[Life&Travel #25] . . . สิงคโปร์ โชว์เต็ม . . . (Singapore, as you've never seen before)
นิตยสาร Life & Travel ผมตั้งใจเป็นแม็กกาซีนออนไลน์
สำหรับคนรักการท่องเที่ยว อยากให้เป็นทั้งคู่มือการเที่ยวแบบง่ายๆ
ตรงไปตรงมา ดีไม่ดีก็ว่ากันไปตามที่เห็น

และเป็นทั้งแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้ออกเดินทาง

ถ้าชอบ Life &Travel แวะไปกด Like ให้กำลังใจกันได้ครับที่





ในหลายนครของโลก มีชื่อเรียกขานเมืองนั้นๆ ด้วยภาพที่เราคุ้นหูคุ้นตา และคุ้นความรู้สึก
อย่างเช่น ลาสเวกัส คือ มหานครที่ไม่เคยหลับใหล หรือ รัฐราชสถานของอินเดีย
ที่นักท่องเที่ยวต่างเรียกขานว่าเป็น นครแห่งสีสัน

นามขานเหล่านี้เป็นจุดเด่นของเมืองที่นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและให้คำนิยามเอาไว้
ซึ่งในเมืองเดียวกันนักท่องเที่ยวต่างคนก็อาจจะให้คำจำกัดความต่างกันไปตามความรู้สึก

สำหรับสิงคโปร์แล้ว ผมขอนิยามเบาๆ เอาแต่ใจตัวเองว่า เป็น "นครที่ไม่เคยหยุดคิด"

เพราะว่ากันตามตรงแล้ว แรกเริ่มเดิมทีทรัพยากรต่างๆที่สิงคโปร์มีอยู่ในมือนั้นน้อยมาก
แทบจะเรียกว่าน้อยเหลือเกินด้วยซ้ำ หากแต่คนสิงคโปร์พัฒนาทรัพยากรด้านมนุษย์เข้ามาทดแทน
ทดแทนอย่างมืออาชีพ ทำให้คิดอย่างเป็นระบบ คิดมากขึ้น และคิดเยอะขึ้น จนเกิดการพัฒนาในทุกๆด้าน

และแน่นอนว่าด้านการท่องเที่ยวก็มีการระดมสมองคิดอะไรหลายอย่างเสมอ จนเรียกว่า
ถ้าคุณมาเที่ยวสิงคโปร์ทุกปี ก็จะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ

ดังนั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวครั้งแรก ครั้งที่สอง หรือครั้งที่สาม ....
ก็จะมีมุมที่คุณยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน หรือต้องตื่นตาตื่นใจและสนุกกับสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นในดินแดนเล็กๆนี้


Life & Travel ฉบับนี้ จึงขอพาทุกท่านไปสัมผัสกับทริปรีวิว 3 วัน 2 คืน
ใน "สิงคโปร์มุมมองใหม่ๆ กับ Singapore, As you’ve never seen" before.

ตามมากันเลยครับ





01 .. Take Off !! 09.45 AM

เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยสายการบิน Singapore Airlines ไฟล์ทเช้าๆแบบนี้ทำให้เรามีเวลาท่องเที่ยวได้เยอะ และคุ้มค่าที่สุด

เป็นครั้งแรกกับการใช้บริการสายการบินอันดับต้นๆ ของโลกด้วยครับ โดยรวมประทับใจดี ทั้งตัวเครื่อง ระบบความบันเทิงส่วนตัว (Krisworld อันเลื่องชื่อ) ที่มีให้ทุกที่นั่งในทุกชั้นโดยสาร จะเลือกดูหนัง หรือเล่นเกมผ่อนคลายบนเครื่องก็ตามแต่ใจชอบรวมถึงการบริการก็ได้มาตรฐานดี

ส่วนอาหารบนเครื่องนั้นรสชาติกลางๆ ครับ แต่ของหวานที่เสิร์ฟบนเครื่องทั้งไฟล์ททั้งขาไปและขากลับนั้น เป็นเค้กช็อคโกแลทอร่อยถูกปากเลย



02 ...

ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้นร่วมสองชั่วโมง เวลาของสิงคโปร์เร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง
อย่าลืมนาฬิกาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่น ในทันทีที่เราเถึงสนามบิน Changi ของสิงคโปร์

กระซิบว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของผมกับการมาเที่ยวสิงคโปร์
กว่า 5 ปีที่ห่างกันไปนาน มีหลายอย่างเปลี่ยนไป
ทำให้ทริปนี้ยิ่งตอกย้ำว่าสิงคโปร์ไม่เคยหยุดคิด และก็สามารถทำออกมาได้อย่างที่คิดไว้จริงๆ



03 ... Klapsons Hotel

Klapsons Hotel คือที่พักสำหรับทริปนี้ของเรา หลายคนอาจจะคุ้นชื่อ หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเท่าไหร่

Klapsons วางตัวเองเป็น บูติกโฮเทลครับ เป็นหนึ่งในบูติกเพียงไม่กี่แห่งของสิงคโปร์
เนื่องจากพื้นที่ของสิงคโปร์มีน้อย โรงแรมส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบรนด์ใหญ่ที่ค่อนไปทางเป็น Business Hotel มากกว่า

Klapsons จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีมากๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบโรงแรมขนาดเล็กที่มีสไตล์โดดเด่นเป็นของตัวเอง
และต้องการบรรยากาศในโรงแรมแบบสบายๆ เป็นกันเอง โดยก็ไม่ขาดตกบกพร่องในเรื่องการบริการต่างๆ



04 ...

Klapsons Hotel พึ่งเปิดบริการไปเมื่อปลายปี 2009 ที่ผ่านมา มีห้องพักเพียง 17 ห้องเท่านั้น
โรงแรมใช้พื้นที่จำนวนสามชั้นจากตึกใหญ่ ทำให้โรงแรมอาจจะไม่ได้วิวมุมสูงชมเมือง

ทันทีที่เดินเข้ามาในโรงแรมเราก็จะต้องสะดุดตากับล็อบบี้ที่มีลักษณะเป็นแคบซูลทรงกลมครับ
เป็นงานออกแบบที่เท่ มีสไตล์ และโดดเด่นมากจริงๆครับ นอกจากนี้ด้านบนเพดานที่สูงช่วยทำให้รู้ึสึกโปล่งโล่ง
โดยตรงเพดานก็จะมีหลอดไฟที่เปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ไม่ซ้ำกันด้วย




05 ...

จุดเด่นอีกอย่างของ Klapsons Boutique Hotel คือการออกแบบและเลย์เอ้าท์ของแต่ละห้องจะไม่เหมือนกันเลยครับ
โดยเฉพาะไฮไลท์ของที่นี่คือการมีส่วนของห้องอาบน้ำแบบซีทรูตรงกลางห้อง ที่แต่ละห้องก็ไม่เหมือนกันด้วย

ผมไปพักบูติกรีสอร์ทมาเยอะพอควร หลายที่ห้องน้ำแบบซีทรูแต่ก็จะมีม่านหรือบานเลื่อนให้ปิดได้
แต่ที่ Klapsons ไม่มีเลยครับ เซ็กซี่มากจริงๆ เพื่อเห็นภาพว่าหวาบหวิวแค่ไหนลองดูภาพประกอบกันเลย



06 ...

อย่างที่บอกไปว่า พื้นที่ทุกตารางนิ้วบนสิงคโปร์มีค่ามากๆ
ดังนั้นห้องพักของโรงแรมเลยไม่ได้กว้างขวางนักอาจจะค่อนไปทางเล็กนิดนึงด้วยซ้ำครับ

แต่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโรงแรมก็มีครบในระดับโรงแรม 5 ดาว เลย
ห้องที่ผมพักคือ The Oasis Suite นี้มีจุดเด่นอยู่ที่มีระเบียงด้านนอก ซึ่งจะมีโซฟานั่งเล่นรวมทั้ง Outdoor Rain Shower ด้วย



07 ...

