ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 9/1 พลายแก้วยกทัพ


ขุนช้าง ขุนแผน
ตอนที่   9/1 พลายแก้วยกทัพ

    พลายแก้วเมื่อแม่และเมียไปแล้ว ก็จัดการเครื่องอาน ว่านยาต่างๆ สำหรับป้องกันอาวุธ และสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจ กราบลาแม่ยายแล้วไปขึ้นช้าง ติดตามด้วยบ่าวไพร่ ออกจากเมืองสุพรรณไปอยุธยาทันที รีบไปหาท่านผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แล้วพักอยู่ที่นั่น รุ่งเช้าก็เข้าเฝ้า

    พระองค์ประทับที่พระที่นั่ง มีเสนาอำมาตย์ เข้าเฝ้าอยู่พร้อมกัน แน่นขนัดท้องพระโรง ทอดพระเนตรแลมาเห็นพลายแก้ว แย้มพระสรวล ตรัสว่า

    “เออเอ็งจงเร่งยกพล จงไปเป็นสุขสวัสดี ปราบข้าศึกให้ละเอียดลงเป็นแป้ง ถึงจะเรืองฤทธิ์ มีเรี่ยวแรงดังราชสีห์ กูจะให้อาวุธไปต่อสู้  ดาบเล่มนี้ ที่ด้ามประจุพราย”

    จากนั้นประทานผ้ายกสีสะอาด สนับเพลา เจียระบาด (ผ้าคาดเอวชนิดหนึ่ง มีชายห้อยลงที่หน้าขา) หมวกตุ้มปี่ มีระบาย พลายแก้วกราบถวายบังคมลา ออกไปยังศาลาลุกขุน ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุม พวกพหลพลอาสา ตรวจความพร้อมเพรียงแล้วรับตราสั่งการ กราบลาท่านผู้ใหญ่ และรับพรจากท่าน

    ได้ฤกษ์ออกเดินทาง ยกทัพ เกลื่อนกลาดคับคั่ง ออกมาถึงนอกพระนคร ทั้งช้าง ม้า หมู่นักรบ ถือศัตราวุธ เสื้อแดง ดูดีมีสง่าราศี ธงชัยดู ฆ้องตีหึ่ง

ผสมกับเสียงโห่สนั่นยาวนาน ถึงปากบางลาง ยกพลข้ามไปอีกฟากของหมู่บ้าน ปลงหาบ ถอดคานลงพักการเดินทาง กินอาหารกันคึกคักเสร็จแล้ว

พลายแก้วสั่งให้เร่งเคลื่อนพลต่อ ส่วนเองไปที่ต้นทาง ต่อมาให้พักกองทัพ ช้าง ม้า ที่ท่ากู ส่วนตัวไปเตร็ดแตร่อยู่ที่วัดฝ้าย

    พลายแก้วอยู่คนเดียว มองไปเห็นเรือแม่และพิมจอดอยู่ที่นั่น จึงลงจากศาลามาหา ทั้งสามได้ปรึกษาเรื่องสำคัญ

    “ไปทัพทางไกลมิรู้ข้างหน้าจะเป็นประการใด จะทำข้อสังเกตโดยปลูกโพธิ์ไว้ สามต้น ถ้าแม้ย่อยยับ ขอให้โพธิ์มีอันเป็นไปเช่นเดียวกัน”

    นั่งปรึกษากันมินาน ก็ไปเที่ยวหาหน่อต้นโพธิ์ เจอแล้วค่อยๆ ขุด มิให้รากขาดพอกดินไว้อย่างดี นำไปที่เรือแล้วก็ข้ามฟาก ผลักหัวเรือให้ชิดฝั่ง

ขึ้นบกพร้อมกับหน่อโพธิ์  ปลูกในตำแหน่งที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นสำคัญ จึงแต่งเครื่องบัตรพลี เพื่อบวงสรวงเทวดาที่สถิตอยู่ที่นั้น ขุดหลุมแล้วอธิษฐาน ปลูกคนละต้น
    ทองประศรีนั้นอธิษฐานก่อน

    “ถ้าตัวข้าตายไป ขอให้ต้นโพธิ์นี้ตายไปด้วย ถ้าตัวข้าเป็นไข้ ขอให้ต้นโพธิ์เป็นไข้เหมือนกัน หากแม้นตัวข้านี้อยู่ดีมีสุข ความทุกข์ ลำเข็ญไม่เกิด ขอให้ต้นโพธิ์ ชุ่มชอุ่มเย็น ให้เป็นประจักษ์อยู่แก่ตา”

