Sanook! Drive : Chevrolet Corolado 2.5 M/T 4 WD LT ..พันธ์แกร่งรุ่นเล็กที่เร้าใจในสมรรถนะ
เปิดตัวมาตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ภายใต้คำนิยามที่สั้น และเรียบง่าย " กระบะจากประสบการณ์ 100ปี" ทำให้ค่ายรถยนต์ Chevrolet กลับมาเป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก ด้วยการแนะนำ New! Chevrolet Colorado ใหม่ ที่เปิดจองและจำหน่ายจริงแล้วทั่วประเทศ โครงการกระบะใหม่ของ Chevrolet นั้น เป็นที่รู้จักกันในนาม GM700I
และหลังจากที่เราได้ไปสัมผัสในการทดสอบในรูปแบบคาราวานแล้ว
มาวันนี้เราก็ได้รับเกียรติอีกครั้งจาก Chevrolet ในการใกล้ชิด "น้องโด้"
Chevrolet Colorado
ที่นี่คือครั้งแรกของการขับเคลื่อนที่จะได้สัมผัสขุมพลัง Duramax 2.5 ลิตร
ช่วงบ่ายวันพฤหัสการจมกองงานอาจจะไม่เท่าอะไรที่ติ่นต้นไปกว่า
การรับรถทดสอบมาขับ ที่เราแวะไปยัง Chevrolet ในยามเย็น
เรียกว่าไปกวนใจหลังเลิกงานแต่ไม่วายไปเจอ รุ่นพี่วงการยานยนต์อย่าง
คุณพี่จิมมี่แห่ง headlightmag.com
บทสนทนาที่เริ่มด้วยสารทุกข์สุขดิบจบลงด้วยเรื่องรถ
ตามภาษาของคนชอบรถเหมือนกัน ที่พี่จิมมมี่ บอกว่า "เฮ้ย ยืม Chevrolet
นี่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะนี่มันรถปิคอัพเชิญแขก ชัดๆ"
ตัวเราก็งงว่ายังไง พี่ท่านก็พลางนำหลักฐานมาให้ชมกับ
แขกที่มาดูในความแปลกใหม่ของรถกระบจากประสบการณ์ 100 ปี
ก่อนที่พี่พีอาร์จะรีบแจกกุญแจ Chevrolet Colorado 2.5 ขับเคลื่อน 4 ล้อ
มาให้ เพราะคงเกรงว่า ถ้าปล่อยให้นั่งคุยกันต่อไปคงจะไม่ต้องไปทดสอบกันพอดี
หรือไม่คงจะกลัวเมาท์กันยาว
ภายนอกดุดัน บิ๊กไซส์สไตล์อเมริกัน เราออกจากออฟฟิศเชฟวี่ ลงมากับคุณพี่จิมมี่ก่อนจะแยกทางกันที่ลานจอดรถ
โดยพาหนะของเราวันนี้เป็น Chevrolet Corolado 2.5 เกียร์ธรรมดา
พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือที่หลายคนเรียกว่ารุ่นโฟร์วีล นั่นแหละ
เรือนร่างที่ทักทายเราด้วยความใหญ่โตมโหราฬ พอดีขนาดช่องชอดรถในอาคารรสา
แย้มปริมาด้วยกระจังหน้า Dual Port สไตล์ที่มีเอกลักษณ์ของรถยนต์
Chevrolet รุ่นใหม่ๆ ทักทายพร้อมไฟหน้าแบบดุดันสปอร์ต
ที่มันทำให้เราระลึกถึงรถกระบะอเมริกันแท้ โดยตอนที่หุบกระจกนั้น
ตัวรถจะมีความกว้าง1,882 ม.ม. และเมื่อเปิดกระจกออกจะยาว2,132 ม.ม
ถือเป็นขนาดที่ค่อนข้างบิ๊กกับถนนเมืองไทยเช่นกัน
ส่วนของไฟท้ายนั้นเป็นหลอดธรรมดานั้นไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากมายนัก
ลงตัวด้วยล้อขอบ 16 นิ้ว รัดมาพร้อมยาง Bridgestone Dueler 245/70/R16
เดินวนรอบรถคันนี้เป็นรุ่น LT
ซึ่งหมายถึงไม่ใช่รุ่นที่มีออพชั่นเต็มจากโรงงาน
แต่เปิดโบว์ชัวร์ที่ให้มาด้วยพร้อมกันนั้นดูเหมือนจะเป็นพี่เบิ้มสุดในรุ่น
2.5 ลิตร และเป็นรุ่นเดียวของกลุ่มที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
พลิกดูราคาขายอยู่ที่ 7.3 แสนบาทเป็นค่าตัว
ความยาว5,347 ม.ม.