ด้วยรายละเอียดเล็กน้อยต่างๆ ที่ Klapsons ได้มอบให้กับแขกที่มาพักต้องถือว่า
มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนที่ไหนในสิงคโปร์
โรงแรมยังเป็นสมาชิกของกลุ่ม Design Hotel of the World ด้วยครับ
ก็เป็นกลุ่มโรงแรม รีสอร์ทขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีจุดขายที่งานออกแบบ
ในไทยก็มีหลายแห่งครับ เช่น Casa de La Flora Resort ที่เขาหลัก จ.พังงา หรือ the Library Resort ที่เกาะสมุย




08 ... Let’s go

ในช่วงบ่ายวันแรกของทริปเราออกเดินทางไปยัง Resorts World Sentosa Singapore ครับ
เป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ที่สำคัญของสิงคโปร์ในปี 2011 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
ถ้าได้ลองสังเกตดูจะเห็นว่าพื้นที่รอบๆ ของ Resorts World นั้นก็ยังมีสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในแผนการณ์อีกหลายส่วน
ผมมองแล้ว ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นสวนน้ำขนาดยักษ์ครับ อีกไม่นานเกินรอน่าจะได้ยลโฉมกัน

คนที่มาเที่ยว Resorts World หลักๆ ก็จะมีทั้งนักเที่ยวสวนสนุก Universal Studios Singapore ทั้งนักช็อบปิ้งที่มีร้านรวงนับร้อยอยู่ด้านใน
รวมทั้งผู้ที่หลงใหลในการเสี่ยงโชคในคาสิโน ถือเป็น Integrated Resorts ที่ครบเครื่องบนพื้นที่ขนาดที่กำลังดีครับ
ถ้าเป็นในประเทศอื่นอาจจะกว้างมากๆ ใช้เวลามากกว่าหนึ่งวัน ในขณะที่ Resorts World มีพื้นที่ขนาดกำลังสบายๆ เดินแล้วไม่เหนื่อยมาก สิ่งปลูกสร้างอยู่ใกล้ๆ กันหมด




09 ... New Experience, Maritime Experiential Museum and Aquarium

เราเริ่มต้นกันด้วยการเดินชมบรรยากาศในมิวเซียมแห่งใหม่แห่งหนึ่งใน Resorts World ครับ
ผมชื่นชมมิวเซียมของสิงคโปร์ในทุกๆ ที่ได้ไปเสมอ
เป็นสิ่งที่สะท้อนการใช้ความคิดที่บูรณาการและใช้เทคโนโลยีมาเป็นส่วนช่วยให้การเข้าชมพิพิธภัณฑ์สนุกและน่าสนใจ

Maritime Experiential Museum & Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าถึงประวัติการเดินเรือของจีนในสมัยโบราณไปตามเส้นทางสายไหม ผ่านท่าเรือต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงเคนย่า

โดยมีการแลกเปลี่ยนสินค้าที่เป็นสินค้าหลักของประเทศต่างๆ
ไปตลอดเส้นทางเดินเรือ มีการจำลองเรือสำเภา
รวมทั้งมีการจัดแสดงสินค้าที่มากับเรือของแต่ละชนชาติที่ต่างล่องเรือข้ามาทำการค้าด้วยครับ



10 ...

หลังจากซื้อตั๋วเข้ามา ก็จะเริ่มต้นด้วยการนั่งชมวิดิโอเปิดตัว และบอกเล่าการค้าขายทางทะเลเป็นเบื้องต้น
หัวสิงโตตรงหัวเรือนั่นมีกลไกที่สามารถขยับไปมาพร้อมมีเอฟเฟคเสียงด้วย

ตรงนี้เรียกเสียงตกใจจากหนูน้อยข้างๆผมได้หลายครั้งเลย
จริงๆผมก็เริ่มรู้สึกสนุกไปด้วยนั่นแหละครับ

ผมว่าการเข้าชมมิวเซียมให้ดี ให้ได้ประโยชน์ที่สุด
เราต้องทำตัวเหมือนย้อนกลับไปเป็นสมัยเด็กๆ ที่เห็นอะไรก็เป็นเรื่องใหม่ ตื่นตาตื่นใจไปซะหมด

มันจะทำให้เรารู้สึกสนุกและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้



11 ...
หลังจากนั้นเราจะเดินชมพิพิธภัณฑ์รอบๆกันครับ

เค้าจะมีสมุดเล่มเล็กๆ คล้ายๆพาสปอร์ตการเดินทางให้เราด้วย
ซึ่งเวลาผ่านแต่ละมุม แต่ละประเทศ ก็จะมีเครื่องปั๊มนูนตราประทับด้วย เป็นกิมมิกเล็กๆ ให้เราได้เล่นครับ




12 ..
ตลอดสองข้างทางก็จะมีการจำลองลักษณะเด่นของชนชาตินั้นๆ
รวมทั้งสินค้าที่เป็นสินค้าหลักในการซื้อขาย เช่นของอินเดีย หรือศรีลังกาก็จะเป็นพวกเครื่องเทศ เครื่องนุ่งห่มจากขนสัตว์ เป็นต้น



13 ...

ขนาดของพื้นที่ในโซนี้ไม่กว้างมากครับ
ใช้เวลาเดินไม่นานนัก



14 ...

แบบจำลองเรือในแนวตัดขวางจะทำให้เราได้เห็นถึงภายในท้องเรือสินค้าสมัยก่อนครับ
น่ารักดีตรงช่องในยีราฟได้ยืนอยู่นี่แหละ




15 ...

ที่เห็นก็มีทั้งเด็กและมีทั้งผู้ใหญ่ที่เข้าชมในมิวเซียมแห่งนี้ครับ
มีทั้งมุมให้ได้ถ่ายรูป ทั้งมุมของเล่นให้ได้เล่น สนุกทั้งเล่นและได้ความรู้ไปในตัว
ก็เป็น Edutainment Concept ที่สิงคโปร์ยึดถือใช้กับมิวเซียมทุกๆที่อยู่แล้ว



16 ...
พอเดินมาเรื่อยๆ เราก็จะมาถึงไฮไลท์หลักของมิวเซียมนี้เลยครับ

เป็นการจำลองการล่องเรือผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคของพลเรือเอก Zheng He
ซึ่งจะเป็นการจำลองด้วยเทคโนโลยีภาพยนตร์ 4 มิติ เหมือนเราได้ลองเรือผ่านคลื่นยักษ์ไปด้วยกัน

ตรงนี้มีเปียกนิดหน่อยน่ะครับ ใครจะเข้าไปชมก็หาผ้าคลุมหัวไว้หน่อย
ตัวหนังราวๆ 5 นาที ทำได้สนุกและตื่นเต้นดีครับ ที่สำคัญภาพสวยมากๆ
ดูแล้วก็อิจฉาเล็กๆ อยากให้เมืองไทยมีมิวเซียมดีๆ แบบนี้เยอะๆ



17 ...

หลังจากนั้นก็เดินมาด้านล่างเป็นมุมขายของที่ระลึกต่างๆครับ
โดยรวมเป็นมิวเซียมที่น่าสนใจดีครับ

ใช้เวลาเดินและชมไม่นานคิดว่าไม่เกินชั่วโมงครับ มีอะไรให้ดูพอควร
ท่านที่ชอบเรื่องการเดินเรือน่าจะสนุกไปกับมิวเซียมนี้ได้ ไม่ยาก





18 ...

หลังจากชม Maritime Museum แล้วเราก็เดินเล่นต่อมาเรื่อยๆครับ
ไฮไลท์ของบ่ายนี้คือการเข้ามาเล่นเครื่องเล่นและชมบรรยากาศสนุกๆใน Universal Studios Singapore ครับ

สภาพอากาศในวันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีฝนตกปรอยๆมาเป็นระยะ
คนท้องถิ่นบอกผมว่าฝนตกแบบนี้มาได้อาทิตย์นึงแล้ว ....

ผมแหงนหน้ามองฟ้าขาวๆ แบบนี้หลายรอบแล้วตั้งแต่มาถึงสิงคโปร์ ...
ก็บอกกับตัวเองว่า ไม่เป็นไร รูปอาจจะไม่สวย

แต่ความสนุกก็ยังเท่าเดิม .... ว่าแล้วก็รีบตีตั๋วเข้า USS ดีกว่า




19 ...

เป้าหมายหลักของการมา USS ในครั้งนี้คือเครื่องเล่นใหม่ล่าสุดของ ที่นี่ครับ
จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก "Transformers the Ride" แค่เห็นโปสเตอร์โฆษณารอบๆด้านนอก ก็รู้สึกมันมากกกกกก ตั้งแต่ยังไม่ได้เล่นแล้วครับ



20 ...

วันนี้เป็นวันเสาร์บ่ายๆ นักท่องเที่ยวก็ค่อนข้างหนาตาครับ แม้จะจำกัดจำนวนบัตรเข้าเที่ยว USS เอาไว้แล้ว
แต่การต่อแถวเข้าเล่นเครื่องเล่นต่างๆ ที่ดังๆ อย่างพวกรถไฟเหาะ มัมมี่ หรืออย่างทรานฟอร์เมอส์ก็ยาวมากๆ ครับ

แนะนำว่าใครชอบเล่นเครื่องเล่นจริงๆ แล้วมาเที่ยววันเสาร์อาทิตย์ที่คนเยอะๆ ให้ซื้อตั๋วแบบ Express Pass จะดีครับ
จ่ายเพิ่มอีกหน่อย อย่างน้อยจะได้ทุ่นเวลาในการรอเล่นในรอบแรกไปได้มาก พอเล่นรอบแรกแล้วชอบอันไหนค่อยหาเวลามาเล่นซ้ำอีกรอบ
ยิ่งโดยเฉพาะ transformers the ride ผมคอนเฟิร์มให้เลยว่าต้องอย่างน้อยสองรอบครับ เพราะสนุก สนุกมาก สนุกที่สุด (จัดให้ครบ 3 ขั้นเลย)

แต่คิดว่าถ้าท้องไส้ไม่ค่อยดี จะซ้ำรอบที่สามก็ระวังอาจจะมีลมปราณภายในทะลักเอาของที่กินไปออกมาได้




21 ...

