bloggang.com mainmenu search
       คงไม่
บ่อยนักที่เราจะลงจากรถหนึ่งคันแล้ว
ถึงขั้นต้องออกปากชมกับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมที่ลงตัวกับปัจจัยอื่นๆที่สรรค์
สร้างจนมาเป้นรถยนต์หนึ่งคัน
แต่นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในความประทับใจที่เกิดขึ้นกับ  mitsubishi
Triton Plus 
โฉมใหม่ ที่เราได้รับเชิญจากค่ายทรีไดมอนด์ไปท้าพิสูจน์ไกลถึงเมืองน่านกันเลยทีเดียว



           
เวลาเช้าวันอาทิตย์อาจจะเป้นเวลาที่ใครจะคิดว่ามีคนกลุ่มหนึ่งรีบแหกขี้ตา
ตื่นมาทำงาน
แต่นั่นเป้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราได้รับคำเชิญให้ท้าพิสูจน์ร่วมคาราวาน
โดยเป็นนักข่าวกลุ่มแรกที่ขับรถยนต์  Mitsubishi Triton และ Pajero Sport
โฉมใหม่ล่าสุดที่เพิ่งปรับหมาดในช่วงส่งท้ายปี 2011
ขึ้นไปแอ่วเมืองน่านกับที่พร้อมจัดหนักในธรรมชาติและขุนเขาที่อุดมด้วยโค้ง
ต่างๆมากมาย



Test drive Mitsubishi Triton plus 178 HP

            การไปแอ่วน่านครั้งนี้ เราเริ่มต้นด้วยการรับรถ  Mitsubishi
Triton ขับไปพร้อมคาราวาน ที่แบ่งช่วงทดสอบสมรรถนะต่างๆ ตามสมควร





ขับ 110 ก.ม./ช.ม. ถึง ชัยนาท ซดสักกี่ลิตร





            โจทย์แรกในการขับรถทดสอบจากกทม.สู่แดนหนือเมืองน่าน
เราเริ่มต้นด้วยคำสั่งง่ายในการขับรถยนต์ให้ประหยัดในสภาวะใช้งานจริง
ที่ทำความเร็วโดยเฉลี่ยที่ 110 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง จากสำนักงานใหญ่
Mitsubishi จุดเริ่มต้นไปยังจุดนัดพบปั้ม
ปตท.ที่จังหวัดชัยนาที่อยู่บนถนนสายเอเซีย แต่ให้ขับกันได้อย่างอิสระ
เร่งแซงได้ตามปกติตามสถานการณ์ขับขี่จริง


            เราล้อหมุนราวๆ 8 โมงเช้า เห็นจะได้
โดยในทริปนี้รับหน้าที่ขับ  Mitsubishi Triton plus Double Cab 
ที่มาพร้อมขุมพลังแรงสุดในตลาด 2.5 ลิตร ให้กำลังสูง 178 แรงม้า
ตอบสนองแรงบิด 350 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1800-3500 รอบต่อนาที
โดยรถคันที่เราขับขี่ในงานนี้เป็นระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ใช้งานสะดวก
ทั้งยังมีระบบ sport tronic  มาให้เราเล่นกันหากต้องการเรียกสมรรถนะ



Test drive Mitsubishi Triton plus 178 HP

            เลื่อนเกียร์ D ปล่อยเบรค เริ่มการเดินทางจากสำนักงานใหญ่
Mitsubishi  มุ่งสู่ถนนใหญ่อย่างเต็มตัว โดยในรถเรามีเพียง
เราและสื่อมวลชนอีกท่านหนึ่ง สัมภาระก็แค่กระเป๋าเป้ 2 ใบ
วิทยุสื่อสารหนึ่งเครื่อง ถือว่าไม่มากนักสำหรับการเดินทางในวันสบายๆ