ทำให้เราค่อนเป็นห่วงเรื่องการขับขี่ในที่แคบและเมื่อเปิดดูโบว์ชัวร์
มันมีวงเลี้ยวแคบสุดที่ 6.3 เมตร ที่ต้องถือว่าเอาเรื่อ
งและน้องโด้คันนี้มาแบบไม่เติมแต่งไม่มีแม้แต่บันได
ทำให้การก้าวขึ้นรถที่สูงจากพื้นเกือบ 2 นิ้วนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ภายในทันสมัย ดูดีแบบกระบะในช่วงหลายปีที่ผ่านมานต้องยอมรับว่ารถกระบะมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายด้าน
มากมายยิ่งการตบแต่งภายในที่ดูเหมือนว่า
รถกระบะจะจัดเอาความสะดวหสบายของรถเก๋งเข้ามา และ Chevrolet
ก็เอาแนวคิดเดียวกันนี้มาใช้ด้วยเการนำเอาเส้นสายการออกแบบภายใน Dual
Cockpit มาใส่ ทำให้ Colorado มีลุคเป็นแบบเก๋งขึ้นทันตา
ตั้งแต่ที่เราเปิดประตูขึ้นมาเจ้าน้องโด้ก็ต้อนรับด้วยการตบแต่งสีโทนเทาดำ
ในรุ่นนี้เบาะนั่งมีลวดลายที่เน้นให้ความสปอร์ตอย่างชัดเจน
เมื่อปรับท่านั่งตามที่ควรจะต้องเป็นแล้วบิดกุญแจเตรียมสตาร์ท
ไฟเรืองแสงโทนฟ้า ช่วยส่องสว่างในระหว่างการขับขี่
โดยมาตรวัดนั้นบ่งบอกถึงการเน้นความสปอร์ตได้แรงบันดาลใจจาก Chevrolet
Camaro ตรงกลางมี Trip Computer สามารถเปลี่ยนให้บอกค่าต่างๆ
ได้มากมายตามต้องการ โดยเฉพาะที่มีประโยชน์ในการขับขี่ให้ประหยัด
คือเรื่องของค่าเฉลี่ยการสิ้นเปลืองน้ำมัน
Flex Cab ก็นับเป็นอีกหนึงสิ่งที่ทำให้ Chevrolet Colorado
มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มพื้นที่ใช้สอย
ใช้ง่ายและสะดวกสบายไม่วุ่นวายเปิดได้ทั้งคนนั่งหน้าหรือจะอยู่ด้านหลัง
และพื้นที่ตรงนี้ สามารถใช้ได้ทั้งนั่งชั่วคราวและ บรรทุกสัมภาระตามต้องการ
แต่จริงๆมันน่าจะเหมาะบรรทุกสัมภาระมากกว่า
ได้เวลาเดินทาง เริ่มต้นงานแรกกับในเมือง ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง เราคาดเข็มขัดเช็คสิ่งของที่ต้องใช้ โดยเฉพาะ
บัตรจอดรถให้พร้อมเตรียมคืนพี่ยามอาคารรสา
แต่เมื่อบิดกุญแจครั้งแรกบิดปั๊ป กะว่า เสียงขุมพลัง Duramax
จะต้องกระหื้ม ป๊าบ..เงียบ .. อ่าวยังไง เหลียวมองไปที่มาตรวัด
จอตรงกลางบอกให้ เราต้องเหยีบคลัชท์ร่วมด้วยในการสตาร์ท
การให้เหยีบคลัทชืในการสตาร์ทนั้นมีข้อดีอยู่ไม่ใช่น้อย
ส่วนหนึ่งที่นึกออกคือเรื่องของการป้องกันการเข้าเกียร์เอาไว้ของผู้ใช้
โดยเฉพาะในเกียร์ธรรมดานั้น
แรงบิดที่เยอะของเครื่องยนต์สามารถทำให้เราพุ่งทะยานไปด้านหน้าจนเกิด
อุบัติเหตุได้ เช่นเดียวกับ เรื่องการช่วยหน่วงเวลาหากรถถูกโจรกรรม
ซึ่งถ้ามองกลับกันมันอาจจะยุ่งยากขึ้นอีกหน่อย
แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมายนักถ้าชิน
เครื่องยนต์ติดแล้วแต่เรายังออกรถไม่ได้ เพราะกระจกมองข้างทั้ง 2
ด้านนั้นยังพับอยู่ ในตอนที่ไปทดสอบที่เชียงรายนั้น เราได้ขับรุ่น LTZ