    จากนั้นก็ยกต้นโพธิ์ปลูกลงไป     พลายแก้วไหว้อ้อนวอนต่อเทวดาว่า

    “ตัวข้านี้จะขึ้นไปชิงชัย หากแม้นจะได้รับชัยชนะ ขอให้ต้นโพธิ์นี้เจริญงอกงามไสว แม้นตัวข้านี้ตายไป ขอให้ต้นโพธิ์นี้ตายตาม แม้นตัวข้ามิป่วยไข้ ขอให้ต้นโพธิ์สดใสเรืองอร่าม ถ้าสำเร็จการสงคราม ขอให้งามเขียวชอุ่มเป็นพุ่มรก”

    อธิษฐานแล้วยกต้นโพธิ์ลงหลุมปลูก จัดต้นให้ดีเอาดินลง ทำให้ดินแน่น น้ำตาพิมไหลหยด ยกมือกราบเทพารักษ์ สะอื้นร้องไห้ ค่อยๆ ประคองต้นโพธิ์ลงปลูกจากนั้น อธิษฐานว่า

    “ข้าแต่ท่านเทวดาผู้ทรงฤทธิ์ ขออธิษฐานต้นโพธิ์ของพิม ถ้าตัวข้าพเจ้าตายให้ต้นโพธิ์จงตายตามเถิด หากแม้นยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ต้นโพธิ์จงงามร่มรื่น ถ้าตัวข้าไข้ผอม ตรอมใจ ขอให้ใบโพธิ์สลดลง”

    จากนั้นปลูกลง ด้วยน้ำตานองหน้า พูนดินให้เรียบร้อยทุกหลุม เอาน้ำรด ปลดผ้าสไบทั้งสามผืน ลงมา ตั้งใจห่มที่ต้นโพธิ์ของตน

    “ขอเดชะผ้านี้ผูกพัน ห่มต้นโพธิ์สำคัญของทั้งสามคน ต่างคน ก็ต่างจะไปไกล ยามกลับขอให้ได้พบกัน แม้นตัวข้าตายไป ขอให้ได้ไปสู่สวรรค์ หากเกิดในภพชาติหน้า ขอให้ข้าได้พบกันให้จงได้ ร้อยกัป แสนกัลป์ เป็นอนันตกาล ก็ขอให้ได้พบกันตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน”

    ครั้นห่มต้นโพธิ์เสร็จเรียบร้อย ทั้งสามจากที่อธิษฐาน กลับมาลงเรือในเวลามินาน บ่าวค้ำหันเรือออกพายไป เข้าจอดที่่ท้ายเขื่อนวัดป่าฝ้าย เร่งให้คนขนของขึ้นบรรทุกหลังช้างทันที พลายแก้วไหว้มารดา นางทองประศรี อวยพร

    “เจ้าจงโชคดีไปในภายหน้า”
    พิมไหว้พลายแก้วกลั้นน้ำตา สะอื้น

    “จงไปดีเถิดพี่”
    พลายแก้วสั่งพิมว่า
    “เจ้าจงสงวนใจไว้รอท่าพี่เถิดหนา”

    แล้วตัดใจเดินจาก ก้าวขึ้นจากเรือ บ่าวไพร่ก็ผลักหัวเรือทันที พลายแก้วและพิมพิลาไลย ทั้งน้ำตา ชะแง้มองดูกันและกัน จนกระทั่งลับสายตาไป

บ่าวไพร่ พูดคุยสนุกสนานเฮฮา ส่วนพิมเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ทำให้นางทองประศรีต้องคอยปลอบจนถึงเมืองสุพรรณ

    พลายแก้วหลังจากแม่และเมียกลับไปแล้ว รู้สึกใจหายแต่ก็ต้องรีบตระเตรียมการเดินทางให้ทันเวลา


การเดินทางได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ขบวน ช้าง ม้า หาบ คอน สลอนไป ภายในหาบที่แกว่งไกว คอนหาบที่ยวบยาบ หัวปลาที่ถูกเบียดเสียด กลักพริก กลักเกลือ กระทบกัน เสียงดังกริ่งกร่าง