            เมื่อกดคันเร่งเทอร์โบ  VG ใน เครื่องยนต์ของเจ้า Triton
plus นั้นปั่นกำลังเรียกแรงบิดได้อย่างสนุกสนาน
เพียงไม่นานนักเราก็มาถึงความเร็วที่ต้องการก่อนที่จะผ่อนคันเร่ง
และเสียงที่เร้าใจจากการลดรอบการทำงานของระบบเทอร์โบ ก็ดังขึ้น
หมายถึงสิ่งที่อยู่ใต้ฝากระโปรง triton plus นั้นไม่ธรรมดาแน่นอน


            การเดินทางในช่วงแรกนี้คาดว่าจะมีระยะทางราวๆ 162 กิโลเมตร
โดยใช้ถนนสายเอเชียเส้นทางหลักการเดินทางสู่ภาคเหนือเป็นเส้นทางการขับขี่
สภาพการจราจรในวันนี้เดินทางนั้น รถไม่เยอะมากมายนัก
แต่ก็ค่อนข้างจะขับขี่ยากพอสมควรจากสถาพถนนที่ไม่สมบูรณดังเดิมนักหลังจาก
ช่วงน้ำท่วม


            ระหว่างการขับในโหมดประหยัดเราใช้ตำแหน่งเกียร์  D
เท้าปัดป่ายที่คันเร่งคงความเร็วที่กำหนดให้มากที่สุด
เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ดีที่สุดนั้
ก็พอจะสังเกตว่าเครื่องยนต์นั้นทำงานอยู่ที่เพียงราวๆ 2050 รอบต่อนาที
ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยมาก และเมื่อใช้ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มันอยู่ที่ประมาณ 1800 รอบต่อนาทีเท่านั้น



Test drive Mitsubishi Triton plus 178 HP

            ตลอดเส้นทางนี้การขับขี่ไม่ได้เรียกสมรรถนะมาใช้
ทำให้เราอดคันไม้คันมือไม่ได้ จนบางช่วงต้องเหยียบเร่งแซง ที่ความเร็ว 120
ก.ม./ช.ม. บ้า งหรือ 130 ก.ม./ช.ม. บ้าง ตามแต่โอกาส
แต่ไม่ได้แช่เปฌนระยะเวลานาน แต่ไม่ว่าจะใช้ความเร็วเท่าใดในการเร่งแซง
แรงบิด 350 นิวตันเมตร
ก็ช่วยในการเรียกสมรรถนะออกมาให้มั่นใจได้เสมอต้นเสมอปลาย จวบจนถึงที่หมาย
ที่ดันมากกว่าที่คิดไป 5 กิโลเมตร จบที่ 167 กิโลเมตร
จากน้ำมันเต็มถึงเราเติมไป 14.66 ลิตร หรือเฉลี่ยวราวๆ 11.3 กิโลเมตร
ต่อลิตรแต่ก็ต้องไม่ลืม Triton plus  นั้นเป็นรถขับ 2 ยกสูง
ที่มาพร้อมยางหน้ากว้าง 245/70/16





สมรรถนะแรงเกินตัวไม่บอกคิดว่ารถสปอร์ตมากกว่า





           
หลังจากจบในช่วงแรกเราก็ผลัดกันขับกับพี่สื่อมวลชนอีกท่านก็นับว่าเป็นความ
โชคดีของเรา เพราะในช่วงที่ 2 ยังขับโหมดประหยัดกันต่อไป
แต่ใช้ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ซึ่งก็ได้ตัวเลขประหยัดที่ไม่ต่างกันมากมายนัก
นั่นอาจจะหมายถึงรถคันนี้อาจจะชอบความเร็วสูงมากกว่าหรือเปล่า


           
หลังเที่ยงเป็นอีกครั้งที่เรากระโดดขึ้นมากุมบังเหียนหลังพวงมาลัยม้าพยศ
178 ตัวใน triton Plus ที่ครั้งนี้เป็นการเดินทางจากพิษณุโลกสู่อุตรดิตถ์
ก่อนจะเปลี่ยนกันขับอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองแพร่
เส้นทางสายนี้นั้นเป็นการขับบนถนน 4 เลน
สามารถใช้ความเร็วได้พอสมควรคงที่แถวๆ 130 -140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง



Test drive Mitsubishi Triton plus 178 HP

           
การเดินทางที่ความเร็วประมาณนี้ถือเป็นปกติที่คนส่วนใหญ่จะยังใช้งานขับกัน
อยู่เป็นประจำ ในขณะที่ความเร็วเพิ่มขึ้น
เรื่องช่วงล่างก็ยังดูจะไม่มีปัญหา ไม่ออกอาการวูบวาบให้เสียวเล่น
สามารถใช้ความเร็วได้อย่างมั่นใจ
เช่นเดียวกับเรื่องเสียงในห้องโดยสารที่เริ่มมีเสียงลมบ้างแต่ก็ไม่มากนัก


            ยางที่ใหญ่ขึ้นนับว่ามีส่วนสำคัญต่อความมั่นใจในการขับขี่
ในขณะที่เราลองเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆเพื่อหาความเร็วสูงสุดนั้น  Triton
plus ก็ตอบสนองได้ดี ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้อย่างไม่มีอืด แต่จะมาช้า
ที่ความเร็ว 180 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
ทว่าท้ายที่สุดสามารถทำความเร็วปลายสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง




พิชิตโค้งมาดมั่น แม้จะยกสูง





                ถึงจะไม่ได้พูดกันแบบออกไมค์
แต่โดยธรรมชาติของรถยกสูงแล้ว
เรื่องของสมรรถนะการขับขี่โดยเฉพาะระบบช่วงล่างมักจะศูนย์เสียไปบ้างเล็ก
น้อยเพื่อแลกความหล่อเหลาเอาการในแบบตัวลุย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นใน
Mitsubishi Triton Plus ใหม่


                ความขึ้นชื่อลือเรื่องสมรรถนะการขับขี่
ถือเป็นความโดดเด่นที่สำคัญอีกประการของค่ายรถยนต์ทรีไดมอนด์
ที่ในรุ่นนี้ก็ยังให้ความประทับใจในการขับขี่ด้วยช่วงล่างที่สามารถวางใจได้
ทุกสถานการณ์



Test drive Mitsubishi Triton plus 178 HP

               
หนทางที่คดเคี้ยวย่อมเป็นบทพิสูจน์และมันก็ทำให้เราเชื่อมั่นได้ด้วยการบุก
ตะลุยขึ้นโค้งสู่ดอยภูคา
แต่ขาขึ้นนั้นเป็นเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ทว่าขาลงสิ
คือเรื่องของช่วงล่าง


                สมรรถนะด้านช่วงล่างของ Mitsubishi triton
นั้นเผยธาตุในเช้าวันรุ่งขึ้นที่เราได้กลับมารับบทพลขับอีกครั้งในการเดิน
ทางกลับสู่ตัวเมืองน่าน โดยก่อนที่จะลงไปตัวเมือง
คาราวานเราก็เดินทางเลาะตามตะเข็บชายแดนผ่านเส้นทางที่คดเคียวไปเรื่อยด้วย
ความเร็วแบบชิว แต่แน่นอนว่าในช่วงความเร็ว 50-60
กิโลเมตรต่อชั่วโมงกับเส้นทาง
คดเคี้ยวนั้นเป็นเรื่องสบายที่ใครก็สามารถขับได้
จวบจนเมื่อเริ่มเคลื่อนตัวเร็วขึ้นผ่านเส้นทางที่ยังหินมากไม่ต่างอะไรจาก
รถไฟเหาะ ช่วงล่างของ  Triton  ก็เริ่มเสริมความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น





ลุยได้ไม่ต่างขับ 4  ขับดีๆ Plus  ก็พอ





               
เส้นทางที่คดเคี้ยวพาเราเข้าสู่ด่านทดสอบสำคัญของการขับรถกระบะ
นั่นคือสมรรถนะ "การลุย"
โดยเส้นทางที่เราเข้าไปเป็นเส้นทางที่เพิ่งผ่านการกัดเซาะของน้ำและฝนมา
อย่างโชกโชน


