Karlovy Vary - 11 Sept 06 วันนี้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปขึ้นรถไป Karlovy Vary รถออก 7 โมงตรงเป๊ะๆ ใครที่ไม่ได้ซื้อตั่วล่วงหน้ามาซื้อตั๋วกับคนขับก็ได้ แต่เพื่อความชัวร์ว่ามีที่นั่งแน่นอนเราควรซื้อตั๋วไว้ก่อน รถไปถึง Karlovy ประมาณ 9 โมงครึ่งเห็นจะได้ รถจอดส่งลงที่ป้าย Market Hall กลางเมือง อากาศเย็นดีทีเดียวเช้าวันนี้ จากนั้นเราก็งมๆ กันไปว่าควรจะไปทางไหนต่อ พองมได้ก็เดินไปชมความงามของตัวเมือง ตึกที่นี่สีสันหวานสวยอีกเช่นเคย มี Colonade พร้อมน้ำแร่ให้รองกิน ฉันลองชิมดูแล้ว รสชาติจึ๋ยๆ ไงไม่รู้ เหมือนกินน้ำผสมสังกะสีประมาณนั้น บางทีเอาไปใช้อาบอาจจะดีกว่า ที่นี่มีขายเวเฟอร์แผ่นกลมๆ เต็มไปหมดกล่องละ 30 KC เองหล่ะ (ในเมืองขายแพงกว่านั้น) นอกจากนั้นก็ขายถ้วยสำหรับดื่มน้ำแร่ ถ้วยละ 100 กว่า Kc ไม่ได้ซื้อร๊อก เอากระป๋องพลาสติกของเราที่มีอยู่นั่นแลไปรองมากิน อิอิ เราเดินๆ ชมเมืองไปยังไม่ถึงครึ่งก็ต้องรีบย้อนกลับไปทางเดิม เพื่อไปขึ้นรถเมล์สาย 1 เพื่อจะไปเยี่ยมชมโรงงานทำแก้วยี่ห้อ Moser ยี่ห้อดังของที่โน่น ตอนแรกคิดว่าจะยาก แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิดแฮะ เพราะรถเมล์ที่ขึ้นจะมีป้ายบอกเสมอว่าป้ายหน้าคือป้ายอะไร พอลงปุ๊ปก็เจอป้ายชี้ทางไปโรงงานทันที จริงๆ ตรงนี้ก็มีทั้งโรงงานและ shop ของทาง Moser เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่เหมือนกัน ค่าเข้าชมโรงงาน 90 KC สามารถจองล่วงหน้าผ่านอีเมลได้ (ดูรายละเอียดที่ //www.moser-glass.com) ตอนแรกคิดภาพว่าคงเป็นโรงงาน hi-so แต่ปรากฏว่าโรงงานแบบดั้งเดิมมากๆ hand made จริงๆ ต่างจากภาพที่ฉันคิดไว้อย่างสิ้นเชิง ดูรูปเอาเองละกันเน้อ.. กลุ่มอาคารที่ทอดเรียงตัวยาวในเมือง น้ำแร่ที่คุณลุงเอาถ้วยไปรองกิน ขนมเวเฟอร์อบกรอบ หลายคนบอกว่าเหมือนข้าวเกรียบว่าวแต่รสชาติไม่เหมือนนะเคอะ อันนี้แผ่นละ 6 KC อีกมุมหนึ่งของเมือง ชื่อโรงแรมน่ารักจริง Hotel Romance อิอิ ที่ตั้งของร้าน พิพิธภัณฑ์และโรงงานของ Moser ค่ะ ขั้นตอนการผลิตเครื่องแก้ว เสร็จจากการเยี่ยมชมโรงงานแล้ว เราไปเดินชมเครื่องแก้วทั้งในพิพิธภัณฑ์ที่เขาโชว์ไว้ให้ดูเฉยๆ และในร้านที่เขาตั้งไว้ขาย ก็ได้แต่ถ่ายรูปกลับมาเช่นเคย ไม่มีตังค์ซื้อ อิอิ จากนั้นเรารีบขึ้นรถกลับเข้าไปในเมือง จะไปเดินหาโบสถ์รัสเซียที่มีอยู่ในรูป เมื่อเข้ามาถึงเมืองแล้ว เราเลือกเดินอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งเป็นคนละเส้นกับตอนเช้า เสียงท้องร้องบอกให้รู้ว่าควรหาอะไรใส่ท้องได้แล้ว จึงไปนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารเอเชียร้านหนึ่ง ร้านนี้ดูรูปแล้วชี้เอา ฉันได้ข้าวกับไก่ทอดมาจาน (เบ้อเร่ออีกเช่นเคย) อร่อยจัง กินจนเรียบ ข้อควรจำสำหรับการกินอาหารให้อร่อยก็คือควรรอให้หิวม้ากมาก แล้วค่อยหาไรกิน เพราะมันจะอร่อยไปทุกอย่างเลย 555 ตอนแรกคิดว่าเจ้าของร้านเป็นคนจีนเสียอีกแต่เขาบอกว่าไม่ใช่เป็นคนเวียดนาม มาอยู่เช็กได้ 20 ปีแล้ว โอ้ววนานมาก เพื่อนฉันเลยถามทางไปสถานีรถบัสเพื่อจะกลับปราก เนื่องจากว่ามันเป็นคนละที่กับที่เราลงเมื่อเช้า เขาก็ใจดีเขียนทางให้ แม้จะพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ โบสถ์รัสเซียที่ฉันกับเพื่อนเดินตามหา ใบไม้เปลี่ยนสี ถ่ายระหว่างทางที่เดินลงมา กินอิ่มแล้ว จึงปฏิบัติการตามล่าหาโบสถ์รัสเซีย