3 วัน 2 คืน ใน สิงคโปร์ ... อิ่มทั้งพุง อิ่มทั้งความประทับใจ

....
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้หยิบเอารีวิวทริปที่พึ่งไปมาเมื่อเดือนก่อนมาฝากครับ
เป็นการกลับไปเยือนสิงคโปร์ครั้งที่ 4 ใน ชีวิต หลังจากที่ไปมาล่าสดเมื่อสองปีก่อนครับ
ประเทศบ้านใกล้เรีือนเคียงใช้เวลาบินเพียงราวสองชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึง ...

รอบนี้มีเวลาในสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน ระยะเวลากำลังดี 

วันหยุดสั้นๆ ศุกร์ เสา อาทิตย์ไหนที่รู้สึกอยากออกไปเที่ยวต่างประเทศ ลองหันมาเมียงมองสิงคโปร์ครับ ไม่ต้องขอวีซ่า มีไฟล์ทบินมากมายบินตรงจากไทย ... ของกินหลากหลาย ที่เที่ยวเยอะแยะ
โดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายภาพซิตี้สเขป ที่นี่เป็นครูฝึกชั้นเยี่ยมครับ 

ตามมาดูการเดินทางของผมรอบนี้กันได้ครับ



เริ่มจากที่พักในทริปของผมก่อนครับ ... เป็นโรงแรมเชนด์ใหญ่ที่พึ่งเปิดไม่นานครับกับ
Ramada Singapore at Zhongshan Park
ข้อดีมากๆของที่นี่คืออยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก ราคาไม่แพง ห้องใหม่เอี่ยม ข้อด้อยอย่างเดียวคือ อาจจะไกลจากสถานีรถไฟไปนิดนึงครับ ใครชอบเดินก็คงชิลๆ แต่ถ้าใครเน้นสะดวกขึ้นลงรถไฟฟ้าจริงๆ อาจจะต้องหันไปมองที่อื่นในย่านข้างในเมืองมากขึ้นครับ

//upic.me/i/hf/go_pre02_0407.jpg


ผมใช้เวลาช่วงบ่ายแก่ๆในวันแรกที่ย่านไชนน่าทาวน์ของสิงคโปร์ครับ 
ย่านนี้โด่งดังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถือเป็นย่านที่คึกคักอีกย่านของสิงคโปร์ 
เพราะย่านนี้เต็มไปด้วยร้านค้า ของฝาก โรงแรมที่พัก และร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้าน 
สำหรับ Chinatown ของสิงคโปร์นี้ จะมีวัดแขกของศาสนาฮินดูและมัสยิดของศาสนาอิสลามแทรกตัวอยู่ด้วย

การเดินทาง MRT : Chinatown ทางออก A


..

เดินทะลุเส้นไชน่าทาวน์มาด้านกลังจะเจอกับ วัดศรีมาริอัมมันต์ (Sri Mariamman Temple) 

วัดแขกในถิ่นคนจีนที่ถือว่าเก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ ...
วัดนี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ประดับด้วยรูปเทวดาแกะสลักจำนวนมาก


..

..


วกกลับมาในย่านไชน่าทาวน์ครับ ..

วิถีชีวิตเก่าๆอันสวยงามยังคงดำเนินไปแม้บ้านเมืองจะเจริญไปมากแค่ไหน 
มุมแบบนี้มีในทุกประเทศที่ผมเดินทางไปครับ และก็ดึงดูดตาผมเสมอ

...



...

