ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 6/3 พลายแก้วเข้าห้องนางสายทอง


ขุนช้าง ขุนแผน
เรียบเรียงจากเสภา เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน โดย ทักษภณ
 ตอนที่ 6/3 พลายแก้วเข้าห้องนางสายทอง จบตอน

 

    พลายแก้วได้ฟังคำสายทองดังนั้น รีบกระถดเข้าไปหาแล้วยิ้มให้ ร่ายมนต์เป่าเข้าไปให้ต้องตัว หยอกเย้า ให้นางเคลิบเคลิ้มใจ จากนั้นวิงวอนว่า

    “อนิจจาพี่สายทอง มิปราณีก็จะไม่ขออยู่ ฉันจะผูกคอตาย คอยดูใจน้องเถิดพี่สายทอง”

    ว่าพลางทำเป็นหยิบผ้า ผูกเข้ากับเซนฝาที่ในห้องเอาชายอีกด้านพันคอ ล้อ สายทองตกใจหวีดร้อง

    “อย่าพ่อพลาย มานี่พ่อจะว่าให้พ่อฟัง ควรฤาฆ่าตัวตายเสียง่ายๆ  การได้เกิดเป็นชายมิใช่เรื่องง่าย 

ไม่เสียดายแม่พิมฤา รุ่นสาว ราวกินรี เจ้าก็รักนางอยู่แล้วด้วย จะมาตายเสีย ด้วยพี่ไปใย เป็นสาวใหญ่รูปก็ไม่งาม”

    พลายแก้วฟังแล้วยิ้ม
    “พี่ละม้ายคล้ายพิมหมดทุกอย่าง กิริยา วาจา งดงามชดช้อย ทรวดทรง เนื้อนม ก็สมตัว อันสาวใหญ่ ดีพร้อมเยี่ยงนี้หาได้ยากยิ่งนัก”

    ว่าพลางขยับเข้าใกล้ตัวสายทองประคองเคียงเอียงลงกับที่นอน บรรจงช้อนจูบถนอมมือ อกแอบแนบทับกับอก จากนั้นกล่าวอย่างแผ่วเบาอีกว่า

    “วานอย่าได้ดื้อดิ้น ได้โปรดเอ็นดู”

    สายทองก็ตอบคำว่า
    “มิต้องปล้ำดอกฉันยอมอยู่แล้ว กลัวแต่ว่าจะเล่นอย่างเช่นชู้ แม้นได้สมสู่แล้วจะทอดทิ้ง ถ้าแม้นมีใจรักอย่าหักหาญ ขอประทานความสัตย์สักสิ่ง ให้เห็นว่ารักฉันจริงๆ จะนอนนิ่งให้ตามใจ”

    “อนิจจาพี่สายทองต้องให้คำสัตย์ฤา ฉันไม่เล่นลิ้นปลิ้นปล้อนนอกใจ ไม่กลับกลอกจริงๆ  ฟ้าผ่าฉันเถิดหากผิดคำ”

    พลางเป่าปัถมังไปอีก สายทองง่วงงงวย นิ่งระทวย ทำตาปริบๆ ปรอยๆ เจ้าพลายอิงเอนทับลงกับเตียง ค่อยขยับเขยื้อนแต่น้อยๆ  ฝนปรอยฟ้าลั่น สนั่นเปรี้ยง ลมพัด ซัดคลื่น

สำเภาเอียง ค่อยๆ หลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่ง ครั้นพายุหนัก ชักใบได้ครึ่งรอก ได้แต่กลิ้งกลอกกลับกลิ้งอยู่หนักหนา ทอดสมอรั้งท้ายอยู่หลายครา เรือหยุดแล่นเป็นคราวๆ ไป
    

พิมนั้นดุจแม่น้ำตื้นไม่มีคลื่น แต่ระลอก กระฉอกฉาว ส่วนสายทองดุจต้องลมว่าว  พอออกอ่าวก็จมล่มไป

    กล่าวถึงพิมพิลาไลย เมื่อตื่นขึ้นมาผวาคว้าหาพลายแก้วก็หายไป ตกใจ

    “เหตุเป็นเยี่ยงไรหนอ”
    ลุกขึ้นดูเห็นประตูเปิดไว้

    “ทูนหัวของพิมหนีไปไหน รู้จักใครจะไปหาก็ไม่น่าจะมี เพลานี้ก็ดึกแล้ว หรือว่าแกล้งหลอกหยอกเย้าเราเล่น”

    นางแหวกม่านเขม้นมองหา ไม่เห็นผัวตกใจน้ำตาไหล ปริ่ม นั่งนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา

    “อนิจจาน้องไม่รู้พี่อยู่แห่งใด หรือจะโกรธเรื่องอันใด ความผิดของเราก็หามีไม่ นึกประหลาดนักที่มาหนีไป หรือว่าสั่งสายทองไว้จะไปถามดู”

    พิมย่องมาห้องสายทองทันที ได้ยินเสียงพูดกันงึมงำอยู่ จึงแอบฟังที่บานประตู ก็รู้ว่านอนอยู่ในห้องสายทอง
สายทองเพลานี้ ใจหมองหม่นไหม้  ระทมระทวยใจหวาดระแวง เมื่อมีแรงก็พยายามพูดอ้อนวอนว่า

    “ได้ชั่วแล้วพ่อแก้วเลี้ยงฉันนะ  ถ้าละทิ้งสายทองคงได้อายเขา พิมรู้คงได้ข่มแหง อีกทั้งตามความจริงเป็นน้อยเขาคงจะต้องไหว้อีก”

    พลายแก้วพูดปลอบว่า
    “เออเป็นไรจึงพูดเยี่ยงนี้เล่า ฉันรักเท่ากันมิให้ใครใหญ่กว่ากันดอก เจ้าเงยหน้ามาจะกล่าวให้เห็นจริง ซึ่งความรักที่มีมา มาพูดเกี่ยวกับพิม เพราะรักเจ้าดอกจึงแกล้งพูด จะเกี้ยวก่อนเกรงเจ้าไม่พูดจา พี่รักเจ้ามากกว่าห้าเอาหนึ่ง”

    พิมแอบฟังอยู่ รู้สึกขัดใจ มิอาจหลบอยู่หลังประตูได้เอามือผลักบานประตูอย่างแรง พรวดเดียวก็ถึงเตียงนอน เปิดมุ้งมองเขม้นพอเห็น ทั้งสองกอดกันต่อหน้า พิมเกิดความแค้นเหมือนไฟรึง สายทองทะลึ่งลุกจากที่นอน ด้วยความตกใจ รีบแก้ตัว

    “พ่อแก้ว รังแกฉันจ๊ะแม่พิม จะขับไล่ผลักไสเยี่ยงไรก็ไม่ไป ว่าเท่าไรมีแต่จะยิ้มกริ่ม ครั้นจะร้องกลัวว่าจะผิดถึงแม่พิม ฉันลำบากใจจนเลือดตาแทบกระเด็น หวานอม ขมกลืนเพราะรักน้อง ความซื่อสัตย์ของสายทองใครจะเห็น ใครจะไปรู้ว่าพ่อแก้วจะเป็นคนเยี่ยงนี้  คิดมาน่าน้อยใจนัก”

    สายทองว่าพลางทำเป็นมารยาก้มหน้าลงแล้วร้องไห้ พิมฟังแล้วทั้งแค้น ทั้งหมั่นไส้จึงกล่าวประชดไปว่า

“ดิฉันขอบใจในน้ำใจ ในความอารี อารอบ ในทุกๆ สิ่ง พี่มีซื่อสัตย์ซื่อตรงยิ่งกว่างอนรถ พวกเราต่างหากที่คดไปเอง”

จากนั้นหันว่ากับพลายแก้ว
“ไม่รู้จักใคร่ครวญ คิดเอาแต่ได้ พี่ได้เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เล็ก คิดดีแล้วหรือ จึงมาล่วงเกินข่มเหง เขาแก่เฒ่าคราวพี่ก็ไม่ยำเกรง 

ผู้ใหญ่ฤาจะล่วงเกินข่มเหงเด็ก ช่างคึกคะนองจริงๆ เหมือนลิงตัวเล็กๆ เหมือนเจ๊กขี่ช้างพัง คงเป็นเพราะฉันมาดอกจึงผลักแยกกันออก ถ้าไม่มาคงจู๋จี๋กันต่อไป ดังราหูจับบังพระจันทร์ จนเขาเคาะระฆังจึงคายออก”
พลายแก้วแก้ตัวว่า

“มันไม่กระนั้นดอกนะแม่ อย่าเสียงดังไป จงดับความโมโหเถิด มิควรเคืองขุ่นข้องหมองใจอันใดให้วุ่นวาย อื้ออึงอับอายเปล่าๆไม่เข้ายา เป็นความสัตย์พี่มาผลัดแกดอกเจ้า เกี่ยวกับเรื่องสินบนมันหนักหนา พี่มิได้เป็นเช่นนั้นดอกขวัญตา อนิจจาเจ้าจะโกรธพี่จริงๆ ฤา”

