ภาพอีกส่วนหนึ่งที่ได้ไปถ่ายมาครับ
ต่อมา คือคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีครับ คณะที่สองของธรรมศาสตร์

เอกลักษณ์ของธรรมศาสตร์รังสิตก็เหมือนกับเกษตรบางเขนสมัยก่อนครับ คือเต็มไปด้วยจักรยาน เพราะมีหอใหญ่มาก ๆ อยู่ในมหาลัย ทุกคนเลยใช้จักรยานกันครับ

และก็มีที่จอดจักรยานกันแบบนี้ครับ

อีกมุมหนึ่งครับ

เดินออกไปด้านใน ก็เจออีกมุมนึงครับ สวยดี

และรูปปั้นที่ตั้งอยู่หน้า SC ก็คือรูปปั้นของอาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ บุคคลที่ไม่ใช่แม้แต่คนธรรมศาสตร์เท่านั้นที่เคารพ แต่คนทั้งประเทศก็นับถือท่านเหมือนกัน เป็นบุคคลที่ปราศจากโลภะ โทสะ และไม่แสดงออกซึ่งโมหะ โดยมีคำพูดของท่านจารึกไว้ว่า....
"ถ้าเราไม่สามารถเจียดเงินมาเพื่อการศึกษา ก็ไม่น่าจะสามารถเจียดเงินไปสำหรับเรื่องอื่น เพราะปัญหาอื่น ๆ เช่น ภัยคอมมูนิสต์ อันธพาล อาชญากรรม วัยรุ่น การปกครอง ประชาธิปไตยหรือแม้แต่ปัญหาเศรษฐกิจและการผลิตต่ำ
ปัญหาเหล่านี้ป้องกันแก้ไขไม่ได้ ถ้าเราไม่ยอมลงทุกในสิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือ คน"
และด้านหน้า มีคำจารึกว่า
"วิสัยบัณฑิตผู้ ทรงธรรม์
ไป่เปลี่ยนไป่แปรผัน ไป่ค้อม
ไป่ขึ้นไป่ลงหัน กลับกลอก
กายจิตวาทะพร้อม เพรียบด้วยสัตยา"
เดินเข้าไปด้านใน ก็ลองเงยหน้าขึ้นไป จะเห็นโดมอันนี้ครับ สวยดีครับ

ที่นั่งเป็นไม้ขัดมัน สวยดีครับ น่านั่ง เสียดาย ไม่มีปลั๊กไว้เสียบ notebook ไว้เล่นเน็ต ต้องใช้แบ็ตอย่างเดียว

ภาพมุมกว้างครับ

สุดท้ายครับ ฝากภาพที่มีความหมายดี ๆ หนทางยังอีกยาวไกลสำหรับผู้ที่จะเข้าและผู้ที่กำลังเรียนอยู่ครับ แต่อย่าลืม ใช้ชีวิคนักศึกษาให้คุ้มค้า อย่าให้เป็นแบบคงแต่งกลอนนี้ ที่บ่นนักศึกษาสมัยนั้นว่า
"ฉันเบา ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึง มาหา ความหมาย
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว"
ยิรดีรับคำติชมครับ