ติดกับมุมที่คนเก่าคนแก่โขกหมกรุกกัน
เราก็จะเห็นทางเข้าวัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) 

วัดขนาดใหญ่ใจกลางไชน่าทาวน์ วัดพุทธที่มีสถาปัตยกรรมจีนสมัยราชวงศ์ถัง 
ภายในวัดจะรวบรวมพระพุทธรูปองค์สำคัญ 
รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาพุทธ โดยมีการจัดแบ่งโซนไว้อย่างชัดเจน


...
นักท่องเที่ยวสามารเข้าชม สักการะภายในวัดได้เลยไม่มีค่าใช้จ่ายน่ะครับ

ย่านไชน่าทาวน์จึงเป็นอีกย่านที่ควรมาเดินเล่นดีจริงๆครับ 

จริงๆช่วงกลางคืนก็จะคึกคักหนักเป็นพิเศษเลยครับ 
เพราะคนก็จะมาหาร้านอาหารกินกันด้วย มีเวลาลองมาดูน่ะครับ


...



เป็นรูทเดินด้วยเท้าที่ต่อเนื่องกันครับ เดินข้ามถนนจากย่านไชน่าทาวน์
เราจะสามารถแวะมาถ่ายรูปเล่นกันที่ตึกแดงแรงฤทธิ์แห่งนี้ได้ครับ ...

ตึกแดงนี้คือ Red Dot Design Museum เป็นพิพิธภัณฑ์
สำหรับการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบ


...


...

...



...

...


หลังจากนั้นผมเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ ก็จะมาถึงอ่าวมาริน่าครับ จริงๆก็ไกลพอควรครับ 
เดินราวครึ่งชั่วโมง แต่พพอดีแดดไม่ร้อนอากาศดีเลยเดินเล่นมาเรื่อยๆ 


..

มาถึงสิงคโปร์จะไม่แวะมาทักทายเมอไลอ้อนก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย 

มาทุกครั้งก็มายืนมุมนี้ตลอดครับ
เหมือนมาทักทายเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานครับ



Merlion สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ รูปปั้นสิงโตทะเล ที่มีลักษณะส่วนหัวเป็นสิงโต 
และส่วนล่างเป็นหางปลา ตั้งอยู่บนยอดคลื่นทะเล รูปปั้น Merlion จะหันหน้าออกไปยังอ่าวมาริน่า (Marina Bay) ที่มีทัศนียภาพสวยงาม ที่ลาน Merlion จุคนได้ประมาณ 300 คน

วิว Merlion เป็นทำเลชั้นยอดที่นักถ่ายภาพจะถ่ายรูปสิงโตทะเลได้พร้อมกับฉากหลัง
คือเส้นขอบฟ้าของเมืองและท่าเรือมาริน่าที่งดงาม รวมถึงสถานที่สำคัญต่างๆ 
อย่างเช่นโรงแรมฟูลเลอตันและเอสพลาเนด-โรงภาพยนตร์ริมชายฝั่ง 

วิธีเดินทาง MRT : Raffles Place



มุมนี้เป็นุมุมมหาชนเลยละครับ ... สำหรับช่างภาพมือใหม่ เราให้จุดนี้เป็นด่านแรกของการหัดถ่าย
ภาพกลางคืนเลยน่ะครับ ... แสงกำลังสวย พกขาตั้งกล้องที่มั่นคงไปด้วยสักอัน 
แค่นี้เราก็จะได้ภาพสวยๆ น้ำฟุ้งๆ สวยงามละครับ

วิวด้านหลังของเมอร์ไลอ้อนจะเป็น Central Business District เป็นย่านการเงินและเศรษฐกิจ
ที่สำคัญของสิงคโปร์ ที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นตึกสูงระฟ้ามากมายที่มีฉากหลัง
ป็นแสงสีและความสวยงามของอ่าวมาริน่าครับ


..

อิ่มกับเมอร์ไลอ้อน ก็กันมาส่อิองถ่ายฝั่งตรงข้ามครับ จะเป็น MBS ที่เราคุ้นเคยอย่างดี 
ถือเป็นสุดยอดอาคารแลนมาร์คที่สำคัญที่สุดของสิงคโปร์ ณ เวลานี้ไปแล้ว

Marina Bay Sands เป็นอาคารที่เต็มไปด้วยความเป็นที่สุดในโลก 
1. เริ่มต้นด้วยค่าก่อสร้างรวมที่ดิน ที่แพงที่สุดในโลก ด้วยมูลค่า 2 แสนกว่าล้านบาท 
2. ห้องคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีโต๊ะเล่นพนันมากถึง 500 โต๊ะ และ ตู้ slot machine มากถึง 1,600 ตู้ 

3. สระว่ายน้ำที่บนอาคารสูงระดับ 55 ชั้น กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
ภายในอาคาร Marina Bay Sands มีห้องพักมากถึง 2,561 ห้อง รวมถึงห้องนิทรรศการ 
ห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ และ โรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ 2 โรง 

ตอนกลางคืนของทุกคืน ที่ Marina Bay Sands จะมีการแสดง แสง สี เสียง เลเซอร์ 
ชื่อว่า Wonder Full Light Show ซึ่งจะเป็นการแสดงน้ำพุ และ ยิงแสงเลเซอร์ 
เป็นเรื่องราวต่างๆ ผ่านม่านน้ำพุ ที่บริเวณอ่าว Marina Bay 

การแสดงจะมีทุกวัน 
เวลารอบแสดง วันอาทิตย์ - วันพฤหัส : 8pm , 9:30pm 
วันศุกร์ - เสาร์ : 8pm , 9:30pm , 11:00pm 

วิธีเดินทาง MRT : Bay front






และก็เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้สำหรับคนรักการถ่ายภาพ 

กับการเดินต่อไปถ่าย สะพาน Helix Bridge 
เป็นสะพานสำหรับคนเดินข้ามระหว่าง Marina Centre กับ Marina South บริเวณอ่าว Marina Bay 
มีความยาว 280 เมตร เปิดให้ใช้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อ 24 เมษายน 2553

แนะนำให้เดินจากเมอร์ไลอ้อนไปทาง Esplanade ครับ เลียบอ่าวไปเรื่อยๆ 
ใช้เวลาเดินราวๆ 20 นาทีก็จะมาถึงสะพานเกลียวแห่งนี้ สวยงามมากๆ 




..

และถือเป็นการปิดวันอย่างสมบูรณ์ 

ด้วยการมายืนชมการแสดงแสงสีเสียงที่ Garden by the Bay ครับ

ถือเป็นมุมที่ผมว่าสวยงามและแปลกตาที่สุดของสิงคโปร์ตอนนี้แหละครับ
ตั้งอยู่ด้านหลัง มาริน่า เบย์ แซนด์ครับ วางแผนการเดินทางดีๆ จะมาทันรอบการแสดงช่วงสองทุ่มครึ่งครับ วันนึงมีสองรอบน่ะครับ ทุ่มครึ่งกับสองทุ่มครึ่ง  ...

//www.gardensbythebay.com.sg/en/home.html


..

..
DAY 02


..


.

เช้าวันที่สองนี้เราตื่นมาด้วยการออกไปเดินเล่นชม Sultan Mosque
ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ กันครับ ... 

ตรงปากทางเข้ามัสยิดนั้นให้สังเกตจะเจอร้านขายชาชักชื่อดังของที่นี่คับ
มองดูคนมุงเยอะๆ นั่นแหละครับ แวะดื่มแก้กระหายกันสักแก้วก่อนเลยครับ


..

การเดินทางไปยังมัสยิดนี้นั้นง่ายมากๆ ให้ยั่ง MRT สายสีเขียว ลงที่สถานี Bugis exit B


..


..


...
การเข้าชมนั้นฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายครับ แต้ต้องแต่งกายให้สุภาพก่อนเข้าชม 
ซึ่งถ้าเราใส่กางเกงขาสั้นตรงทางเข้ามัสยิดก็จะมีพนักงานเอาผ้าคลุมมาให้เราสวมทับครับ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน จ-พฤ 9.00-13.00 และ 14.00-16.00
ศ 12.30-16.00 ส-อา 9.00-12.45 และ 14.00-16.00 น.