ซึ่ง รุ่นดังกล่าวนั้นกระจกมองข้างของ Chevrolet Colorado
จะสามารถปรับพับไฟฟ้าได้ แต่ในรุ่น LT นั้นคนละเรื่องเดียวกัน
เราพยายามกดปุ่มปรับกระจก
ซึ่งหากกดลงไปตามความเป็นจริงมันจะต้องบานกระจกมองข้างออก แต่
เฮ้ยอ่าวไม่ไป ยังไงเนี่ย ..เอ๊ะ!! หรือ เป็นพับมือ ซึ่งในใจก็คิดแบบนั้น
แต่เปิดกระจกดันๆ เฮ้ยมันดันไม่ไปนี่หน่า สุดท้าย นั่งงมโข่งอยู่ 5 นาที
ก่อนตัดสินใจ โทรขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากทีมพีอาร์สาวสวย
และเมื่อคุณพี่เราลงมาเธอก็เดินมาดึงกระจกมองข้างออกซะงั้น
..สรุปคือพับมือใช่ไหม เนี่ย .. ยังนึกขำตัวเองไม่หาย
เราโบกมือลาพร้อมขอบคุณที่ช่วยให้หายข้องใจ
แต่อีกนัยเราก็อดอายไม่ได้ในความไม่ฉลาดของตัวเองก่อนเลี้ยวรถไปลงอาคารสา
ซึ่งปกติจะชินอยู่แล้ว แต่เมื่อขับเจ้า Chevrolet Colorado
เหมือนจะลำบากนิดๆ จนกระทั่งออกมาสู่ถนนพหลโยธินเราก็เริ่มพบว่า
มันใหญ่มากจริงๆ
ถนนที่เบียดเสียดในช่วงตอนเย็นทำให้ Chevrolet Colorado
และเราติดอยู่ท่ามกลางการจราจรแออัดของเมืองกรุง
ที่นี่คือบททดสอบแรกที่สำคัญ
เพราะคนจำนวนไม่น้อยในบ้านเราชอบใช้รถกระบะและเขตเมือง
คือจุดที่ทุกคนต้องเข้ามาใช้ชีวิตบ่อยครั้ง
เราเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าทำภารกิจส่วนตัวที่โรงแรมโฟร์วิง
ศรีนครินทร์(ไปทำงาน อย่าคิดมาก) ...
ซึ่งในระหว่างทางที่ฝ่ามหาภัยจราจรในความจลาจลของวันศุกร์แห่งชาติก่อนวัน
เด็ก Chevrolet Colorado ก็ผ่านเขตเมืองได้อย่างคล่องตัว
สิ่งที่น่ากังวลนั้นมีเรื่องเดียวคงไม่พ้นขนาดที่ใหญ่
ยักษ์ของมันที่หากขับตามเลน เรื่อยๆ ก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรมากมายแต่ ถ้า
เบี่ยงซ้ายขวา หรือ เจอ ถนน ที่มีเลนเล็กๆ
การขับเคลื่อนตัวในช่องแคบอาจจะมีปัญหาบ้าง
ไม่นานนักเราก็มาถึงหลายทาง ซึ่งบทต่อไปคือการเข้าที่จอดรถ
ซึ่งที่นี่มีเส้นทางที่คับแคบ เลยไม่ต้องแปลกใจที่ น้องโด้เรา
ต้องทิ่มแล้วขยับถอยเกือบทุกชั้น จนกระทั่งมาถึงที่ว่าง
ซึ่งตรงนี้ไม่ค่อยใช่ปัญหานัก เนื่องจากรถสามารถถอยจอดได้สบาย
แต่ช่องจอดที่แคบอาจจะไม่เหมาะนัก เพราะบางครั้ง เข้าได้
แต่ลงจากรถไม่ได้...เจอมาแล้วกับตัวเอง
บททดสอบในเมืองนั้น จบลงในวันถัดมาด้วยการออกเดินทางไปรับลม ที่ระยอง
ซึ่งเราขับมาเติมน้ำมันเพื่อดูอัตราประหยัดน้ำมันในเมืองว่าจะรับประทานกัน
ไปเท่าไร สุดท้ายจัดไปราวๆ 14 ลิตร หน่อยๆ จากระยะทาง 195.4 กิโลเมตร
บวกลบตัวเลขอย่างเร็วๆ ได้ราวๆ 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร
ขับชิวบนทางหลวง มันจะเป็นอย่างไรน้ำมันเต็มถังที่ความจุ 76 ลิตร พร้อมเดินทางไกล เราก็เริ่มขับเจ้า
Chevrolet Colorado สู่ ระยองฮิ ด้วยเส้นทางบูรพาวิถี
