bloggang.com mainmenu search
ย้อนไปอ่านตอนแรก / อ่านตอนต่อไป

คำขวัญแขวงสะหวันนะเขตที่จั่วด่านในสถานี ลองอ่านกันดูนะครับ


8.30 น. พวกเราก็ยกขบวนกันขึ้นไปบนรถข้ามแดนเป็นรถของบริษัท บขส. หน้าตาก็เหมือนรถทัวร์ บขส.ที่วิ่งทั่วไปในบ้านเรา รถพาเรามุ่งตรงไปยังสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 และหยุดจอดลงตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทยเพื่อให้เราได้ประทับตราในพาสปอร์ต แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้...

จะว่าไปแล้วในการเดินทางครั้งนี้นับว่าพวกเราทุกคนค่อนข้างมีความพร้อมกันอยู่มากเนื่องด้วยว่าแผนการเดินทางถูกเตรียมไว้นานพอควรแล้ว ตัวผมเองพร้อมทุกอย่างตั้งแต่ข้างในยังข้างนอก ไม่ลืมแม้กระทั้งพลาสเตอร์ปิดแผลรวมถึงยาใส่แผลเบตาดีนและ หรือแม้กระทั่งที่ตัดเล็บ...

โดยทั่วไปที่ช่องตรวจเอกสารเพื่อผ่านแดนถ้าเอกสารครบถูกต้องก็จะประทับตราผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ทุกคนได้รับการประทับตราผ่านไปและผ่านไป แต่แล้วมันก็เกิดเรื่องเข้าจนได้ก็ตรงที่ผมนี่แหละ

"ให้ข้ามไปไม่ได้นะ..." น้าที่ตรวจเอกสารบอกกับผม คุณตึกและคุณเปิ้ลที่ประทับตราผ่านได้แล้วหันมามอง ส่วนผมมองหน้าน้าคนนั้นอย่างสงสัย

"พาสปอร์ตมันหมดอายุแล้วนะ..." เฮ้ย! อะไรว่ะ ก็เมื่อต้นปีเพิ่งไปลาวมาเองมันจะหมดได้ไง--------แต่แล้วผมก็ระลึกความจริงบางอย่างขึ้นมาได้... ความทรงจำของผมค่อยๆ ย้อนกลับมา ผมพลาดเสียแล้ว ผมลืมไปว่า....ผมมีพาสปอร์ตสองเล่ม และมีอยู่เล่มหนึ่งมันหมดอายุ... แล้วผมก็ดันหยิบเล่มหมดอายุมา...ความเซ็ง วิ่งเข้ามาจับขั้วหัวใจ...

"ให้ข้ามไปไม่ได้ ถ้าให้ข้ามไปที่ด่านลาวก็ข้ามไปไม่ได้อยู่ดี"

ผมสุดเซ็ง โกรธตัวเอง เฮ้ย!...ทำไมกูมันโง่อย่างนี้ว่ะ ผมบอกตึกกับเปิ้ลว่า วันนี้ผมคงไปพร้อมกับพวกไม่ได้เสียแล้ว ให้ทุกคนข้ามไปค้างที่ลาวก่อนและผมจะรีบกลับไปเอาพาสปอร์ตใหม่แล้วตามไปสมทบ แต่ช่วยไปเอาเป้ที่อยู่บนรถลงมาให้ที

ทั้งสองคนรีบวิ่งหายขึ้นไปบนรถ พักเดียวก็ลงมา... ลงมากันหมดทุกคนตั้งแต่คุณเอกที่รออยู่บนรถแล้ว คุณเปิ้ล คุณตึก พร้อมสัมภาระ เดินตรงกลับมาหาผมที่ช่องตรวจเอกสาร

“พี่เราไปพร้อมกันดีกว่า” ตึกกล่าวออกมา... ผมซึ้งจนน้ำตาคลอ (เว่อร์แล้ว)

“มันจะเสียเวลาทุกคนนะ ถ้าพวกนายข้ามไปก่อนวันนี้นายก็ได้เที่ยวสะหวันนะเขต แล้วหาที่พักรอพี่ แล้วพี่จะตามไปสมทบ” ผมว่า

“พี่เรามาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน”

“ไม่มีใครอยู่ที่บ้านพี่เหรอ พี่ไม่ต้องกลับไปกรุงเทพฯหรอก ให้เขาส่ง อีเอ็มเอส มาก็ได้” เปิ้ล เสนอ อืม...จริงซินะประหยัดกว่าเยอะเลยทั้งเงินทั้งเวลา ผมนึกถึงพี่ชายผม