ในรอบแรกของการเล่นเราใช้ Express Pass ซึ่งเร็วกว่าเยอะมากจริงๆ ครับ
คิวแถวปกตินั้นยาวออกมาจนถึงทางเข้า ในขณะที่ Express Pass นั้น สั้นมากๆ

สั้นในระดับที่ว่าผมไปยืนรอเป็นคิวที่ 3-4 คิวเท่านั้น
รอเพียง 5- 10 นาทีก็ได้เล่นแล้วครับ ....




22 ...

Transformers the Ride เป็นเครื่องเล่นที่จะพาคุณไปสัมผัสดับการต่อสู้ของ Decepticons และเหล่า Autobots
โดยจะเลือกเอาฉากเด่นๆจากภาพยนตร์ทั้งสามภาคมารวมเป็นไฮไลท์สั้นๆ ราว 5 นาที ให้คุณได้นั่งชมแบบไม่ได้พักหายใจกันแบบใกล้ชิดติดขอบสนามรบ ...


ผมไม่อยากจะสปอยด์บรรยากาศข้างในมาก
แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะไม่ผิดหวังกับ the Ride แน่ๆ

The Ride เป็นเทคโนโลยีเครื่องเล่นที่ไฮเทคและสนุกมากกกกกกกกกกจริงๆ ครับ
บอกได้คำเดียวว่า คุณต้องเล่น Transformers the Ride เป็นเครื่องเล่นแรกที่คุณเข้ามาใน USS ครับ

Highly Recommended !!!





23 ...

ด้านนอกก็จะมีหุ่นจำลองของ EVAC ไว้ให้ได้ถ่ายรูปกันด้วยครับ

EVAC เป็นตัวละครใหม่ที่จะไม่มีในหนังครับ ออกแบบมาเพื่อประจำการที่ Universal Studios เพื่อการถ่ายรูปโดยเฉพาะ
ตอนแรกเราก็งงๆ ว่าหน้าตาไม่ค่อยคุ้นๆ ก็ได้คอนเฟิร์มมาจากแฟนพันธุ์ทรานฟอเมอร์สท่านหนึ่งครับ

มุมนี้คิวต่อยาวเหยียดเช่นเคย เราก็อาศัยมาแอบๆ ยืนถ่ายอีกมุมแบบนี้ละกันครับ



24 ...

ในส่วนของเครื่องเล่นอื่นๆรวมถึงบรรยากาศภายในของ Universal Studios Singapore
นั้นก็คงไม่ต้องบรรยายกันมาก เพราะคิดว่าหลายท่านน่าจะเห็นภาพความสนุกกันดีอยู่แล้วครับ

พื้นที่ตรงนี้ทำให้ความสนุกและรอยยิ้มของครอบครัวกลับมาอีกครั้ง
ผมมองไปทางไหนก็มีแต่รอยยิ้มครับ เพราะทุกคนคงมีความสุขกับการได้เดินเล่น ได้ถ่ายรูปกับมุมน่ารักๆ
ได้เพลิดเพลินไปกับเครื่องเล่นต่างๆภายใน USS แห่งนี้ เวลาหนึ่งวันอาจจะไม่พอกับความเพลิดเพลินใน USS จริงๆ



25 ...

หลังจากสนุกสนานกับ USS ไปแล้ว ...
มื้อเย็นวันนี้เราฝากท้องไว้ที่ห้องอาหาร Palio ในโรงแรม Michael ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ใน Resorts World นี่เองครับ



26 ...

ห้องอาหาร Palio เป็นห้องอาหารอิตาเลียนที่มีบรรยากาศแบบทัสคานี่
ให้เรารู้สึกนั่งกินข้าวอยู่ในเมืองเล็กๆ ในอิตาลี เมนูหลักๆ ที่เสิร์ฟก็จะเป็นพวกพาสต้า พิซซ่ารวมทั้งพวกสเต็กเนื้อต่างๆ



27 ...

บรรยากาศภายในห้องพักของห้องอาหาร Palio ครับ
มีขนาดค่อนข้างกว้างน่ะครับ สามารถรองรับแขกได้หลายสิบโต๊ะเลย



28 ...

หลังจากมื้อเย็นที่ทำเอาเราอิ่มพุงกาง ในช่วงสองทุ่มเรามีนัดกับอีกหนึ่งโชว์ที่สุดยอดมากๆ ใน Resorts World
นั่นคือ Voyage de La Vie ซึ่งโรงละคร Festive Grand สำหรับการแสดงนี้จะอยู่ชั้นล่างแถวๆ น้ำพุ Lake of Dreams

หลายคนน่าจะเคยผ่านตาดี แต่ไม่ค่อยจะมีคนไทยเข้าไปชมเท่าไหร่ครับ อาจจะด้วยราคาค่าตั๋วที่สูง
ซึ่งจริงๆแล้วจากที่ผมได้ชมแล้วถือว่าทำได้ดีมากๆครับ ครบทุกรสชาติทั้งซีนตื่นเต้น ซีนดราม่า
และซีนผาดโผนที่สามารถสะกดสายตาของผู้ชมไว้ได้อยู่หมัดตลอดหนึ่งชั่วโมงของการแสดง



29 ...

โชว์ชุดนี้จะเป็นเรื่องของเด็กหนุ่มออฟฟิศที่วันๆ เอาแต่ทำงานจนวันนึงได้เจอกับลูกแก้วสีแดงลึกลับ
ที่ได้พาเขาไปยังอีกโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องมหัศจรรย์ที่เขาไม่เคยพบในชีวิตมาก่อน

ใครชอบดูโชว์ มีโอกาสลองเข้าไปชมครับ ถ้าเลือกที่นั่งตรงกลางๆ ไม่ไกลจากเวทีมาก จะดีมากๆครับ
เพราะจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศอย่างใกล้ชิด



30 ...

ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงใกล้วันคริสต์มาสครับ
ในหลายๆ พื้นที่ของสิงคโปร์ก็จะมีการประดับประดาดอกไม้และต้นคริสมาสไว้
รวมทั้งในพื้นที่ของ Resorts World ด้วย บรรยากาศรอบเลยคึกคักเป็นพิเศษครับ



31 ...

มีมุมสวยๆให้ได้ถ่ายรูปกันเยอะพอสมควร



32 ...

รอบๆของ Lake of Dreams ในช่วงค่ำก็จะมีการแสดงน้ำพุดนตรีขนาดย่อมด้วย
เวลาที่แสดงผมจำเป๊ะๆไมได้ครับ แต่หลังจากจบโชว์ Voyage de la Vie แล้วเดินมาแถวนี้กำลังมีโชว์พอดี น่าจะราวๆ 3 ทุ่มได้ครับ



33 ...

สีสันยามค่ำคืนภายใน Resorts World ครับ แม้นาฬิกาจะบอกเวลาเกือบๆ 4 ทุ่มแล้ว
ผู้คนก็ยังสนุกกับการเดินเล่นและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของความรื่นเริงอยู่เลย



34 ...

สำหรับคนที่ชอบแสงสีในยามราตรีและชื่นชอบบรรยากาศแบบปาร์ตี้ด้วย อยากจะแฮงเอ้าท์นิดหน่อยก่อนนอน

สถานที่ที่อยากจะแนะนำในสิงคโปร์ก็มีสองที่ครับ คือที่ St.James Power Station กับที่ Avalon บาร์สองที่นี้ดังครับ
สามารถบอกแท็กซี่ได้เลยรู้จักหมด ผมมีโอกาสได้เข้าไปฟังเพลงจิบเครื่องดื่มก่อนนอนเพียงหนึ่งแห่งนั่นคือที่ St. James Power Station
ซึ่งในอดีตนั้นจะเป็นโรงถ่านหินเก่าครับ ตั้งแต่ยุค 1900 กว่านู้นได้ ปัจจุบันก็ปรับปรุงแปลงโฉมเป็น คลับบาร์ขนาดใหญ่ที่แบ่งโซนออกเป็นกว่า 7 โซน
ก็มีหลากหลายโซนครับ ทั้งโซนของเพลงสตริงร่วมสมัย โซนเพลงสไตล์ละติน หรือเลาจน์ที่เปิดแจ๊สเบาๆ ในบรรยากาศเป็นส่วนตัว

เข้าไปแล้วก็ลองเดินดูเลือกก็ได้ครับ ว่าชอบและเหมาะกับโซนไหน
ส่วนที่ Avalon ที่นี่ก็ฮิปครับ อยู่แถวๆ มาริน่า เบย์แซนด์
พอดีคืนที่สองหมดแรงครับ ไม่ได้แวะไปเก็บบรรยากาศมาฝาก
แต่คนสิงคโปร์ก็แนะนำมาครับ ลองแวะไปดูกันได้

หลังจากสนุกไปกับเสียงเพลงในบาร์อยู่พักใหญ่ ก็เดินทางกลับที่พักครับ
วันนี้ขอนอนเอาแรงกันเยอะๆ หน่อยพรุ่งนี้โปรแกรมท่องเที่ยวของเรายังมีอีกหลายที่



34 ... ร่ำลาค่ำคืนแรกในสิงคโปร์ ด้วยมุมเล็กๆ ใน St.James Club ครับ




35 ...