พิมแข็งใจพูดไปว่า
“เจ็บใจจริงราวกะใครจะไม่รู้ ได้ยินทั้งหมดเต็มสองรูหู เพราะได้ยินดอกไม่ต้องบอกอันใดก็รู้สิ้น เพลานี้ความรู้สึกเหมือนเอาทองแท่งไปทิ้ง”

สายทองฟังพิมพูดทิ่มตำ เชิงประชด รู้สึกเจ็บช้ำยิ่งนัก รู้สึกขัดใจ มิอาจอดทนได้ จึงเบือนหน้ามากล่าวว่า

“ชิชะ ราวกับใครไม่รู้ทันคะ คงถูกทองเข้าทั้งแท่ง อย่างแรงสินั่น เห็นจะมีเยอะมากกว่าร้อยอัน ถึงจะแบ่งมาให้ก็มิเอาดอก นี่จะเป็นความคิดของนางเมียสอนให้มาแก้เบี้ยข้าฤาเจ้า กลัวจะต้องเสียเงินสินบน

ฉันก็พอจะรู้ทันเท่าอยู่บ้าง ได้ผัวแรกมัวกำลังเปรื่อง ต่อฟ้าเคืองจึงคิดถึงบุญคุณของพี่ เสียแรงที่เลี้ยงดูมา แทนคุณให้แล้วฤาน้องรัก”
พิมตอบโต้ไปอีกว่า

“ชิชะ มิเสียทีที่เป็นพี่สายทอง ช่างร้อยกรองคำพูดได้ดีนักแล ฟังแล้วน่าหัวร่อ อย่างนี้ฤาจะมิรักหลง รักจนพิมต่ำลงเห็นห้าเอาหนึ่งไป ด้วยไม่สู้ว่องไว ฉันขอบคุณแล้วที่พี่อุ้มชูมา อุ้มทั้งเขย ทั้งตัวฉันเข้าในห้อง โบราณท่านว่าเป็นพี่น้อง พลัดกันเข้าห้องเป็นตีนเป็นมือไป”

สายทองฟังคำน้องตอบกลับทันที
“สารพันว่ามิได้เกรงใจ จะเป็นอันใดก็เป็นไปเถิดตามบุญตามกรรม ปากกล้าก็ว่ามาอีกซิ จะได้ตบให้ล้มคว่ำ มันสึกละใครให้พี่ทำ อย่าว่าตัวโตกว่า ถึงข้าตัวเล็กกว่าก็ไม่กลัว ถึงกระนั้นจะตีก็ไม่ว่า

แต่เดี๋ยวนี้ข้าถือว่าเป็นผัว อีเมียน้อยถูกล่วงเกินก็ไม่เกรงกลัว จะจิกหัวลงมาตบด้วยกะลา”


พิมขุนเคืองระงับความโกรธไม่ได้
“ชิชะ ถ้อยคำกระไร เห็นจะต้องตีนางปากกล้า”

จากนั้นเข้าตบตีกันกับสายทอง พลายแก้วตกใจลุกขึ้น ด้วยกลัวจะเกิดเสียงดังในห้องเข้ายืนกางกั้นสายทองแล้วห้ามพิมว่า

“อย่าน้องพิม อดใจเถิดได้โปรดเอ็นดูพี่ ถ้าส่งเสียงดังจะเป็นเรื่องนะเจ้า”

ส่วนสายทองก็ยังมีท่าทีไม่ผ่อนคลายเพื่อเอาใจพิม ดังนั้นเหตุการณ์ในเพลานี้จึงเหมือนไฟที่ลุกแล้วใส่เชื้อไฟเข้าไปอีก ทำให้เกิดเสียงเอะอะ ทั้งสามเสียง ดังขึ้น  นางศรีประจันหลับอยู่ตกใจตื่น

“กูหนวกหูจริง เสียงดังเหมือนปืน ดึกดื่นแล้ว นี่พวกมันทำอันใดกัน”

สายทองสติดีคิดได้ บอกว่า
“แม่พิมด่าฉัน นอนหลับอยู่ หมาจู่กินน้ำมัน”
นางศรีประจันร้องว่า

“สาแก่ใจนัก”
พิมยิ้มพลางช่วยปดว่า
“ฉันมาไล่มันยังกินไม่หมดไห”

กล่าวพลางค้อนพลาง ด้วยรู้สึกขัดใจ จากนั้นกลับไปที่ห้องทันที พลายแก้วรู้ว่าพิมเคือง ก็รีบตามติดไปทันที เข้าไปแนบแอบชิดพัวพัน ปลอบขวัญเอามือประคองให้นอนเล้าโลมจูบปลอบให้หายโกรธ

