แล้วฉันก็ไปเช็ก... เมื่อบอกใครต่อใครว่าฉันจะไปปราก จะมีปฏิกิริยาตอบกลับดังนี้ เหรอ อืมๆ << แปลว่าไม่ค่อยจะรู้จักแต่ก็อมภูมิไม่กล้าบอก จริงเหรอ? ว้าวว สวยๆ << อันนี้แสดงว่ารู้จัก เคยผ่านตามาบ้าง อยู่ส่วนไหนของโลกง่ะ << อันนี้ยอมรับแต่โดยดีว่าไม่รู้จัก จะว่าไปแล้ว ฉันเองก็ไม่รู้จักปรากดีนัก แต่ถามว่าทำไมจุดหมายปลายทางของฉันจึงเป็นปราก ไม่ใช่จีน ฮ่องกง หรือ ไต้หวัน อย่างที่มันควรจะเป็น อืมก็คงจะต้องบอกว่า เบื่อแถวนี้แล้ว ^_^ อยากจะลองไปฝั่งตะวันตกดูบ้าง อันที่จริง ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยคิดอยากเที่ยวประเทศที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งหรอก หากแต่ว่าค่าใช้จ่ายอันสูงลิบลิ่ว ทำให้ฉันพับความฝันและความอยากเก็บไว้ในลิ้นชักชั้นล่างสุดไป เพราะเมื่อไม่มีความอยากก็จะไม่เครียด ไม่เป็นไรเที่ยวเอเชียก็ได้ ได้เที่ยวเหมือนกัน แต่เมื่อวันนึง เมื่อทุกอย่างพร้อม ฉันก็ไม่ลังเลที่จะไป ทำไมต้องเป็นปราก? อืม คงเพราะได้ยินกิตติศัพท์มานานนักหนาแล้วว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เพราะไม่เคยโดนทำลายจากพิษของสงครามโลกครั้งที่สอง (แต่เท่าที่อ่านดูเหมือนจะโดนไฟไหม้ไปหลายครั้งเหมือนกันนะ) ก็เลยคิดอยากจะไป หลายคนแปลกใจว่าทำไมฉันใจเร็วนัก เพราะเพิ่งมาคิดว่าจะไปเที่ยวเอาเมื่อเดือน 6 บางคนแพลนนานเป็นปี แต่มีอะไรข้างในบอกว่าให้รีบไปเสีย ถ้าทิ้งไว้นานแผนการอาจเป็นหมันได้ นั่นแหล่ะการเดินทางของฉันจึงเริ่มต้นขึ้น อีกอย่าง อยากใช้ดอนเมืองมากกว่าสุวรรณภูมิเพราะใกล้บ้านฉันมากกว่า 555 ทริปนี้มีเพื่อนร่วมทางตั้ง 1 คน :D ซึ่งก็คือ Nungkwak จริงๆ แล้วเพื่อนฉันอยากไปปรากมากกว่าฉันเสียอีก อิอิ เราเลือกเดินทางด้วยสายการบิน Finnair (จริงๆ เป็นการโดนบังคับเลือกมากกว่า เพราะ Austrian Airline เต็ม) ออกเดินทางคืนวันที่ 8 กันยายน ถึงโน่นสายๆ ของวันที่ 9 กันยายน และกลับถึงบางกอกวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน จริงๆ จะกลับถึงนี่วันที่ 16 กันยายนแต่ว่าไฟล์ทกลับที่เราต้องการเต็ม เลยต้องยืดเวลาที่ปรากไปอีกหนึ่งวัน เราหาข้อมูลส่วนใหญ่กันทางอินเทอร์เน็ต อ่านทั้งไทยและเทศ อ่านมากๆ ก็ชักจะมึน แต่ไม่เป็นไร คิดว่าเมืองเล็กยังไงคงเที่ยวได้ทั่ว ฉันลากกระเป๋าขึ้นเครื่องบินลำที่เพนท์รูปเป็นตัวการ์ตูน Moomin