                ต้องบอกว่าเป็นโชคดีที่เราขับ 2 ยกสูง
ซึ่งสามารถช่วยให้มันมีระยะห่างจากพื้นมากกว่ากระบะขับ 2 ธรรมดาทั่วไป
เป็นรถที่ลุยได้พอตัว
แต่อาจจะไม่เหมาะมากนักกับเส้นทางหฤโหดแบบออฟโรดขนานแท้
แต่ในเส้นทางที่กำลังจะบุกไปนี้
ก็ต้องยอมรับว่ามีความยากในการขับขี่พอสมควร
ถนนที่เป็นลูกรังทำให้ยิ่งได้อารมณ์การขับขี่แบบหฤโหดมากขึ้น



Test drive Mitsubishi Triton plus 178 HP

                แกว่งไปไกวมาเป็นเรื่องปกติของเส้นทางแบบนี้
แต่ช่วงล่างของ  Mitsubishi ที่คงต้องบอกว่างานนี้ทุ่มสุดตัวนั้น
ก็ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความหนึบแน่นมากกว่าการเด้งกระดอนแบบรถบรรทุกสมัย
ก่อน การลุยนั้นโคลงเคลงบ้างเล็กน้อย ตามจังหวะเส้นทาง
แต่คุณจะไม่รู้สึกว่า
อยากจะคย่อนมื้อเช้าออกมารับบบรรยากาศภายนอกเป็นแน่แท้


               
เส้นทางที่เราลุยนี้เป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้ในการสัญจรส่วนใหญ่
โดยมากเป็นลูกรัง ผสมกับทางหินกลมที่
แต่อุปสรรคใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเป็นทางหินเนินชัน
ที่ไม่ใช่ว่ารถอะไรก็จะไปได้ง่ายๆ


               
ความหินครั้งนี้ต้องอาศัยทั้งกำลังเครื่องและสมรรถนะช่วงล่างที่ต้องทำงาน
สอดผสานกัน ซึ่งเมื่อคันหน้าข้ามผ่านไปได้ก็เป็นคิวเราในการฝ่าด่านอรหันต์
สิ่งที่ทำนั้นไม่มีอะไรมากเดินคันเร่งประมาณ1500 รอบ
ซึ่งเป็นรอบเครื่องที่ยังไม่ได้แรงบิดสูงสุด ที่เหลือคุมพวงมาลับ
โยกตามเส้นทางที่ควรจะไปฝ่าอุปสรรค



Test drive Mitsubishi Triton plus 178 HP

 ผลคือไม่ต้องลุ้นฝ่าง่ายๆเหมือนเคี้ยวขนม
แถมบางจังหวะช่วงล่างทำให้การขับขี่ง่ายขึ้นอีกต่าง หาก
แต่เพียงเท่านี้จากตลอดเส้นทางลูกรัง ก็คงพอจะบอกได้ว่า
ช่วงล่างและเครื่องยนต์เจ้า  Triton plus  ขับ 2
ยกสูงนั้นมีดีพอๆกับขับเคลื่อน 4 ล้อ เพียงแต่ต้องรู้จักใช้ ก็สามารถไปได้
เว้นแต่คุณจะลุยป่ากันจริงๆจังๆ




นาทีระทึกกับการท้าดวลทางเขา





               
เราอาจจะเห็นภาพยนต์รถซิ่งบ่อยครั้งที่ชอบไปขับเอามันส์กันบนเขาวาดลีลากวาด
โค้งกันอย่างสนุกสนาน
แต่ระหว่างทางใครจะคิดว่าในการทดสอบครั้งนี้เราจะได้จัดหนักกันอย่างไม่ทัน
ตั้งตัว


                "ผมขออภัยมาผิดทาง" คำพูดจากผู้นำขบวนผ่านวิทยุ
ที่พาลูกทีมกว่าอีก 6 คัน
รวมทั้งเราเลี้ยวมาผิดเส้นทางจากที่จะต้องกลับสู่ถนนใหญ่กลับกลายเป็นยิ่ง
ขับก็ยิ่งเหมือนเข้าป่าไปทุกทีๆ ผู้นำตัดสินใจวนออกกลับไปยังทางที่ถูกต้อง
แต่กระนั้น ขบวนส่วนท้ายก็นำเราไปได้เกือบ 10 นาทีแล้ว
ผลคือต้องกวดตามกลับเข้าขบวน



Test drive Mitsubishi Triton plus 178 HP

                การขับขี่ที่ใช้ความเร็วบนเขาคงไม่ใช่เรื่องน่าพิศมัย
และแน่นอนถ้าคุณใช้ความเร็วมากก็ยิ่งเสี่ยงมาก และในการไล่ตามคาราวานเรา
เรียกว่าทุกสิ่งที่เคยพูดถึงนั้นถูกงัดนำมาใช้ทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์
ช่วงล่าง เรียกว่าไม่ต่างอะไรจากการแข่งขัน
เพียงแต่แทนที่จะเป็นรถส่งเต้าหู้
กลับเป็นขบวนเพื่อนสื่อมวลชนที่รอเรากลับเข้าไปเข้ากลุ่ใอีกครั้ง


                รถ ทั้ง 6 คัน ประกอบด้วย Pajero Sport
เสียส่วนใหญ่วิ่งนำด้วยความเร็วบนทางเขาที่คดเคี้ยวกว่า 110-120 กิโลเมตร
เรียกว่าอัดกันเต็มเหนี่ยวเร็วที่สุดเท่าที่จะไปได้เพื่อไม่ให้เสียเวลาและ
เพื่อนต้องรอนาน งานนี้ต้องอาศัยในการจัดการที่ดีและเราเปลี่ยนจากโหมด  D 
ขับชิว มาสู่การเอาจริงเอาจัง SportTronics
 ที่สามารถควบคุมอัตราทดเกียร์ได้



Test drive Mitsubishi Triton plus 178 HP

               
ทันที่สับเปลี่ยนเลื่อนขึ้น-ลงตามความต้องการระบบเกียร์อัตโนมัติของ
Mitsubishi Triton สามารถสนองตอบได้อย่างรวดเร็วทันใจ
และยังช่วยในการถ่ายน้ำหนักของรถในระหว่างเข้าโค้งได้อย่างดีเยี่ยมช่วยให้
ขับสนุกสนานมากขึ้น


                เราอัดทุกโค้งที่ความเร็วแทบไม่ต่ำกว่า 90
กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง ทำเป็นจังหวะ เบรค-ปรับเกียร์
หักพวงมาลัย จนเริ่มชน
ซึ่งจนถึงนาทีนี้ช่วงล่างก็ยังทำงานได้กีมีน้อยโค้งที่จะได้ยินเสียงเอี๊ยด
จากยางที่หมายถึช่วงล่าทำงานเต็มสูบอย่างสุดความสามารถ ในขณะที่เครื่องยนต์
2.5 ก็เหยียบกันสุดโต่ง เรียกว่า ทางตรงเมื่อไรได้พบ 178 แรงม้า
ใส่กันไม่ยั้ง พร้อมเสียงเทอร์โบ ที่ดังฟิ้วๆ
ช่วยเพิ่มอารมณ์เร้าใจขึ้นไปอีก


               
การขับที่รุนแรงและต่อเนื่องนั้นก็น่าจะมีการออกอาการอะไรบ้าง ทั้งเบรค
ช่วงล่าง หรือไม่ก็เกียร์ที่ทำงานอาจจะเพี้ยนไปบ้า
งแต่จนถึงสุดท้ายปลายทางมารวมกับขบวนเพื่อลงสู่จังหวัดน่าน
เรากลับไม่พบข้อผิดสังเกตต่างๆเลย จนนอกจากสมรรถนะแล้ว
ยังต้องยกความถึกแถมให้ไป