วึ่งสามารถใช้ความเร็วได้พอตัว เส้นทางบนนี้ เป็นการทดสอบที่หนักหน่วงพอตัว
ด้วยความแรงของลมที่พาดผ่านจากด้านข้างนี่น่าจะทำให้เจ้าโด้หวั่นไหวบ้าง
แต่เรือนร่างที่ใหญ่ของมันก็ช่องพิสูจน์แล้วว่า
ถ้าลมไม่แรงจริงไม่ปลิวง่ายๆ และเราเริ่มไต่ความเร็วจาก 100 ไปยัง 120
ก.ม./ช.ม. เพื่อเดินทางอย่างว่องไวขึ้น
ที่ความเร็วนี้เสียงลมเริ่มเข้ามาในห้องโดยสารบ้างแต่ไม่มากมายนัก
ส่วนเสียงเครื่องยนต์บ่งบอกถึงความทรงพลัง ที่ขับเคลื่อนด้วยรอบเครื่องราวๆ
2550 รอบต่อนาที โดยประมาณแต่เอาเข้าจริง เทียบกับรถคันอื่น
เรามีความรู้สึกว่า Chevrolet Colorado วิ่งเร็วกว่า
อาจจะมาจากอย่างที่ใหญ่ก็เป็นไปได้
ในระหว่างการขับขี่ ต้องยอมรับว่า Chevrolet Colorado
เป็นรถที่มีวิสัยทัศน์ค้องข้างดี แม้จะมีบางส่วนที่เป็นจุดบอดทางด้านหน้า
แต่ช่วงแซงหรือมุมมองรถจากกระจกบานหน้าที่กว้าง
ทำให้สามารถคำนวนกะระยะได้ดีกว่าพอตัว
ไม่นานนักเราเริ่มทำความเร็วสูงเพื่อลองความเร็วสูงสุดของตัวรถ
โดยใช้การ Rolling Start จากความเร็วที่ใช้อยู่ 120 กิโลเมตร ไปจนสุดเพดาน
เมื่อกระชากเกียร์ 4 ลงมาเครื่องยนต์ Duramax 2.5 ลิตร
ก็พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วเสียงเครื่องที่ทรงพลังฟังดูไพเราะยิ่งขึ้น
แม้จะไม่หวานหู แต่ก็พุ่งทะยานตลอดอย่างต่อเนื่อง เราซัดจนเชนเกียร์ 5
ที่ความเร็วราวๆ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Chevrolet Corolado
ก็วิ่งอย่างต่อเนื่องตอบสนองยาวๆจะมาเริ่มตันๆที่ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่ท้ายที่สุด น้องโด้ขับ 4 คันนี้ สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 182 กิโลเมตร
ต่อชั่วโม
ส่วนเรื่องระบบกันสะเทือนในย่านความเร็วสูงนั้นก็ไว้ใจได้ความหนึบนุ่ม
แบบกึ่งเก๋งทำให้รถ Chevrolet Colorado
ไม่ค่อยสะท้านจะอาการถนนขรุขะหรือช่วงรอยต่อถนนมากนัก สามารถควบคุมได้
พวงมาลัยก็หนักแน่นใช้ได้ แต่จะมีปัญหาก็ตรงช่วงยาวของรถ
ที่หากคุณเปลี่ยนเลนในความเร็วก็พยายามอย่าหักเร็วจนเกินไปนัก
เพราะท้ายจะไวเล็กน้อย
แต่เราเชื่อว่าถ้าทดสอบในการบรรทุกปัญหาดังกล่าวน่าจะหมดไป
ลองลุยนิดๆ แม้จะรุ่นเล็กแต่สมรรถนะยอด ..เรามาถึงระยองอย่างปลอดภัย และหลังจากขับมาทางยาวมาก ที่เรารุ้ว่าเจ้า
Chevrolet Colorado มีดีด้านสมรรถนะ ทั้งช่วงล่างและเครื่องยนต์
ทำได้อย่างลงตัว แต่คำถามคือ เมื่อรถคันนี้ขับเคลื่อน 4 ล้อ
มันจะสามารถลุยได้จริงหรอ เราขับไปตามทางชาวบ้าน จนมาพบ สถานที่แห่งหนึ่ง
ซึ่งคาดว่าเป็นทางเข้าไร่สักอย่างแบบทางลูกรัง
ก็เลยฉวยโอกาสเข้าไปลองดูว่าเจ้าโด้ จะเป็นอย่างไร
เราบิดปรับระบบขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ มาเป็น 4 ล้อในเกียร์ 4 H