“พี่ให้เขาส่งมากับรถทัวร์เร็วกว่านะพี่ รถทัวร์สายที่เรามามุกดาหารนี่แหละ ถ้าส่งมาวันนี้จะมาถึงพรุ่งนี้เช้า ถ้าส่งอีเอ็มเอส อาจจะได้ตอนบ่าย ส่งมากับรถทัวร์เร็วกว่า” ตึกเสนออีกทางเลือก ทางเลือกของการขนส่งที่ผมเคยได้ยินแต่ไม่เคยใช้บริการ เอาว่ะ ส่งทางรถทัวร์นี่แหละ ว่าแล้วผมก็จัดการโทรหาพี่ชายผมให้ช่วยเอาพาสปอร์ตไปส่งให้ที่หมอชิด มากับรถสายมุกดาหารแล้วผมจะไปรับเอกสารที่ขนส่งมุกดาหาร...ขอขอบคุณท่านพี่ไว้ ณ ที่นี้ด้วย... คุยโทรศัพท์กับพี่ชายเสร็จคุณเอกก็เสนอว่า

“วันนี้เรานอนกันที่มุกดาหาร แล้วพี่ไบ๊ท์ก็ไปทำบอรเดอร์พาส แล้วก็ข้ามไปเที่ยวฝั่งสะหวันนะเขตด้วยกัน” ทุกคนเห็นด้วย ผมซึ้งใจ ขอบคุณทุกคน

“ตกลงจะข้ามไปฝั่งโน้นไหม ไม่ข้ามต้องมายกเลิกนะ จะประทับไว้แบบนั้นไม่ได้” คุณน้าคนตรวจเอกสารชะโงกมาถาม

“ข้ามครับ” พวกเราตอบ จากนั้นผมก็นั่งรอด้วยความเซ็งตัวเอง คุณเปิ้ล ถ่ายรูปผมตอนเซ็งไว้ด้วยแต่อยู่ในกล้องเขาเลยไม่ได้เอามาลงให้ดู สักพักรถที่จะกลับไปขนส่งมุกดาหารก็มา เรายกขบวนกันขึ้นกลับ

จากนั้นเราก็ไปเปิดห้องพักที่โรงแรมด้านหลังขนส่ง อาบน้ำอาบท่าให้สดชื่น ผมขอตัวมาทำบัตรผ่านแดน ก็ทำตรงสถานีขนส่งนั่นแหละครับ มีบริการถ่ายรูปด่วนพร้อมอยู่แล้วเสร็จสรรพ(อาคารสีส้ม ตรงข้ามสถานี) ค่าธรรมเนียมทำบัตร 30 ค่าถ่ายรูป+ ถ่ายเอกสารประมาณ 50 บาท ไม่ถึง 15 นาทีเสร็จ ผมเดินกลับโรงแรมขึ้นไปผมกับทุกคน

“อ้าว... ทำไมเร็วจัง”
“ก็มันทำให้เร็วนะสิ” ผมตอบ เมื่อดูว่าทุกคนพร้อมกันแล้วพวกเราก็เดินทางไปด่านผ่านแดนอีกครั้ง โดยรถโดยสารระหว่างประเทศเหมือนเดิม แต่รถคันนี้เป็นของฝั่งลาวซึ่งต่างจากฝั่งไทยตรง คนขับเป็นคนลาว และตัวหนังสือที่เขียนข้างรถเป็นตัวหนังสือลาว...

ถึงด่านผ่านแดนฝั่งไทยเพื่อนทั้งสามออกไปได้เลยอย่างสะดวกโยธินเพราะเอกสารประทับตราเรียบร้อยแล้ว ส่วนผม ก็ยื่นเอกสารบัตรผ่านแดนชั่วคราวให้เจ้าหน้าที่พร้อมยิ้มเจื่อนๆ แต่ก็ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ขึ้นรถต่อมาฝั่งลาวและรถก็มาหยุดลงที่สถานีขนส่งสะหวันนะเขต

สถานีขนส่งสะหวันนะเขต


ที่สถานีขนส่งสะหวันนะเขต คุณเอกตรงเข้าสอบถามเรื่องเที่ยวรถที่จะไปเว้และด่านชายแดนลาวบาว เหมือนอย่างข้อมูลที่ได้มา รถไปชายแดนมีตอนเที่ยง รถไปเว้มีตอนสี่ทุ่ม จากนั้นเราก็ออกเดินเที่ยวไปยังตลาดสะหวันเขต รถสกายแล็บ(สามล้อรับจ้าง)ก็ตามออกมาล่าพวกเรา อย่างกับพวกเราเป็นเหยื่อ แต่พวกเราปฏิเสธเสียงแข็งว่าจะเที่ยวดูตลาดก่อน หาแลกเงินกีบมาเก็บไว้ใช้สักส่วน และที่สำคัญ หิวแล้ว

"มั่นบ่อมีอะหยัง ก่มี่แต่ของมาจากไทนั่นแหละ" สามล้อบรรยายตลาดเป็นภาษาลาว พวกเราไม่สนใจ เดินดุ่มต่อ ไปยังตลาด ยังไม่กินข้าวเที่ยงเลยคุณสามล้อจะให้ไปเที่ยวซะแล้ว

เดินเล่นในเมืองสะหวันนะเขต เสื้อดำคือคุณเปิ้ล เสื้อขาวคือคุณตึก


พวกเราเดินดูในตลาด เดินหาร้านขายทองที่รับแลกเงิน เมื่อแลกเงินเสร็จ ก็เดินหาของกินครับ ตกลงก็กินเฝอในตลาด มีร้านหนึ่งเส้นเขาแปลกๆ เห็นแต่ไกลดูเส้นใหญ่สีเหลือง ดูเหมือนเส้นบะหมี่ขนาดใหญ่ เอาว่ะลองดู ทุกคนตกลงลองของแปลก แต่พอยกมาพวกเราก็พบว่ามันเป็นเส้นมักกะโรนี(ภาพที่เอามาฝากไว้เมื่อวานอะครับ)

เฝอเส้นมักกะโรนี


เมื่ออิ่มแล้ว คุณเอกก็บอกถึงสถานที่น่าเที่ยวในสะหวันเขต พวกเราตรงออกไปหารถรับจ้าง แล้วคันหนึ่งก็ตรงมาหาพวกเรา รถสามล้อสกายแล็บสภาพเก่าโทรม พวกเราเหมาในราคา 400 บาท พาเที่ยวชมเมือง เป๋าหมายแรกที่ต้องการไปคือ พระธาตุอิงรัง หรือ อิงฮังในสำเนียงลาว

ท้องถนนมองออกไปจากรถสกายแล็บ


ระหว่างทางที่รถผ่านไปผ่านไปเห็นอนุสาวรีย์ส่วนฐานสี่ด้านมีรูปปิระมิดทองคำ ผมเดาว่าคงหมายถึงดินแดนสะหวันนะเขตนั้นเป็นแหล่งแร่ทองคำของลาว ส่วนตัวไดโนเสาร์ก็คงเนื่องจากว่าที่นี่มีการค้นพบโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่แขวงนี้มากมาย

ที่กลางเมืองมีอนุสาวรีย์ที่มีส่วนฐานเป็นปิรามิดทาสีทองและไดโนเสาร์


ด้วยสภาพของแขวงสะหวันนะเขตที่สูงๆ ต่ำๆ เป็นโคกเป็นควนรถคันที่พวกเรานั่งมาต้องไต่ขึ้นทางชันและทำท่าจะหมดแรง แม้แต่แพะที่อยู่ข้างทางยังวิ่งแซงรถพวกเราขึ้นไปได้ และในที่สุดรถก็ดับด้วยเครื่องร้อนเกินไป คนขับแก้ปัญหาด้วยการราดน้ำใส่เครื่อง น้ำเดือดดังซู่... และสตาร์ตเครื่องใหม่ออกเดินทางต่อ เป็นเช่นนี้อยู่ตลอดทางจนถึง วัดพระธาตุอิงรัง...

วัดพระธาตุอิงรัง

พระธาตุอิงรัง หรือ อิงฮังในสำเนียงลาว เป็นพระธาตุสำคัญของแขวงสะหวันนะเขต กล่าวว่าเป็นพระธาตุคู่พี่น้องกับพระธาตุพนมในฝั่งไทย

พระธาตุอิงรัง


ไม่ขอกล่าวอะไรมากนะครับขอเล่าด้วยภาพดีกว่า

ระเบียงคตหลังกำแพงวัด



พระพุทธรูปที่เรียงรายอยู่



เทวาอารักษ์ที่มุมพระธาตุ



ลายปูนที่ซุ้มประตูธาตุ





พุทธบริษัสี่...ต้องร่วมแรงเพื่อค้ำจุนพุทธศาสนา(มาทราบข้อมูลจากการดูทีวีสารคดีแม่น้ำโขง27/08/08)



กรวยบายศรีมากราบไว้พระธาตุ



พออ้อมไปด้านหลังก็เจอสิ่งนี่หมอบอยู่ ไม่แน่ใจว่าปูนปั้นหรือหินทรายแกะสลัก


และไฮไลท์อยู่ที่นี่ครับ Erotic Art รอบกรอบประตู ดูคล้ายว่าจะบอกเล่าเรื่องราวหรือตำนานซักเรื่องหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก อย่างไรก็ลองพิจารณา ถ้าใครรู้รายละเอียดช่วยบอกด้วยครับ


คุณเอกและคุณตึกมุงดูด้วยความสนใจ





ก็อย่างที่ผมกล่าวไว้นะครับ ว่าถ้าใครพอจะทราบรายละเอียดว่าErotic Artsชุดนี้กำลังพูดถึงตำนานเรื่องใดรบกวนช่วยบอกกล่าวกันด้วย สำหรับวันนี้ก็เสนอมายาวพอสมควร มีอะไรต้องการเสนอแนะบอกได้เลยนะครับ



แล้วจะมาเล่าเรื่องเที่ยวสะหวันนะเขตต่อให้จบในสัปดาห์หน้านะครับ เฮ้อ...แล้วเมื่อไหร่มันจะไปถึงเวียดกันสักทีนี่ มีความสุขทุกท่านสวัสดีครับ

ย้อนไปอ่านตอนแรก / อ่านตอนต่อไป


Create Date :17 สิงหาคม 2550 Last Update :2 พฤษภาคม 2557 17:43:32 น. Counter : Pageviews. Comments :23