.

.
หลังจากเดินเล่นที่ย่านมัสยิดจนเพลินแล้ว ก็ขอแวะมาถ่ายภาพที่มุมนี้ครับ ... 
ตั้งใจจะมาหลาบรอบก็คลาดกันตลอด รอบนี้เลยขอมาจัดสักรูปครับ ... 
จริงๆควรจะมาช่วงกลางคืนนน่ะครับ แสงสี สวยกว่านี้มาก แต่พอดีเวลาผมไม่พอ ...

Fountain of Wealth หรือน้ำพุแห่งความมั่งคั่งของสิงคโปร์ 
น้ำพุนี้ได้รับการบันทึกจาก Guinness Book of Records ในปี 1998 ว่า เป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

ตั้งอยู่ที่ Suntec City ใจกลางเมืองสิงคโปร์ น้ำพุแห่งความมั่งคั่งนี้สร้างตามหลักฮวงจุ้ย 
มีขั้นตอนการสัมผัสน้ำ คือ ให้ใช้มือขวาสัมผัสน้ำ ระหว่างที่สัมผัสก็ให้อธิษฐาน
 และเดินตามเข็มนาฬิกาให้ครบ 3 รอบ จะนำมาซึ่งความมั่งคั่งร่ำรวยมาให้ 

(Fountain of Wealth จะเปิดเป็นรอบ มีเวลาดังนี้ 09.00-12.00, 14.30-18.00, 19.00-19.45, 21.30-22.00 และมีการแสดงเลเซอร์โชว์เวลา 20.00, 20.30 และ 21.30) 

วิธีเดินทาง MRT : Esplanade MRT : Promenade MRT : City Hall


.

.
หลังจากนั้นช่วงเย็นก็มาเดินเล่นที่ย่านออชาร์ดครับ ย่านช็อบปิ้งแสนโด่งดัง ... 
แต่รอบนี้เดินเลยจากถนนขึ้นไปอีกหน่อยครับ 

ก็จะมาเจอกับย่านเก่าแก่ที่เค้าเรียกกันว่า Emerald Hill  หรือ ถนนสายอารยธรรม ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมของบ้านเรือนต่างๆ ในละแวกนั้น เผยให้เห็นรอยต่อแห่งประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่น 

วิธีเดินทาง MRT : Somerset



ก็จะได้เห็นบ้านเรือนแบบดั้งเดิมที่มีสีสันสดใส ..
แต่ปัจจุบันก็ถูปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร ร้านนั่งดิื่มไปซะส่วนใหญ่ครับ
.

.


สำหรับช่วงค่ำของวันที่สองนี้ ผมตั้งใจจะมาเดินเล่นชมแสงสี ที่ย่าน Clarke Quay แหล่งกินดื่มในยามราตรีชื่อดังมาอย่างยาวนานของสิงคโปร์ ... 

แต่ช้าก่อน ... ก่อนจะเดินเข้า Clarke Quay
ขอให้มาลองโดนมื้อเย็นที่ร้าน Songfa บั๊กกุดเต๋ แห่งนี้ครับ ... 

ร้านนี้โคตรรรดัง ฮ็อตฮิตมากกกกก ประมาณบ้านเราไปกินผัดไทประตูผี นั่นแหละ
คนเยอะมากกก ต่อคิวนานมากกกก ด้วยสูตรน้ำซุปกระดูกแบบลับเฉพาะ ใส่พริกไทยเข้มข้น
ระดับเดียวกับกี๊วยจั้บนายอ้วนที่เยาวราช ... กินกลางคืนอากาศเย็นๆนี่ อุ่นพุงมากกกกกกก


.

.
บรรยากาศในร้านครับ อบอุ่นดี เพราะคนเยอะเต็มทุกที่นั่ง ...
แนะนำเลยว่าถ้าหิวมากกกก และรอคิวไมไ่ด้ แนะนำไปหาร้านอื่นกินครับ 555+
ควรหลีกเลี่ยงช่วงไพร์มไทม์ที่กระเพราะของคนทั่วไปหิวกัน ...


.

.


.

อิ่มพุงแล้ว เดินข้ามถนนเข้าไปยัง Clarke Quay แหล่งกินดื่มในยามราตรี 

อันเต็มไปด้วยสีสันของความหลากหลายที่ผู้คนผลัดเปลี่ยนกันมาเยือน 

สมัยก่อนเคยเป็นโกดังสินค้า ก่อนที่จะถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารหรูหรา ผับ บาร์ และแหล่งบันเทิงที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืน 

Clarke Quay ถูกปรับภูมิทัศน์ครั้งใหญ่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว มีการสร้างโดมหลังคาโครงสร้างเหล็กอันใหญ่ขึ้นมาครอบคลุมเกือบทั้งย่าน ดูสวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืนเมื่อร้านต่างๆ 
พากันเปิดไฟ จะได้ภาพที่มีแสงสีของไฟสวยงามมากตลอดสองข้างทาง ที่นี่ยังมีที่นั่งเล่นเป็นขั้นบันไดริมน้ำสำหรับนั่งดูวิว หรือจะเดินดูบรรยากาศคึกคักรอบบริเวณนี้ด้วย 

วิธีเดินทาง MRT : Clarke Quay


.

..

.
DAY 03



วันนี้เป็นวุดสุดทา้ยในสิงคโปร์ครับ รอบนี้มาแบบชิลๆ ไม่เร่งรีบ เน้นถ่ายรูปไปตามจุดต่างๆที่สวยๆของที่นี่ .. จะเห็นว่าไมไ่ด้ไป Sentosa หรือ Universal Studio เลย ครับ เพราะรอบที่แล้้วไปมาแล้ว

ครั้งนี้มีคนท้องถิ่นแนะนำให้ลองไปเดินเล่นย่านเมืองเก่าอีกแห่ง 
(สำหรับคนชอบเดินดูวิถีชีวิตท้องถิ่นแบบผมน่ะ)

ย่านนั้นคือ Tiong Bahru ผมออกเสียงว่า ทองบารู ... 555+

เคยเป็นย่านอสังหาริมทรัพย์ยุคแรกเริ่ม เต็มไปด้วยวิถีชีวิตเรียบง่าย 
ที่ตอนนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ฮิปสเตอร์ทั้งหลายพลาดไม่ได้ต้องมาเยือน 
โดยเริ่มมีร้านค้าและร้านกาแฟเก๋ๆ มาเปิดขายกันเพียบ 

วิธีเดินทาง MRT : Tiong Bahru ทางออก A

.

บนชั้นสองของตลาดในทองบารูนั้น มีขนมที่ชึ้นชื่อของที่นี่ครับ นั่นคือ Tau Suan
หรือ เต่า ส่วน ที่เราคุ้นเคยกันดีครับ ... ลองมาลิ้มลองต้นตำรับของที่นี่กันดูน่ะครับ




.

.

.

หลังจากนั้นผมก็เดินเรื่อยเปื่อยในย่านนี้ต่อครับ
ค่อนข้างสงบมากๆครับ อาจจะด้วยเป็นวันธรรมดาที่ผู้คนไปทำงานกันหมดครับ
เดินมาเจอร้านกาแฟในย่านนี้ ก็แวะนั่งพักผ่อนแป้บนึง


.

.


ถนนย่านทองบารูนี้ ผมว่าให้ความรู้สึกแบบได้กลิ่นอายแบบย่านถนนดีบุกในภูเก็ตบ้านเราน่ะครับ
ที่จะเป็นบ้านเก่าๆประยุกต์เอามาทำร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ร้านนั่งชิลล แนวสมัยใหม่มากขึ้น
เพียงแต่อาจจะไม่ได้กินอาณาบริเวณกว้างแบบถนนดีบุกที่ภูเก็ตบ้านเราครับ





ถ้ายังพอมีเวลาและชอบเดินดูการจัดแสดงงานต่างๆ ลองแวะมาเดินชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์กันดูได้ครับ ข้างในจัดแสดงความเป็นมาของสิงคโปร์ไว้อย่างดีมากๆครับ 

ต้นแบบพิพิธภัณฑ์สวยๆในบ้านเรานั้นผมว่าได้มาจากสิงคโปร์นี่แหละครับ 
ผมจำได้ว่ามาดูครั้งแรกเมื่อสักเจ็ดแปดปีก่อนนู้น ก็รู้สึกว่า เฮ้ยที่นี่ทำพิพิธภัณฑ์ได้น่าดู 
สนุก และไม่น่าเบื่อเลย จนต่อมาบ้านเราก็มี มิวเซียม สยาม .. นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
ซึ่งเป็น มิวเซียม ยุคใหม่ ที่ผมรอมานานนั่นเองงง  ...

National Museum of Singapore พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ อาคารสไตล์นีโอคลาสสิคซึ่งได้ถูกบูรณะมาจากอาคารเก่าแบบโคโลเนียลในปี พ.ศ. 2430 เป็นสถานที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของประเทศ ชนชาติ การดำรงชีวิต และการอยู่อาศัยของผู้คน ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีและเครื่องแต่งกายต่างๆ ของชาวสิงคโปร์ 

วิธีเดินทาง 
MRT : City Hall ทางออก B 
MRT : Bras Basah ทางออก Exit C


.

ก็เป็นอันจบทริปเบาๆสบายๆ 3 วัน 2 คืน ในสิงคโปร์น่ะครับ 

รอบนี้เน้นกินและเน้นถ่ายรูปในมุมที่อยากมาถ่ายตั้งนานแล้วครับ ... 
หากเราวางแผนการเดินทางให้เหมาะสมกับช่วงเวลาดีๆ3 วัน 2 คืน ในสิงคโปร์

ผมเชื่อว่าจะไปได้หลายที่ ได้สัมผัสในอีกหลายแง่มุมที่คุณจะยังไม่เคยเห็น
ครั้งที่ 4 ของผมก็ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการพัฒนาประเทศที่ไม่หยุดของสิงคโปร์เสมอ

และแน่นอนว่า ... ต้องหาเวลากลับมาอีกครั้งแน่ๆ ครับ

ขอบคุณทุกการติดตามครับ

ฝากเฟซบุคไว้แวะไปชมรูปเพิ่มเติมได้ครับ

Instagram : thesixthfloor




Create Date : 07 ธันวาคม 2557
Last Update : 7 ธันวาคม 2557 21:45:15 น.
Counter : 7366 Pageviews.

1 comments
ร้อนนี้ชวนเที่ยว ออบขาน เชียงใหม่ สมาชิกหมายเลข 4313444
(11 เม.ย. 2567 08:07:33 น.)
แชร์ประสบการณ์... ตามรอยสแลมดังก์ ที่คามาคุระ-โตเกียว imuya
(10 เม.ย. 2567 00:13:46 น.)
✿ Food For Fun :: Hot Wok Return #94 :: กินเพลินเกินห้ามใจ " ปีกไก่ทอด " ✿ เนินน้ำ
(9 เม.ย. 2567 13:57:01 น.)
แผ่นดินไหว นิวยอร์ก ซิตี้ 4.8 Magnitude earthquarke newyorknurse
(6 เม.ย. 2567 03:45:46 น.)
  
ไปเที่ยวช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ไปในบางที่ที่ thesixthfloor ไป รูปถ่ายสวยมาก เห็นภาพแล้วเตือนความทรงจำอีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณมากค่ะ
โดย: teddy IP: 125.24.182.221 วันที่: 9 ธันวาคม 2557 เวลา:8:58:37 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ilove-design.BlogGang.com

the Sixth Floor
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

บทความทั้งหมด