ไปถามทาง เขาก็พูดอังกฤษไม่ได้ ได้แต่อ่านเอาจากภาษามือ แต่ก็ยังดีที่มีน้ำใจช่วยเหลือ สรุปว่าเดินขึ้นเนินไปไกลเหมือนกัน กว่าจะเจอ แถมเจอแล้วเก็บรูปได้ไม่สะใจอีก 55 เพราะมุมแคบและมีต้นไม้บัง เก็บรูปจนหนำใจก็เดินกลับเพราะรถขากลับเราออก 16.00 เดินไปตามแผนที่ที่เจ้าของร้านอาหารเขียนให้ ก็ไปจนสุดทาง ก็ยังมองไม่เห็นสถานี เพื่อนเลยไปถามทางคนที่ผ่านไปมาแถวนั้นเขาก็บอกว่าต้องเดินข้ามสะพานแล้วเดินลงไป เราจึงถึงบางอ้อ ช่างเป็นสถานทีที่ลี้ลับอะไรเช่นนี้ ใครที่จะไปควรเผื่อเวลาหาทางกลับด้วยนะก๊ะ เดี๋ยวจะพลาดรถ พอไปถึงแล้วก็ยังเกือบจะพลาดรถ 55 เพราะในตั๋วเขียนไว้ว่าชานชาลาที่ 0 ฉันกับเพื่อนนึกว่ามันพรินท์มายังนั้นเอง คงประมาณว่ายังไม่ได้กำหนดชานชาลา ก็ปรากฏว่าไปเจอป้ายนึงของชานชาลาที่ 3 ซึ่งเขียนว่า Praha เราก็เลยสรุปเอาเองว่าคงเป็นป้ายนี้แหล่ะ ดีที่เพื่อนเอะใจ เดินไปสำรวจป้ายอื่น พร้อมกลับมาบอกว่ามีชานชาลาที่ 0 จริงๆ และเป็นรถไป Praha เช่นกัน 555 เกือบซวยแล้วเรา รถพาเราเข้ากรุง ผ่านสนาม Toyota Arena ของทีม Sparta Prague อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยกกล้องมาถ่ายแทบไม่ทัน เท่าที่ดู รู้สึกว่าเป็นสนามเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก สนามฟุตบอล Toyota Arena ของทีมสปาร์ตาปราก พอเราเข้าที่พักแล้ว ก็ไปเดินเล่นที่สะพานชาร์ลส์อีก หวังจะไปเก็บรูปยามค่ำคืนของปราสาทปราก ด้วยคิดเองว่าถ้าเอาขาตั้งกล้องไป มันต้องดีแน่ๆ 555 แต่หารู้ไม่ว่าก็ไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไรเพราะปรับอะไรไม่เป็น อายจัง ตอนที่เดินๆ ถ่ายรูปอยู่ก็มีคนเล่นกีตาร์ จำชื่อเพลงไม่ได้อ่ะ แต่เพลงนี้ประกอบซีรีย์เรื่อง autumn in my heart แบบว่าบรรยากาศโรแมนติกจริงๆ เพราะช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วงที่นั่นเช่นกัน เราเดินลงจากสะพานชาร์ลส์แล้วเลี้ยวขวา เดินเรียบถนนไปเรื่อยๆ จำไม่ได้ว่าจะเดินไปหาอะไร แต่พอหันกลับมามองอีกที โอ้วพระเจ้าจอร์จมันยอดมาก วิวปราสาทสุดสวยอยู่ตรงนี้นี่เอง เพราะถ้าถ่ายจากสะพานจะมีต้นไม้บัง ฉันตั้งขากล้องอีกครั้ง แต่ก็ได้มาแค่เนี่ยหล่ะ 555 เราเดินไปเรื่อยๆ แล้วเลยพาลเดินไปสำรวจที่พักที่เราต้องใช้นอนในอีกสามคืนสุดท้ายด้วยเสียเลย ปรากฏว่าเดินเข้าไปลึกเหมือนกัน เดินๆ ก็กลัวว่าจะมีใครมาตีหัวเราหรือเปล่าหว่า ที่พักอยู่ข้างหลังโรงละครแห่งชาติ เดินออกจากซอยจะเจอกับห้าง Tesco ซึ่งปิดบริการเมื่อยามสามทุ่ม จะเดินไปสำรวจเสียหน่อยดันปิดเสียแล้ว ว่าแล้วเราเลยกลับเข้าที่พัก ต้มมาม่ากินและเข้านอน อ้อ แต่วันนี้ที่ hostel ที่เราพัก มีเด็กๆ มาจากเดนมาร์กน่าจะประมาณ 15-17 ขวบนะ ส่งเสียงดังหนวกหูมาก ก็อย่างว่านะเด็กๆ คงรู้สึกสนุกสนานที่ได้นอนด้วยกัน แบบห่างไกลสายตาพ่อแม่ ฟังเสียงพวกมันปิดประตูปึงปังจนหลับไปในที่สุด to be continued... เพื่อนเราไปเที่ยวภูฐานแล้วล่ะพี่แช... เล่นเกมส์วิทยุ บานาน่าเอฟเอ็ม บินไปเมื่อเช้าตีสี่แย้ว แง้
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 24 กันยายน 2549 เวลา:17:00:53 น.
จริงเหรอ .. ดีจัง น่าอิจฉาได้ไปเที่ยวฟรี :-)
แป่ว.. เพิ่งเห็นว่าแปะรูปไปรษณีย์ผิด ข้างบนนั่นมันไปรษณีย์ของเมืองครุมลอฟต่างหาก โดย: Qingqing IP: 203.170.164.62 วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:9:09:57 น.
|
บทความทั้งหมด
|