                แน่นอนนี่เป็นเพียงคาราวานขับทดสอบที่มากด้วยหลากสถานการณ์ที่ท้าพิสูจน์  Mitsubishi Triton plus 178 แรง
ม้า ว่าแม้จะเริ่มมีอายุมาก ถ้านับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก
แต่ถ้าไม่คิดมากในเรื่องเรือนร่าง
สิ่งที่แฝงอยุ่ใต้รูปลักษณ์นั้นมันก็ไม่แพ้กระบะเจ้าอื่นๆที่วางจำหน่ายใน
ตลาดปัจจุบัน









ตารางคะแนนทดสอบ Mitsubishi Triton  Plus 178 HP


คะแนนการทดสอบโดยรวม 90 คะแนน






หัวข้อ




คะแนน (เต็ม 25 คะแนน)




คำติชมและข้อเสนอแนะ






รูปลักษณ์ภายนอก




21




เรือนร่างที่ใช้มานานตั้งแต่ปี 2006 นั้น อาจจะทำให้ดูน่าเบื่อ
แม้จะมีการปรับเล็กๆน้อยๆ เพื่อเติมความทันสมัย
ทั้งกระบะท้ายที่ดีขึ้นใบหน้าที่ทันสมัยขึ้น แต่ก็ไม่มากมายนัก
ทว่าต้องยอมรับว่าการออกแบบ Mitsubishi Triton
นั้นก้าวล้ำค่ายอื่นกว่าหลายขุม
แต่เราอยากเห็นอะไรใหม่มากกว่านี้อีกสักนิด






ภายในห้องโดยสาร




21




ห้องโดยสารนั่งสบายเข้าใจง่าย นับเป็นจุดเด่นที่ดีในการตอบโจทยืลูกค้า
ยิ่งใครที่ชอบ 4 ประตู นั้นยิ่งให้ความคุ้มค่า
อย่างที่รู้เบาะหลังนั่งสบายเกิดคาดเสียอีก
แต่ก้คล้ายกับภายนอกที่น่าจะมีอะไรเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย
อย่างหนึ่งที่อยากเสนอคือปรับดีไซน์เบาะใหม่ ให้นั่งและนิ่มนวลยิ่งขึ้น และ

ฟังชั่นที่ช่วยในการขับขี่ด้านต่างๆน่าจะเป้นโจทย์ที่ไม่ควรมองข้างไปเช่น
กัน






สมรรถนะเครื่องยนต์และความประหยัด




24




การตัดสินใจนำเครื่อง 2.5 ลิตร 178 แรงม้ามายักลงในขับ 2 ยกสูงนั้น
เป้นแนวคิดที่เราค่อนข้างชอบมากในความกล้า
ซึ่งขุมพลังที่แรงนี้ก้ทำให้รถขับ 2 ยกสูงค่ายนี้ลุยได้มากขึ้น
โดยไม่ต้องอาศัยเรื่องระบบขับเคลื่อน แต่ใช้ความบ้าพลังของรถแทน
ซึ่งมันเป้นเครื่องที่ขับสนุกจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่รถกระบะ






ระบบกันสะเทือนและเทคโนโลยี




24




ช่วงล่างที่หนึบแน่น เราคงต้องยกให้ไปอย่างช่วยไม่ได้
โดยเฉพาะเมื่อเราฝากชีวอตไว้กับช่วงล่า
งซึ่งเป้นปัจจัยสำคัญในการเข้าโค้ง โดยเฉพาะโค้งความเร็วสูงนั้น
กถือเป้นเรื่องที่ท้าย ยิ่งตอนที่สุดวิสัยทำได้ขนาดนี้
ลุยได้ขนาดนี้ถือว่าเกินตัวจริงๆ
แต่แน่นอนกลับกันในเรื่องเทคโนดลยีนั้นต้องเติมเข้ามีสักหน่อยพยายามคิด
นอกกรอบ น่าจะมีบางอย่างที่น่าจะหามาตอบดจทย์ได้











ที่มา
//auto.sanook.com/3320/sanook-drive-mitsubishi-triton-plus-..%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87-178-%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%88/
Create Date :06 มกราคม 2555 Last Update :6 มกราคม 2555 8:21:39 น. Counter : Pageviews. Comments :0