ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 3/2 พลายแก้วบวชเณร


เรียบเรียงจากเสภา เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน
โดย ทักษภณ
ตอนที่  ๓/๒  พลายแก้วบวชเณร

  
ฝ่ายพระสงฆ์สามเณรห่มครองผ้าเสร็จแล้วลงมาศาลาใหญ่ นั่งถัดกันไปตามลำดับผู้คนกราบไหว้ด้วยความยินดี ต่างถวายสิ่งของที่จัดเตรียมมา จากนั้นอาราธนาศีล สมภารให้ศีล สวดถวายพรพระจบแล้ว ช่วยกันประเคนบาตร และสิ่งของที่เตรียมมา จากนั้นคอยสำรวจตรวจมิให้บกพร่อง

พิมพิลาไลย ผู้เปี่ยมด้วยศรัทธา เอากล้วยขนมใส่ถาดใหญ่ หยิบขันข้าวบาตรเดินไปใส่บาตรตั้งแต่หัวลงมา ครั้นมาถึงเณรแก้ว เห็นแล้วรู้สึกเหมือนรู้จักกัน นางจึงตักจังหันมากกว่าเดิม หมูผัด ปลาแห้ง ทั้งแกงไก่ ไข่ซีกใหญ่ ไส้กรอกปลาแห้ง แตงโม แกงหนึ่งโถแถมให้อีก

ส่วนเณรแก้วนั่งก้มหน้าสำรวม เห็นของมากก็เงยดูปะหน้าสีกาพิมที่ยิ้มมองมา จึงคิดว่า

“สีกานี้แกล้งหรือไร ตักบาตรจนล้นของหวานคาวเต็มไปหมด ของที่ชอบก็ไม่มี”

นางพิมเห็นสีหน้าสามเณรแก้วจึงยิ้มกล่าวว่า

“ดิฉันคิดว่าหลวงเณรจะให้ตักใส่เยอะๆ ขืนว่าจะเสียศรัทธาไป”

เณรแก้วนึกในใจเป็นครู่ รู้สึกจำได้เหมือนเคยเล่นด้วยกันเมื่อยามเป็นเด็ก คือ พิมพิลาไลย นางเป็นสาวสวยขึ้นบาดตาบาดใจ
ครั้นพระสงฆ์ฉันเสร็จ ก็อนุโมทนาทุกผู้คนกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลด้วยใจยินดีปรีดา เสร็จแล้วกลับบ้าน บ้างร้องรำ บ้างฟ้อนฉลองทานสำราญครัน

พอถึงปีระกาสัปตศก (ปีที่ ๗ แห่งรอบ ๑๐ ปีของจุลศักราช) ถึงเดือนสิบจวนวันสารท ทายกในเมืองสุพรรณ คิดจะมีเทศน์ด้วยศรัทธาพระมหาชาติทั้งสิบสามกัณฑ์ ที่วัดป่าเลไลย์ วันพระหน้า
ตาปะขาว คนแก่คนเฒ่า พร้อมหน้านั่งปรึกษากัน ที่วัดนั้น บ้างก็รับกัณฑ์ทศพรหิมพานต์ บ้างก็รับทานกัณฑ์ คนที่ลูกดกรับชูชกกัณฑ์กลางวัน ยายศรีประจันรับกัณฑ์มัทรี บ้างรับกัณฑ์มหาราชพันชาติกัณฑ์กลางคืน หัวเราะกันครึกครื้น

ฉกษัตริย์สงัดเงียบดี ตาหมื่นศรีรับไป นางวันรับกัณฑ์จุลพน เณรอ้นหัดเทศน์กัณฑ์มหาพน ตาไทรับไป วันประเวศ ท่านวัดแคเทศน์ เป็นของตาแพยายคลี่ อีกกัณฑ์หนึ่งใหญ่ให้ใครดี ยากที่ใครจะรับได้ กัณฑ์กุมารให้เจ้าขรัวหัวล้านบ้านใหญ่