ใช้งานง่ายแค่บิด และยังสามารถเปลี่ยนได้เมื่อขับอยู่ที่ความเร็วสูงสุด 100
กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การขับเคลื่อนผ่านทางลูกรังอาจจะไม่ได้ยากมากมายอะไรนัก แต่เมื่อขับเคลื่อน
4 ล้อ ความทรงพลังของเครื่องยนต์ก็ไม่ได้มีอัตราเร่งที่เปลี่ยนไปมากนัก
คุณสามารถบุกตะลุยตะกุยดินได้อย่างคล่องแคล่ว
แถมยังให้ความมั่นใจการขับขี่มากกว่าด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะเรื่องช่วงล่างที่ทำงานได้สัมพันธ์
เราวิ่งไปวิ่งมาในถนนนี้อยู่พักใหญ่ ทดสอบทั้งอัตราเร่ง การเกาะถนน
จนพอสามารถจะสรุปได้ ว่า Chevrolet Colorado
คันนี้มีดีพอที่ตะลุยได้ในทางที่ไม่ได้โหดอะไรมากมายนัก แต่แน่นอนว่า
เราอยากจะลองพามันไปลุยทางโหดของจริงในโอกาสต่อไป
บทสรุปความประหยัด ใช้งานจริงได้เท่าไร เรากลับมาจากระยองด้วยน้ำมันที่เหลือกว่าครึ่งถัง
ทำให้ในวันถัดมานั้นต้องใช้ Chevrolet Colorado
ไปต่อตามทางหลวงปลายทางวันนี้คือนครนายก แต่ประเด็นนั้น
ไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่อยู่ที่
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยรวมทั้งในและนอกเมือง
ซึ่งการขับครั้งนี้เราใช้มาตรฐานความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มีกดเร่งแซงบ้างตามปกติของคนขับรถทั่วไป
เรามาวิ่งไปแล้วกลับจากนครนายก
ก็มาวิ่งในเมืองที่วันอาทิตย์เจอทั้งรถติด การจราจรคับคั่ง เยอะแยะมาก
แต่ท้ายที่สุดแล้วกว่าน้ำมันจะขึ้นเตือนนั้น ก็ปาไปช่วง 4
ทุ่มกว่าๆบนถนนวิภาวดีรังสิต โดยตอนนั้นเราวิ่งไปแล้ว 839 กิโลเมตร
และคอมพิวเตอร์แจ้งว่ายังมีน้ำมันเหลือวิ่งได้อีก 102 กิโลเมตร
ก่อนจะต้องจอดข้างทาง เท่ากับเราจะมีระยะทางรวมที่วิ่งได้ 839 +102
กิโลเมตร ได้ 941 กิโลเมตร ถังน้ำมัน Chevrolet Colorado
ตามสปคแจ้งว่ามีขนาดใหญ่ 76 ลิตร
เมื่อบวกลบคูณหารออกมาเราได้อัตราประหยัดน้ำมันที่ 12.38 กิโลเมตรต่อลิตร
ภายใต้การใช้งานจริงของคนเดินทาง ถือว่าไม่ขี้เหร่เลย
เมื่อนับว่าระหว่างทางเราทำทั้งความเร็วสูง ใช้ความเร็ว 140 บ้าง
เพื่อซื้อเวลาการเดินทาง
Chevrolet Corolado Duramax 2.5 4 WD ถือว่าเป็นรถที่ค่อนข้างลงตัวในด้านการใช้งาน ทั้งในเมือง และนอกเมือง แม้จะมีบ้างที่เป็นจุดบอดของรถ แต่ด้วยราคา 7.3 แสนบาท ที่คุณจะได้ครอบครองรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เหมาะมากในการไปเที่ยว ก็ต้องยอมรับว่าไม่ควรมองข้ามไปจริงๆ
ผลทดสอบ Chevrolet Corolado Duramax 2.5 4 WD
การใช้รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็ว 90 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง1900 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง2200 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง2500 รอบต่อนาที