ตื่นเช้ามาก็เตรียมตัวกินอาหารเช้าครับ
คืนที่ผ่านมาหัวถึงหมอนแล้วหลับเป็นตายมากๆ เพราะตะลอนๆกันมาทั้งวัน

เดินลงมาที่ห้องอาหารชื่อ the Sleeping Rhino มองดูนาฬิกาเกือบ 8 โมงแล้วครับ
แต่ดูเหมือนผมจะเป็นแขกห้องแรกที่ลงมากินอาหารเช้า เพราะอาหารต่างๆยังเซ็ทไว้สมบูรณ์ไม่มีพร่องไปเลยแม้แต่นิด
ก็จะเป็นไลน์บัฟเฟต์เล็กๆ ตามไซส์ของโรงแรม แล้วก็จะมีจานหลักให้เราได้สั่งก็พวกข้าวหรือเมนูไข่ต่างๆ ครับ



36 ...
เติมพลังกันเรียบร้อยก็ได้เวลาออกไปตะลุยสิงคโปร์กันต่อครับ

สำหรับโปรแกรมในวันที่สองนี้เราจะกลับไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ บนพื้นที่โซนเก่าของเกาะเซ็นโตซ่า
และในช่วงบ่ายวันที่สองที่เหลือก็จะเป็นการเดินเล่นชมความอลังการของ Marina Bay Sands และเข้าชม ArtScience Museum ครับ



37 ...

เราข้ามไปยังเกาะเซ็นโตซ่ากันด้วยเคเบิ้ลคาร์ครับ ...
ตั้งแต่สิงคโปร์มีการสร้าง Resorts World รวมทั้งมีรถไฟฟ้าที่วิ่งตรงข้ามไปเซ็นโตซ่า
ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มใช้บริการเคเบิ้ลคาร์กันน้อยลงครับ

ผมจำได้ว่าหลายปีก่อนหน้านี้ใครจะไปเซ็นโตซ่าก็นิยมนั่งเคเบิ้ลคาร์กันตลอด
แน่นอนว่าแม้ปัจจุบันจะมีช่องทางให้เราได้ข้ามไปฝั่งเซ็นโตซ่าหลากหลาย

แต่ผมก็ยังถือว่าการนั่งเคเบิ้ลคาร์ก็ยังคลาสสิคและมีสเน่ห์โดยตัวมันเองครับ
เสน่ห์นั่นคือเรื่องของการนั่งชมวิวมุมสูงไปช้าๆ ค่อยๆละเมียดละไมกับบรรยากาศ

ความรู้สึกมันเหมือนเรามีปีกและบินอยู่บนความสูงที่สามารถเห็นวิวรอบๆได้อย่างสวยงาม



38 ...

กระเช้าไฟฟ้าก็ค่อยๆพาเราข้ามเกาะเซ็นโตซ่า ผ่าน Resors tworld ในมุมสูง
จากตรงนี้เองทำให้ผมมองเห็นการก่อสร้างในพื้นที่รอบๆเพิ่มเติม
มองแล้วไม่น่าจะเกินปีนี้ น่าจะมีเครื่องเล่นใหม่ๆ รวมทั้งสวนน้ำขนาดใหญ่ให้เราได้เล่นกันใหม่ .... สิงคโปร์ยังไม่หยุดคิดจริงๆ ครับ



39 ...

จุดหมายปลายทางของช่วงเช้านี้คือ เครื่องเล่นใหม่ล่าสุดในเซ็นโตซ่าโซนเก่านั่นคือ iFly Singapore ครับ
เป็นเครื่องเล่นที่จะจำลองความรู้สึกการกระโดดร่มจากเครื่องบินที่ระดับความสูงนับหมื่นฟุต
ซึ่งปกติคุณจะต้องมีการเรียนและฝึกซ้อมเป็นปี และมีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ

แต่คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การบินด้วยตัวเองนี้ได้ภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ที่ iFly Singapore แห่งนี้

.
.


เรานั่ง Sentosa Express ไปกันครับ สำหรับ Sentosa Express จะมี 4 สถานี คือ Sentosa Station ซึ่งเป็นสถานีแรก ขึ้นที่ Vivo City
สถานที่ที่สองคือ Waterfront Station บริเวณแถวๆ Resorts World สถานีที่สามคือ Imbiah Station

และสถานีสุดท้ายซึ่งอยู่ใกล้กับ iFly Singapore นั่นคือ Beach Station …
การนั่ง Express ในฝั่งเซ็นโตซ่าจะไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นถ้ามาจากสถานีแรกที่ Vivo City ครับ




40 ...

สถานีสุดท้ายที่ Beach Station ตรงนี้มีจุดท่องเที่ยวและเครื่องเล่นที่น่าสนใจพอสมควรครับ
ผู้คนจะนิยมมากันตอนค่ำๆเพื่อชมน้ำพุดนตรี Songs of the Sea กัน สำหรับวันนี้เราจะลืมทุกอย่าง....มาเล่นของใหม่กันกับ iFly Singapore

.
.
.

หลายคนคงมีความฝันตั้งแต่เด็กๆว่า หนูอยากบินได้ หนูอยากเป็นซุปเปอร์แมนใส่กางเกงในตัวเดียวแล้วบินไปมารอบโลก ....

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว .....
ความมุ่งมั่นที่เลือนรางของคุณกำลังจะถูกปัดฝุ่นอีกครั้ง
อย่าลืมความฝันในวัยเด็กของคุณครับ

iFly Singapore จะทำให้ก้าวแรกของความฝันคุณเริ่มเป็นจริงตรงนี้
เพราะทุกคนจะสามารถบินได้ด้วยตัวเองง่ายๆ everyone can fly สโลแกนเหมือนสายการบินต้นทุนต่ำเจ้านึงเลยแฮะ 555+




41 ...

มีเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับผู้ที่จะเล่น iFly เช่น อายุต้องมากกว่า 7 ขวบขึ้นไป
มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 120 Kg สำหรับความสูงไม่เกิน 180 cm น้ำหนักตัวไม่เกิน 140 kg ถ้าสูงเกิน 180 cm
ผู้เล่นจะต้องไม่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ไม่อยู่ในอาการมึนเมา แอลกอฮอร์
และที่สำคัญต้องไม่เคยมีประวัติบาดเจ็บร้ายแรงบริเวณหลังและไหล่ครับ

.
.

เงื่อนไขเขียนไว้เพื่อความเซฟครับ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรครับ
เพราะตลอดการเล่นก็จะมีเทรนเนอร์คอยดูแลเราอย่างใกล้ชิด

ก่อนเริ่มเล่น iFly จะต้องมีการเทรนสั้นๆจากเทรนเนอร์ครับ
เค้าจะแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ 10-15 คน ต่อเทรนเนอร์หนึ่งคน ที่จะดูแลเราตลอดการเล่น iFly ครับ
สำหรับก็จะมีหลายคอร์สมากครับ แต่ส่วนใหญ่คนเล่นครั้งแรกก็จะเป็นคอร์สเบื้องต้นครับ ฝึกความคุ้นเคยการลอยตัวในอากาศ



42 ...

ผมบรรยายเหมือนผมโปรมาก แต่เอาเข้าจริงๆแล้วตื่นเต้นมากครับ

พอได้เวลาต้องบินจริงๆ ในกลุ่มผมก็มีเด็กต่างชาติตัวเล็กๆ ด้วยหลายคน ...
มีคนนึงนั่งอยู่ข้างๆ ซ้ายมือผม ซึ่งตามหลักแล้วต้องเป็นคิวแรก ...

พอเทรนเนอร์กวักมือเรียกให้เข้าลอยตัว ...เด็กต่างชาติคนนี้ วิ่งหนีครับ !!!
เทรนเนอร์เลยหันมายิ้มให้ผม สื่อความหมายว่า ...

เจ้าคนไทยคนนั้นน่ะ ออกมาซะดีๆ


เล่นเอาผมเหวอครับ …

อ้าวเฮ้ย !!! ...จะขอดูเป็นตัวอย่างซะก่อน
ไอ้ครั้นจะวิ่งไปจับตัวให้เด็กน้อยกลับมาอยู่ตามคิว ก็อายสายตาเพื่อนร่วมกกลุ่ม

กลายเป็นว่าผมต้องออกไปลอยตัวคนแรกของกลุ่ม !!!