“นายบุญแกคุ้นเคยกัน รีบไปยื่นฎีกาให้ขุนช้าง บอกว่าจะมีเทศน์พระมหาชาติ สิบสามกัณฑ์ ที่วัดป่าเลไลย์วันพระหน้า ตามแต่ใจพ่อจะศรัทธาทำบุญบ้างเป็นไร นางพิมศรีประจันรับกัณฑ์มัทรี ส่วนกัณฑ์กุมารหามีใครรับไม่”

ครั้นนายบุญแจ้งเรื่องขุนช้างได้ฟังหัวเราะชอบใจ

“ถึงเป็นกัณฑ์ใหญ่เราก็ยินดี มิเคยคิดความสิ้นเปลือง ถึงจะสิ้นถึงห้าชั่งเราก็ไม่ถอยหนี เกิดชาติใหม่จะได้มั่งมี เรื่องทำบุญเยี่ยงนี้เราเต็มใจ”

นายบุญดีใจรีบกลับมาเผดียงพระ เอาฎีกาไปส่งให้จนครบทั้งสิบสามกัณฑ์ตามลำดับ จากนั้นชาวบ้านทุกคนต่างเตรียมการ

ขุนช้างผู้มีน้ำใจกว้างขวาง รู้สึกกระตือรือร้น ฟุ้งซ่าน สั่งงาน บ่าว ข้า ไพร่


    “เด็กทั้งหลาย อย่าได้ชักช้า ตระเตรียมจักสานกระจาด เอาเงินตราไปซื้อสังเค็ด
(ทานวัตถุ มีตู้พระธรรม โต๊ะหมู่ เป็นต้น) มาให้ไว ช่วยกันหาผ้าเนื้อดีมาทำไตร พวกผู้หญิงไปหาเครื่องกัณฑ์เทศน์ ตำแป้งทำขนม อย่างน้อยอย่างละร้อยอัน อย่ากลัวเปลืองน้ำมันรีบไปหาซื้อมา หาผลไม้สวน แพงเท่าใดก็ให้สู้ราคา อย่าทำเป็นคนใจแคบให้เขานินทา อย่าให้ข้าเสียหน้าได้”

ฝ่ายนางศรีประจัน เรียกคนเสียงดังอึงมี่

“แม่พิมมาช่วยแม่บ้างทางข้างนี้ เข้ามาจะได้ช่วยให้ทันกาล”

บ่าวไพร่เร่งทำขนม ผสมแห้ง ปั้นทอดทำน้ำมันเสียงดังฉ่าๆ มีเสียงหนึ่งตะโกนมา

“ไฟร้อนนักชักฟืนออก”

อีคงตักขึ้นมาดูกล่าวว่า

“เกรียมกำลังดี”

การทำขนมจัดวางตามชนิดของขนม ขนมชะมด  ขนมกงเกวียน จัดระเบียบเป็นอย่างดีไม่ให้บุบบี้ ขนมทุกชิ้นกรอบกำลังดี คลุกน้ำตาลเสร็จแล้วจัดเข้าที่ บ้างกวนข้าวเม่า ชุบแป้งทอด แล้วเอาไม้แทงใส่หยอดไข่ ไส้ในเป็นมะพร้าวคลุกน้ำตาล สุกแล้วแทงยกขึ้นมา บ้างแบ่งแป้งกัน การทำงานเสียงดังอึงมี่ นางศรีประจันร้องตะโกน

“ค่อยๆ ส่งมาอย่าโยน ของจะย่อยยับ”

เจ้าของกัณฑ์ทศพรตื่นนอนแต่เช้ามืด ขนเครื่องกัณฑ์เทศน์ไปได้อรุณวัดป่าเลไลย์ ขนขึ้นไปบนศาลาการเปรียญ  จุดธูปเทียน ชีต้น (พระสงฆ์ที่เป็นอาจารย์) ให้ศีลบอกส่วนบุญ แล้วว่าบทจุณณีย์บาลี(คำภาษาบาลีสั้นๆ ก่อนเทศน์) ทศพร หิมพานต์ ทานกัณฑ์ จนถึงกัณฑ์มหาพน จบแล้วกลับกุฎี

ส่วนขุนช้างนอนตื่นสาย รีบลุกขึ้นมาล้างหน้า โวยวาย วุ่นวาย จ้าละหวั่น

“เด็กทั้งหลาย เจ้าขา มาพร้อมกัน หมากประจำกัณฑ์กูลืมไป ตัวกูเป็นพ่อหม้ายมาหลายปี ของเยี่ยงนี้คงจะมิมีใครทำได้ ใครแกะมะละกอเป็นรูปสัตว์ได้ ถ้ามิมีใครทำได้ ก็ไปหาช่างมา”

นางเมืองได้ยินดังนั้นรีบอาสา

“อีฉันนี่แหละ พอทำได้เจ้าค่ะ”

จากนั้นนางรีบเอามะละกอ และมะระจีน มาหยักหั่นควั่นอย่างรีบเร่ง วางเรียงราย เป็นต้นว่า หลวงชีขี่ตาเถน มีสามเณรรวมด้วย แกะแร้งกินผีดูแล้วน่ากลัว ดอกรักปักบนดาวเรือง ขุนช้างเห็นแล้วชอบใจให้รางวัลเป็นแหวนทองเหลือง ราคาหลายเฟื้องนางเมืองรับไปใส่พอดีนิ้วมือ จากนั้นขุนช้างสั่งกับข้าไทว่า

“พวกเอ็งยกเครื่องกัณฑ์ไปให้อึงอื้อ แห่แหนไปในถนนให้คนเลื่องลือ ของประจำกัณฑ์เทศน์ก็ถือไปให้ดี ถ้าพวกมึงทำหายตกหล่น กูจะถอง กำด้น(ส่วนคอกับศีรษะต่อกัน)ให้มันล้มกลิ้ง”

พวกบ่าวแบกเครื่องกัณฑ์ไปในทันที โห่เสียงเสียงอื้ออึงไปวัดป่าเลไลย์ บรรดาเครื่องกัณฑ์ที่เอามา วางเรียงไว้ที่หน้าศาลาใหญ่ ผู้คนมากมายแออัด มาดูเครื่องกัณฑ์เทศน์ของขุนช้าง

ฝ่ายนางพิมพิลาไลยก็เร่งรีบจัดเตรียมเครื่องกัณฑ์เทศน์เช่นเดียวกัน

“พวกเจ้ามานี่ ทำหมากประจำกัณฑ์ให้ฉันที หมากพลู  สำลี ไปหามา”

จากนั้นข้าไทช่วยกัน เอามะละกอมาผ่า ช่วยกันแกะสลักแล้วย้อมสีงดงาม บ้างประดับประดาเป็นรูปภูเขา แกะเป็นรูปฝูงสิงโต ยืนเรียงราย แกะเป็นพระพรหม พระอินทร์ถือแก้วเหาะมา พระนารายณ์ทรงสุบรรณ (ครุฑ) ประดุจล่องลอยบนท้องฟ้า
เสร็จแล้วยกอนุโมทนา จากนั้นแห่ไปยังวัด ครั้นถึงแล้วตั้งไว้บนศาลา คนทั้งหลายพากันวิ่งไปดู ต่างยกย่องชมเชยในความวิจิตรพิสดาร ดูเด่นเป็นสง่า มีความสมจริง

ครานั้นขุนช้างเมื่อจวนถึงเวลา สั่งให้ข้าตักน้ำใส่ขันใบใหญ่ พวกข่าวรีบไปหาบน้ำมาใส่ให้เต็มในทันที จากนั้นขุนช้างอาบน้ำด้วยความสบายใจ ข้าไทเข้ากลุ้มรุมขัดสี เอาขมิ้นถูตัวให้ทั่ว ขี้ไคลไหลออกมาเรื่อยๆ แม้ผิวหนังยังเขียว เวลาก็จวนแล้ว
ในเพลาจวนจบกัณฑ์มหาพน ขุนช้างรีบเข้าห้องเอาดินสอพองละลายทาทั่วตัว  ควักเอา มุหน่าย (น้ำมันตานีเป็นเครื่องหอมสำหรับใส่ผม ผสมจากเขม่าและปูน) มาป้ายผมดำให้ปกกบาลบรรเทาหัวล้านให้หายไป พยายามเยี่ยงไรก็ยังโล่งเลี่ยนเตียนเช่นเดิม ได้แต่บ่นกับตนเองว่า
“หัวกูน่าละอายใจ”
 
จากนั้นรีบนุ่งผ้าลายกระหนกเหมหงส์ เป็นผ้าที่ผู้ใดมิอาจมีได้ ผ้าเช็ดเหงื่อเป็นสีชมพู ลายปักดอกเป็นสีทอง ตั้งใจจะแต่งตัวให้ยิ่งยวดเพื่อไปอวดเรียกรอยยิ้มจากนางพิม นิ้วก้อยใส่แหวนงู นิ้วชี้เป็นแหวนเพชร นิ้วนางใส่แหวนทับทิม เดินไปส่องกระจกใหญ่ เห็นหัวตัวเองด่าว่า

“ทุด ไอ้หัวจังไร”

แต่ยังก็ยังปลอบใจตัวเองว่า

“ถึงหัวจะชั่ว จังไร แต่ตัวก็เป็นผู้ดี อ้ายพวกเด็กๆ มาเอาเสื่อไป พวกมึงอยู่ด้วยกูสักสิบคน  ตามมากูมาอย่าได้ไปไหน คนโท ถาดหมาก เครื่องนาก อ้ายจืด พวกมึงช่วยกันถือไป”

ขุนช้างลงจากเรือน เดินส่ายบิดตัวเชิดหน้า ทักทายคนไปตลอดทาง ทำให้เหงื่อท่วมตัวสภาพเหมือนควายขวิดกัน หลังจากมาถึงศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ทายก ทายิกา ทั้งหลายอยู่พร้อมหน้า ต่างก็แหวกหลีกทางให้ขุนช้าง ได้เข้ามายังภายในศาลาการเปรียญ ข้าบ่าวรีบปูเสื่อคล้าขุนช้างนั่งอย่างภาคภูมิใจ

เพื่อนฝูงเห็นก็เข้ามาหาทักทาย บางคนพูดมากปากไว ทำนองว่ากระไรเหงื่อไหลปานนี้ สร้างความขุ่นเคืองให้ขุนช้างยิ่งนัก แต่มิอาจตอบโต้กระไรได้ จึงหันเหไปสั่งบ่าวไพร่ ให้จัดเครื่องกัณฑ์เทศน์

“หมอนอยู่ที่ใด เอามา เผือก มัน ของเรามีมากมาย อ้อยขาว อ้อยแดง แตงโม ส้มโอ มะดูก(ผลขนาดฟองไข่ รสหวานเอียนๆ) มะไฟ แตงโมลูกใหญ่ๆ ขนมชะมด กงเกวียน ข้าวเหนียวแดง หินฝนทอง ครองแครง ข้าวของที่กองไว้นอกศาลา จัดไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เอาผ้าไตรกับบาตร เสื่อ สาด ฟูก เบาะ หมอน เข้ามาด้านใน พานหมากประจำกัณฑ์ ยกไปตั้งหน้าผ้าไตร”

จากนั้นขุนช้างจุด ธูป เทียน บูชาพระรัตนตรัย ชีต้นเริ่มแสดงธรรมเทศนา ทายกจุดเทียนปักดอกไม้บูชา

ตอนที่ ๓ ยังมีต่อ



Create Date : 23 มิถุนายน 2563
Last Update : 23 มิถุนายน 2563 8:27:43 น.
Counter : 2899 Pageviews.

1 comments
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 22 หน้า 2 unitan
(16 เม.ย. 2567 10:34:46 น.)
: รูปแบบของการตระหนักในการรับรู้ : กะว่าก๋า
(15 เม.ย. 2567 05:37:45 น.)
ธี่หยด (2566) ไมเคิล คอร์เลโอเน
(15 เม.ย. 2567 12:42:37 น.)
15/04/67 สมาชิกหมายเลข 4675166
(15 เม.ย. 2567 09:46:52 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร

  
0000 Book Blog ดู Blog
อ๊ะบล็อกนี้ยังไม่ได้โหวต

โดย: หอมกร วันที่: 6 กรกฎาคม 2563 เวลา:20:50:03 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Sut0000.BlogGang.com

0000
Location :
สุรินทร์  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด