CHANTHABURI :: ภารกิจเที่ยวหัวใจใหม่ ตอนไหว้พระเจ้าตากแวะชมพิพิธภัณฑ์อู่ต่อเรือ
หลังจากที่เมื่อคืนกินกันอิ่มจนตัวจะแตก ณ ขาหย่างโฮมสเตย์ เช้าวันใหม่วันที่สองของการเดินทางภารกิจเที่ยวหัวใจใหม่กับนายร้อยแปดพันเก้า พวกเราก็ยังอยู่ ณ โฮมสเตย์เช่นเดิม เช้านี้ที่นี่เค้ามีพระมารับบิณฑบาตรด้วยล่ะ แต่เสียใจนะไม่มีรูปให้ดูคะ เพราะ จขบ. ตื่นสายง่ะตื่นมาก็จะแปดโมงแล้วมั้ง ทันอาหารเช้าพอดีเลยอ่ะ มาดูอาหารเช้าที่นี่กันค่ะว่าจะเริ่ดขนาดไหน ผัดหมี่เส้นจันทร์
ข้าวผัดกุ้ง
ข้าวต้มปลา
ขอบอกว่าเป็นมื้อเช้าที่อลังการมากสำหรับสมาชิก 5 ท่าน มีทั้งข้าวต้ม ข้าวผัด และผัดหมี่เส้นจันทร์ที่ทานที่ไหนก็ไม่ติดใจเท่าที่ขลุงนี่แหละ ที่สำคัญอร่อยทุกเมนูเลยเหอะ จานยักษ์ๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ ต้องบอกว่าที่นี่ชิวๆ ทั้งอาหารการกินและที่พัก ไม่ติดว่ามีโปรแกรมไปต่อนี่ไม่ตื่นนะเนี่ย จขบ.เลยพลาดไปเก็บบรรยากาศตอนเช้าในชุมชนด้านหลังโฮมสเตย์เลยอ่ะ เช้าๆ แบบนี้น้ำทะเลก็ลดลงแห้งเชียว กลายเป็นโคลนหมดเลยอ่ะ
หลังจากที่พวกเราทานมื้อเช้ากันเสร็จสรรพ (เริ่มง่วงแล้วเหอะ) ก็ต้องเก็บสัมภาระแล้วล่ะ ได้เวลาอำลาโฮมสเตย์เล็กๆ แห่งอำเภอขลุงกันแล้ว ป้าอ่อนกับพี่ไกด์มาส่งพวกเราที่ท่าลงเรือ สำหรับ จขบ. ชอบที่นี่นะผู้คนเค้าอัธยาศัยดี ดูหน้าดุๆ แบบนี้เหอะใจดีเชียวแหละ มาเที่ยวที่นี่ก็จะได้เรียนรู้วิถึชุมชนคนเมืองขลุง อิจฉาคนที่นี่จังเค้าใช้ชีวิตธรรมชาติ เรียนรู้และอยู่กับธรรมชาติอย่างเข้าใจและใช้ชีวิตอยู่กับมันได้ดี ไม่ต้องมีแสงสีมีแต่ทีวีและตู้คาราโอเกะ แค่นี้ก็เป็นความสุขของคนขลุงเค้าแล้วล่ะ ไว้โอกาสหน้าจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ จากนั้นพวกเราก็นั่งเรือแว๊นทะยานสู่ฝั่งเป็นวินาทีที่สนุกสนานมากเหอะ เพราะเรือที่นี่ขับช้าไม่ได้ต้องขับเร็วๆ น้องๆ สปีดโบ็ทกันเลยทีเดียว นั่งมาแป๊บเดียวก็ถึงฝั่งแล้ว ทำไมตอนกลับใกล้จังหว่าตอนไปล่ะไกลเชียว สำหรับโปรแกรมต่อไปพวกเราจะไปดูวีธีการทำเสื่อจันทรบูรกันค่ะ ซึ่งทางไปเราจะผ่านศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินกันค่ะ น้องไกด์บอกว่าไหนๆ มาแล้วลงไปไหว้กันเสียหน่อยเดี๋ยวมาไม่ถึงเมืองจันทบุรีค๊า
พอไหว้สมเด็จพระเจ้าตากสินเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้องไกด์ก็พาพวกเราไปแวะที่พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นอู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกันค่ะ ภายในเป็นที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อนที่ขุดพบในบริเวณนี้ รวมทั้งเรือในสมัยนั้นด้วย เนื่องจากแต่เดิมบริเวณนี้เป็นอู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสิน
การขุดค้นเรือสำเภาโบราณอู่ที่ 1 ครั้งที่ 1 อู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 - 2525 บริเวณแหล่งโบราณคดี ดังกล่าวชาวบ้านเรียกว่า "อู่ต่อเรือพระเจ้าตาก" เนื่องจากมีแอ่งน้ำรูปสีเหลี่ยมผืนผ้าอยู่ตามริมฝั่งอ่าวขุนชัน (แม่น้ำจันทบุรี) ลักษณะคล้ายอู่ต่อเรือชาวบ้านเกาะเสม็ดงามมเล่าสืบกันมาว่าบริเวณนี้เคยเป็นที่ต่อเรือรบของกองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งเตรียมยกทัพไปตีพม่ากู้เอกราชของชาติไทย พ.ศ 2310
การขุดค้นใช้วิธีการขุดโดยวิธีกั้นเขื่อนสูบน้ำออก แล้วขุดดินออกโดยเริ่มการกั้นเขื่อนแกนดินแล้วสูบน้ำออกจากเขื่อนจนแห้ง จากนั้นใช้พลั่วหรือเสียมขุดดินโคลนบริเวณที่โคลนลึกแข็งและไม่มีโบราณวัตถุ ส่วนบริเวณที่โคลนเหลวปนน้ำใช้น้ำฉีดให้โคลนละลาย แล้วจึงใช้เครื่องดูดโคลนระบบแรงดันน้ำดูดออกทิ้งนอกเขื่อน เมื่อพบไม้โครงสร้างเรือก็ใช้น้ำฉีดล้างทำความสะอาด ขั้นตอนสุดท้ายใช้แปรงขัดคราบดินโคลนออก
ผลการขุดค้นพบซากเรือสำเภาท้ายตัดความกว้าง 7-8 เมตร ยาว ประมาณ 24 เมตร
พอเดินมายังด้านหลังของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ก็จะพบกับซากเรือโบราณ ตอนแรก จขบ. ก็สงสัยบ่อน้ำอะไรอยู่ด้านหลัง น้องไกด์บอกว่าเป็นโครงเรือเรียงวางเป็นรูปเรืออยู่ในน้ำ ไม่สังเกตุไม่เห็นเลยนะนั่นว่าเป็นเรือ เพราะหากมองจากข้างบนจะเห็นเป็นแสงสะท้อน ต้องเดินลงมาดูด้านล่างจึงจะเห็นชัดว่าเป็นโคลงไม้นอนนิ่งอยู่ใต้น้ำ เอาล่ะเราเดินชมกันพอสมควรแล้วก็ได้เวลาไปต่อยังจุดหมายต่อไปแล้วล่ะคะ ไปดูเค้าทำเสื่อกันไว้มาต่อตอนหน้านะคะ Photo and Story By
Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com
Facebook : Patthanid FC