    เจ้าของหาบที่เหนื่อยล้าแข้งขาแทบจะขัดกัน     บางคนถึงขั้นบ่นว่าลูกสะบ้าไม่ขยับ บ้างต้องหยุดกินยา หรือไม่ก็ทาน้ำมันยาที่พกมา ลุกขึ้นได้ก็ไล่กันให้รีบไป

มีบางคนแอบนั่งชักกัญชานัยน์ตาปรือ โงกหลับหาวนอน ผ้าผ่อนถูกไฟไหม้ ลุกขึันงัวเงียรีบตามขบวนข้ามทุ่งมุ่งเข้าสู่ทางเดินในป่า

    พลายแก้วขี่ช้างสูงตระหง่าน ในท่ามกลางป่า วันหนึ่งของการเดินทาง ผ่านทุ่งงามตาให้หวนนึกถึงพิมที่จากมา และคิดถึง บ้านกระทง ตรงข้ามท่าที่ปลูกต้นโพธิ์

    “โอ้ว่าต้นโพธิ์ทั้ง สามต้น ยังเป็นต้นอ่อนหนา”
    ถึงเพลาค่ำก็ปลงทัพหยุดพักหลับนอน  รุ่งขึ้นก็ยกพลข้ามแม่น้ำไป ลัดล่วงถึงนครสวรรค์  ดั้นด้น ตัดทางไปหาลงตามน้ำไม่ เส้นทางร่มรื่น เต็มไปด้วยพรรณไม้ ดอกไม้ ก่อให้พลายแก้วละห้อยถึงเมียกรักอีกครา

    “โอ้เจ้าพิมของพลายแก้ว มาส่งแล้วกลับไปดูเจ้าหน้าตาไม่สู้ดี หากมาด้วยกันจะได้พาชี้ชม พูดคุยเล่น ในดงเย็น ที่เต็มไปด้วยเสียงนกร้องขับกล่อม ไพเราะ งดงามเยี่ยงนี้

    นกเขาจับอยู่เคียงคู่ ผัวมาอยู่ไกลพิมเจ้า ห่างไกลต้องอยู่ในพงไพร คับแคทำรังบนต้นแค นกกระลุมพู จิกพวงชมพูเทศ ดูเหมือนเป็นผ้าสีชมพูของเจ้า ดอกพยอมหอมชวนเย้ายวนใจ เหมือนกลิ่นสไบเจ้ายังติดมา กลิ่บุปผชาติดาษดง เหมือนกลิ่นแก้มที่พี่หลงคะนึงหา

    นกแก้วร้องเจรจา หวนคำนึงน้องเจ้าจะเอื้อนเอ่ยกับผู้ใด นกขมิ้นบินจับต้นมะเดื่อ โอ้คิดไปว่าผิวเจ้าจะหม่นหมองไม่ผ่องใส เพราะเมินหมางห่างจากขมิ้น


โอ เจ้าพิมพิลาไลยของผัวอา มองดูพรรณพฤกษาตามรายทาง ผลมะปรางเปรียบดังแก้มเจ้าทั้งซ้ายขวา เห็นพุ่มกระทุ่มสะบัดตั้ง เหมือนผมพิมเจ้าสะพรั่งเพราไสว คิดไปแล้วให้เปล่าเปลี่ยวใจ เมื่อใดหนอจะได้กลับมาพบเจ้าหนา”

    พลายแก้ว คิดคำนึงพลาง เร่งพลให้เดินทาง ถึงป่าใหญ่ไม้มากมายหลายชนิด ต้นพฤกษา ยางสูงโอนเอนในสายลมพัด เสียงลมกระแทกเสียงดัง ถูกรังหนูพุก ที่กำลังเคียงคู่ ปลายยอดยางบางยอดเป็นตะใคร่คราบเครอะ กระแตตามกระรอกเข้ารู

งูเขียวเลี้ยวไล่ไม่ลดละ บางต้นล้มรากหักหงายแทงขึ้น ยอดหวายพันคลุมอยู่ซุ้มเชิง ลางต้นโกร๋นร่อนจนเห็นเปลือก เพราะถูกช้างเอาข้างถู บางต้นถูกแมงภู่ไชข้างในข้างนอกเป็นโพรง ค่าง ลิง วิ่งเล่นไปมา บางครั้งไม้หัก ต้องรีบกระโดด เกาะเถาวัลย์ที่พันย้อย