วินาทีก่อนจะทิ้งตัวให้ลมตีเราลอยขึ้นมานั้น เหมือนเป็นตัวแทนประเทศไทยแข่งโอลิมปิค iFly
เราไม่สามารถทำให้คนไทยกว่า 70 ล้านคน รวมทั้งพี่น้องแรงงานไทยที่มาเชียร์ถึงขอบสนามผิดหวังได้



นั่นเป็นความคาดหวังครับ ….
แต่ความจริงที่ปรากฏใน 10 วินาทีแรกคือ

ตัวแทนจากประเทศไทย "ลอยแถ" ไปกับผนังรอบๆ ...

ตกรอบแรก 555+



42 ...

ตัวเราลอยได้จากแรงลมอันมหาศาลที่พัดเราลอยจากด้านล่างครับ
โดยเราจะต้องทำตัวเป็นระนาบกับพื้น เพื่อสร้างพื้นที่ร่างกายในการต้านลมเอาไว้

หลักการก็เหมือนพวกกระโดดร่มผาดโผนจากเครื่องบิน สำหรับคนที่เล่นแล้วติดใจ ก็สามารถซื้อคอร์สเพิ่มเติมได้ครับ
รวมไปถึงการเรียนในระดับสูงที่สามารถ เดิน ตีลังกาหรือทำอะไรต่อมิอะไร ได้อย่างใจเหมือนเราบินอยู่ได้ในอากาศจริงๆ

ไฮไลท์ก่อนจะจบคอร์สเบสิคสำหรับมือใหม่นี่คือเทรนเนอร์เค้าจะจับเราพาลอยขึ้นสูงสิบเมตรแล้วหมุนตัวลงมา
โอ้ววว สุดยอดมากๆครับ ถ้าให้ลอยตัวเองก็คงทำไม่ได้ แล้วเทรนเนอร์เค้าโชว์สั้นๆปิดท้ายด้วยท่ายากๆ หมุนตัว วิ่งรอบๆผนัง ดิ่งตัวแล้วหยุดกลางอากาศ เรียกเสียงฮือฮาได้เกรียวกราวเลย

ผมเข้าไปถาม เค้าบอกเล่นมา 5 ปีแล้วครับ จับมือชื่นชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก รับใบประกาศนียบัตรผ่านคอร์สเบสิค iFLY
ก็เป็นเสร็จสิ้นสองชั่วโมงกับประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต

สำหรับคนที่ชอบอะไรผาดโผน อยากให้มาลองกันครับ
ปลอดภัยและแปลกใหม่มากจริงๆ




43 ...

หลังจากที่เราสนุกกับเครื่องเล่นใหม่ไปแล้วในช่วงบ่ายนี้โปรแกรมของเราจนไปถึงเย็นๆ
ก็คือการได้มาสัมผัสกับ marina Bay Sands ซึ่งเป็น Entertainment Complex แห่งล่าสุดของสิงคโปร์ เป็นที่รวมความเป็นสถานบันเทิง
แหล่งพบปะทางธุรกิจ รวมทั้งแหล่งช็อบปิ้งขนาดใหญ่ โดยมี Landmark ที่สำคัญคืออาคารรูปทรงเรือขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านริมอ่าวมารินา

ตอนนี้ Marina Bay Sands ก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์สิงคโปร์ยุคใหม่ไปแล้วครับ
นักท่องเที่ยวต่างก็เลือกที่จะมาใช้เวลาที่นี่ในหนึ่งวันเพราะมีอะไรให้ทำตั้งแต่เช้าจนถึงดึกดื่นได้



44 ...

Marina Bay Sands เป็นอาคารสูง 55 ชั้น ประกอบด้วย 3 อาคาร มีห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งแบบธรรมดา
และ้ห้องสวีทสุดหรูกว่า 2,560 ห้อง ถือว่าห้องพักเยอะมาก และก็เต็มเกือบตลอด



45 ...

ไฮไลท์สำคัญของ Marina Bay Sands คือ Sands Sky Park ซึ่งถือเป็นงานศิลปะของสถาปัตยกรรมชิ้นเอกที่ตั้งอยู่ด้านบนอาคารทั้งสาม

ถิอเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าที่มีความสูงกว่า 200 เมตร ด้วยรูปทรงคล้ายเรือที่มีพื้นที่กว้างขวางขนาดสามารถจอดเครื่องบินจัมโบ้ A380ได้ถึง 4 เครื่องครึ่งสบายๆ

สำหรับท่านที่ไม่ใช่เป็นแขกของโรงแรม Marina Bay Sands ก็สามารถขึ้นไปชมความงาม
ของอ่าวมาริน่าแบบพาโนรามาวิวได้ โดยเสียค่าขึ้น 20 เหรียญ

แต่สำหรับพื้นที่ที่เป็นสระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบ infinity edge นั้น
จะถูกสงวนให้กับแขกของโรงแรมเท่านั้น


สำหรับ Sands Sky Park นั้นถ้าช่วงไหนที่ฝนตกจะไม่เปิดให้ขึ้นไปน่ะครับ

เช่นเดียวกับตอนที่ผมไปซึ่งฝนตกหนักตลอดในช่วงเย็นครับ
ทำให้ไม่ได้มีวิวสวยๆจาก Sands SkyPark มาฝาก แต่ผมได้วิวจากอีกฝั่งมาแทนครับ



46 ... บรรยากาศภายในมาริน่า เบย์แซนส์ ครับ
ร้านรวงเยอะมากจริงๆ ใช้้เวลาอยู่ในนี้ได้กันทั้งวันแน่ๆ ครับ




47 ... เราก็เดินเล่นชมบรรยากาศกันไปเรื่อยๆ




48 ...

ริมอ่าวมาริน่าตรงแถว Bay Sands ก็จะมี ArtScience Museum ให้คนที่รักการเดินดูมิวเซียมได้ชมกันด้วย

เป็นอาคารที่มีดีไซน์สวยงามด้วยแรงบันดาลใจมากจากรูปทรงของดอกบัวที่กำลังจะผลิบาน

ถ้าในทางพุทธศาสนาดอกบัวก็เปรียบเหมือนการเกิดขึ้นของปัญญา
อาจจะมองได้ว่าการเข้าชมมิวเซียมแห่งนี้ การได้เปิดใจ เปิดตามองโลกกว้างและรับความรู้ใหม่ๆ ซึ่งก็จะช่วยทำให้เราเห็นมากขึ้น
เข้าใจมากขึ้นและเกิดปัญญามากขึ้นด้วย





49 ...

สำหรับการจัดแสดงของ ArtScience นั้นก็หมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ครับ

สำหรับช่วงที่ผมไปนั้นมีสองนิทรรศการที่น่าดูมากๆ สองนิทรรศการ

นั่นคือ Titanic : The Artifact Exhibition ซึ่งจะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 29 Oct 2011 - 29 April 2012
เป็นนิทรรศการเพื่อการครบรอบ 100 ปี ของเหตุโศกนาฎกรรมเรือไททานิคอำปางลง เมื่อปี ค.ศ. 1912

ส่วนอีกงานก็จะเป็น Cartier Time Art ครับ (จัดแสดง 14 Dec 2011 - 12 Feb 2012)

เป็นงานแสดงที่น่าสนใจมากๆ ครับ ใครกำลังจะเดินทางไปสิงคโปร์ในช่วงนี้ ก็ลองหาโอกาสไปชมกันได้
ผมจะพาเข้าไปดูเรียกน้ำย่อยก่อนน่ะครับ จริงๆแล้วข้างในเค้าห้ามถ่ายรูปนน่ะครับ
แต่ด้วยเป็นตัวแทนการท่องเที่ยวสิงคโปร์มา เลยขอถ่ายมานิดหน่อยครับ



50 ...

ในเดือนเมษายน ปี 1912 เรือที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกได้ออกจากท่าพร้อมผู้โดยสารร่วม 2200 ชีวิต
ก่อนที่จะจมลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ จวบจนวันนี้กำลังจะครบรอบ 100 ปี

เรื่องเล่าเหนือกาลเวลาของเรือ RMS Titanic พร้อมผู้โดยสาร และลูกเรือจะถูกฟื้นคืน
กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

มีหลากหลายชิ้นส่วนที่ถูกกู้มาจากระดับความลึกของน้ำทะเลกว่า 3800 เมตร
ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสและปลดปล่อยห้วงเวลาลอยไปสู่ยุคตำนานแห่งการเดินเรือมหาสมุทร

ตรงนี้เป็นทางเข้าครับ ก็มีรูปเรือไททานิคลำใหญ่ๆ เป็นทางเข้าไว้เลย
สำหรับการจัดแสดงไททานิคนี้ก็จะมีเรื่องน่ารู้ มากกว่า 275 เรื่อง ที่น้อยคนจะรู้ หรือไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนครับ
เช่น อัญมณีที่พบเจอมาจากใต้สมุทร ชิ้นส่วนจากเรือที่ทีมงานกู้มาจากใต้ทะเล




51 ...

มีการจำลองทางเดินภายในให้เหมือนอยู่ในเรือไททานิคในยุคนั้นด้วยครับ



52 ...

ตรงนี้เป็นอีกไฮไลท์ของนิทรรศการครับ มีการจำลองห้องพักในเรือไททานิคมาให้ดูกันด้วย
ถ้าใครจำเนื้อเรื่องในหนังได้จะเห็นว่าเค้าจะแบ่งผู้โดยสารออกเป็นสามกลุ่ม คือ First Class, Second Class และ Third Class

ให้ทายว่าห้องพักในรูปนี่ของผู้โดยสารชั้นไหนครับ ?

.
.
.


จากความหรูหราแล้วนี่คือห้องนอนของผู้โดยสารชั้นหนึ่งครับ
สนนราคาบวกลบคูณหารแล้วต้องจ่ายถีงหลักแสนบาทครับ เพื่อจะได้นอนห้องนี่

อย่าลืมว่าเป็นราคาของเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนน่ะครับ

ลูกค้าของชั้นหนึ่งก็เป็นกลุ่มชนชั้นสูง บุคคลมีชื่อเสียงในยุคนั้น ...
ในหนัง Titanic ฉบับของผู้กำกับ James Cameron ก็จะมีการสอดแทรกฉากการพบปะของผู้คนมีชื่อเสียงในหลายฉาก
บุคคลในสังคมชั้นสูงที่ผมจำได้ในหนังก็จะมี John Jacob Asther ซึ่งเป็นผู้สร้างแบรนด์ St.Regis Hotel อันโด่งดังนั่นเอง




53 ...

ถือเป็นนิทรรศการที่น่าสนใจมากๆ ครับ ....
เดินได้เพลินๆ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเร็วมากๆ ส่งท้ายด้วยมุมนี้ครับ Grand Staircase
เป็นมุมที่หลายคนน่าจะจำได้อย่างดีในฉากที่ โรสเดินลงมา
เป็นจุดสังสรรค์ของผู้คนบนเรือไททานิค เร็วนี้ๆ ไททานิคเวอชั่น 3D ก็จะเขา้ฉายด้วยน่ะครับ
ใครยังไม่เคยดูหรือยังคงประทับใจกับภาพยนต์สดคลาสสิคนี้ก็อย่าลืมแวะไปชมได้ครับ



54 ...

จากนั้นก็เดินไปชมนิทรรศการของ Cartier Time Art ครับ มีช่วงเวลาจัดแสดงตั้งแต่ 14 Dec 2011 - 12 Feb 2012
เป็นนิทรรศการผลงานชิ้นโบว์แดงของเทคโนโลยีการผลิตนาฬิกาที่สุดยอดของโลกครั้งแรกในเอเชีย

นิทรรศการจะแสดงให้เราเห็นถึงความละเอียดละออในทุกขั้นตอนของการผลิตที่เกิดจากสุดยอดแนวคิดรวมกับเทคโนโลยี
เล่นเอาคนที่มาดูร้อยทั้งร้อยก็ต้องทึ่งในความซับซ้อนของระบบการทำงานแบบอัตนโนมัติอันแสนเที่ยงตรงภายในนาฬิกาเรือนเล็กๆ

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนาฬิกาหายาก รุ่นทำพิเศษพวก Limited Edition อีกเกือบๆ สองร้อยเรือน
ซึ่งหาดูได้ยากและแปลกตามากๆ อีกด้วย

ภายในนิทรรศการของคาเทียร์นี้ห้ามถ่ายภาพและมีการ์ดคอยดูแลนาฬิกาเก่าๆ สวยๆ เลอค่ามากมายครับ
ท่านใดชื่นชอบโลกแห่งกาลเวลาอย่าพลาดชมครับ




55 ...

หลังจากนั้นเราเดินเล่นในช่วงเย็นกันต่อครับ ...

มีอีกมุมนึงที่น่าสนใจใกล้ๆ กับ ArtScience Museum นั่นคือ Louis Vuitton Island Maison
เป็นช็อปแบรนด์ดังที่มีดีไซน์ของตัวร้านค้าที่โดดเด่นและมีสไตล์ริมอ่าวมาริน่าครับ




56 ...

เป็นอาคารรูปทรงเหลี่ยมสองชั้นมีดีไซน์ ที่เต็มไปด้วยสินค้าของหลุยส์หลากหลายคอเลกชั่น

สาวๆ หรือแฟนคลับ LV คงเลิฟเป็นพิเศษ ข้างในนี้คนเยอะพอสมควรเลยครับ
เหมือนพลังลมปราณของการช็อบปิ้งลอยตลบอบอวลอยู่ใน Cystal Pavillion แห่งนี้เต็มไปหมด



57 ...

สำหรับท่านใดที่เริ่มเหนื่อยกับการช็อบปิ้งหรือตาลายกับลวดลายของ LV
ก็สามารถมาแวะนั่งกินลมชมวิวด้านนอกระเบียงได้ครับ เห็นวิวฝั่งของเมอไล้ออน พ่นน้ำกันแบบกว้างๆ



58 ...

โดยรวมแล้วตอนนี้สิงคโปร์มีจุดท่องเที่ยวหลักๆอยู่สองโซนครับ
คือ Resort World และ Marina BaySands ตามความคิดผมแล้วควรจะให้เวลา
กับทั้งสองที่แบบเต็มๆวันไปเลยที่ละหนึ่งวันตั้งแต่เช้าไปจนจนดึก เพราะต่างก็เป็น
Entertainment Complex ที่สมบูรณ์ อาจจะมีคาแรกเตอร์ที่ต่างกันอยู่พอสมควร
แต่ก็มีอะไรให้ทำ ให้เล่นกันได้ทังครอบครัวไม่เบื่อจริงๆครับ



59 ...

สำหรับมื้อเย็นในวันที่สองนี้ต้องแนะนำกันเลยละครับ เป็นร้านอาหารแนวสูงเสียดฟ้า
และยังไม่ค่อยได้เห็นรีวิวเท่าไหร่ ซึ่งจากที่ผมไปสัมผัสต้องถือว่าร้านนี้ Unseen ไม่น้อยครับ

ได้เห็นวิวของมาริน่าเบย์ที่ไม่คุ้นตา รสชาติอาหารใช้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคนรักดริ๊งๆ ต้องชอบเพราะที่นี่มีถังหมักเบียร์เอง
และมีการเปลี่ยนสูตรกันตลอดเพื่อให้ไม่เบื่อครับ ร้านที่ว่าคือ LeVel 33 ครับ



60 ... ร้าน LeVel 33 ตั้งอยู่ที่ชั้น 33 ที่อาคาร Financial Center Tower 1 ในโซน the Marina Bay Financial Center (MBFC)
ที่นี่มีคอนเซ็ปของร้านว่า The World's Highest Urban craft-brewery ร้านนี้ติดตั้งเครื่องบ่มเบียร์ที่ใหญ่มากครับ มีทั้งหมด 12 ถังใหญ่ๆด้วยกัน
เค้าจะใช้สูตรการทำเบียร์จากเบียร์หลากหลายพื้นที่ทั่วโลก เช่นจาก ออสเตรีย ไอร์แลนด์ หรือจากเช็ค เลือกเด่นๆมารวมตัวไว้ที่นี่ที่เดียว



61 ...

ทางร้านจะมี Craft Beer ที่เป็น Signature อยู่ 4 ตัว คือ Blond Lager, Pale Ale, Stout และ House Porter
นอกจากนี้ในแต่ละเดือนก็จะมี Signature ของแต่ละสูตรเพิ่มเติมด้วย ยังไงลองสอบถามกับทางพนักงานดูครับ

บอกได้คำเดียวว่า มาร้าน LeVel 33 แล้วไม่เมา
พนักงานห้ามออกจากร้านครับ ฮ่าๆๆๆ



62 ...

อาหารที่เสิร์ฟเป็น ยูโรเปี้ยนสไตล์ครับ ก็มีพวกพาสต้า พวกเมนูเนื้อต่างๆ ก็จะค่อนไปทางโมเดิร์นฟู้ด
ที่มีหน้าตาของอาหารสวยงามและน่ากิน รสชาติใช้ได้ครับ ร้านนี้เปิดไม่นานและกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
มื้อพิเศษในคืนวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ต้องมีการจองโต๊ะกันไว้เป็นดีที่สุดครับ



63 ...
เก็บภาพของอาหารมาให้ชมกัน รสชาติดีเลยครับ
จำเมนูได้บางจานล่างซ้าย Back & Belly เป็นเนื้อเซอลอยด์ย่างที่ผ่านการหมักมาอย่างดีนุ่มอร่อยดี
ราคาจนละ 43 เหรียญ ก็ถือว่าสมเหตุสมผลดีครับเทียบกับคุณภาพและวิวที่ร้านมอบให้




64 ...

LeVel 33 ไม่ได้เป็นร้านอาหารแบบ Rooftop Restaurant

ทำให้ถ้าช่วงที่เราไปกิน แล้วเจอฝนตกแบบที่ผมเจอก็ไม่เป็นปัญหาครับ
เพราะฝนไม่สาดเข้ามาภายในร้าน เพียงแต่ตรงที่นั่งริมระเบียงอาจจะมีละอองฝนนิดหน่อยซึ่งก็ยังถือว่าโอเคมากๆ




65 ...