เสียด้วย บอกตามตรงว่าเพิ่งรู้จัก Moomin ก็วันนั้นแหล่ะ (ก่อนหน้าพี่ที่ทำงานเคยพูดให้ฟังว่าฟินแลนด์ก็มี Moomin ไง ฉันยังงงว่าอะไรคือ Moomin ที่แท้มันก็คือตัวการ์ตูนที่ดูเหมือน Hippo สีขาว ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนของฟินแลนด์นั่นเอง (จริงๆ มันเป็นตัว Troll ) บอกตามตรงว่าไม่ชอบนั่งเครื่องบินเลย มันอึดอัดยังไงไม่รู้ ถ้ามีประตูวิเศษของโดเรมอนคงดีเนอะ อยากไปไหนก็เปิดไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงในเครื่องบิน เครื่องพาเราถึง Helsinki (ต้องเปลี่ยนเครื่องเพื่อไปปราก) ประมาณก่อน 8 โมงเช้า (ตามเวลาที่โน่น) เรานั่งรอบอร์ดดิ้งตอน 9 โมง จากนั้นบินอีกสองชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางของเรา อ้อ ลืมบอกไปว่าบันทึกการเดินทางของฉันคงไม่มีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มากนัก เพราะจำไม่ด๊ายยย ขออภัยท่านผู้อ่านไว้ ณ ตรงนี้ Prague -- 9 Sept 06 เราถึงปรากตอน 11 โมง 45 (มั้ง) ไปรอเอากระเป๋า ไปแลกตังค์ (ประเทศเขาใช้เงินสกุล Koruna เราต้องแลกเป็นเงินยูโรไปก่อนแล้วถึงไปแลกเป็นเงินเช็กที่โน่นเอา (1 KC = 1.8 บาท) แลกตังค์ที่สนามบินหักค่า commission ตั้ง 5% แต่แลกในเมืองไม่โดนหัก พวกเราเลยแลกไว้พอเป็นค่ารถและค่าห้องพักที่ต้องจ่ายเมื่อเช็คอิน จากนั้นไปซื้อตั๋วสำหรับขึ้นรถบัสและรถไฟใต้ดินในราคา 30 KC (ค่ารถ 20 KC + ค่าสัมภารกอีก 10KC) แล้วก็ออกมารอรถบัสสาย 119 หน้าสนามบิน รอป้ายแรก พอรถมาไม่จอด เพราะที่ป้ายเขึยนว่าป้ายนี้ย้ายไปอยู่อีกสองป้ายถัดไป แป่ววว เราก็เลยต้องย้ายที่รอ รถบัสที่นี่ไม่มีที่วางกระเป๋าสัมภาระทั้งหลาย ก็วางๆ กันบนพื้นรถปกตินั่นแหล่ะ ป้ายรถเมล์ รถสาย 119 พาเราไปที่สถานี Dejvica ซึ่งเป็นสถานีเริ่มต้นของ metro สายสีเขียว (มีสามสีคือเขียว เหลือง แดง ซึ่งฉันก็ยังจำไม่ได้จนถึงวันกลับว่าสถานีไหนอยู่สีอะไร เอิ๊กๆ) จากนั้นเราต้องนั่ง metro ไปลงที่สถานี Florenc เพื่อไปที่พักที่เราจองไว้ พอไปถึงก็เริ่มงงๆ ว่าต้องเดินไปทางไหนต่อ พอดีเพื่อนเห็นป้าย McDonald ซึ่งตรงกับคำอธิบายเส้นทางที่ทาง hostel ที่เราจองไว้ให้มา ว่าที่พักอยู่ใกล้กับ McDonald เลยเดินไปตามทางที่ศรชี้กัน เดินไปไม่ไกลมากก็เจอที่พักของเรา สามคืนแรกในปราก เราพักกันที่ A Plus Hostel ที่เลือกที่นี่เพราะมีข้อมูลว่าอยู่ใกล้กับสถานีรถบัส ซึ่งเราต้องนั่งบัสออกไปอีกสองเมืองในเช็กซึ่งก็คือ Karlovy Vary และ Cesky Krumlov สภาพห้องก็โอเค ใช้เป็นที่ซุกหัวนอนได้ มีตู้หนึ่งใบ และเตียงสองชั้นหนึ่งหลัง จบข่าว.. แต่โชคดีที่เราอยู่ใกล้ครัว ใกล้ห้องน้ำ แต่ห้องอาบน้ำ เป็นแบบอาบน้ำรวม แต่แยกชายหญิง (ถ้าไม่แยกคงมันส์พิลึก) ดังนั้น สำหรับคนที่จะไปพัก hostel ควรเตรียมผ้าถุงไปด้วย (แต่โชคดีที่สามวันที่เราอยู่ที่นั่น ไม่มีใครมาอาบรวมด้วย) เตียงนอน เก็บของ นั่งพักสักครู่ เราก็คิดว่าควรไปดูสถานีรถเพื่อซื้อตั๋วไป Karlovy Vary พอไปถึงก็งงๆ หาห้องขายตั๋วไม่เจอ เดินวนมันสักรอบ แล้วก็เห็นว่ามีบันไดลง เลยลองเดินลงไปดู เห็นช่องขายตั๋วเลยไปซื้อตั๋วเพื่อไป Karlovy Vary เสร็จแล้วมานั่งคิดว่า ทำไมไม่ซื้อขากลับด้วยเลย แล้วก็ควรซื้อตั๋วไปกลับที่จะไป Cesky Krumlov ไว้ด้วย จะได้ไม่ต้องเดินมาอีก ก็ไปบอกคนขาย เลือกเวลา ปรากฏว่าพอถึงเวลาจ่ายตังค์ จ๊ากก เกือบไม่พอ ควักกันขึ้นมาจนหมดกระเป๋า (ก็เราแลกมาแค่ค่ารถกะที่พักไง) โชคยังดีนะที่ยังพอมีตังค์เหลือพอสำหรับค่ารถทั้งหมด แต่กระนั้นก็ตาม หลังจากจ่ายค่าตั๋วไปแล้วฉันเหลือตังค์ติดกระเป๋าแค่ 90KC 5555 จากนั้นเราเริ่มออกเที่ยว จุดหมายแรกของเราในวันนี้คือย่าน Old Town เราเดินจากที่พักเราไปเรื่อยๆ ระหว่างทางพบเห็นตึกสวยๆ มากมาย ถ่ายๆ และถ่ายๆ ตึกไรไม่รู้ตรูถ่ายไว้ก่อน แล้วก็มานั่งงงว่านี่มันตึกอะไร แป่ว.. เดินมาไม่นานก็มาถึงสถานี Namesti republicky ซึ่งเป็นจุดเริ่มของการเดินในย่าน Old Town ตึกแรกที่เราเจอคือ Obecni Dum หรือ Municipal House (ตามภาพด้านล่าง) สวย สวย และสวย ภาพสวยๆ ที่เห็นเป็นผลงานของ Alfons Mucha ศิลปินที่มีชื่อเสียงของเช็กในช่วง Art Nouveau ฉันก็เพิ่งรู้จัก Mucha ที่ปรากนี่เอง ตอนเราเดินผ่านมีคนมาแจกใบปลิวว่าจะมีเล่นคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิคที่ Obecni dum จริงๆ แล้วคอนเสิร์ตพวกนี้มีแทบทุกวันเลย ตอนแรกกะว่าจะมาดูคอนเสิร์ตที่บรรเลงเพลงของ Vivaldi เสียหน่อยแต่ว่าเดินเที่ยวเพลินอดค่ะ Obecni Dum ป้ายโฆษณาคอนเสิร์ต เห็นแล้วนึกถึงอาจารย์โรซี่ใน Season Change ทันที อิอิ เราเดินสะเปะสะปะมาก ไม่ได้ดูตามแผนที่ในหนังสือที่ให้ไว้เลย อยากเลี้ยวมุมไหนเลี้ยว เดินไปมาไปโผล่ที่จตุรัส Old Town ที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Jan Hus ด้านหลังอนุสาวรีย์เป็น Kinksky Palace อาคารแถวนี้มีสีสันงดงามไปโม๊ด ทำเอาฉันอึ้งตะลึงในความงามไป (คนมันไม่เคยเห็นอะไรที่เป็นยุโรปอ่ะนะ ต้องเข้าใจ) รอบๆ จตุรัสก็จะมีร้านอาหารที่มีที่นั่งหน้าร้านไว้สำหรับชมความงามและความมีชีวิตชีวาของจตุรัส มีนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด ตามตรอกซอกซอยจะเป็นร้านขายของต่างๆ เราก็ได้แต่ถ่ายรูปเก็บมาฝากคนที่นี่ เพราะไม่มีปัญญาซื้อ อิอิ เราเดินผ่าน Astronomical Clock ซึ่งจะตีบอกเวลาเมื่อครบชั่วโมง นักท่องเที่ยวจะมายืนออกันที่นี่เพื่อดูการตีบอกเวลา เพราะจะมีตุ๊กตาหมุนๆ มาให้ดู วันนั้นเราไม่ได้สนใจ เลยเดินไปดูอย่างอื่นก่อน ไว้ค่อยมาวันหลังก็ได้ เพราะมันตีทุกชั่วโมง (แต่หารู้ไม่ว่าวันหลังของเราก็คือวันสุดท้ายในปราก อิอิ) แผงขายโปสการ์ด เราเดินเข้าซอยโน้นทะลุซอยนี้ไปเรื่อยๆ จนสาแก่ใจ และได้ยินเสียงท้องร้อง เลยหาร้านอาหารนั่งกินข้าวเย็นดีกว่า ไปเจอร้านอาหารกรีกเข้า ไปยืนดูเมนูหน้าร้านแล้ว เห็นราคาเหมาะสมกับงบในกระเป๋า เลยตัดสินใจนั่งแปะลงไป มื้อแรกวันนี้เรากินสปาเก็ตตี้กะอะไรสักอย่าง แบบว่าลืม มาจานใหญ่เบ้อเร่อ แต่ก็กินหมด อิอิ เรื่องกินขอให้บอก ร้านอาหารที่นี่ดีตรงที่ว่ามีราคาติดอยู่หน้าร้านเกือบทุกที่ เราสามารถเข้าไปยืนดูก่อนได้ ถ้าไม่ถูกใจก็หาร้านใหม่ มื้อนี้เราหมดค่าอาหารไป 250KC เพราะมีค่า service charge 15% แต่ส่วนใหญ่ร้านที่เรากินจะไม่คิด service charge นะ จากนั้นเราก็เดินไปขึ้นรถใต้ดินที่สถานี namesti republicky เพื่อไปลงที่สถานี florenc (สังเกตว่าขามาเดินมาได้ แต่ขากลับแบบว่าเมื่อย) แล้วเราก็ไปอาบน้ำและเข้านอน โปรดติดตามตอนต่อไป... มูมิน อ๊า ขาวอวบ
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 24 กันยายน 2549 เวลา:17:03:23 น.
ขาวอวบ นึกถึงเง็ก
โดย: Qingqing IP: 203.170.164.62 วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:11:52:37 น.
อ่าว จบซะแระ
พี่แชเก่งจัง เป็นเราคงเอาตัวไม่รอด เหอะๆๆๆ โดย: เจ IP: 58.8.158.17 วันที่: 26 กันยายน 2549 เวลา:23:57:16 น.
ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาอ่านตอนต่อไปนะ ง่วงแล้วอ่ะ
โดย: เจ IP: 58.8.158.17 วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:0:00:43 น.
|
บทความทั้งหมด
|