    พอถึงระหว่างเขาชะโงก เป็นโตรกเตียนตลอดถ้ำ เป็นแผ่นเพิงตระพักชะงักง้ำ ด้านที่ต่ำแสงกระทบเป็นระยิบระยับ  บ้างเป็นสีแดง บ้างเป็นสีเขียว 

แทรกด้วยสีม่วง ลวดลายดั่งเบญจรงค์ ที่เด่นแดงดังแสงปัทมราช ที่เป็นสีขาวเป็นดังเม็ดเพชร น้ำซัดเป็นระรอก ฝอยน้ำกระเซ็นมา กระทบเสียงก้องสะเทือนไพร

    พอเข้าดงเดินลงธารน้ำ ผ่านลานหิน น้ำไหลสะอาดใส กรวดเป็นเม็ดเป็นมูลไป

    “โอพิมพิลาไลยของพี่อา ถ้าเจ้ามาด้วย พี่จะเก็บก้อนกรวดให้ อันใดชอบพี่จะเก็บให้มากหนา กรีดเล็บเก็บเล่นดูงามตา อนิจจาเจ้านี้อยู่ไกล

เจ้ามักรักของเล่น เห็นสิ่งใดงามแล้วอดมิได้ ถ้ามาด้วยแล้วในพงไพร จะพานั่งร้อยมาลัยบนหลังช้าง จะห้อยห้อมล้อมรอบสัปคับ เป็นสร้อยแซมประดับ คิดๆ ไปสุดแสนจะเสียดายเป็นหนักหนา ที่เจ้ามิได้มาด้วย

    ครั้นเดินทางถึงกำแพงระแหงเถิน วางตราผู้รั้งแล้ว มีเรื่องเนิ่นช้าอยู่บ้าง มีการจัดกองทัพทั้งสามเมือง และงานเลี้ยงต้อนรับ

    พอได้ฤกษ์พิชัยสงคราม ทุกคนจับอาวุธ ตีฆ้องลั่นปืน โห่ร้อง ขบวนแออัดด้วย กองช้างม้า ไม่นานก็ถึงเขตขันฑ์เมืองเชียงทอง

ให้กองหน้าเที่ยวหาพวกเชียงใหม่ เจอที่ใดให้กระหน่ำเข้าตีทุกที่ ห้ำหั่นฆ่าฟันตายไปมากมาย ริบข้าวของได้มากมาย ตีไปมิได้ยั้งมือ กระทั่งถึงเชียงทอง

    ทัพไทยไล่ฟันตะลุยไป พวกเชียงใหม่หลายทัพรับมือไม่ทัน เพราะความประมาท คิดว่าเชียงทองไม่สู้ ยอมยกธงขาว นาย ไพร่ พากันเที่ยวไปทั่วเมือง

บ้างเที่ยวหาผัก หาปลา ห่างจากค่าย ถูกกองทัพไทยฆ่าตายไปมากมาย ต่อเมื่อรู้ว่ามีข้าศึกมา จึงเรียกรวมพลเป็นที่อลหม่าน รีบกลับเข้าค่าย ขอบคู ชาวเชียงทองดูเห็นว่าเป็นกองทัพไทย ดีใจรีบปิดประตูเมืองทันที

ตอนที่ 9 ยังมีต่อ



Create Date : 07 กันยายน 2563
Last Update : 8 กันยายน 2563 19:54:23 น.
Counter : 2431 Pageviews.

1 comments
เรื่อง รัก ลึก อุ่น (Omega Verse) - บทที่ 43 วัลยา
(16 เม.ย. 2567 16:34:37 น.)
: รูปแบบของการตระหนักในการรับรู้ : กะว่าก๋า
(15 เม.ย. 2567 05:37:45 น.)
๏ ... ขอฝน แทน พรวันมหาสงกรานต์ ... ๏ นกโก๊ก
(15 เม.ย. 2567 15:30:08 น.)
๏ ... คืนฟ้าไร้ดาว ... ๏ นกโก๊ก
(14 เม.ย. 2567 09:49:36 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณหอมกร

  
0000 Book Blog ดู Blog

โดย: หอมกร วันที่: 7 กันยายน 2563 เวลา:22:50:19 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Sut0000.BlogGang.com

0000
Location :
สุรินทร์  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด