"อัสนี-วสันต์ : ร่ำไร คอนเสิร์ต" ... ร่ำไร ไม่ลืม ร้องเพลงอย่างแช่มชื่น


ถ้าให้ผมนึกถึงคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นของสองพี่น้องโชติกุล หรือที่เราเรียกขานกันในนาม "อัสนี-วสันต์" แล้ว ...ก็จะมี อยู่ 2-3 สิ่งที่สะดุดใจให้ผมนึกได้เสมอ

1. เพลงของพวกเขา มักจะมีเอกลักษณ์ทางภาษาในเนื้อร้อง ที่เอาคำแปลกๆ ดูผิดแผกจากที่จะเอามาแต่งเป็นเพลงในความคิดใครๆ แต่เมื่อเป็นพี่น้องโชติกุล มันกลับกลายเป็นคำที่ลื่นปาก และฟังสะดุดหูขึ้นมาโดยฉับพลัน

2. เพลงของพวกเขา แทบทุกเพลง ...ล้วนแต่ต้องมีจุดร่วมอยู่หนึ่งอย่าง ที่หากใครลองได้ฟังแค่ ท่อน Chorus สาวประสาน ก็จะรู้ว่าเป็นเพลงของพี่น้องโชติกุลในทันที

3. แม้สองพี่น้องจะถือกำเนิดมาจากแผ่นดินอีสานขนานแท้ ...แต่กระนั้นแล้ว พวกเขาก็คือ บุคคลเกียรติยศแห่ง กรุงเทพมหานคร ตัวจริง ..ก็จะไม่ให้สำคัญได้อย่างไรในเมื่อเขาคือผู้ที่ทำให้ลูกเด็กเล็กแดง ยันไปถึงคนเฒ่าคนแก่ สามารถท่องชื่อเต็มอันยาวเหลือของเมืองหลวงบ้านเรา เป็นบทเพลงที่สละสลวยได้จนแม่นยำ

แต่ไม่ว่า ความทรงจำ 2-3 ข้อนั้น จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้นึกถึงสองพี่น้องคู่นี้ หรือจะเป็นเอกลักษณ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นหรืออย่างไร ...ความเป็น Thailand Rock Star ที่ยังต้องเติมคำว่า Super ลงไปข้างหน้า ก็คือ นิยามสรุปเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลของพี่น้องคู่นี้ได้เป็นอย่างดี



และนั่นจึงไม่ต้องมีข้อสงสัยแต่อย่างใดๆเลย ...ที่เราจะได้พบเห็นหน้าประวัติศาสตร์อีกบทหนึ่งแห่งวงการเพลง และคอนเสิร์ตไทย ที่มีน้อยผู้นักจะแสดงความอลังยิ่งใหญ่ ถึงขั้นต้องปิดสนามกีฬาแห่งชาติ(เห็นเขาพูดกันอย่างงั้นน่ะ) อย่าง "ราชมังคลากีฬาสถาน" เพื่อเปิดแสดงคอนเสิร์ตที่มีคนนับหมื่นๆ มานั่งห้อมล้อมแล้วร่วมร้องเพลงไปกับเจ้าของเวที ...เอาแค่บรรยากาศที่ได้ยินได้ฟังมาอย่างนี้ ก็คงน่าขนแขนลุกมิใช่น้อยเลยล่ะ ยิ่งหากได้ไปดูของจริง ก็คงจะเป็นอะไรที่ขนหัวอาจตั้งเลยละมั้ง

แม้จะพูดว่าเสียดาย ก็พอได้อยู่หรอก.. แต่กระนั้นก็ไม่อาจต้องไปกังวลอะไรให้มากนัก เพราะสุดท้าย ดีวีดีก็ยังจะมีตามออกมาอยู่ดี... และก็เป็นการตัดสินใจที่(เหมือนจะ)ถูก สำหรับการลงทุนที่เล็กน้อยกว่า แต่ได้รับอรรถรสที่(ค่อนข้าง)เต็มที่ จากสองพี่น้องที่ดูคอนฯพวกเขากี่ครั้ง ก็ประทับใจได้เสมอ

เห็นพูดอย่างนี้ ก็ใช่ว่าผมจะอายุหลักสาม หลักสี่ อะไรหรอกนะ ...ที่แท้ๆ และเป็นเรื่องจริง ก็คือ ผมใกล้ๆจะแตะหลักสอง เท่านั้นเองคร้าบผม 555+

แล้วผมไปเอาเวลาไหนมาประทับใจกับคุณลุง(น่าจะใช้สรรพนามนี้ได้อยู่)สองพี่น้องคู่นี้ได้ล่ะ ..ในเมื่อสังคมที่ล้อมรอบกายผมอยู่ ล้วนแต่เป็น สโมสรป๊อบ ชมรมอีโม ฮิปฮอปคลับ เทือกๆนี้แทบทั้งนั้นเลย ...เรื่องของเรื่องในจุดเริ่มต้น ก็คือ ม่ายรู้อะสิ ..อิอิ



