
 
อย่างปีนี้ได้คิดว่า..
ธรรมะ.. บางครั้งก็มีความละเอียดลออ
อย่างชนิดที่ว่า หากไม่พิจารณาให้รอบคอบแล้ว
ระดับปริ่ม ๆ แบบยังไม่พ้นน้ำ
ก็อาจเข้าใจบิดเบือนได้ง่าย ๆ
 
ขออนุญาตยกตัวอย่างประเด็นนี้
ที่กำลังฝึกใช้อยู่
 
“ ป ล่ อ ย ว า ง ”
ปล่อยวาง ไม่ได้แปลว่า
ทอดทิ้ง หรือปล่อยให้ผุพังไป
โดยไม่ดูแลรักษา
 
ขอขยายความง่าย ๆ ว่า..
สมมติเราเช่าบ้านหลังหนึ่งเพื่อเข้าไปพักอาศัย
หลบฝนหลบแดด
แต่เราก็คิดว่า มันไม่ใช่บ้านเรา
มันเป็นแค่บ้านเช่า
เราเลยไม่บำรุงรักษา
อะไรจะผุ อะไรจะพัง.. ก็ปล่อยมันไป
คิดแต่เพียงว่า เดี๋ยวเราก็ย้ายแล้ว
 
หากคิดแบบนั้น ย่อมไม่ถูกต้องแน่นอน
 
ในทางที่ถูกต้องควรเป็น..
เมื่อเราเข้าไปอยู่อาศัย
เราก็ควรจะดูแล เอาใจใส่
บำรุงรักษาบ้านหลังนั้นให้ดีที่สุด
แต่ถ้ามันจะผุพังไปเพราะกาลเวลา
เราก็เข้าใจ
และเมื่อมันพังไปแล้ว
เราก็พร้อมจากไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์
 
เหมือนเวลาเราทำงาน
เหมือนเวลาเรารับผิดชอบหน้าที่
เหมือนการใช้ชีวิตในสังคม
เหมือนร่างกายของเรา..
 
ธรรมะบอกว่า กายไม่ใช่ของเรา
เราเป็นเพียงผู้อาศัย
แต่ตอนนี้ เมื่อเรามาอาศัยร่างกายนี้อยู่
ดังนั้น เราก็มีหน้าที่ในการบำรุงรักษาร่างกาย
ที่เรามาอาศัยอยู่
เมื่อเจ็บไข้ก็ต้องไปหาหมอ
 
ธรรมะไม่เคยสอนหรอกนะว่า
กายไม่ใช่ของเรา เราเป็นเพียงผู้อาศัย
มันจะตาย ก็ให้มันตายไปสิ
ธรรมะไม่เคยสอนว่า
จะต้องคิดแบบนี้
จะต้องละเลยแบบนั้น
งจะได้ชื่อว่า ไม่ยึดติด
 

แต่ธรรมะสอนให้รู้จักบำรุงรักษา
ดูแลใส่ใจ แต่ไม่ต้องไปยึดติด
(เพื่อที่เมื่อมันถึง “ที่สุด” ไปตามกาลเวลา
เราก็จะได้ปล่อยวางได้)
 
ระยะนี้ “บ้านเช่า” ของฉันเริ่มผุพัง
ช่วงที่ผ่านมาเลยต้องเวียนเข้าเวียนออก
ให้ “เหล่าคุณหมอ” ช่วยซ่อมแซมส่วนชำรุดนั้น
ซึ่ง “ซ่อมได้แค่ไหน”
“ก็แค่นั้นแล้วละ”
 
แล้วโชคดีว่า ระหว่างที่รอซ่อมอยู่
ก็ได้รับการชวนไปทำบุญพิเศษหลายบุญ
แต่นั่นแหละ ฉันก็ยังเลือกทำตามแรง
มีจิตศรัทธาแค่ไหน
ก็ทำเพียงแค่นั้น
เพราะจะอย่างไร ก็ยังคงชมชอบ
การ “ทรายธรรมดา ๆ เข้าวัด”
ยังไม่เคยคิดถึงกับขนทรัพย์สมบัติมาหลอมเป็นทองคำ
เพื่อขนไปปูพื้นวัดแต่อย่างใด
 
แต่พอยืนยันเช่นที่ว่า
คนชวนบางคนก็มาหงุดหงิดใส่ซะงั้น
จึงได้คิดอีกว่า...
 
เอโกวะ มัจโจ อัจเจติ เอโกวะ ชายะเต กุเล
สังโยคะปรมาเตวะวะ สัมโภคา สัพพะปาณินัง
จะตายก็ไปคนเดียว จะเกิดก็มาคนเดียว
ความสัมพันธ์ของสัตว์ทั้งหลาย
ก็เพียงแค่ได้มาพบปะเกี่ยวข้องกัน..
เท่านั้นเอง

 
 
Create Date :22 ธันวาคม 2562 Last Update :22 ธันวาคม 2562 6:30:58 น. Counter : 704 Pageviews. Comments :0