อัตราประหยัด ในเมือง 13.8 กิโลเมตร ต่อลิตร สภาพจราจร ติดขัดสลับหยุดนิ่ง
นอกเมือง 12.38 กิโลเมตร ต่อลิตร สภาพจราจรปกติ วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้ความเร็วสุง บ้างเป็นครั้งคราว
ตารางคะแนนผลการทดสอบ Chevrolet Corolado Duramax 2.5 4 WD LTคะแนนการทดสอบโดยรวม 92 คะแนน หัวข้อ
คะแนนเต็ม (25)
คำแนะนำ/ ข้อติชม
รูปลักษณ์ภายนอก22
รูปโฉมแข็งแกร่งบึกบึนลงตัว คือจุดเด่นของรถรุ่นนี้ซึ่ง Chevy
ออกแบบมาได้ชัดเจน ตั้งแต่ต้นแบบ
จนมาถึงปลายทางวางขายกันอย่างเป็นทางการ แต่ข้อติหนึ่งของการออกแบบ
คือ การใช้กระจังหน้าร่วมกับ กันชนหน้า
ทำให้มันมีความเป็นเก๋งขึ้นก็จริง แต่ ถ้ามองในระยะยราว
เรื่องการซ่อมแซมน่าจะลำบาก เช่นเดียวกับประตูด้านข้างที่ปิดยากพอตัว
แม้จะเป็นเรื่องของล็อค 2 ชั้น แต่ถ้าคุณเป็นคนตัวเล็กแรงน้อย
ก็คงต้องออกแรงกันสักนิดหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่เราชอบนั้นคือกระจกบานโตๆกับ
ดีไซน์ แต่อย่างที่บอกยังมีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงอีก
ภายในห้องโดยสาร22
ห้องโดยสารสุดล้ำ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นในรถรุ่นนี้
เพียงแต่ว่า มันอาจจะต้องใช้เวลาการปรับตัวสักหน่อย
เบาะนั่งที่ค่อข้างแข็ง แม้ผ้าลายจะสวย แต่นั่งขับจริง ถ้าปรับไม่ดี
นี่รับรองได้ว่ามีเมื่อย ซึ่งความจริงแล้วน่าจะทำได้ดีก่านี้
แต่เข้าใจว่าพยายามเพิ่มความสปอร์ตให้ตัวรถเล็กน้อย
แต่เรื่องตรงยอมรับว่า ไม่น่าจะจี้ถูกจุด เพราะเบาะนั่ง
คือส่วนสำคัญยามเดินทาง อ้อ!!
อีกอย่างก็เรื่องเครื่องเสียงที่ดันมีจุดเชื่อต่อแบบ USB
แต่เอาเข้าจริงเป็น Micro USB
ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำใช้จุดเชื่อมต่อแบบนี้ทำไม
สมรรถนะเครื่องยนต์และความประหยัด25
ขุมพลัง Duramax2.5 คือจุดขายสำคัญของรถรุ่นนี้และมันทำได้ดี
เรามีความรู้สึกส่วนตัวว่ามันตอบสนองดีกว่า 2.8 ลิตร เสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่ในมุมมองของเรา ว่า Chevrolet
น่าจะมีรุ่นเกียร์อัตโนมัติเข้ามาประจำการเพิ่ม
แต่นั่นคือข้อเสนอแนะจากเรา
ระบบกันสะเทือนและเทคโนโลยี23
กันสะเทือนที่หนึบแน่น ทำให้การขับขี่ Chevrolet
Coloradoมั่นใจได้เป็นอย่างดี เรียวว่าไม่หวันทางโค้ง และน่าพอใจ
แต่จะมีบางครั้งบ้างที่ทำให้เรารู้สึกว่าโช๊คยังตอบสนองไม่เร็วมากนัก
อีกเรื่องที่น่าสนใจ คือระบบขับเคลื่อนของคันนี้ ที่แปลบก
โดยเฉพาะเราถอนคันเร่งรถจะเหมือนสะดุดเล็ๆ จนถ้าไม่จับผิดกันจริงๆ
เรียกว่าไม่รู้ แต่นั้นคงมาจากชุดเฟืองท้ายแบบ Limited Slip
ซึ่งรุนแรงขนาดนี้อาจะไม่โสภาเท่าไร แต่เอาเป็นว่าถ้าชอบอารมณ์ดิบ
ก็น่าจะถูกใจหลายๆคน