แต่ที่ผมต้องรู้อย่างแน่นอนว่า นั่นคือจุดๆหนึ่งที่ทำให้ผมชอบพวกเขา ก็คือ เรื่องของเสน่ห์ ...จากแรกๆ ที่มักจะได้ยินเพลงฮิตๆ โดนๆ อย่าง "รักเธอเสมอ" , "ร่ำไร" , "ลาก่อน" ดังออกมาจากสื่อตามสาย จนบ่อยๆก็ติดหู ..ต่อๆมา ก็ได้เปิดโลกทัศน์ของตัวเองมากขึ้น (ที่เคยคับแคบ..ชอบฟังแต่ป๊อบจ๋า รักแต่ป๋าเบิร์ดเป็นที่สุด) แล้วได้พบกับเพลงเก่าๆอีกมากมาย ที่ได้ชื่อว่า คลาสสิค ในวันเวลาปัจจุบัน และนั่นจึงทำให้ผมรู้จัก คุณลุงสองพี่น้อง คู่นี้ มากขึ้นเรื่อยๆ จากการได้ตกหลุมรักในมนต์เสน่ห์แห่งเสียงกีต้าร์อันแจ๊ดแจแด๊ดบาดหู ด้วยเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ไปจนกระทั่งเนื้อเพลงที่มีลายเซ็นบ่งบอกไว้ว่า นี่คือ เพลงของ อัสนี-วสันต์ ตัวจริงเสียงจริง

ถ้าถามหาถึงเหตุผลที่ผมชอบและรักคุณลุงสองพี่น้องคู่นี้แล้ว ..คำตอบที่จะพูดออกมาก็คงจะไม่แตกต่างกับคนอื่นนักหรอก (หรือพูดให้ง่ายกว่านั้น..คือ ใครพูดอย่างไง ตอนเราพูดก็ต้องลอกเขามาอีกทีนั่นเอง 555+) ...มันเกี่ยวโยงทั้งเรื่องของความสามารถที่จัดจ้าน รวมไปถึงการยืนหยัดซึ่งความเป็นตัวเอง ชนิดที่จะมีน้อยคน ในบรรดาร็อกเกอร์ผู้ไหนที่จะทำได้แบบพวกเขาทุกกระเบียดนิ้ว

ฉะนั้นแล้ว เราจึงไม่อาจสงสัยในเหตุกับผลอะไรแทบทั้งนั้น ...ที่มันนำพาให้เกิดขึ้นซึ่งความประทับใจในช่วงเวลา สามชั่วโมงนิดๆ จากการแสดงดนตรีอีกหนึ่งครั้งของ สองพี่น้องเจ้าของนิยาม Super Thailand Rock Star ...ผู้เป็นเจ้าของคอนฯที่ต้องนับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของพวกเขากว่าครั้งไหนๆ



"ร่ำไร คอนเสิร์ต" ...เป็นเสมือนแหล่งชุมนุมชนชาวร็อกเกอร์ขนาดยักษ์ ที่ถูกทำให้เล็กลงไปถนัดตา เมื่อพบเห็นซึ่งฝูงคนที่หลั่งไหลกันมาร่วมขบวนความสนุกนับหมื่นๆชีวิต ...ถึงอัฒจันทร์ของ ราชมังคลาฯ จะบรรจุคนได้เป็นเรือนแสนหรืออย่างไร อีกต่อให้จะจัดคอนฯครั้งนี้อีกสักรอบ สองรอบ ก็ตาม ผมก็แอบเชื่อว่า มิอาจจะหยุดยั้งให้มีรอบไหนที่นั่งไม่เต็มได้อยู่ดี

ความประทับใจแรกของ คอนฯครั้งนี้ สำหรับผม ...ย่อมแน่นอน ที่ต้องยกความดีความชอบให้กับ คุณลุงสองพี่น้อง ป้อม-โต๊ะ เป็นสำคัญ ...ในฐานะการเป็นเจ้าของคอนฯของพวกเขา ความเต็มที่ทุกเม็ดและทุกหน่วยของงาน ทั้งจากมันสมอง และกำลังกายที่หมดไป ก็คือ ผลลัพธ์ของความสนุกที่เต็มอิ่ม ..แม้จะไม่ได้ไปนั่งอยู่ในสถานที่จริง เหตุการณ์จริง แต่เทปบันทึกภาพ ก็ยังให้อารมณ์ร่วมได้ดี เหมือนว่าเราเป็น V.I.P. ที่ได้ดูการแสดงของพวกเขาสดๆ หากแต่มีกระจกมาบังตาอีกชั้นหนึ่ง



ยิ่งพอได้ชมเบื้องลึกเบื้องหลัง(ที่พ่วงเป็น Special Features) เป็นการเก็บรายละเอียดอีกต่อหนึ่ง ...ก็ต้องให้ความยอมรับถึงใจที่สุดยอดเช่นกัน สำหรับทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านคุณลุงสองพี่น้อง กับผู้ร่วมจัดคอนฯ ไปถึงยังทีมงานใหญ่ ไล่ไปหาเล็ก ทุกๆคน ที่ยอมเหนื่อยยากเย็น เพื่อให้แลกกับผลลัพธ์ที่คุ้มค่า น่าจดจำอีกครั้งหนี่งในประวัติศาสตร์คอนเสิร์ตไทย

ส่วนอีกหนึ่งความประทับใจ ที่จะขาดไปไม่ได้เลย สำหรับ ร่ำไร คอนเสิร์ต ...ก็ต้องยกย่องให้ความเต็มที่ทั้งกำลังทรัพย์ และกำลังใจ ของเหล่าคนดูผู้ร่วมซื้อที่นั่ง เข้ามาเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์แต่หนนี้ ..ศิลปินว่าสุดยอดแห่งความเต็มที่แค่ไหน ส่วนหนึ่งในนั้นก็ต้องมีกำลังส่งจากคนดูที่สนุกสนาน อีกหนึ่งต่อมาเป็นพลังช่วยหนุนทุกครั้งร่ำไป ...ยิ่งอยู่ในบรรยากาศของสนามกีฬาอย่างนี้ด้วยอีก ก็จึงได้เห็นสองลุงวัยดึกคึกคักเหมือนจะเป็นนักบอลหนุ่มแน่นเลยกระมั้ง อิอิ



ถ้าใครที่ถือว่าตัวเองเป็นหนึ่งในสาวกของพี่น้องร็อคสตาร์คู่นี้ แล้วยังไม่ได้ดูคอนฯในครั้งนี้ ก็ต้องขอบอกได้เลยว่า เชยสุดๆ เชียวล่ะ ...แม้บรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมของบ้านคุณจะไม่ช่วยคลายความอัดอั้นได้เต็มที่เท่าอยู่บนอัฒจันทร์กับอีกผู้คนนับหมื่น แต่การนั่งดูคอนฯในบ้าน ก็ให้บรรยากาศที่สุขใจ ในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งล้อมหน้าล้อมหลังด้วยทุกคนในครอบครัว ...ดีไม่ดี ลูกเด็กเล็กแดงของคุณ ก็อาจติดหูติดใจ และช่วยสานต่อความเป็นตำนานของชื่อ "อัสนี-วสันต์" ให้ยังดังกระฉ่อนอยู่ แม้อนาคตข้างหน้า เพลงร็อค จะกลายพันธุ์ไปมากกว่านี้ได้อีกก็ตามที

ส่วนใครที่ไม่ใช่สาวก ...ก็ขอเชื้อเชิญให้ได้ลองดู แล้วคุณจะได้รู้จักกับอีกหนึ่งร็อกสตาร์ตัวจริงเสียงจริงในวันนี้ ที่ถือเป็นได้ทั้งไอดอล และต้นแบบของอีกหลายร็อกเกอร์ไทยเวลาปัจจุบัน ...ถ้าคุณรัก Bodyslam ติดใจ Potato ปลาบปลื้ม Retrospect (ฯลฯ) แล้วละก็ พวกเขาเหล่านี้ ล้วนแต่มีพี่ป้อม พี่โต๊ะ เป็นครูแทบทุกวงเลยล่ะ

ผมขอให้ความรับรองว่า เงิน 300 บาท (ไม่น่าเกินกว่านั้น) จะแลกกับดีวีดี "ร่ำไร คอนเสิร์ต" สองแผ่น ได้อย่างคุ้มค่า แน่นอนครับผม







Create Date : 05 มิถุนายน 2551
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 0:02:40 น.
Counter : 3885 Pageviews.

2 comments
I Don't Want To Talk About It - Marit Larsen ... หลักกิโลเมตรที่ 361บล็อกแรกที่เขียน tuk-tuk@korat
(2 ต.ค. 2567 12:33:45 น.)
Hi ! October nooaoh
(1 ต.ค. 2567 09:02:25 น.)
แปลเพลง Feelinglikei'mfallinginlove- Coldplay First Step
(29 ก.ย. 2567 22:42:53 น.)
ตะวันลาที่แหลมพรหมเทพ สายหมอกและก้อนเมฆ
(27 ก.ย. 2567 17:58:34 น.)
  
ยังไม่ได้ดูเลย ว่างๆจะหามาดูบ้าง
โดย: VET53 วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:13:43:11 น.
  
แทนคำนั้น

ชอบเพลงนี้มาก แอบเห็นสาวคนนึงปาดน้ำตาให้เพลงนี้ใน DVD ด้วย
โดย: www IP: 58.9.240.109 วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:15:31:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Onceupon.BlogGang.com

OncE UPoN'-'a MaN
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]

บทความทั้งหมด