ตอนแรกผมกะว่าจะไปถ่ายภาพอ่าวมาริน่าช่วงหัวค่ำที่ Sky Park บน Marina BaySands

แต่ปรากฏว่าฝนตกไม่สามารถขึ้นไปได้ครับ

เลยเลือกมาปักหลักรอแสงกันที่ร้าน LeVel33 แทน
และก็ไม่ผิดหวังกับภาพสวยๆ ที่ได้จากฝั่งร้าน LeVel33 เซ็ทนี้มาครับ

สังเกตในอ่าวมาริน่าจะมีลูกกลมๆเล็กลอยอยู่เต็มไปหมด
ในนั้นจะเป็นพรจากชาวสิงคโปร์ที่ใส่ลูกบอลลอยในช่วงปีใหม่ครับ

ว่าแล้วก็ชมกันยาวๆ เลยครับ
ค่ำคืนนี้เป็นภาพเซ็ทเดียว ที่ดีที่สุดในทริปนี้จริงๆ ครับ




66 ...

สำหรับสิงคโปร์ถือว่าเป็นอีกเมืองที่คนรักถ่ายภาพด้านซิตี้สเคป (CityScape) จะชอบมากๆครับ

ไม่ว่าจะช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืนมีหลากหลายมุมให้ได้ถ่ายกัน

ตอนแรกผมก็แปลนไปหลายจุดเลยครับ ทั้งมุมตอนเช้าแถวสะพานเฮลิก Helix ซึ่งเป็นสะพานที่มีแรงบันดาลใจ
มาจากโครงสร้างของดีเอนเอ นับเป็นสะพานแรกของโลกที่มีโครงสร้างแบบเกลียวเช่นนี้

ตอนนี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่นักท่องเที่ยวแวะมาชมความงดงามครับ
แต่สำหรับรีวิวนี้ ไม่มีรุปสะพานเฮลิกช่วงแสงสวยๆ น่ะครับ
เพราะเช้าวันที่จะตื่นมาถ่ายฝนตกหนักกันแต่เช้า เลยนอนกลมต่อบนเตียงต่อไปดีกว่า ^o^




67 ...

สิงคโปร์เป็นประเทศที่คิดเยอะและคิดอย่างมีระบบระเบียบอย่างที่ผมได้เกริ่นไปในตอนแรกครับ
รัฐบาลเค้าจะมีแผนแม่บทของการพัฒนาประเทศเป็นรอบ 10 ปี ถ้าใครมาสิงคโปร์หลายครั้ง
น่าจะพอสังเกตและสัมผัสได้ครับ

เค้าวางเอาไว้ว่าในช่วงปี 1990-2000 เป็นช่วงที่สิงคโปร์
หันมาพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศ ดึงเม็ดลงทุนจากต่างชาติเข้ามาในประเทศเยอะ
ซึ่งก็ประสบความสำเร็จจนถือว่า ปัจจุบันสิงคโปร์เป็นอีกประเทศที่มีความเข้มแข็งด้านเงินตรา
เมื่อเข้าสู่ช่วงปี ค.ศ. 2001-2010 จะเป็นช่วงที่สิงคโปร์พัฒนาระบบการศึกษา จะเห็นได้ว่าช่วงนี้สิงคโปร์
จะโปรโมทพวกมิวเซียม ศูนย์การเรียนรู้ ปรับภาพลักษณ์ตัวเองให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ทั้งการพัฒนาหลักสูตรในชั้นมัธยม และระดับมหาวิทยาลัย
จนสามารถดึงดูดนักเรียนจำนวนมากจากประเทศในละแวกเอเชียใต้ให้วิ่งเข้าสู่ตลาดการศึกษาของสิงคโปร์



68 ...

ในสำหรับในช่วงปัจจุบันนี้คือปี 2011 - 2020 ก็จะเป็นช่วงของ Entertainment ครับ
เลยเป็นที่มาของการลงทุนสร้าง Resort World & USS รวมทั้งโปรเจค Marina Bay Sands ทอันเป้นที่กล่าวขาน
จนแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ยุคใหม่นี้แทนเมอร์ไลอ้อนไปแล้ว

และเลยจากช่วงปี 2020 ไปสิงคโปร์ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นช่วงของ Green & ECO Destination ครับ
ตรงนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปยาวๆ ครับ



69 ...

บรรยากาศรอบๆ อ่าวมาริน่าตรงนี้มีจุดถ่ายรูปอยู่หลายจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมกันครับ
เช่นถ่ายจากตรง เมอร์ไลอ้อน ไปทางเบย์แซนส์ หรือถ่ายจากตรงสะพาน Helix

นอกจากนี้บางคนอาจจะเลือกนั่ง Singapore Flyer เพื่อชมความงดงามยามค่ำคืนได้
แต่หลังๆ คนก็จะหันไปขึ้นชมวิวจาก SkyPark มากกว่าด้วยครับ พูดแล้วผมลืมแนะนำร้านอาหารวิวสวยๆจากฝั่ง Marina BaySands ไป
นั่นคือร้าน Sky on 57 ซึ่งมีเชฟชื่อดังจากสิงคโปร์ เชฟ Justin Quek เป็นผู้ควบคุมดูแลร้าน เป็นร้านที่มีวิว และบรรยากาศในร้านสวยๆมากอีกแห่งครับ





70 ...
สำหรับในช่วงค่ำนั้นตรงมาริน่าก็มีการแสดงแสงสีเสียงบนม่านน้ำในชื่อ Wonder Full ด้วยครับ
โดยจะทำการแสดงทุกคืนในเวลา 20.00 น. และมีรอบพิเศษ 21.30 ในวัน เสาร์ อาทิตย์ และ 23.00 น. ในวันศุกร์และเสาร์เพิ่มอีกรอบ


สำหรับเพลงที่ประกอบการแสดงนั้นประพันธ์โดย อิสกานดาร์ อิสมาอิล นักแต่งเพลงชาวสิงคโปร์ชื่อดัง
ซึ่งมีผลงานเพลงสวนสนามฉลองวันชาติสิงโปร์ รวมทั้งเพลงเปิดการแข่งขันกีฬายุวชนโอลิมปิกอีกด้วย
เพลงหลักของการแสดงนี้บรรเลงจากนักดนตรีกว่า 140 ชีวิต จากวงซิมโฟนี ออเคสตร้า Bratislava ประเทศสโลวาเกีย



71 ...

เป็นค่ำคืนที่แสนประทับใจมากๆ สำหรับทริปนี้ครับ


แม้เราจะเริ่มโปรแกรมเที่ยวกันตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ อาจจะต้องเดินทางเยอะ เหน็ดเหนื่อยไปบ้าง

แต่เมื่อได้จบวันด้วยการนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมชมแสงสี
ริมอ่าวมาริน่ามุมสูงพาโนราม่า ภาพสวยๆ แบบนี้ก็ทำให้เราอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้นานๆ เชียวละครับ





72 ...

เช้าวันสุดท้ายของทริปมาถึงแล้ว ....

เราเริ่มต้นวันกันด้วยการไปเดินชมพิพิธภัณฑ์อีกครั้งที่ National Museum of Singapore
ซึ่งถือเป็นมิวเซียมประจำชาติที่สะท้อนความเป็นมาเป็นไปของประเทศสิงคโปร์ได้เป็นอย่างดี

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการศึกษาการสร้างชาติของสิงคโปร์มาเดินชมที่ีนี่ที่เดียวก็จะเห็นภาพหมดทั้งหมด
ถ้าให้เห็นภาพที่เมืองไทยก็จะเป็น Museum Siam ที่จะสะท้อนความเป็นชาติไทย


นอกจากส่วนของพิพิธภัณฑ์หลัก แล้วก็จะมีส่วนของจัดแสดงงานอื่นๆด้วยครับ
สำหรับช่วงที่ผมไปนี้จะมีการจัดแสดงงานศิลปะในชื่อ Dream and Reality : Masterpieces of Painting, Drawing and Photography
from Musee d'Orsay, Paris ซึ่งเป็นผลงานศิลปะในช่วงกลาง ศ.19 ถึงต้น ศ.20

โดยจัดแสดง ตั้งแต่ 26 Oct 2011 - 5 Feb 2012 เปิดแสดง 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น



73 ..

นานแล้วเหมือนกันครับที่ผมไม่ได้เดินชมงานศิลปะแบบละเมียดละไมแบบนี้

ตอนแรกคิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน แต่ปรากฏว่าเหมือนถูกพลังของความงามทางศิลป์ดึงดูดเอาไว้
มีทั้งภาพเขียน ภาพถ่าย ระดับคลาสสิค ชั้นครู ต่างๆ นับร้อยชิ้น ที่นำมาจัดแสดง รวมทั้งภาพเขียนไฮไลท์ซึ่งเป็นของ แวนโก๊ะ ด้วยครับ


ผลงานของ Vincent VAN GOH ที่นำมาจัดแสดงคือ ภาพ Starry Night (1888-1889)
เป็นภาพเขียนสีน้ำมันบนผ้าใบขนาด72.5 x 92 cm ภาพนี้แวนโก๊ะเขียนขณะที่พำนักอยู่ที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
เป็นภาพที่งดงามมากๆ ครับ ถ้าคนที่เคยฟังเพลงของ Don Mclean
ก็จะจำได้ครับเพราะว่ามีเพลงนึงที่ Don ได้แต่งเพื่อภาพนี้ไว้ด้วย



74 ...

หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าชมส่วนของพิพิธภัณฑ์หลักของที่นี่ครับ
ก็จะเป็นเรื่องของความเป็นมาของประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่การค้นพบแผ่นดิน
การเริ่มรวมกลุ่ม การเดินทางเข้ารวมสงครามโลก การตกเป็นอาณานิคม
จนถึงวันที่ได้รับอิสรภาพ มีประชาธิปไตยเป็นรูปร่าง จนมาเป็นสิงคโปร์ในปัจจุบันนี้




75 ...

ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีรายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างเยอะครับ พนักงานก็จะแจกเฮดโฟนบรรยายให้เราติดตัวไว้
เวลาเดินถึงจุดไหนในมิวเซียมก็เลือกหมายเลขและฟังคำบรรยายได้เลย



76 ...

บรรยากาศภายในห้องพิพิธภัณฑ์หลัก



77 ...
บรรยากาศอีกมุมภายในห้องพิพิธภัณฑ์หลักครับ
อย่างที่บอกไปว่ารายละเอียดเยอะมากๆ สำหรับท่านที่ต้องการข้อมูลและสนใจ
ผมคิดว่าน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมงนึงแน่ๆ ครับ



78 ...

นอกจากส่วนของนิทรรศการถาวรแล้วก็จะมีส่วนของห้องจัดแสดงย่อยที่มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวสิงคโปร์เพิ่มเติมอีก
เช่น เครื่องเมนูอาหารการกิน การแต่งกายของชาวสิงคโปร์ และนิทรรศการประวัติศาสตร์ด้านภาพยนตร์และการถ่ายภาพของสิงคโปร์




79 ... บรรยากาศรวมๆภายใน National Museum แห่งนี้ครับ



ใช้เวลาอยู่ในมิวเซียมแห่งชาติสิงคโปร์ครึ่งวัน

ก็ได้เวลากินข้าวเที่ยงครับ เราแวะมากินมื้อเที่ยงแบบ Buffet ที่ห้องอาหาร Straits Kitchen
ตั้งอยู่ในโรงแรม Grand Hyatt Singapore
มีเมนูอาหารหลากหลายครับ มีทั้งอาหารพื้นบ้าน อาหารของคนสิงคโปร์
รวมทั้งพวกอาหารตะวันตกทั่วไป รสชาติดีครับ มีเมนูพวกข้าวมันไก่ ข้าวหน้าเป็ดด้วย
เราไม่มีเวลาหากินร้านทั่วไปข้างนอก มาชิมกันในโรงแรม รสชาติก็ดีใช้ได้เลยครับ ถูกปาก



80 ...

บรรยากาศภายใน ...

จริงๆแล้วคนเยอะมากน่ะครับตอนห้องอาหารเปิดมื้อเที่ยง
แต่ผมมาถึงห้องอาหารก่อนเวลาพอควร เลยขอถ่ายรูปก่อนที่ฝูงชนจะเข้ามากัน



81 ... เมนูอาหารมีให้เลือกเยอะครับ ก็เลือกตัก เลือกกินกันตามความชอบเลย




82 ...

หน้าตาไลน์บัฟเฟต์อาหาร



83 ...

ช่วงบ่ายก่อนกลับ เราไปเดินเล่นกันต่อที่ถนน Orchard ครับ
หลายๆท่านก็มักจะเลือกใช้เวลามาเดินเล่น มาช็อบปิ้งก่อนกลับกันที่ถนน Orchard

ตลอดสองข้างทางของถนนจะมีงานแสดงศิลปะที่เค้าเรียกกันว่า Elephant Parade
โดยให้ศิลปินผู้มีชื่อเสียงได้เพ้นท์รูปปั้นช้างเป็นลวดลายตามที่ตนเองจินตนาการไว้ ... เดินชม ถ่ายรูปคู่กันไปได้ตลอดสองข้างทางเลยครับ




84 ...

ช้างตัวนี้ หน้าตาคุ้นๆ ชอบกลครับ



85 ...

ช่วงที่ผมไปอย่างที่บอกว่าเป็นช่วงคริสต์มาสก็จะมีขบวนรถที่ตกแต่งเข้ากับหน้าเทศกาลด้วยครับ



86 ...

บรรยากาศก็เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่ต่างมาเดินช็อบปิ้งมาเดินเล่น
รวมทั้งผมที่มาใช้เวลาช่วงสุดท้ายในทริป บนถนนเส้นนี้



87 ...

จริงๆแล้วนอกจากนี้ สองข้างทางบนถนน Orchard ก็จะประดับประดาไฟที่สวยงามในยามค่ำคืนด้วยน่ะครับ


สำหรับท่านที่สนใจจะไปเคาดาวน์ หรือไป คริสต์มาสที่สิงคโปร์ปลายปีนี้
ก็เตรียมความพร้อมและเผื่อเวลาเอาไว้สำหรับการเพลิดเพลินกับแสงสียามค่ำคืนตลอดสองฝั่งถนน Orchard นี้ด้วย




Final ...

ส่งท้ายกันด้วยรูปนี้ครับ ...

หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆให้กับการมาเที่ยวสิงคโปร์รวมทั้งช่วยจุดประกาย
ใครหลายคนที่ยังไ่ม่เคยมา หรือจะเป็นคำตอบให้คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะมาเที่ยวสิงคโปร์ดีมั้ย ...

ในมุมมองผมแล้ว ถ้ายังไม่เคยมาก็อยากให้ลองหาโอกาสมาเที่ยวสักครั้งครับ สิงคโปร์อยู่ไม่ไกลบ้านเรา เดินทางสะดวก
บ้านเมืองสะอาด สิง่อำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวเยอะมาก
แทบจะไม่ต้องปรับตัวกับวัฒนธรรมอะไรมากนัก

อีกเรื่องนึงคือ การได้มามองประเทศที่พัฒนาแล้ว มองความคิดและวิสัยทัศน์ของการพัฒนาประเทศอย่างมีระบบ
ในภาคของการท่องเที่ยว สิงคโปร์มีครบให้กับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นคุณลูกที่ชอบเล่นสวนสนุก คุณแม่ที่ชอบช็อบปิ้ง
หรือจะเป็นคุณพ่อที่ชอบถ่ายรูปรอยยิ้มของคนในบ้าน สนุกสนานได้ตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนเที่ยงคืน

สำหรับใครที่เคยมาเที่ยวเมื่อนานมาแล้วยิ่งต้องมาเที่ยวซ้ำอีกครั้ง
แล้วคุณจะต้องพยักหน้าตอบรับกับสิ่งที่ผมบอกไว้ตอนต้นว่า สิงคโปร์ไม่เคยหยุดคิด

สิ่งใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่คุณได้รับ ....

มันจะทำให้คุณประทับใจกับการเดินทางเหมือนว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนที่นี่
จนอาจจะต้องคิดแบบเดียวกับผมว่า ...

Singapore, as you've never seen before





ขอบคุณทุกแรงสนับสนุน
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชมกันอยู่เสมอ ...



รีวิวนี้ใช้เวลาเขียนนาน และเขียนเยอะเป็นพิเศษ
อยากให้ผู้อ่านเห็นและสัมผัสเหมือนที่ผมได้ไปสัมผัสมามากที่สุด

ขอบคุณ Singapore Tourism Board และ KTC Real Team สำหรับทริปแสนพิเศษเอ็กคลูซีฟครั้งนี้

แล้วพบกันใหม่ใน Life & Travel ฉบับหน้าครับ



Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 18:52:34 น.
Counter : 5089 Pageviews.

3 comments
Slow Life ในเมืองเลย Alex on the rock
(15 เม.ย. 2567 07:44:23 น.)
ตลาดน้ำกวางโจว ดาวริมทะเล
(12 เม.ย. 2567 18:42:45 น.)
Bangsaen 21 The Finest Running Event Ever 2023 บางแสน แมวเซาผู้น่าสงสาร
(12 เม.ย. 2567 10:20:55 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
  
ภาพสวยและน่าติดตามมากครับ
โดย: CC IP: 171.4.54.74 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:21:55:26 น.
  
ชอบภาพที่คุณถ่ายมาก สีสวยจัง ปล. เหนรูปที่ ยูนิเวอร์แซลแล้วอยากไปเที่ยวมากๆเลย
โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 1 มีนาคม 2555 เวลา:0:49:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ilove-design.BlogGang.com

the Sixth Floor
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

บทความทั้งหมด