“พี่ขอโทษเถิดเจ้าเนื้ออ่อน”
พิมผลักออกด้วยอาการงอน

“อย่ามานอนห้องนี้เลย มาจับต้องทำไมให้เสียมือ อย่าถูกถือลูบไล้มันไม่หอม ไม่เหมือนพี่สายทองแกดีพร้อม จริงไหมละคะหม่อมจอมมัวเมา”

“โออนิจจาเจ้าพิมมาว่าพี่ เพลานี้ยังไม่เชื่อใจกันอีกฤาเจ้า สารพันว่าได้ ก็ว่าเอา ยามมีทุกข์มิมีผู้ใดเห็น  ภายหน้าพี่จะมาสู่ขอน้อง เผื่อท่านไม่ปรองดองเล่าน้องเอ๋ย ทุกข์เยี่ยงนี้ จึงไม่รู้สึกสบายเลย

จึงไปเปรยปรับทุกข์กับพี่สายทอง ไม่ทันเคี้ยวหมากแหลกเสียด้วยเจ้า พอแม่พิมเข้าไปในห้อง ไปวุ่นวายกับสายทอง อนิจจาเจ้ามิมีอันใดอื่นดอก คิดมากไปใย”

“แหม แก้ตัวดีแท้ ฟ้าผ่าเถอะขี้ปดได้ไม่อายจริงๆ ฉันไปแอบฟังอยู่ตั้งนาน อย่าพูดแก้ตัวไปหน่อยเลย นี่หรือจะรักไปวันหน้า ถึงที่ว่าจะมาขอก็ปล่อยให้รอ แต่เพียงแค่นี้ยังปดเสียงแข็ง  คงเพราะเคยปาก เคยปดทุกสิ่ง


ฉันนี้หลง จงรักเพียงข้างเดียว พี่ช่างโป้ปดลดเลี้ยวหาตรงไม่ ได้พลั้งผิดคิดไปก็รู้สึกเสียใจ อกเอ๋ยได้แต่อกตรม เพราะไม่ฟังคำสุภาสิตที่ท่านสอน มาเชื่อลมลิ้นหวาน ท่านว่ามารยาของชายชาญ มีประมาณได้สามสิบสองกล ถ้าเทียบกับผู้ที่อยู่ต่อหน้าเพลานี้ มีถึงหกสิบสี่กลเป็นแน่แท้ พูดเพราะดังเคาะระฆัง ฆ้อง แต่นี้ไม่รักไม่เชื่อคำใดอีกแล้ว”

พลายแก้วกอดประคองพิมไว้กล่าวว่า
“นิจจาพิมเจ้าไม่รู้ว่าพี่รักเจ้าดังดวงใจ มิได้ชังดังที่เจ้าคิดไปเอง”

แว่วดุเหว่าร้องเมื่อจวนรุ่ง พลายแก้วสะดุ้ง ขยับเลื่อนลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่าง เห็นแสงสว่างรางๆ ในท่ามกลางดาราราย พระอาทิตย์เริ่มจะฉายแสง เมื่อคิดว่าจะต้องจากให้รู้สึกรันทด ใจหาย โศกซ้ำ น้ำตาพร่างพราย อาลัยดังโดนล้วงเอาใจไป

“จะจากเจ้าพี่เศร้านัก ด้วยมิตรอิจฉากันหมายปองเจ้าเป็นเหตุใหญ่ รักษาตัวเถิดเจ้า พี่จะลาจากไป ระวังตัวด้วย อย่าให้พลาดกับผู้ที่ไม่หวังดี

พี่รู้สึกวิตกกังวลด้วยแม่ของเจ้า จะบังคับเอาไปให้อ้ายเดรัจฉาน เพราะเป็นเขาลูกยากที่จะขัดได้ ลางก็อาจทุบตีให้เจ้าให้เสียใจ ประคองตัวอยู่เถิดพุ่มพวงดวงชีวิต  ฟ้าสางแล้ว”

พลางขยับตัวลุกทั้งที่ยังอาลัย ส่วนพิมก็เหนี่ยวรั้งไว้ มิให้จาก

 


“ใจหายพ่อพลายแก้วมาจากไป ยามดึกคงจะได้คิดถึงทุกเพลา ด้วยเคยชวนพิมพูดคุยที่นอนน้องจะเย็นเมื่อยามหนาว อกร้าวใจหมองหม่น เหมือนพระกาฬมาเอาชีวิต จากนี้ไปคงมีแต่จมในกองน้ำตา พ่อจะไปขอให้รอดถึงกาญจนบุรี สัตว์ร้ายมีมากหนักหนา

คนเดียวเดินทาง อีกทั้งเท้าคงระบมเพราะบอบบาง จะทนร้อนทนแดดได้ฤา
ยิ่งคิดยิ่งสงสารยิ่งนัก เมียรู้สึกพรั่นใจในการเดินทาง ในป่าเปลี่ยว ยามเห็นคงมีแต่ชะนีร้องก้องโหวย ๆ กระโดดไปมา เสียงผีหวี่ให้รู้สึกวังเวงใจนัก  สุดจะอาลัยแล้วพ่อทูลกระหม่อมของพิม”

ร้องไห้พลาง ในขณะที่หน้ายังนองน้ำตา ลุกขึ้นไปไขหีบ หยิบเงินมาห้าชั่งห่อด้วยผ้าสีทับทิม

“นี่ของพิมให้พ่อจงเอาไปเถิด เอาไปจ้างช้างขี่ไป ถึงเขาจะเรียกสักสิบตำลึงก็ให้ไปเถิด เชื่อเมียเถิดอย่าเดินไปเลย”

พลายแก้วรับเงินไว้ทั้งที่ใบหน้ายังนองด้วยน้ำตา เอาคางพาดบ่ากระซิบสั่ง

“เจ้าจงระวังตัวไว้ขอให้อยู่แต่ในห้อง หน้าต่างก็อย่าได้ไปเยี่ยมมอง อย่าได้เที่ยวไปบนแผ่นดิน พี่จะจากเจ้าไปใจเจียนจะขาด ด้วยห่วงเจ้ายิ่งนัก หากแบ่งกายได้ จะแบ่งไว้อยู่ด้วยกับเจ้า แต่พี่นี้ก็จนปัญญาด้วยมิได้มีฤทธิ์เหมือนพระนารายณ์”

เวลาจวนรุ่ง เสียงพระเคาะระฆังดังแว่วมา เสียงดุเหว่าร้องในป่ารู้สึกใจหาย จะจากพิม น้ำตาปริ่มกระจายลงบนบ่าพิม ลุกขยับกายมาที่หน้าต่างกล่าวว่า

“คอยพี่อยู่พลางเถิด เนื้อนิ่ม เจ็ดวันจะมาขอเจ้า”
จากนั้นยืนที่ริมหน้าต่าง เรียกผีให้มารับ ย่างลงที่บ่าทันที เอาเงินผูกไว้ที่คอผี จากนั้นเหลียวหลังหันมาสั่งเสียอีกคราด้วยแสนอาลัยรัก
“ดวงใจอยู่ดีเถิดหนาพี่ขอลา”

พิมได้แต่ร้องไห้ ยกมือไหว้น้ำตานองหน้า สะอื้นกลั้นใจกล่าวว่า
“จงไปดีเถิด”

เพลานี้ พลายเหมือนใจจะขาดรับไหว้ ในขณะที่น้ำตาหยดลงบนบ่าผี มันก็พาพุ่งไปในทันที ทั้งสองมีใจเศร้าโศกจ้องและกัน จนจากกันไปลับลิบสุดสายตา ลับสายตาไป พิมยิ่งเศร้าโศกมากกว่าเดิม ปิดหน้าต่างหันกายกลับเข้าไปในห้องนอน สะอื้นกับที่นอน

“โอ้พลายแก้วของน้องเอ๋ย เมื่อใดจะได้กลับมาเคียงหมอน”
พิมได้แต่เศร้าโศกอาวรณ์ สะอื้นระทวยอยู่เยี่ยงนี้

จบตอนที่ 6



Create Date : 05 สิงหาคม 2563
Last Update : 5 สิงหาคม 2563 9:22:37 น.
Counter : 2084 Pageviews.

0 comments
ep 4 ขับรถบนถนนเริ่มจะประมาท โอพีย์
(10 เม.ย. 2567 05:03:14 น.)
โจทย์ตะพาบ ... วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ ... tanjira
(9 เม.ย. 2567 14:13:50 น.)
ใครบ้าง ตอบได้ ว่าทำไมรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 28มี.ค ถึงวันนี้9เม.ย.67ยังจอดคา ไว้กลางทางอยู่ jiab bangkok
(9 เม.ย. 2567 11:52:33 น.)
ถนนสายนี้..มีตะพาบ ( 349) วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร peeamp
(8 เม.ย. 2567 12:38:27 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Sut0000.BlogGang.com

0000
Location :
สุรินทร์  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด